ผู้พันซาดิสม์ บทนำ
http://ppantip.com/topic/35817141
ผู้พันซาดิสม์ บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/35823819
ผู้พันซาดิสม์ บทที่ 2
พลตื่นเช้ามาด้วยร่างกายที่บอบช้ำ แต่เขาก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ร่างกายของเขาเคยบอบช้ำมากกว่านี้ แต่สิ่งที่ไม่เคยบอบช้ำเลยคือจิตใจ
การเป็นรบพิเศษของประเทศทมิฬนี้จะต้องพบกับการฝึกที่โหดเหี้ยม ใครทนไม่ได้ก็ออกไป ไม่มีครูฝึกรบพิเศษคนไหนจะมาเอาใจคุณ พวกเขามีแต่ความโหดมามอบให้ ถ้าอยากเรียนให้จบหลักสูตรก็ต้องทนเอา
พลเคยจำได้ว่ามีเพื่อนของเขายกย่องพจน์มากว่าเขาเป็นรบพิเศษที่มีวินัยสุดๆและอดทนเป็นที่สุด พจน์ไม่เคยปริปากไม่ว่าจะเจอความโหดขนาดไหน นั่นเป็นข้อดีของพจน์ แต่มันอาจมีข้อเสียแฝงอยู่
พลอาบน้ำแต่งตัวและออกไปที่โรงอาหารสำหรับครูฝึก ถึงไม่มีใครบอกเขาว่าอาหารเช้าเริ่มกี่โมง เขาก็พอจะกะเวลาได้
พอพลแต่งตัวเต็มยศ เขาก็พร้อมที่จะไปกินอาหารเช้าและสำรวจค่ายทหารแห่งนี้
ขณะที่พละกำลังนั่งกินข้าวอยู่ ก็มีครูฝึกนายหนึ่งเข้ามานั่งตรงข้ามกับพล
“ผลงานของเมิงดีมากนะเมื่อวาน”
เขาพูดกับพล พลแค่มองหน้า ยังไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาแนะนำตัว แต่พลไม่สันทัดที่จะจำชื่อจริง พลเรียกมันในใจว่า “ไอ้หน้าเหี้ยม”
พลนึกแปลกใจว่าทำไมค่ายทหารที่นี่ถึงรับแต่ครูฝึกหน้าโหดๆ ไม่เห็นจำเป็นเลยที่จะต้องทำถึงขนาดนั้น หรือเป็นความต้องการของผู้พัน
อีกอย่าง ร้านค้า ร้านสวัสดิการมีแต่ผู้ชาย ในโรงอาหารไม่มีผู้หญิงเลย หรือว่าผู้พันไม่ชอบผู้หญิง หรือผู้พันต้องการแต่ผู้ชายเพราะถ้าใครทำผิดจะได้ลงโทษแบบซาดิสม์อย่างเต็มที่
ทำไมพจน์ถึงอยากมาทำงานที่นี่นะ พลได้แต่คิดอยู่ในใจ
ที่นี่เป็นค่ายทหารของประเทศทมิฬที่ออกจะวิปลาสเอามากๆ ไอ้หน้าเหี้ยมอาสาที่จะพาพลไปสำรวจค่ายทหารแห่งนี้ ส่วนไอ้หน้าโหดที่จัดหนักพลเมื่อวานนั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง มันกับลูกน้องมองหน้าพลเป็นระยะ
ไอ้หน้าเหี้ยมพาพลมาดูโรงครัว พลแปลกใจมากว่าในโรงครัวก็มีแต่ผู้ชาย ไม่มีผู้หญิงอยู่ในค่ายทหารแห่งนี้เลย มันแปลกมาก เพราะขนาดในหน่วยรบพิเศษที่พลเคยฝึกมาก็ยังมีเจ้าหน้าที่ๆเป็นผู้หญิง
ไอ้หน้าเหี้ยมพาพลไปดูตรงบริเวณสนามที่กว้างใหญ่มากๆ ยังไม่มีทหารมาฝึก เพราะอีกสองวันทหารชุดใหม่จะมาฝึกพร้อมกัน
การนึกถึงทหารทำให้พลเริ่มสงสัยว่าพวกทหารจะมีส่วนร่วมในการรุมยำพจน์หรือไม่ ถ้ามี ทำไมพวกนั้นถึงรุมยำพจน์ได้ ไม่แน่ เขาอาจจะเป็นเหยื่อรายต่อไปก็ได้
พลเห็นว่าคนที่มีส่วนร่วมในขบวนการเหล่านี้มักจะใช้วิธีเดิมๆ ยิ่งทำแล้วประสบความสำเร็จ ก็มักจะยึดรูปแบบนั้นเป็นต้นแบบในการดำเนินการครั้งต่อไป พวกฆาตกรต่อเนื่องก็คงใช้วิธีการแบบนี้เหมือนกัน
พอไอ้หน้าเหี้ยมพาพลไปตรงสนามที่ดูสวยงามและมีขนาดเล็ก เขาตกใจมากเมื่อเห็นครูฝึกหุ่นล่ำนายหนึ่งมาออกกำลังกายตรงนั้น
“อะไรของมันวะ มันอยากจะลองดีเหรอ”
พลมองตามไป และเรียกครูฝึกคนนั้นว่าไอ้ล่ำ ไอ้ล่ำยืนยกดัมเบลที่น่าจะหนักประมาณ 5 กิโลกรัมอยู่ตรงสนามแห่งนั้น มันไม่ได้สวมเสื้อ จึงทำให้เห็นกล้ามเป็นมัดๆ พลว่าไอ้นี่น่าจะล่ำที่สุดในหมู่ครูฝึกแล้ว ไอ้หน้าเหี้ยมอุทานด้วยความตกใจ
“เฮ้ย ทางนั้น ผู้พันเดินมาทางนั้น”
พลถามด้วยความสงสัย
“ทำไมต้องตกใจถึงขนาดนั้น”
ไอ้หน้าเหี้ยมตอบมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ก็สนามนั้นมันสนามส่วนตัวของผู้พัน ไอ้นี่วอนซะแล้ว”
พอผู้พันเดินไปถึงตัวไอ้ล่ำ มันจึงหยุดยืนในท่าตรง
ผู้พันยื่นมือไปขอดัมเบลจากไอ้ล่ำ มันรีบส่งดัมเบลให้ผู้พัน ผู้พันวางขวดน้ำในมือ แล้วหยิบดัมเบลของไอ้ล่ำมาถือไว้
ผู้พันลงโทษไอ้ล่ำโดยให้มันวิดพื้น 100 ครั้ง ไอ้หน้าเหี้ยมบ่นกับพลว่า
“ลงโทษเบาไปรึเปล่า”
ไอ้หน้าเหี้ยมคงต้องเลิกคิดแบบนั้นเมื่อผู้พัน ปล่อยดัมเบลหนัก 5 กก.ลงบนแผ่นหลังของมันขณะที่มันกำลังวิดพื้น พอดัมเบลหล่นไปที่หลังของไอ้ล่ำ ดัมเบลก็จะหล่นไปบนพื้น ผู้พันหยิบดัมเบลมาถือไว้ ส่วนไอ้ล่ำก็ยังคงวิดพื้นต่อไป
พลถามไอ้หน้าเหี้ยมด้วยความสงสัย
“ไอ้ล่ำนั่นรู้ไหมว่าสนามนั้นเป็นสนามส่วนตัวของผู้พัน”
“มันคงไม่รู้หรอก ไอ้นี่มันโง่ๆ ทึ่มๆ มีดีคงแค่ตรงกล้าม ส่วนสมองน่าจะฝ่อหมด”
ไอ้หน้าเหี้ยมบรรยายซะพลเข้าใจเลยว่าไอ้ล่ำเป็นคนยังไง
ผู้พันยังคงปล่อยดัมเบลหนัก 5 กก.ลงบนหลังของไอ้ล่ำ ไอ้ล่ำหยุดนิดนึง แล้วจึงวิดพื้นต่อ มันคงจะเจ็บหลังของมันเหมือนกัน ผู้พันหันไปทางพลและไอ้หน้าเหี้ยม โบกมือเป็นสัญญาณว่ารอก่อนนะ เดี๋ยวจะไปหาพวกเมิง
ไอ้หน้าเหี้ยมบ่นว่า “ซวยแล้ว”
พลคิดในใจว่า หน้าเมิงเหี้ยมขนาดนี้ เมิงยังจะมากลัวอะไรแบบนี้อีก เมิงก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่ามาเป็นครูฝึกทหารในค่ายทหารที่มีผู้พันซาดิสม์ เมิงจะไม่มีความสุขหรอก เมิงจะต้องพร้อมรับกับนรกอยู่ตลอดเวลา
พอจัดการไอ้ล่ำเสร็จ ผู้พันก็หยิบขวดน้ำ แล้วเดินมาทางพลและไอ้หน้าเหี้ยม เช้านี้ผู้พันอยู่ในชุดกีฬา ทำให้เห็นว่าถึงจะมีอายุมากแล้ว แต่หุ่นยังเฟิมมากๆ
พอผู้พันเดินมาตรงพวกเราแล้ว คนแรกที่โดนโดยไม่มีเหตุผลคือไอ้หน้าเหี้ยม
“วิ่งรอบสนาม 20 รอบ ปฏิบัติ”
พอไอ้หน้าเหี้ยมออกวิ่งไปแล้ว ผู้พันหันมาทางพล
“ถอดเสื้อออก”
พลคิดว่าผู้พันคงอยากจะดูผลงานว่าตัวของเขาเป็นยังไงบ้าง มีรอยช้ำเยอะไหม
พอพลถอดเสื้อออก ผู้พันก็มองผลงานของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจเพราะร่างกายพลมีรอยช้ำ รอยถลอก รอยบาดของหินเต็มไปหมด
“รบพิเศษโดนแค่นี้ถือว่าเด็กๆ”
ผู้พันพูดกับพล พร้อมกับจ้องหน้าเขาเหมือนจะอยากจะทรมานเขาต่อให้สาแก่ใจ
“เมิงอาบน้ำมาหรือยัง”
“ยังครับผม” พลตอบอย่างหนักแน่นตามความเป็นจริง
“ตามกูมา” ผู้พันออกคำสั่ง
ผู้พันพาพลเดินไปตรงบ่อขี้ที่กำลังมีขี้เต็มบ่อ และส่งกลิ่นเหม็นหึ่ง
“ถอดกางเกงเมิงออก”
พลปฏิบัติตามคำสั่ง เขาถอดกางเกงจนเหลือกางเกงในเพียงตัวเดียว
“โดดลงไปในบ่อขี้”
พลปฏิบัติตาม สำหรับรบพิเศษอย่างเขา เรื่องแบบนี้เล็กน้อยมาก
พอพลลงไปในบ่อขี้ ขี้ก็ท่วมถึงบริเวณหน้าอกของเขา ผู้พันจึงออกคำสั่งต่อ
“เมิงดำลงไปในบ่อขี้ ดำลงไปให้นานที่สุดเท่าที่เมิงทำได้แล้วค่อยขึ้นมา”
พลทำตามคำสั่ง เขาดำน้ำได้นานอยู่แล้ว จึงดำในบ่อขี้ได้นาน พอดำเสร็จค่อยโผล่ขึ้นมา
ผู้พันดูมีความสุขมากที่ได้เห็นรบพิเศษได้ทำอะไรแบบนี้
พอสาแก่ใจจึงสั่งให้พลขึ้นมาจากบ่อขี้
“ถึงเวลาที่เมิงจะได้พักผ่อนแล้ว”
ผู้พันพาพลเดินมากลางสนามใหญ่
“เมิงนอนหงายอยู่ตรงนี้สัก 5 ชม.นะ ห้ามไปไหน”
ตอนนั้นพลอยู่ในสภาพนุ่งกางเกงในตัวเดียว ร่างกายเต็มไปด้วยขี้และกลิ่นขี้ แต่พลพอรู้ว่าผู้พันตั้งใจให้แดดเผาร่างกายเขา การที่ร่างกายที่บอบช้ำถูกเผาด้วยแดด มันจะทำให้เจ็บปวดทรมานมาก แต่พอโดนแบบนี้ พลแทบจะตัดรายชื่อของผู้พันออกจากรายชื่อผู้ต้องสงสัย
พลรู้สึกว่าผู้พันซาดิสม์โดยสันดาน และคงชอบลงโทษและทรมานพวกรบพิเศษ แต่ไม่น่าที่จะทำให้ใครถึงกับเสียชีวิต การที่พจน์เสียชีวิตไม่น่าที่จะเกี่ยวข้องกับผู้พัน ถึงจะสรุปเร็วไปหน่อย แต่พลเริ่มที่จะเชื่อแบบนั้น
ทำให้ผู้ต้องสงสัยในลิสท์ของพลเหลือเพียงสามคนคือไอ้หน้าโหด ไอ้หน้าเหี้ยม และไอ้ล่ำ ส่วนคนอื่นพลยังไม่มีข้อมูล แต่แน่นอนว่าพลก็ยังไม่ตัดผู้พันออกไปซะทีเดียว แต่เก็บไว้ในใจก่อน ส่วนรายชื่อผู้ต้องสงสัยก็ขอให้มีแค่สามคนนั้นไปก่อน
ขณะที่พลกำลังนอนให้แดดเผาร่างกาย เนื้อที่บอบช้ำกำลังเจ็บปวดทรมานได้ที่ ก็มีใครคนหนึ่งเอาคอมแบทมากระทืบที่ท้องของพลอย่างแรง
โปรดติดตามตอนต่อไป
ผู้พันซาดิสม์ บทที่ 2
ผู้พันซาดิสม์ บทนำ http://ppantip.com/topic/35817141
ผู้พันซาดิสม์ บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/35823819
ผู้พันซาดิสม์ บทที่ 2
พลตื่นเช้ามาด้วยร่างกายที่บอบช้ำ แต่เขาก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ร่างกายของเขาเคยบอบช้ำมากกว่านี้ แต่สิ่งที่ไม่เคยบอบช้ำเลยคือจิตใจ
การเป็นรบพิเศษของประเทศทมิฬนี้จะต้องพบกับการฝึกที่โหดเหี้ยม ใครทนไม่ได้ก็ออกไป ไม่มีครูฝึกรบพิเศษคนไหนจะมาเอาใจคุณ พวกเขามีแต่ความโหดมามอบให้ ถ้าอยากเรียนให้จบหลักสูตรก็ต้องทนเอา
พลเคยจำได้ว่ามีเพื่อนของเขายกย่องพจน์มากว่าเขาเป็นรบพิเศษที่มีวินัยสุดๆและอดทนเป็นที่สุด พจน์ไม่เคยปริปากไม่ว่าจะเจอความโหดขนาดไหน นั่นเป็นข้อดีของพจน์ แต่มันอาจมีข้อเสียแฝงอยู่
พลอาบน้ำแต่งตัวและออกไปที่โรงอาหารสำหรับครูฝึก ถึงไม่มีใครบอกเขาว่าอาหารเช้าเริ่มกี่โมง เขาก็พอจะกะเวลาได้
พอพลแต่งตัวเต็มยศ เขาก็พร้อมที่จะไปกินอาหารเช้าและสำรวจค่ายทหารแห่งนี้
ขณะที่พละกำลังนั่งกินข้าวอยู่ ก็มีครูฝึกนายหนึ่งเข้ามานั่งตรงข้ามกับพล
“ผลงานของเมิงดีมากนะเมื่อวาน”
เขาพูดกับพล พลแค่มองหน้า ยังไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาแนะนำตัว แต่พลไม่สันทัดที่จะจำชื่อจริง พลเรียกมันในใจว่า “ไอ้หน้าเหี้ยม”
พลนึกแปลกใจว่าทำไมค่ายทหารที่นี่ถึงรับแต่ครูฝึกหน้าโหดๆ ไม่เห็นจำเป็นเลยที่จะต้องทำถึงขนาดนั้น หรือเป็นความต้องการของผู้พัน
อีกอย่าง ร้านค้า ร้านสวัสดิการมีแต่ผู้ชาย ในโรงอาหารไม่มีผู้หญิงเลย หรือว่าผู้พันไม่ชอบผู้หญิง หรือผู้พันต้องการแต่ผู้ชายเพราะถ้าใครทำผิดจะได้ลงโทษแบบซาดิสม์อย่างเต็มที่
ทำไมพจน์ถึงอยากมาทำงานที่นี่นะ พลได้แต่คิดอยู่ในใจ
ที่นี่เป็นค่ายทหารของประเทศทมิฬที่ออกจะวิปลาสเอามากๆ ไอ้หน้าเหี้ยมอาสาที่จะพาพลไปสำรวจค่ายทหารแห่งนี้ ส่วนไอ้หน้าโหดที่จัดหนักพลเมื่อวานนั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง มันกับลูกน้องมองหน้าพลเป็นระยะ
ไอ้หน้าเหี้ยมพาพลมาดูโรงครัว พลแปลกใจมากว่าในโรงครัวก็มีแต่ผู้ชาย ไม่มีผู้หญิงอยู่ในค่ายทหารแห่งนี้เลย มันแปลกมาก เพราะขนาดในหน่วยรบพิเศษที่พลเคยฝึกมาก็ยังมีเจ้าหน้าที่ๆเป็นผู้หญิง
ไอ้หน้าเหี้ยมพาพลไปดูตรงบริเวณสนามที่กว้างใหญ่มากๆ ยังไม่มีทหารมาฝึก เพราะอีกสองวันทหารชุดใหม่จะมาฝึกพร้อมกัน
การนึกถึงทหารทำให้พลเริ่มสงสัยว่าพวกทหารจะมีส่วนร่วมในการรุมยำพจน์หรือไม่ ถ้ามี ทำไมพวกนั้นถึงรุมยำพจน์ได้ ไม่แน่ เขาอาจจะเป็นเหยื่อรายต่อไปก็ได้
พลเห็นว่าคนที่มีส่วนร่วมในขบวนการเหล่านี้มักจะใช้วิธีเดิมๆ ยิ่งทำแล้วประสบความสำเร็จ ก็มักจะยึดรูปแบบนั้นเป็นต้นแบบในการดำเนินการครั้งต่อไป พวกฆาตกรต่อเนื่องก็คงใช้วิธีการแบบนี้เหมือนกัน
พอไอ้หน้าเหี้ยมพาพลไปตรงสนามที่ดูสวยงามและมีขนาดเล็ก เขาตกใจมากเมื่อเห็นครูฝึกหุ่นล่ำนายหนึ่งมาออกกำลังกายตรงนั้น
“อะไรของมันวะ มันอยากจะลองดีเหรอ”
พลมองตามไป และเรียกครูฝึกคนนั้นว่าไอ้ล่ำ ไอ้ล่ำยืนยกดัมเบลที่น่าจะหนักประมาณ 5 กิโลกรัมอยู่ตรงสนามแห่งนั้น มันไม่ได้สวมเสื้อ จึงทำให้เห็นกล้ามเป็นมัดๆ พลว่าไอ้นี่น่าจะล่ำที่สุดในหมู่ครูฝึกแล้ว ไอ้หน้าเหี้ยมอุทานด้วยความตกใจ
“เฮ้ย ทางนั้น ผู้พันเดินมาทางนั้น”
พลถามด้วยความสงสัย
“ทำไมต้องตกใจถึงขนาดนั้น”
ไอ้หน้าเหี้ยมตอบมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ก็สนามนั้นมันสนามส่วนตัวของผู้พัน ไอ้นี่วอนซะแล้ว”
พอผู้พันเดินไปถึงตัวไอ้ล่ำ มันจึงหยุดยืนในท่าตรง
ผู้พันยื่นมือไปขอดัมเบลจากไอ้ล่ำ มันรีบส่งดัมเบลให้ผู้พัน ผู้พันวางขวดน้ำในมือ แล้วหยิบดัมเบลของไอ้ล่ำมาถือไว้
ผู้พันลงโทษไอ้ล่ำโดยให้มันวิดพื้น 100 ครั้ง ไอ้หน้าเหี้ยมบ่นกับพลว่า
“ลงโทษเบาไปรึเปล่า”
ไอ้หน้าเหี้ยมคงต้องเลิกคิดแบบนั้นเมื่อผู้พัน ปล่อยดัมเบลหนัก 5 กก.ลงบนแผ่นหลังของมันขณะที่มันกำลังวิดพื้น พอดัมเบลหล่นไปที่หลังของไอ้ล่ำ ดัมเบลก็จะหล่นไปบนพื้น ผู้พันหยิบดัมเบลมาถือไว้ ส่วนไอ้ล่ำก็ยังคงวิดพื้นต่อไป
พลถามไอ้หน้าเหี้ยมด้วยความสงสัย
“ไอ้ล่ำนั่นรู้ไหมว่าสนามนั้นเป็นสนามส่วนตัวของผู้พัน”
“มันคงไม่รู้หรอก ไอ้นี่มันโง่ๆ ทึ่มๆ มีดีคงแค่ตรงกล้าม ส่วนสมองน่าจะฝ่อหมด”
ไอ้หน้าเหี้ยมบรรยายซะพลเข้าใจเลยว่าไอ้ล่ำเป็นคนยังไง
ผู้พันยังคงปล่อยดัมเบลหนัก 5 กก.ลงบนหลังของไอ้ล่ำ ไอ้ล่ำหยุดนิดนึง แล้วจึงวิดพื้นต่อ มันคงจะเจ็บหลังของมันเหมือนกัน ผู้พันหันไปทางพลและไอ้หน้าเหี้ยม โบกมือเป็นสัญญาณว่ารอก่อนนะ เดี๋ยวจะไปหาพวกเมิง
ไอ้หน้าเหี้ยมบ่นว่า “ซวยแล้ว”
พลคิดในใจว่า หน้าเมิงเหี้ยมขนาดนี้ เมิงยังจะมากลัวอะไรแบบนี้อีก เมิงก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่ามาเป็นครูฝึกทหารในค่ายทหารที่มีผู้พันซาดิสม์ เมิงจะไม่มีความสุขหรอก เมิงจะต้องพร้อมรับกับนรกอยู่ตลอดเวลา
พอจัดการไอ้ล่ำเสร็จ ผู้พันก็หยิบขวดน้ำ แล้วเดินมาทางพลและไอ้หน้าเหี้ยม เช้านี้ผู้พันอยู่ในชุดกีฬา ทำให้เห็นว่าถึงจะมีอายุมากแล้ว แต่หุ่นยังเฟิมมากๆ
พอผู้พันเดินมาตรงพวกเราแล้ว คนแรกที่โดนโดยไม่มีเหตุผลคือไอ้หน้าเหี้ยม
“วิ่งรอบสนาม 20 รอบ ปฏิบัติ”
พอไอ้หน้าเหี้ยมออกวิ่งไปแล้ว ผู้พันหันมาทางพล
“ถอดเสื้อออก”
พลคิดว่าผู้พันคงอยากจะดูผลงานว่าตัวของเขาเป็นยังไงบ้าง มีรอยช้ำเยอะไหม
พอพลถอดเสื้อออก ผู้พันก็มองผลงานของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจเพราะร่างกายพลมีรอยช้ำ รอยถลอก รอยบาดของหินเต็มไปหมด
“รบพิเศษโดนแค่นี้ถือว่าเด็กๆ”
ผู้พันพูดกับพล พร้อมกับจ้องหน้าเขาเหมือนจะอยากจะทรมานเขาต่อให้สาแก่ใจ
“เมิงอาบน้ำมาหรือยัง”
“ยังครับผม” พลตอบอย่างหนักแน่นตามความเป็นจริง
“ตามกูมา” ผู้พันออกคำสั่ง
ผู้พันพาพลเดินไปตรงบ่อขี้ที่กำลังมีขี้เต็มบ่อ และส่งกลิ่นเหม็นหึ่ง
“ถอดกางเกงเมิงออก”
พลปฏิบัติตามคำสั่ง เขาถอดกางเกงจนเหลือกางเกงในเพียงตัวเดียว
“โดดลงไปในบ่อขี้”
พลปฏิบัติตาม สำหรับรบพิเศษอย่างเขา เรื่องแบบนี้เล็กน้อยมาก
พอพลลงไปในบ่อขี้ ขี้ก็ท่วมถึงบริเวณหน้าอกของเขา ผู้พันจึงออกคำสั่งต่อ
“เมิงดำลงไปในบ่อขี้ ดำลงไปให้นานที่สุดเท่าที่เมิงทำได้แล้วค่อยขึ้นมา”
พลทำตามคำสั่ง เขาดำน้ำได้นานอยู่แล้ว จึงดำในบ่อขี้ได้นาน พอดำเสร็จค่อยโผล่ขึ้นมา
ผู้พันดูมีความสุขมากที่ได้เห็นรบพิเศษได้ทำอะไรแบบนี้
พอสาแก่ใจจึงสั่งให้พลขึ้นมาจากบ่อขี้
“ถึงเวลาที่เมิงจะได้พักผ่อนแล้ว”
ผู้พันพาพลเดินมากลางสนามใหญ่
“เมิงนอนหงายอยู่ตรงนี้สัก 5 ชม.นะ ห้ามไปไหน”
ตอนนั้นพลอยู่ในสภาพนุ่งกางเกงในตัวเดียว ร่างกายเต็มไปด้วยขี้และกลิ่นขี้ แต่พลพอรู้ว่าผู้พันตั้งใจให้แดดเผาร่างกายเขา การที่ร่างกายที่บอบช้ำถูกเผาด้วยแดด มันจะทำให้เจ็บปวดทรมานมาก แต่พอโดนแบบนี้ พลแทบจะตัดรายชื่อของผู้พันออกจากรายชื่อผู้ต้องสงสัย
พลรู้สึกว่าผู้พันซาดิสม์โดยสันดาน และคงชอบลงโทษและทรมานพวกรบพิเศษ แต่ไม่น่าที่จะทำให้ใครถึงกับเสียชีวิต การที่พจน์เสียชีวิตไม่น่าที่จะเกี่ยวข้องกับผู้พัน ถึงจะสรุปเร็วไปหน่อย แต่พลเริ่มที่จะเชื่อแบบนั้น
ทำให้ผู้ต้องสงสัยในลิสท์ของพลเหลือเพียงสามคนคือไอ้หน้าโหด ไอ้หน้าเหี้ยม และไอ้ล่ำ ส่วนคนอื่นพลยังไม่มีข้อมูล แต่แน่นอนว่าพลก็ยังไม่ตัดผู้พันออกไปซะทีเดียว แต่เก็บไว้ในใจก่อน ส่วนรายชื่อผู้ต้องสงสัยก็ขอให้มีแค่สามคนนั้นไปก่อน
ขณะที่พลกำลังนอนให้แดดเผาร่างกาย เนื้อที่บอบช้ำกำลังเจ็บปวดทรมานได้ที่ ก็มีใครคนหนึ่งเอาคอมแบทมากระทืบที่ท้องของพลอย่างแรง
โปรดติดตามตอนต่อไป