...........เมื่อฉันทำโทรศัพท์หายที่เกาหลี............
เนื่องจากเราได้ไปเที่ยวเกาหลีกับเพื่อนอีก 3 คน เมื่อวันที่ 16-21 พ.ย ที่ผ่านมา เรื่องมีอยู่ว่าในทริปวันที่ 2 (17/11/59)
เรามีโปรแกรมไปตึก YG Ent. กันในตอนเช้า และต่อด้วย Ehwa Uni. และที่อื่นๆ (เป็นติ่งกันทั้งแก๊งค่ะ)
เมื่อเราไปเยือนสถานที่ทำงานของบรรดาที่รักของเราเรียบร้อย ถ่ายรูปจนหนำใจ เราก็เดินทางกลับมาที่สถานีรถไฟ "ฮับจอง"
เพื่อจะไปลงที่อีแด แต่ในตอนนั้นเราเกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วน จึงบอกเพื่อนว่าขอเข้าห้องน้ำแปปนะ
เราเป็นคนติดโทรศัพท์ติดโซเชียลมากกกกก เวลาเข้าห้องน้ำก็ต้องไถๆไปด้วย พอเราทำธูระเสร็จ ตอนจะใส่กางเกงนี่แหละ
เราเอาโทรศัพท์วางไว้ตรงถังขยะ จัดการเรียบร้อย เราก็ออกไปล้างมือ และออกไปหาเพื่อน คือเราอาจจะนานไปหน่อย
เพื่อนเลยไปหาของกินเป็นร้านขายพวกโอเด้ง คิมบับ อะไรพวกนี้ในสถานีรถไฟใต้ดิน ซึ่งอยู่เยื้องๆกับห้องน้ำที่เราเข้านั่นแหละ
เราสั่งคิมบับมา 1 แถว ซึ่งเค้าจะห่อฟอยไว้ พอแกะออกมากำลังจะกิน เพื่อนเราก็ถามเราว่า "ไม่ถ่ายรูปหรอ ?"
เราเลยล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อกันหนาว ..... ไม่มี ลูบกางเกง.... ไม่มี รื้อกระเป๋าสะพายมาดู.... ไม่มี "S h i p หายล่ะ"
เราวิ่ง 4 X 100 ไปที่ห้องน้ำทันที ปรากฏว่ามาช้าไปเสี้ยววินาทีเดียว มีคนเข้าไปห้องที่เราเข้าก่อนหน้ากำลังจะปิดประตุ
คืออยู่ต่างบ้านต่างเมือง เราเองก็ไม่กล้าทำกิริยาที่ไม่ดีออกไป ในใจตอนนั้นอยากจะพลักประตูเข้าไปมากๆ แต่ไม่กล้าไง
เราคิดในใจว่า ไม่มีใครเอาไปหรอก เราว่าคนเกาหลีเค้าน่าจะเป้นคนดี ไม่มีใครอยากได้ของเราหรอก พยายามคิดในแง่ดี
เราก็ยืนรอ จนเค้าเปิดประตูออกมา เป็นคุณป้า อายุน่าจะ 50+ ล่ะ เค้ามองหน้าเราแบบ... มีอะไรหรอ ? เราเลยบอกเค้าว่า
"มาย ฮูเดโพน (ภาษาเกาหลีแปลว่าโทรศัพท์นั่นแหละ) ลอส อิน เฮีย" ทำมือเป็นรูปโทรศัพท์แล้วก็ชี้ๆ
(ขออกตัวนิดนึงนะคะ ว่าเราไม่เก่งภาษาอังกฤษเอามากๆ นึกศัพท์อะไรออกก็จะพูด เรื่องแกรมม่า ลาตายไปเลยค่ะ ส่วนภาษาเกาหลี ด้วยความเป็นติ่งเลยพอจำศัพท์ได้บ้างนิดหน่อย )
แล้วคุณป้าคนนั้นก็ตอบเรามาว่า "อ็อบซอ" แปลว่า ...."ไม่มี" พอป้าออกมาพ้นประตูห้องน้ำ เราก็วิ่งเข้าไปดู มันก็ไม่มีจริงๆ เราถึงขั้นล้วงถังขยะเลย
แล้วเราก็เดินกับมาหาเพื่อนที่นั่งรออยู่ บอกเพื่อนว่าหาไม่เจอ ตอนนั้นมึนๆ เกิดอาการเคว้งสุดพลัง มือไม้อ่อนแรงไปหมด
ล่ะเหมือนเจ้าของร้านจะสงสัยมั้งว่ามีอะไร เพราะหน้าเราแสดงออกถึงความกังวนมากๆ (เจ้าของร้านพูดภาษาอังกฤษได้) เราก็บอกเค้าว่าโทรศัพท์เราหายในห้องน้ำ จังหวะเดียกับป้าคนนั้นเดินผ่านร้านพอดี เราเลยชี้ๆว่าเมื่อกี้ถามป้าคนนี้แล้ว เจ้าของร้านก็ถามป้าเป็นภาษาเกาหลีให้อีกที ป้าก็ตอบมาคำเดิม "อ็อบซอ อ็อบซอ" แล้วเราก็กลับมานั่งหน้าหงิกอยู่ที่โต๊ะเหมือนเดิม เพือนเราเลยลองใช้ Find my iPhone ดู (เราใช้ iPhone 6s) จัดการใส่ไอดีอะไรเรียบร้อย ปรากฏว่ามันขึ้น Off line เวรกรรม........ เรายืมโทรศัพท์เพื่อน คอลไลน์ คอลเฟสเข้าเครื่องเรา แต่ลืมไปว่าต้องปลดล็อคหน้าจอก่อนถึงจะรับสายได้ เลยพิมพ์ไปในแชทเพื่อให้มันขึ้นเตือนหน้าจอ ประมาณว่าให้เอาโทรศัพท์มาคืน เราจะรอ อยู่ที่สถานีฮับจอง ทางออกที่ 8 ค่ะ เพื่อนเลยลอง Find my iPhone ให้อีกรอบ ปรากฏว่ารอบนี้ขึ้น Online แล้ว แต่ไม่สามารถหาพิกัดได้ เลยให้มันส่งเสียง เราวิ่งกลับไปที่ห้องน้ำอีกรอบ ก็ไม่มีตอบรับใดๆกลับมา ล่ะเพื่อนเราก็ไม่มีใครเปิดดาต้าโรมมิ่งมาสักคน
นั่นแหละ ในความโชคร้ายก็ยังพอมีความหวังตรงที่ เราเปิดดาต้าโรมมิ่งมาค่ะ เราใช้เครื่องเพื่อนเราติดต่อกับเพื่อนที่ไทย 2-3คน ให้โทรเข้าเครื่องเรา ซึ่งเพื่อนที่ไทยตอบกลับมาว่า "โทรติด แต่ไม่มีคนรับ" เราเลยบอกให้เพื่อนช่วยโทรเรื่อยๆนะ เราเสียเวลาตรงนั้นไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งเราเกรงใจเพื่อนที่ร่วมทริปมากๆด้วย เพราะเราทำเสียเวลา เรามีโปรแกรมต้องไปที่อื่นกันต่อ เรานั่งหง่อย นั่งคิดทบทวนหลายๆอย่าง เดือนหน้าก็ผ่อนเดือนสุดท้ายแล้วนะ เก็บเงินมาเที่ยวตั้งนาน มาครั้งนี้ตั้งใจไว้ว่า อยากกินอะไรต้องได้กิน อยากซื้ออะไรต้องได้ซื้อ
เราเอาเงินไปเยอะพอสมควร แต่สุดท้ายก็ต้องแบ่งเงินออกมาครึ่งนึง เพื่อเอาไว้ไปผ่อนโทรศัพท์เครื่องใหม่ ซื้อใหม่ไม่เสียดายเงินหรอก แต่เสียความรู้สึก ผิดหวังกับความสัพเพร่าของตัวเอง คิดว่าทริปนี้เราพกดวงมาเยอะ อุส่าห์ได้ผ่าน ต.ม มาง่ายๆ (ง่ายมากกกก ต.ม ไม่ถามไรสักคำ) แถมได้ไปงานแฟนไซน์วงที่เราชอบ ซึ่งปกติเค้าจะจัดงานไซน์แบบปิด แต่รอบที่เราไปเค้าจัดแบบเปิดแค่ครั้งเดียว วงที่เราชอบ ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในไทย การหาข้อมูลรายละเอียดการเข้างาน จึงเป็นเรื่องยากมากๆๆๆ ถ้าไม่สนิทกับแฟนคลับคนเกาหลี ซึ่งเราไม่มีใครสนิทเพราะเราไม่เก่งภาษา แต่เรารู้สึกว่าเราโชคดี ที่ตอนนั้นก่อนเราจะไป มีสมาชิกของวงแคปรายละเอียดการเข้างานมาลงทวิตเตอร์ (ข้อมูลพวกนี้ต้องมีเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรเกาหลี ในการสมัครสมาชิกคาเฟ่ ถึงจะเข้าไปดูได้) เราเลยรู้รายละเอียด วันเวลา สถานที่ คิดว่าตัวเองโชคดีสุดๆ แม้จะไม่ได้ลายเซ็น แต่ได้ไปยืนดูก็พอใจแล้ว
แล้วเราก็ตัดใจ เรายังต้องเดินหน้าต่อไป ล่ะก็ไป ม.สตรีอีฮวา สวยดีค่ะ แดดกำลังดี ใบไม้เปลี่ยนสีสวยสุดๆ แต่.... ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลย เพื่อนเราถ่ายรูปกันสนุกสนาน เราได้แต่ก้มหน้านึกทบทวน นึกแต่โทษตัวเอง แต่ก็ถ่ายรูปนะ เรามีกล้องมิลเลอร์เลสอยู่ตัวนึงถ่ายไว้แค่ว่า เออมาแล้วนะ เราตั้งใจว่าจะมาซื้อเสื้อผ้าที่นี่ แต่ก็ไม่ได้ซื้อ ต้องเซฟเงินไว้เพื่อกลับไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ เราตัดใจแล้วจริงๆ เรา DM ทวิตคุยกับน้องที่ไทย ที่พยายามช่วยตามให้ ว่าถ้า 5 โมงเย็นเวลาไทย ยังติดต่อไม่ได้ ก็โทรไปบอกทรูให้ปิดดาต้าโรมมิ่ง แล้วแจ้งโทรศัพท์หาย เจ้าของเครื่องติดต่อเองไม่ได้ แต่เหมือนน้องเค้ายังพอมีหวัง บอกว่าจะโทรให้เรื่อยๆก่อน เราก็โอเค ตอนนั้นก็จะบ่าย 3 ล่ะ เราไปกันต่อที่ทงแดมุน เพื่อนเราอยากไปดู พิพิธพันซงจุงกิ แล้วก็จะไปร้านของซึงรี แต่ระหว่างที่หลงทางอยู่ในทงแดมุน น้องเราแชทกลับมาบอกว่า "มีคนรับสายแล้ว" แต่เค้าพูดอังกฤษไม่ได้ ส่วนน้องเองก็พูดเกาหลีไม่ได้เช่นกัน
ตอนนั้นจากฟ้าที่มืดมัวในใจเรา รู้สึกมีแสดงสว่างขึ้นมาทันที น้องบอกว่า คนที่รับสายให้โทรหาที่เบอร์นี้.... เป็นเบอร์เกาหลี เราวิ่งหาตู้โทรศัพท์จ้าละหวั่น พอถึงตู้ น้องแชทมาบอกอีกว่า คนนั้นเค้าบอกจะกลับไปที่ฮับจอง ให้เรากลับไป เรารีบใส่เกียร์วิ่งลงรถไฟใต้ดินไปฮับจองทันที แต่ด้วยระยะทางหลายสถานีทำให้ใช้เวลาพอสมควร เรากลัวมากๆว่าคนนั้นเค้าจะไม่รอเรา สรุปพอไปถึงตรงที่นัด เราก็ไม่เจอใครที่พอจะดูออกว่า เป็นคนที่เก็บโทรศัพท์เราได้ เราบอกน้องเราว่า เรามาถึงแล้ว แต่เราไม่เจอใครเลย น้องเลยโทรให้อีกรอบ ปรากฏว่าคนๆนั้นเค้าไปแล้ว
เค้าไม่รอเราจริงๆ แต่.... เค้าเอาโทรศัพท์เราไปฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ เราก็วิ่งไปที่นั่น พอเปิดประตูเข้าไป เจ้าหน้าที่เค้ามองหน้าเรา
แล้วหยิบโทรศัพท์เราขึ้นมา คือแบบ............ น้ำตาไหลเลยอ่ะ มายเทเลโฟนนนนนนนนนนนนนนนนนน
(จะบอกว่าในห้องนี่เหมือนในซีรีย์เกาหลีเด๊ะๆ พวกฉากในโรงพักอ่ะ) เค้าก็ขอพาสปอร์ตเราไปคีย์ข้อมูล แล้วก็ให้เซ็นรับของ พอเสร็จ เราโค้งขอบคุณเค้าประหนึ่ง ศลป. ได้รางวัลแดซัง โค้งตัวแทบหัก คัมซาฮัมนีดา คัมซาฮัมนีดา คัมซาฮัมนีดา แล้วก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ พร้อมพูดภาษาไทยว่า "ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะ"
เราเดินออกมาจากห้อง เพื่อน 3 คนที่ยืมรออยู่บอกว่า ขนลุกมากตอนเห็นโทรศัพท์ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้คืน เราเองก็ขอโทษเพื่อน ที่ทำให้ต้องเสียเวลา ทำให้อดไปที่ที่เพื่อนอยากไป แต่เพื่อนบอกว่า "ไม่เป็นไร ได้โทรศัพท์คืนก็ดีแล้ว ถ้าแกไม่ได้คืน เราก็ไม่สบายใจเหมือนกัน"
ต้องบอกว่าในการตามหาโทรศัพท์ครั้งนี้ เราได้ความช่วยเหลือจาก เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆที่ไทยเยอะมาก หลายคนพยายามหาคนที่พูดเกาหลีได้ให้ช่วยคุย อย่างเช่นน้องแอม ตอนแรกเราก็งงว่า น้องบอก คนนั้นพูดอิ้งไม่ได้ น้องก็พูดเกาไม่ได้ แล้วคุยรู้เรื่องได้ไง มารู้ตอนหลังว่าน้องประกาศหารุ่นพี่ที่พูดเกาได้ แล้วประชุมสายให้คุย เราแอบบ่นนิดๆว่า ค่าโทรศัพท์อื้อแน่ๆเลย แต่ก็นะ ดีกว่าเสียอีก 3หมื่นซื้อใหม่ และคนสำคัญที่เราไม่มีโอกาสได้ขอบคุณ คือคนที่เก็บโทรศัพท์เราได้แล้วเอามาคืน อยากขอบคุณเค้ามากจริงๆ เราไม่ได้แม้แต่จะเห็นหน้าเค้าเลย ไม่ได้โทรไปขอบคุณด้วย พูดตรงๆว่าเราแอบคิดว่า ป้าคนที่เราเจอที่ห้องน้ำนั่นแหละ เป็นคนเอาไป เพราะระยะเวลามันห่างกันไม่ถึง 5 นาทีเลย แถมตอนที่น้องบอกว่ามีคนรับ เสียงคนรับก็เหมือนเสียงคนแก่ แต่ก็ไม่รู้ว่าป้าเอาไป แล้วเปลี่ยนใจเอามาคืน หรือเป้นคนอื่นที่อาจจะเข้าห้องน้ำต่อจากเรา แล้วเราไม่เห็นเองหรือเปล่า แต่เราว่าเราคิดถูกแหละว่า "คนเกาหลีเค้าน่าจะเป็นคนดี ไม่เอาของๆคนอื่นหรอก" แล้วเราก็ได้เที่ยวต่ออย่างมีความสุข เย่~~~
ไม่ได้ว่าจะอวยคนเกาหลีนะ เราว่ามันก็แล้วแต่คน เราเองโชคดีที่ได้เจอคนดี เราเลยได้โทรศัพท์คืน คนไม่ดีเราก็เจอ.... เจอที่งานแฟนไซน์นี่แหละ สวยด้วย แต่แย่งที่เรา T^T
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ใช้โทรศัพท์เสร็จแล้วเก็บใส่กระเป๋า อย่าวางไว้ แม้จะคิดว่าแค่แปปเดียวก็ตาม และเราก็เห็นข้อดีของการเปิดโรมมิ่ง แม้ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้ จะไม่มีใครโทรหาเราเลยก็ตาม แต่เราเปิดไว้ เผื่อมีเรื่องด่วนจากที่ทำงาน หรือครอบครัวโทรมา เราคิดว่าถ้าเราไม่ได้เปิดโรมมิ่งมา เราคงไม่ได้โทรศัพท์คืนแน่ๆ คือตอนแรกตัดใจไปแล้วด้วยว่าคงไม่ได้คืน ยิ่งถ้าป้าคนนั้นตั้งใจเอาไป ยังไงก็ไม่ได้คืน
Ps.สรุปคิมบับที่ซื้อตอนนั้นไม่ได้กิน ห่อเก็บใส่กระเป๋า แล้วเอามากินตอนกลับถึงห้องหลังจบงานไซน์ ทั้งวันเรากินข้าวไปมื้อเดียวที่อีแด
อันนี้รูปตอนคุยกับน้อง แคปมาแค่บางส่วน
อันนี้ตอนได้โทรศัพท์คืนแล้วเช็คเบอร์โทรเข้ามา ขอบคุณทุกสาย ทุกความช่วยเหลือ
ได้โทรศัพท์คืนแล้ว จะไม่ทำหายอีกแล้ว T^T
แล้วเราก็ขอแยกตัวกับเพื่อนไปงานแฟนไซน์ต่อ ตามที่แพลนกันไว้ตั้งแต่แรกว่า หลังจากไปทงแดมุนเสร็จ เราจะแยกกัน
เพื่อนอยากไปดูไฟประดับคลองชองกเยชอน (ไฟประดับนะคะ ไม่ใช่ไฟเวฟประท้วง 55555555 )
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
ประสบการณ์ทำโทรศัพท์หายที่เกาหลี....แต่ได้คืน
เนื่องจากเราได้ไปเที่ยวเกาหลีกับเพื่อนอีก 3 คน เมื่อวันที่ 16-21 พ.ย ที่ผ่านมา เรื่องมีอยู่ว่าในทริปวันที่ 2 (17/11/59)
เรามีโปรแกรมไปตึก YG Ent. กันในตอนเช้า และต่อด้วย Ehwa Uni. และที่อื่นๆ (เป็นติ่งกันทั้งแก๊งค่ะ)
เมื่อเราไปเยือนสถานที่ทำงานของบรรดาที่รักของเราเรียบร้อย ถ่ายรูปจนหนำใจ เราก็เดินทางกลับมาที่สถานีรถไฟ "ฮับจอง"
เพื่อจะไปลงที่อีแด แต่ในตอนนั้นเราเกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วน จึงบอกเพื่อนว่าขอเข้าห้องน้ำแปปนะ
เราเป็นคนติดโทรศัพท์ติดโซเชียลมากกกกก เวลาเข้าห้องน้ำก็ต้องไถๆไปด้วย พอเราทำธูระเสร็จ ตอนจะใส่กางเกงนี่แหละ
เราเอาโทรศัพท์วางไว้ตรงถังขยะ จัดการเรียบร้อย เราก็ออกไปล้างมือ และออกไปหาเพื่อน คือเราอาจจะนานไปหน่อย
เพื่อนเลยไปหาของกินเป็นร้านขายพวกโอเด้ง คิมบับ อะไรพวกนี้ในสถานีรถไฟใต้ดิน ซึ่งอยู่เยื้องๆกับห้องน้ำที่เราเข้านั่นแหละ
เราสั่งคิมบับมา 1 แถว ซึ่งเค้าจะห่อฟอยไว้ พอแกะออกมากำลังจะกิน เพื่อนเราก็ถามเราว่า "ไม่ถ่ายรูปหรอ ?"
เราเลยล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อกันหนาว ..... ไม่มี ลูบกางเกง.... ไม่มี รื้อกระเป๋าสะพายมาดู.... ไม่มี "S h i p หายล่ะ"
เราวิ่ง 4 X 100 ไปที่ห้องน้ำทันที ปรากฏว่ามาช้าไปเสี้ยววินาทีเดียว มีคนเข้าไปห้องที่เราเข้าก่อนหน้ากำลังจะปิดประตุ
คืออยู่ต่างบ้านต่างเมือง เราเองก็ไม่กล้าทำกิริยาที่ไม่ดีออกไป ในใจตอนนั้นอยากจะพลักประตูเข้าไปมากๆ แต่ไม่กล้าไง
เราคิดในใจว่า ไม่มีใครเอาไปหรอก เราว่าคนเกาหลีเค้าน่าจะเป้นคนดี ไม่มีใครอยากได้ของเราหรอก พยายามคิดในแง่ดี
เราก็ยืนรอ จนเค้าเปิดประตูออกมา เป็นคุณป้า อายุน่าจะ 50+ ล่ะ เค้ามองหน้าเราแบบ... มีอะไรหรอ ? เราเลยบอกเค้าว่า
"มาย ฮูเดโพน (ภาษาเกาหลีแปลว่าโทรศัพท์นั่นแหละ) ลอส อิน เฮีย" ทำมือเป็นรูปโทรศัพท์แล้วก็ชี้ๆ
(ขออกตัวนิดนึงนะคะ ว่าเราไม่เก่งภาษาอังกฤษเอามากๆ นึกศัพท์อะไรออกก็จะพูด เรื่องแกรมม่า ลาตายไปเลยค่ะ ส่วนภาษาเกาหลี ด้วยความเป็นติ่งเลยพอจำศัพท์ได้บ้างนิดหน่อย )
แล้วคุณป้าคนนั้นก็ตอบเรามาว่า "อ็อบซอ" แปลว่า ...."ไม่มี" พอป้าออกมาพ้นประตูห้องน้ำ เราก็วิ่งเข้าไปดู มันก็ไม่มีจริงๆ เราถึงขั้นล้วงถังขยะเลย
แล้วเราก็เดินกับมาหาเพื่อนที่นั่งรออยู่ บอกเพื่อนว่าหาไม่เจอ ตอนนั้นมึนๆ เกิดอาการเคว้งสุดพลัง มือไม้อ่อนแรงไปหมด
ล่ะเหมือนเจ้าของร้านจะสงสัยมั้งว่ามีอะไร เพราะหน้าเราแสดงออกถึงความกังวนมากๆ (เจ้าของร้านพูดภาษาอังกฤษได้) เราก็บอกเค้าว่าโทรศัพท์เราหายในห้องน้ำ จังหวะเดียกับป้าคนนั้นเดินผ่านร้านพอดี เราเลยชี้ๆว่าเมื่อกี้ถามป้าคนนี้แล้ว เจ้าของร้านก็ถามป้าเป็นภาษาเกาหลีให้อีกที ป้าก็ตอบมาคำเดิม "อ็อบซอ อ็อบซอ" แล้วเราก็กลับมานั่งหน้าหงิกอยู่ที่โต๊ะเหมือนเดิม เพือนเราเลยลองใช้ Find my iPhone ดู (เราใช้ iPhone 6s) จัดการใส่ไอดีอะไรเรียบร้อย ปรากฏว่ามันขึ้น Off line เวรกรรม........ เรายืมโทรศัพท์เพื่อน คอลไลน์ คอลเฟสเข้าเครื่องเรา แต่ลืมไปว่าต้องปลดล็อคหน้าจอก่อนถึงจะรับสายได้ เลยพิมพ์ไปในแชทเพื่อให้มันขึ้นเตือนหน้าจอ ประมาณว่าให้เอาโทรศัพท์มาคืน เราจะรอ อยู่ที่สถานีฮับจอง ทางออกที่ 8 ค่ะ เพื่อนเลยลอง Find my iPhone ให้อีกรอบ ปรากฏว่ารอบนี้ขึ้น Online แล้ว แต่ไม่สามารถหาพิกัดได้ เลยให้มันส่งเสียง เราวิ่งกลับไปที่ห้องน้ำอีกรอบ ก็ไม่มีตอบรับใดๆกลับมา ล่ะเพื่อนเราก็ไม่มีใครเปิดดาต้าโรมมิ่งมาสักคน
นั่นแหละ ในความโชคร้ายก็ยังพอมีความหวังตรงที่ เราเปิดดาต้าโรมมิ่งมาค่ะ เราใช้เครื่องเพื่อนเราติดต่อกับเพื่อนที่ไทย 2-3คน ให้โทรเข้าเครื่องเรา ซึ่งเพื่อนที่ไทยตอบกลับมาว่า "โทรติด แต่ไม่มีคนรับ" เราเลยบอกให้เพื่อนช่วยโทรเรื่อยๆนะ เราเสียเวลาตรงนั้นไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งเราเกรงใจเพื่อนที่ร่วมทริปมากๆด้วย เพราะเราทำเสียเวลา เรามีโปรแกรมต้องไปที่อื่นกันต่อ เรานั่งหง่อย นั่งคิดทบทวนหลายๆอย่าง เดือนหน้าก็ผ่อนเดือนสุดท้ายแล้วนะ เก็บเงินมาเที่ยวตั้งนาน มาครั้งนี้ตั้งใจไว้ว่า อยากกินอะไรต้องได้กิน อยากซื้ออะไรต้องได้ซื้อ
เราเอาเงินไปเยอะพอสมควร แต่สุดท้ายก็ต้องแบ่งเงินออกมาครึ่งนึง เพื่อเอาไว้ไปผ่อนโทรศัพท์เครื่องใหม่ ซื้อใหม่ไม่เสียดายเงินหรอก แต่เสียความรู้สึก ผิดหวังกับความสัพเพร่าของตัวเอง คิดว่าทริปนี้เราพกดวงมาเยอะ อุส่าห์ได้ผ่าน ต.ม มาง่ายๆ (ง่ายมากกกก ต.ม ไม่ถามไรสักคำ) แถมได้ไปงานแฟนไซน์วงที่เราชอบ ซึ่งปกติเค้าจะจัดงานไซน์แบบปิด แต่รอบที่เราไปเค้าจัดแบบเปิดแค่ครั้งเดียว วงที่เราชอบ ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในไทย การหาข้อมูลรายละเอียดการเข้างาน จึงเป็นเรื่องยากมากๆๆๆ ถ้าไม่สนิทกับแฟนคลับคนเกาหลี ซึ่งเราไม่มีใครสนิทเพราะเราไม่เก่งภาษา แต่เรารู้สึกว่าเราโชคดี ที่ตอนนั้นก่อนเราจะไป มีสมาชิกของวงแคปรายละเอียดการเข้างานมาลงทวิตเตอร์ (ข้อมูลพวกนี้ต้องมีเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรเกาหลี ในการสมัครสมาชิกคาเฟ่ ถึงจะเข้าไปดูได้) เราเลยรู้รายละเอียด วันเวลา สถานที่ คิดว่าตัวเองโชคดีสุดๆ แม้จะไม่ได้ลายเซ็น แต่ได้ไปยืนดูก็พอใจแล้ว
แล้วเราก็ตัดใจ เรายังต้องเดินหน้าต่อไป ล่ะก็ไป ม.สตรีอีฮวา สวยดีค่ะ แดดกำลังดี ใบไม้เปลี่ยนสีสวยสุดๆ แต่.... ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลย เพื่อนเราถ่ายรูปกันสนุกสนาน เราได้แต่ก้มหน้านึกทบทวน นึกแต่โทษตัวเอง แต่ก็ถ่ายรูปนะ เรามีกล้องมิลเลอร์เลสอยู่ตัวนึงถ่ายไว้แค่ว่า เออมาแล้วนะ เราตั้งใจว่าจะมาซื้อเสื้อผ้าที่นี่ แต่ก็ไม่ได้ซื้อ ต้องเซฟเงินไว้เพื่อกลับไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ เราตัดใจแล้วจริงๆ เรา DM ทวิตคุยกับน้องที่ไทย ที่พยายามช่วยตามให้ ว่าถ้า 5 โมงเย็นเวลาไทย ยังติดต่อไม่ได้ ก็โทรไปบอกทรูให้ปิดดาต้าโรมมิ่ง แล้วแจ้งโทรศัพท์หาย เจ้าของเครื่องติดต่อเองไม่ได้ แต่เหมือนน้องเค้ายังพอมีหวัง บอกว่าจะโทรให้เรื่อยๆก่อน เราก็โอเค ตอนนั้นก็จะบ่าย 3 ล่ะ เราไปกันต่อที่ทงแดมุน เพื่อนเราอยากไปดู พิพิธพันซงจุงกิ แล้วก็จะไปร้านของซึงรี แต่ระหว่างที่หลงทางอยู่ในทงแดมุน น้องเราแชทกลับมาบอกว่า "มีคนรับสายแล้ว" แต่เค้าพูดอังกฤษไม่ได้ ส่วนน้องเองก็พูดเกาหลีไม่ได้เช่นกัน
ตอนนั้นจากฟ้าที่มืดมัวในใจเรา รู้สึกมีแสดงสว่างขึ้นมาทันที น้องบอกว่า คนที่รับสายให้โทรหาที่เบอร์นี้.... เป็นเบอร์เกาหลี เราวิ่งหาตู้โทรศัพท์จ้าละหวั่น พอถึงตู้ น้องแชทมาบอกอีกว่า คนนั้นเค้าบอกจะกลับไปที่ฮับจอง ให้เรากลับไป เรารีบใส่เกียร์วิ่งลงรถไฟใต้ดินไปฮับจองทันที แต่ด้วยระยะทางหลายสถานีทำให้ใช้เวลาพอสมควร เรากลัวมากๆว่าคนนั้นเค้าจะไม่รอเรา สรุปพอไปถึงตรงที่นัด เราก็ไม่เจอใครที่พอจะดูออกว่า เป็นคนที่เก็บโทรศัพท์เราได้ เราบอกน้องเราว่า เรามาถึงแล้ว แต่เราไม่เจอใครเลย น้องเลยโทรให้อีกรอบ ปรากฏว่าคนๆนั้นเค้าไปแล้ว
เค้าไม่รอเราจริงๆ แต่.... เค้าเอาโทรศัพท์เราไปฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ เราก็วิ่งไปที่นั่น พอเปิดประตูเข้าไป เจ้าหน้าที่เค้ามองหน้าเรา
แล้วหยิบโทรศัพท์เราขึ้นมา คือแบบ............ น้ำตาไหลเลยอ่ะ มายเทเลโฟนนนนนนนนนนนนนนนนนน
(จะบอกว่าในห้องนี่เหมือนในซีรีย์เกาหลีเด๊ะๆ พวกฉากในโรงพักอ่ะ) เค้าก็ขอพาสปอร์ตเราไปคีย์ข้อมูล แล้วก็ให้เซ็นรับของ พอเสร็จ เราโค้งขอบคุณเค้าประหนึ่ง ศลป. ได้รางวัลแดซัง โค้งตัวแทบหัก คัมซาฮัมนีดา คัมซาฮัมนีดา คัมซาฮัมนีดา แล้วก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ พร้อมพูดภาษาไทยว่า "ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะ"
เราเดินออกมาจากห้อง เพื่อน 3 คนที่ยืมรออยู่บอกว่า ขนลุกมากตอนเห็นโทรศัพท์ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้คืน เราเองก็ขอโทษเพื่อน ที่ทำให้ต้องเสียเวลา ทำให้อดไปที่ที่เพื่อนอยากไป แต่เพื่อนบอกว่า "ไม่เป็นไร ได้โทรศัพท์คืนก็ดีแล้ว ถ้าแกไม่ได้คืน เราก็ไม่สบายใจเหมือนกัน"
ต้องบอกว่าในการตามหาโทรศัพท์ครั้งนี้ เราได้ความช่วยเหลือจาก เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆที่ไทยเยอะมาก หลายคนพยายามหาคนที่พูดเกาหลีได้ให้ช่วยคุย อย่างเช่นน้องแอม ตอนแรกเราก็งงว่า น้องบอก คนนั้นพูดอิ้งไม่ได้ น้องก็พูดเกาไม่ได้ แล้วคุยรู้เรื่องได้ไง มารู้ตอนหลังว่าน้องประกาศหารุ่นพี่ที่พูดเกาได้ แล้วประชุมสายให้คุย เราแอบบ่นนิดๆว่า ค่าโทรศัพท์อื้อแน่ๆเลย แต่ก็นะ ดีกว่าเสียอีก 3หมื่นซื้อใหม่ และคนสำคัญที่เราไม่มีโอกาสได้ขอบคุณ คือคนที่เก็บโทรศัพท์เราได้แล้วเอามาคืน อยากขอบคุณเค้ามากจริงๆ เราไม่ได้แม้แต่จะเห็นหน้าเค้าเลย ไม่ได้โทรไปขอบคุณด้วย พูดตรงๆว่าเราแอบคิดว่า ป้าคนที่เราเจอที่ห้องน้ำนั่นแหละ เป็นคนเอาไป เพราะระยะเวลามันห่างกันไม่ถึง 5 นาทีเลย แถมตอนที่น้องบอกว่ามีคนรับ เสียงคนรับก็เหมือนเสียงคนแก่ แต่ก็ไม่รู้ว่าป้าเอาไป แล้วเปลี่ยนใจเอามาคืน หรือเป้นคนอื่นที่อาจจะเข้าห้องน้ำต่อจากเรา แล้วเราไม่เห็นเองหรือเปล่า แต่เราว่าเราคิดถูกแหละว่า "คนเกาหลีเค้าน่าจะเป็นคนดี ไม่เอาของๆคนอื่นหรอก" แล้วเราก็ได้เที่ยวต่ออย่างมีความสุข เย่~~~
ไม่ได้ว่าจะอวยคนเกาหลีนะ เราว่ามันก็แล้วแต่คน เราเองโชคดีที่ได้เจอคนดี เราเลยได้โทรศัพท์คืน คนไม่ดีเราก็เจอ.... เจอที่งานแฟนไซน์นี่แหละ สวยด้วย แต่แย่งที่เรา T^T
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ใช้โทรศัพท์เสร็จแล้วเก็บใส่กระเป๋า อย่าวางไว้ แม้จะคิดว่าแค่แปปเดียวก็ตาม และเราก็เห็นข้อดีของการเปิดโรมมิ่ง แม้ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้ จะไม่มีใครโทรหาเราเลยก็ตาม แต่เราเปิดไว้ เผื่อมีเรื่องด่วนจากที่ทำงาน หรือครอบครัวโทรมา เราคิดว่าถ้าเราไม่ได้เปิดโรมมิ่งมา เราคงไม่ได้โทรศัพท์คืนแน่ๆ คือตอนแรกตัดใจไปแล้วด้วยว่าคงไม่ได้คืน ยิ่งถ้าป้าคนนั้นตั้งใจเอาไป ยังไงก็ไม่ได้คืน
Ps.สรุปคิมบับที่ซื้อตอนนั้นไม่ได้กิน ห่อเก็บใส่กระเป๋า แล้วเอามากินตอนกลับถึงห้องหลังจบงานไซน์ ทั้งวันเรากินข้าวไปมื้อเดียวที่อีแด
อันนี้รูปตอนคุยกับน้อง แคปมาแค่บางส่วน
อันนี้ตอนได้โทรศัพท์คืนแล้วเช็คเบอร์โทรเข้ามา ขอบคุณทุกสาย ทุกความช่วยเหลือ
ได้โทรศัพท์คืนแล้ว จะไม่ทำหายอีกแล้ว T^T
แล้วเราก็ขอแยกตัวกับเพื่อนไปงานแฟนไซน์ต่อ ตามที่แพลนกันไว้ตั้งแต่แรกว่า หลังจากไปทงแดมุนเสร็จ เราจะแยกกัน
เพื่อนอยากไปดูไฟประดับคลองชองกเยชอน (ไฟประดับนะคะ ไม่ใช่ไฟเวฟประท้วง 55555555 )
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ