ที่มา:
http://www.matichon.co.th/news/368218
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ศาลแรงงานกลาง ถนนพระราม 4 น.ส.สายรุ้ง ใจดี ผู้จัดการแผนกฟิตเนส หรือ Fitness Manager ของทรูฟิตเนส (True Fitness) สาขาเอสพลานาด แคราย-งามวงศ์วาน พร้อมผู้จัดการแผนกฟิตเนสของทรูฟิตเนส สาขาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ แยกราชประสงค์ และกลุ่มเทรนเนอร์ทรูฟิตเนส ทั้ง 2 สาขา รวม 17 คน ยื่นฟ้องบริษัททรูฟิตเนส จำกัด นายจ้าง เป็นจำเลย เรื่องผิดสัญญาจ้างงาน ขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินเดือน และค่าคอมมิชชั่นที่ค้างชำระตามจำนวนตำแหน่งงานของโจทก์ทั้ง 17 ราย จำนวนกว่า 1 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย โดยศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาและนัดไกล่เกลี่ยคู่ความต่อไป
น.ส.สายรุ้งเปิดเผยว่า กลุ่มพนักงานที่เป็นเทรนเนอร์ 15 คน ไม่ได้รับเงินเดือนเต็มจำนวน 100% ของแต่ละคน ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ช่วงแรกบริษัททยอยจ่ายเงินเป็นเปอร์เซ็นต์ เป็นการจ่ายล่าช้าจากกำหนดที่พนักงานจะต้องได้รับเงินเดือนและค่าคอมมิชชั่นทุกสิ้นเดือน ค่าตอบแทนดังกล่าวของกลุ่มเทรนเนอร์จะอยู่ที่ 50,000-100,000 บาทต่อเดือน ตามหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละคน และหยุดการจ่ายเงินทั้งหมดช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สำหรับกลุ่มผู้จัดการนั้น ไม่ได้รับเงินเดือนเช่นกัน จะอยู่ที่ 200,000-400,000 บาทต่อเดือน โดยได้รับเหตุผลว่า รอการลงทุนเพิ่มจากต่างประเทศ ขอให้พนักงานรอจนถึงเดือนตุลาคม แต่เมื่อประมาณสิ้นเดือนตุลาคมได้ทวงถามคำตอบ แต่ไม่ได้รับคำชี้แจงที่ชัดเจนถึงเหตุการณ์งดจ่ายเงินเดือน คอมมิชชั่น มีเพียงเหตุผลรอการลงทุนเท่านั้น ทุกเดือนที่ผ่านมาพนักงานได้แค่สลิปเงินเดือน แต่ไม่ได้รับเงินตามบัญชี จึงต้องมายื่นฟ้องเพื่อขอให้บริษัท ชำระเงินเดือน และค่าคอมมิชชั่นตามจำนวนจริงที่ควรจะได้รับจากการทำงาน โดยพวกเรายังคงทำงานอยู่ทุกวัน ยังดูแลสมาชิกเมมเบอร์ พนักงานก็ห่วงกันว่าไม่ใช่แค่เราเดือดร้อน แต่หากเราลาออกกันสมาชิกยังจะได้รับผลกระทบด้วย อย่างไรก็ดีที่ผ่านมามีพนักงานบางส่วนตัดสินใจลาออกไป สำหรับสถานะทางการเงินของบริษัทจะเป็นอย่างไรพนักงานไม่ทราบ บริษัทไม่เคยชี้แจงเลย
“ค่าเสียหายที่เราฟ้อง เป็นเงินเดือนและค่าคอมมิชชั่น ตามสลิปเงินเดือนคาร์บอนที่เราได้รับทุกเดือน แต่ไม่มีตัวเงินเข้าบัญชี จำนวนที่ฟ้องเป็นเงินตามจริงที่เราควรต้องได้รับทุกบาท ทุกสตางค์ เราไม่ได้ยื่นฟ้องจำนวนที่โอเวอร์เกินจริง” น.ส.สายรุ้งกล่าว
น.ส.สายรุ้งกล่าวต่อว่า ศาลรับคำฟ้องไว้ โดยศาลเจรจาไกล่เกลี่ยกันก่อน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสาขาเอสพลานาด แคราย-งามวงศ์วาน ให้ไกล่เกลี่ยโดยใช้สถานที่ศาลจังหวัดนนทบุรี เดือนมีนาคม 2560 และสาขาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ไกล่เกลี่ยที่ศาลแรงงานกลาง ประมาณเดือนธันวาคม 2559 ตามวันว่างตรงกัน อย่างไรก็ดี เราตั้งใจจะดำเนินคดีตามกระบวนให้ถึงที่สุด เพราะต้องการให้ชัดเจนและจบในกระบวนการ แต่เมื่อศาลเสนอทางไกล่เกลี่ยกันก่อนตามกระบวนการก็พร้อมจะดำเนินการในขั้นตอน
’17ผจก.-เทรนเนอร์’ ฟิตเนสดัง ยื่นฟ้องนายจ้าง เบี้ยวเงินเดือน-คอมมิชชั่นกว่าล้านบาท
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ศาลแรงงานกลาง ถนนพระราม 4 น.ส.สายรุ้ง ใจดี ผู้จัดการแผนกฟิตเนส หรือ Fitness Manager ของทรูฟิตเนส (True Fitness) สาขาเอสพลานาด แคราย-งามวงศ์วาน พร้อมผู้จัดการแผนกฟิตเนสของทรูฟิตเนส สาขาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ แยกราชประสงค์ และกลุ่มเทรนเนอร์ทรูฟิตเนส ทั้ง 2 สาขา รวม 17 คน ยื่นฟ้องบริษัททรูฟิตเนส จำกัด นายจ้าง เป็นจำเลย เรื่องผิดสัญญาจ้างงาน ขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินเดือน และค่าคอมมิชชั่นที่ค้างชำระตามจำนวนตำแหน่งงานของโจทก์ทั้ง 17 ราย จำนวนกว่า 1 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย โดยศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาและนัดไกล่เกลี่ยคู่ความต่อไป
น.ส.สายรุ้งเปิดเผยว่า กลุ่มพนักงานที่เป็นเทรนเนอร์ 15 คน ไม่ได้รับเงินเดือนเต็มจำนวน 100% ของแต่ละคน ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ช่วงแรกบริษัททยอยจ่ายเงินเป็นเปอร์เซ็นต์ เป็นการจ่ายล่าช้าจากกำหนดที่พนักงานจะต้องได้รับเงินเดือนและค่าคอมมิชชั่นทุกสิ้นเดือน ค่าตอบแทนดังกล่าวของกลุ่มเทรนเนอร์จะอยู่ที่ 50,000-100,000 บาทต่อเดือน ตามหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละคน และหยุดการจ่ายเงินทั้งหมดช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สำหรับกลุ่มผู้จัดการนั้น ไม่ได้รับเงินเดือนเช่นกัน จะอยู่ที่ 200,000-400,000 บาทต่อเดือน โดยได้รับเหตุผลว่า รอการลงทุนเพิ่มจากต่างประเทศ ขอให้พนักงานรอจนถึงเดือนตุลาคม แต่เมื่อประมาณสิ้นเดือนตุลาคมได้ทวงถามคำตอบ แต่ไม่ได้รับคำชี้แจงที่ชัดเจนถึงเหตุการณ์งดจ่ายเงินเดือน คอมมิชชั่น มีเพียงเหตุผลรอการลงทุนเท่านั้น ทุกเดือนที่ผ่านมาพนักงานได้แค่สลิปเงินเดือน แต่ไม่ได้รับเงินตามบัญชี จึงต้องมายื่นฟ้องเพื่อขอให้บริษัท ชำระเงินเดือน และค่าคอมมิชชั่นตามจำนวนจริงที่ควรจะได้รับจากการทำงาน โดยพวกเรายังคงทำงานอยู่ทุกวัน ยังดูแลสมาชิกเมมเบอร์ พนักงานก็ห่วงกันว่าไม่ใช่แค่เราเดือดร้อน แต่หากเราลาออกกันสมาชิกยังจะได้รับผลกระทบด้วย อย่างไรก็ดีที่ผ่านมามีพนักงานบางส่วนตัดสินใจลาออกไป สำหรับสถานะทางการเงินของบริษัทจะเป็นอย่างไรพนักงานไม่ทราบ บริษัทไม่เคยชี้แจงเลย
“ค่าเสียหายที่เราฟ้อง เป็นเงินเดือนและค่าคอมมิชชั่น ตามสลิปเงินเดือนคาร์บอนที่เราได้รับทุกเดือน แต่ไม่มีตัวเงินเข้าบัญชี จำนวนที่ฟ้องเป็นเงินตามจริงที่เราควรต้องได้รับทุกบาท ทุกสตางค์ เราไม่ได้ยื่นฟ้องจำนวนที่โอเวอร์เกินจริง” น.ส.สายรุ้งกล่าว
น.ส.สายรุ้งกล่าวต่อว่า ศาลรับคำฟ้องไว้ โดยศาลเจรจาไกล่เกลี่ยกันก่อน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสาขาเอสพลานาด แคราย-งามวงศ์วาน ให้ไกล่เกลี่ยโดยใช้สถานที่ศาลจังหวัดนนทบุรี เดือนมีนาคม 2560 และสาขาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ไกล่เกลี่ยที่ศาลแรงงานกลาง ประมาณเดือนธันวาคม 2559 ตามวันว่างตรงกัน อย่างไรก็ดี เราตั้งใจจะดำเนินคดีตามกระบวนให้ถึงที่สุด เพราะต้องการให้ชัดเจนและจบในกระบวนการ แต่เมื่อศาลเสนอทางไกล่เกลี่ยกันก่อนตามกระบวนการก็พร้อมจะดำเนินการในขั้นตอน