พระเมรุ (พระ-เมน) เป็นคำย่อจากคำเต็มว่า เขาพระสุเมรุ (พระ-สุ-เมน)
เหนือจอมเขาพระสุเมรุขึ้นไปเป็นที่ตั้งสวรรค์ บนสวรรค์มีเทวดา เช่น พระอินทร์เป็นจอมจักรพรรดิราช ผู้มีบุญมากๆ เมื่อตายแล้วย่อมขึ้นไปจุติบนสวรรค์
รอบๆ เชิงเขาพระสุเมรุเป็นป่าหิมพานต์ มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เกิดจากจินตนาการ เช่น ราชสีห์, คชสีห์, กินนร, กินรี ฯลฯ

เขาพระสุเมรุมีพรรณนาในวรรณคดีโบราณหลายเรื่องหลายเล่ม แต่ที่สำคัญคือ ไตรภูมิ ฯลฯ และอื่นๆ เช่น
คงคายมนามาเป็นเกณฑ์ พระสุเมรุหลักโลกสูงระหง
ดินน้ำลมไฟอันมั่นคง จึงดำรงได้รอดมาเป็นกาย
กลอน 4 วรรคที่ยกมานี้ เป็นคำไหว้ครูเสภา ที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชา นุภาพได้จากผักไห่ (อยุธยา) ตั้งแต่ก่อน พ.ศ. 2460 ทุกวันนี้คนเสภายังใช้ขับไหว้ครูก่อนทำเสภา
คำไหว้ครูเสภายกย่องเขาพระสุเมรุเป็นแกนของโลก ดังกลอนว่า “พระสุเมรุหลักโลกสูงระหง”ล้อมรอบด้วยภูเขาอีก 5 ยอด คือ วินันตก, หัศกัน, การวิก, อิสินธร, ยุคนธร มีในกลอนเสภาตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง แล้วฟันม่านที่นางวันทองปักไว้เป็นรูปต่างๆ ม่านชั้นหนึ่งปักเป็นหิมพานต์เชิงเขาพระสุเมรุ ดังนี้
ปักเป็นหิมพานต์ตระหง่านงาม อร่ามรูปพระสุเมรุภูผา
วินันตกหัศกันเป็นหลั่นมา การวิกอิสินธรยุคุนธร
อากาศคงคาชลาสินธุ์ มุจลินท์ห้าแถวแนวสลอน
ไกรลาสสะอาดเอี่ยมอรชร ฝูงกินนรคนธรรพ์วิทยา
ลงเล่นน้ำดำดั้นอโนดาต ใสสะอาดเยือกเย็นเห็นขอบผา
หมู่มังกรล่อแก้วแพรวพรายตา ทัศนารำลึกถึงวันทอง
เมรุ ถ้าอยู่ท้ายคำอื่นหรืออยู่โดดๆ อ่านว่า เมน ถ้าอยู่ต้นคำเพราะมีคำอื่นต่อท้ายให้อ่าน เม-รุ มีอธิบายความหมายอยู่ในพจนานุกรม ฉบับมติชน ดังนี้
เมรุ (เมน) น. ชื่อภูเขาตัดมาจากเขาพระสุเมรุ; ที่เผาศพซึ่งทำหลังคาเป็นยอดมีรั้วล้อมรอบ, (ราชา) ใช้ว่า พระเมรุ (บ.).
เมรุมาศ (เม-รุ-มาด) น. เมรุทอง, (ราชา) ใช้ว่า พระเมรุมาศ.
เมรุราช (เม-รุ-ราด) น. เขาพระสุเมรุ. (บ.).
สุจิตต์ วงษ์เทศ : พระเมรุเผาพระศพ มาจาก “เขาพระสุเมรุ
พระเมรุ (พระ-เมน) เป็นคำย่อจากคำเต็มว่า เขาพระสุเมรุ (พระ-สุ-เมน)
เหนือจอมเขาพระสุเมรุขึ้นไปเป็นที่ตั้งสวรรค์ บนสวรรค์มีเทวดา เช่น พระอินทร์เป็นจอมจักรพรรดิราช ผู้มีบุญมากๆ เมื่อตายแล้วย่อมขึ้นไปจุติบนสวรรค์
รอบๆ เชิงเขาพระสุเมรุเป็นป่าหิมพานต์ มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เกิดจากจินตนาการ เช่น ราชสีห์, คชสีห์, กินนร, กินรี ฯลฯ

เขาพระสุเมรุมีพรรณนาในวรรณคดีโบราณหลายเรื่องหลายเล่ม แต่ที่สำคัญคือ ไตรภูมิ ฯลฯ และอื่นๆ เช่น
คงคายมนามาเป็นเกณฑ์ พระสุเมรุหลักโลกสูงระหง
ดินน้ำลมไฟอันมั่นคง จึงดำรงได้รอดมาเป็นกาย
กลอน 4 วรรคที่ยกมานี้ เป็นคำไหว้ครูเสภา ที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชา นุภาพได้จากผักไห่ (อยุธยา) ตั้งแต่ก่อน พ.ศ. 2460 ทุกวันนี้คนเสภายังใช้ขับไหว้ครูก่อนทำเสภา
คำไหว้ครูเสภายกย่องเขาพระสุเมรุเป็นแกนของโลก ดังกลอนว่า “พระสุเมรุหลักโลกสูงระหง”ล้อมรอบด้วยภูเขาอีก 5 ยอด คือ วินันตก, หัศกัน, การวิก, อิสินธร, ยุคนธร มีในกลอนเสภาตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง แล้วฟันม่านที่นางวันทองปักไว้เป็นรูปต่างๆ ม่านชั้นหนึ่งปักเป็นหิมพานต์เชิงเขาพระสุเมรุ ดังนี้
ปักเป็นหิมพานต์ตระหง่านงาม อร่ามรูปพระสุเมรุภูผา
วินันตกหัศกันเป็นหลั่นมา การวิกอิสินธรยุคุนธร
อากาศคงคาชลาสินธุ์ มุจลินท์ห้าแถวแนวสลอน
ไกรลาสสะอาดเอี่ยมอรชร ฝูงกินนรคนธรรพ์วิทยา
ลงเล่นน้ำดำดั้นอโนดาต ใสสะอาดเยือกเย็นเห็นขอบผา
หมู่มังกรล่อแก้วแพรวพรายตา ทัศนารำลึกถึงวันทอง
เมรุ ถ้าอยู่ท้ายคำอื่นหรืออยู่โดดๆ อ่านว่า เมน ถ้าอยู่ต้นคำเพราะมีคำอื่นต่อท้ายให้อ่าน เม-รุ มีอธิบายความหมายอยู่ในพจนานุกรม ฉบับมติชน ดังนี้
เมรุ (เมน) น. ชื่อภูเขาตัดมาจากเขาพระสุเมรุ; ที่เผาศพซึ่งทำหลังคาเป็นยอดมีรั้วล้อมรอบ, (ราชา) ใช้ว่า พระเมรุ (บ.).
เมรุมาศ (เม-รุ-มาด) น. เมรุทอง, (ราชา) ใช้ว่า พระเมรุมาศ.
เมรุราช (เม-รุ-ราด) น. เขาพระสุเมรุ. (บ.).