แม่เราเป็นโรคประสาทค่ะ โมโหร้ายมาตั้งแต่เราจำความได้
ส่งผลให้พ่อเราหย่ากับแม่ แม่เราเลี้ยงเราด้วยความหงุดหงิดตลอด
เราทำอะไรนิดนึงก็โดนด่าว่า โดนทุบตี ด้วยคำหยาบคายและรุนแรง จนเราหงอและเก็บกดเครียดตลอด
เราทะเลาะกับแม่บ่อยมาก เพราะแม่ชอบเห็นเราเป็นที่ระบายอารมณ์
เจอ ตา-ยาย ทำอะไรไม่ดีมา เราเป็นกระโถนรองรับอารมแม่ก่นด่า ตะคอก ด่าว่าเราเป็นกะหxี่
ไปตายไป ลูกชั่ว เอาข้าวของปาใส่ถ้าเราเผลอเถียงแก (เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิดเราเลยเถียงค่ะ)
เพราะมันทนไม่ไหวแล้ว การต้องอยู่กับแม่ที่เป็นโรคประสาทเหมือนตกนรกค่ะ
ทั้งๆที่เราตั้งใจเรียน และเป็นเด็กปกติค่ะยืนยันได้
เรารู้มานานแล้วว่าแม่เป็นโรคประสาทค่ะ.......
ยายเรา พ่อเรา คนอื่นๆในครอบครัว มักจะบอกเราว่า แม่เราเป็นโรคประสาทนะ อย่าใส่ใจแม่เขาเวลาเขาทำไรแรงๆ
คนอื่นๆก็จะถามไถ่เรา เวลาเจอถึงอาการแม่ และรู้กิตติศัพท์ของอารมณ์ร้ายของแม่
เขาเตือนว่า.. ถ้าอยู่กับแม่ไป จะเป็นโรคประสาททางที่ดีควรไปอยู่กับพ่อ
แต่ด้วยความที่เรารักแม่มาก ถึงจะเป็นอย่างไรก็รักมาก ห่วงมาก
เพราะการที่แม่เราจิตไม่ปกติ เกิดจาก ตากับยายเรา เลี้ยงแม่เราด้วยความรุนแรงเช่นกัน
-แม่เราเคยฆ่าตัวตายตอน วัยรุ่นเนื่องจาก ตาขู่ว่าจะไม่ให้เรียนต่อและมีประวัติเป็นโรคซึมเศร้า
ตาติดเหล้าและติดคุณโสเภxxหลายคนๆ จนทำให้ที่บ้านเป็นหนี้ ไม่มีเงินส่งแม่เราเรียนไปช่วงนึง
แม่เราจึงหลุดๆมาตั้งแต่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ จากที่เคยเป็นคนร่าเริงอารมณ์ขัน
- สาเหตุที่หย่ากับพ่อเพราะ ขี้ระแวง บ่นด่าทุกอย่าง อาละวาดพ่อ ขัดใจนิดหน่อยหนีกลับบ้าน
ไปกินข้าวนอกบ้านก็หน้างอ เพราะคิดว่าพ่อมองผู้หญิงอื่น (คิดลบคิดร้ายไปเอง)
เราทนอยู่กับสภาพแวดล้อมนี้มา 21 ปีแล้วค่ะ
จนเราย้ายออกมาอยู่หอเอง
*จุดสำคัญคือ ตอนนี้มันรบกวนชีวิตประจำวันเรามากค่ะ....
แม่เราทำงานไม่ได้ เพราะประสาทขึ้นเวลาทำงาน
หงุดหงิดเจ้านาย ด่าเพื่อนร่วมงาน เกลียดงานที่ทำ อยากให้มีคนเลี้ยงเขา อดทนไม่ได้กับสภาวะความกดดัน
ด่าเจ้านายหยาบๆคายๆลับหลัง เปลี่ยนที่ทำงานตลอด
บางที่ทำ 1 วัน 3 วัน มากสุด 22 วัน กลับมาบ้านทุกวัน 2-3 ทุ่มจะต้อง
ด่า นินทาคนที่ทำงาน ในแง่ลบ บอกว่าสักวันต้องตายถ้ายังต้องทำงานอยู่อีก
- เราอยู่หอ กลับเสาร์-อาทิตย์ เขาจะร้องไห้และขอร้องให้กลับมาอยู่บ้าน
ซึ่งมหาลัยเราอยู่ ปทุมธานี บ้านอยู่สมุทรสาคร เราเดินทางไม่ได้ทุกวันหรอกค่ะ
แต่แม่ไม่ใช้เหตุผลแล้ว แกหลุด แกเริ่มขอร้องให้เรากลับมาอยู่บ้าน
บอกว่า เหงา ไม่มีคนกินข้าวด้วย ซึ่งเราต้องเรียนหนังสือค่ะแม่เราไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
เหมือนคนขาดความอบอุ่นรุนแรง ทั้งที่แกมีหมา 2 ตัว มีตายายอยู่ด้วย
แต่เข้าใจว่าแกคงไม่มีความสุขกับชีวิตเอาซะเลย
แต่เราต้อง ไปเรียน ทำหน้าที่ตัวเองนะคะ
(ตอนเด็กแม่ชอบขอร้องให้หยุดเรียนมาอยู่เป็นเพื่อนยามแกประสาทขึ้นแกจะว้าเหว่ เผชิญปัญหาไม่ได้)
- แม่เราไม่มีเงินใช้ค่ะ ไม่ได้ทำงานและมีปัญหาเรื่องค่ากินค่าอยู่
ก่อนหน้านี้แกใช้เงินกับเรา เงินที่พ่อส่งเสียให้เราเดือนละ 10000 บาทเท่านั้น
สำหรับค่าหนังสือ ค่าเล่าเรียน และค่ากินอยู่ ค่าหอ
เราแบ่งให้แม่ในนี้ ให้แม่ 5000 ตัวเราเองก็ทำงานเสริมเอา จนบางครั้งเรายอมเป็นหนี้
เพื่อให้แม่เราได้มีเงินใช้ ไม่ต้องไปทำงานนอกบ้าน เพราะรู้ว่าแกไม่ปกติ
แต่เราไม่สามารถให้ท้ายแม่แบบผิดๆได้อีกแล้ว เราต้องเอาเงินไปเรียนมหาลัย
แต่แม่เรา ไม่สามารถหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ค่ะ
แกไม่ได้พิการ แต่แกจะหงุดหงิดที่ทำงานมากๆ เพราะอาการประสาทของแกที่รบกวนจิตใจตัวเอง
.....เราจึงเป็นห่วงแกมาก พะวงมากๆ จนเราเป็นโรคประสาทตามไปเรียบร้อยแล้วตอนนี้
ทุกวัน แกจะโทรมาด่าที่ทำงานให้ฟังว่า เจ้านายโคดเxี้ย เกลียด หลอกเอาเงินทนๆทำไป
เพื่อนร่วมงาน ตอแxล อะไรแบบนี้ทุกวัน 2-3 ทุ่ม พอเราฟังหูทวนลม
แกก้จะบอกว่าเรา เห็นแก่ตัว ไม่โมโหไปกับแก ฟังแต่ไม่สนใจ เอาตัวเองรอดเหมือนพ่อเxิง
- เราฟังไม่ไหวค่ะ เรายังเรียนหนังสืออยู่เลย เราไม่มีจิตใจจะไปเรียน
ถ้ายังต้องรับมือแม่ที่เป็นหนักขนาดนี้อยู่ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูแม่
เราเป็น ลูกคนเดียว และพ่อเรารับผิดชอบแค่เรา แต่แม่ยืนยันว่าพ่อต้องรับผิดชอบแม่ด้วย
ทั้งๆที่หย่ากันไปแล้ว แกเลยจะขอแบ่งเงินเลี้ยงดูที่มีแค่ 10,000 บาท/เดือน
ทั้งที่เรายังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ
- เราเป็นทุกข์ใจ ถึงขั้นตอนนี้ล้มป่วยทางจิตไปอีกคน
รับยาระงับประสาทกับ ยานอนหลับมากิน แม่ไม่เคยถามถึงการรักษาของเราเลย
และไม่ยอมรับว่าเป็นสาเหตุของโรคจิตเวชของเรา
เราตรอมใจมากค่ะ ในที่สุดเราก็เป็นโรคประสาทตามแม่เราจริงๆ
มันสายเกินแก้แล้ว เราเคยกินยาตายต่อหน้าแม่ด้วยค่ะ เพราะเกินจะทน
มีเหตุการอีกมากที่ยังไม่อยากเล่าค่ะ แค่พูดถึงก็จะอ้วกแล้ว พูดแล้วก็เหมือนไปสะกิดบาดแผลตัวเอง
- เราเคยลงทุนทำงานเลี้ยงแม่เอง เพื่อที่มันจะได้จบๆไป
ผลคือเราแย่ค่ะ ทำงานจนรบกวนเวลาเรียนเพียงเพื่อเอาเงินมาส่งให้แม่เพราะสงสารแม่
เราดูแลแม่ เราทำงานเลี้ยงแม่ แล้วใครล่ะดูแลเรา การเรียนอนาคตของเราล่ะ***
เราลองทำแบบผิดๆมาแล้ว คือทิ้งอนาคตตัวเองไปช่วยแม่ให้แม่สุขสบาย
ทั้งๆที่เราอายุแค่ 17-18 ณ ตอนนั้น จนตอนนี้เรา 21 ปี
เรากลับมาเรียนปี 1 ใหม่หลังจากดรอปไปทำงานเลี้ยงแม่ให้รู้แล้วรู้รอดซะเลยเพราะทนไม่ไหว
กับการที่แม่แกบ่นทุกวันว่า เงินไม่พอใช้ๆๆๆ แต่แกไม่ไปทำงาน อย่างไรก้ทำไม่ได้ค่ะ
ทำได้ 1 วัน บ่นจะไปตาย บ่นว่าชีวิตอาภัพเกิดมาต้องทำงานเป็นขี้ข้าให้หัวหน้า
- แกจะไม่ยอมรับค่ะว่าเป็นโรคประสาท ใครจะพาไปหาหมอก็จะด่ากราดเลยค่ะ
แถมด่าเราด้วยว่า เราต่างหากที่ประสาท ด่าเรากลับมาแบบนี้ค่ะ
ฟังแล้วก็น่าสังเวชใจ ว่าสรุปเราต้องเป็นโรคประสาทใช่มั้ยแม่ถึงจะรู้สึกดี
- เราไม่รู้จะเริ่มแก้อาการทางประสาทของแม่อย่างไรดี
จะพาไปพบจิตแพทย์ หรือ บอกให้แกรู้ตัวว่ามันไม่โอเคแร้วนะ ยังไงดีคะ
ให้แกยอมรับและยอมไปรับการรักษาจริงจังเสียที
เพราะตอนนี้ เราว่าสิ่งที่แย่ที่สุดคือ เรากำลังป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและโมโหร้ายตามแม่เปี้ยบค่ะ
น่าจะเป็นเพราะกรรมพันธุ์และซึมซับความก้าวร้าวมาตั้งแต่เด็ก
เราเกลียดตัวเองที่ป่วยเป็นแบบแม่ ทั้งๆที่เราไม่ชอบเอาซะเลย
แต่เราไปรับการรักษาค่ะ เพราะอยากหาย
แต่แม่นี่สิคะ เราจะมีวิธีการตะล่อมยังไงดี
ขอบคุนล่วงหน้าค่ะ
แม่เราเป็นโรคประสาทอ่อนๆพาไปหาจิตแพทย์อย่างไรดี
ส่งผลให้พ่อเราหย่ากับแม่ แม่เราเลี้ยงเราด้วยความหงุดหงิดตลอด
เราทำอะไรนิดนึงก็โดนด่าว่า โดนทุบตี ด้วยคำหยาบคายและรุนแรง จนเราหงอและเก็บกดเครียดตลอด
เราทะเลาะกับแม่บ่อยมาก เพราะแม่ชอบเห็นเราเป็นที่ระบายอารมณ์
เจอ ตา-ยาย ทำอะไรไม่ดีมา เราเป็นกระโถนรองรับอารมแม่ก่นด่า ตะคอก ด่าว่าเราเป็นกะหxี่
ไปตายไป ลูกชั่ว เอาข้าวของปาใส่ถ้าเราเผลอเถียงแก (เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิดเราเลยเถียงค่ะ)
เพราะมันทนไม่ไหวแล้ว การต้องอยู่กับแม่ที่เป็นโรคประสาทเหมือนตกนรกค่ะ
ทั้งๆที่เราตั้งใจเรียน และเป็นเด็กปกติค่ะยืนยันได้
เรารู้มานานแล้วว่าแม่เป็นโรคประสาทค่ะ.......
ยายเรา พ่อเรา คนอื่นๆในครอบครัว มักจะบอกเราว่า แม่เราเป็นโรคประสาทนะ อย่าใส่ใจแม่เขาเวลาเขาทำไรแรงๆ
คนอื่นๆก็จะถามไถ่เรา เวลาเจอถึงอาการแม่ และรู้กิตติศัพท์ของอารมณ์ร้ายของแม่
เขาเตือนว่า.. ถ้าอยู่กับแม่ไป จะเป็นโรคประสาททางที่ดีควรไปอยู่กับพ่อ
แต่ด้วยความที่เรารักแม่มาก ถึงจะเป็นอย่างไรก็รักมาก ห่วงมาก
เพราะการที่แม่เราจิตไม่ปกติ เกิดจาก ตากับยายเรา เลี้ยงแม่เราด้วยความรุนแรงเช่นกัน
-แม่เราเคยฆ่าตัวตายตอน วัยรุ่นเนื่องจาก ตาขู่ว่าจะไม่ให้เรียนต่อและมีประวัติเป็นโรคซึมเศร้า
ตาติดเหล้าและติดคุณโสเภxxหลายคนๆ จนทำให้ที่บ้านเป็นหนี้ ไม่มีเงินส่งแม่เราเรียนไปช่วงนึง
แม่เราจึงหลุดๆมาตั้งแต่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ จากที่เคยเป็นคนร่าเริงอารมณ์ขัน
- สาเหตุที่หย่ากับพ่อเพราะ ขี้ระแวง บ่นด่าทุกอย่าง อาละวาดพ่อ ขัดใจนิดหน่อยหนีกลับบ้าน
ไปกินข้าวนอกบ้านก็หน้างอ เพราะคิดว่าพ่อมองผู้หญิงอื่น (คิดลบคิดร้ายไปเอง)
เราทนอยู่กับสภาพแวดล้อมนี้มา 21 ปีแล้วค่ะ
จนเราย้ายออกมาอยู่หอเอง
*จุดสำคัญคือ ตอนนี้มันรบกวนชีวิตประจำวันเรามากค่ะ....
แม่เราทำงานไม่ได้ เพราะประสาทขึ้นเวลาทำงาน
หงุดหงิดเจ้านาย ด่าเพื่อนร่วมงาน เกลียดงานที่ทำ อยากให้มีคนเลี้ยงเขา อดทนไม่ได้กับสภาวะความกดดัน
ด่าเจ้านายหยาบๆคายๆลับหลัง เปลี่ยนที่ทำงานตลอด
บางที่ทำ 1 วัน 3 วัน มากสุด 22 วัน กลับมาบ้านทุกวัน 2-3 ทุ่มจะต้อง
ด่า นินทาคนที่ทำงาน ในแง่ลบ บอกว่าสักวันต้องตายถ้ายังต้องทำงานอยู่อีก
- เราอยู่หอ กลับเสาร์-อาทิตย์ เขาจะร้องไห้และขอร้องให้กลับมาอยู่บ้าน
ซึ่งมหาลัยเราอยู่ ปทุมธานี บ้านอยู่สมุทรสาคร เราเดินทางไม่ได้ทุกวันหรอกค่ะ
แต่แม่ไม่ใช้เหตุผลแล้ว แกหลุด แกเริ่มขอร้องให้เรากลับมาอยู่บ้าน
บอกว่า เหงา ไม่มีคนกินข้าวด้วย ซึ่งเราต้องเรียนหนังสือค่ะแม่เราไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
เหมือนคนขาดความอบอุ่นรุนแรง ทั้งที่แกมีหมา 2 ตัว มีตายายอยู่ด้วย
แต่เข้าใจว่าแกคงไม่มีความสุขกับชีวิตเอาซะเลย
แต่เราต้อง ไปเรียน ทำหน้าที่ตัวเองนะคะ
(ตอนเด็กแม่ชอบขอร้องให้หยุดเรียนมาอยู่เป็นเพื่อนยามแกประสาทขึ้นแกจะว้าเหว่ เผชิญปัญหาไม่ได้)
- แม่เราไม่มีเงินใช้ค่ะ ไม่ได้ทำงานและมีปัญหาเรื่องค่ากินค่าอยู่
ก่อนหน้านี้แกใช้เงินกับเรา เงินที่พ่อส่งเสียให้เราเดือนละ 10000 บาทเท่านั้น
สำหรับค่าหนังสือ ค่าเล่าเรียน และค่ากินอยู่ ค่าหอ
เราแบ่งให้แม่ในนี้ ให้แม่ 5000 ตัวเราเองก็ทำงานเสริมเอา จนบางครั้งเรายอมเป็นหนี้
เพื่อให้แม่เราได้มีเงินใช้ ไม่ต้องไปทำงานนอกบ้าน เพราะรู้ว่าแกไม่ปกติ
แต่เราไม่สามารถให้ท้ายแม่แบบผิดๆได้อีกแล้ว เราต้องเอาเงินไปเรียนมหาลัย
แต่แม่เรา ไม่สามารถหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ค่ะ
แกไม่ได้พิการ แต่แกจะหงุดหงิดที่ทำงานมากๆ เพราะอาการประสาทของแกที่รบกวนจิตใจตัวเอง
.....เราจึงเป็นห่วงแกมาก พะวงมากๆ จนเราเป็นโรคประสาทตามไปเรียบร้อยแล้วตอนนี้
ทุกวัน แกจะโทรมาด่าที่ทำงานให้ฟังว่า เจ้านายโคดเxี้ย เกลียด หลอกเอาเงินทนๆทำไป
เพื่อนร่วมงาน ตอแxล อะไรแบบนี้ทุกวัน 2-3 ทุ่ม พอเราฟังหูทวนลม
แกก้จะบอกว่าเรา เห็นแก่ตัว ไม่โมโหไปกับแก ฟังแต่ไม่สนใจ เอาตัวเองรอดเหมือนพ่อเxิง
- เราฟังไม่ไหวค่ะ เรายังเรียนหนังสืออยู่เลย เราไม่มีจิตใจจะไปเรียน
ถ้ายังต้องรับมือแม่ที่เป็นหนักขนาดนี้อยู่ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูแม่
เราเป็น ลูกคนเดียว และพ่อเรารับผิดชอบแค่เรา แต่แม่ยืนยันว่าพ่อต้องรับผิดชอบแม่ด้วย
ทั้งๆที่หย่ากันไปแล้ว แกเลยจะขอแบ่งเงินเลี้ยงดูที่มีแค่ 10,000 บาท/เดือน
ทั้งที่เรายังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ
- เราเป็นทุกข์ใจ ถึงขั้นตอนนี้ล้มป่วยทางจิตไปอีกคน
รับยาระงับประสาทกับ ยานอนหลับมากิน แม่ไม่เคยถามถึงการรักษาของเราเลย
และไม่ยอมรับว่าเป็นสาเหตุของโรคจิตเวชของเรา
เราตรอมใจมากค่ะ ในที่สุดเราก็เป็นโรคประสาทตามแม่เราจริงๆ
มันสายเกินแก้แล้ว เราเคยกินยาตายต่อหน้าแม่ด้วยค่ะ เพราะเกินจะทน
มีเหตุการอีกมากที่ยังไม่อยากเล่าค่ะ แค่พูดถึงก็จะอ้วกแล้ว พูดแล้วก็เหมือนไปสะกิดบาดแผลตัวเอง
- เราเคยลงทุนทำงานเลี้ยงแม่เอง เพื่อที่มันจะได้จบๆไป
ผลคือเราแย่ค่ะ ทำงานจนรบกวนเวลาเรียนเพียงเพื่อเอาเงินมาส่งให้แม่เพราะสงสารแม่
เราดูแลแม่ เราทำงานเลี้ยงแม่ แล้วใครล่ะดูแลเรา การเรียนอนาคตของเราล่ะ***
เราลองทำแบบผิดๆมาแล้ว คือทิ้งอนาคตตัวเองไปช่วยแม่ให้แม่สุขสบาย
ทั้งๆที่เราอายุแค่ 17-18 ณ ตอนนั้น จนตอนนี้เรา 21 ปี
เรากลับมาเรียนปี 1 ใหม่หลังจากดรอปไปทำงานเลี้ยงแม่ให้รู้แล้วรู้รอดซะเลยเพราะทนไม่ไหว
กับการที่แม่แกบ่นทุกวันว่า เงินไม่พอใช้ๆๆๆ แต่แกไม่ไปทำงาน อย่างไรก้ทำไม่ได้ค่ะ
ทำได้ 1 วัน บ่นจะไปตาย บ่นว่าชีวิตอาภัพเกิดมาต้องทำงานเป็นขี้ข้าให้หัวหน้า
- แกจะไม่ยอมรับค่ะว่าเป็นโรคประสาท ใครจะพาไปหาหมอก็จะด่ากราดเลยค่ะ
แถมด่าเราด้วยว่า เราต่างหากที่ประสาท ด่าเรากลับมาแบบนี้ค่ะ
ฟังแล้วก็น่าสังเวชใจ ว่าสรุปเราต้องเป็นโรคประสาทใช่มั้ยแม่ถึงจะรู้สึกดี
- เราไม่รู้จะเริ่มแก้อาการทางประสาทของแม่อย่างไรดี
จะพาไปพบจิตแพทย์ หรือ บอกให้แกรู้ตัวว่ามันไม่โอเคแร้วนะ ยังไงดีคะ
ให้แกยอมรับและยอมไปรับการรักษาจริงจังเสียที
เพราะตอนนี้ เราว่าสิ่งที่แย่ที่สุดคือ เรากำลังป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและโมโหร้ายตามแม่เปี้ยบค่ะ
น่าจะเป็นเพราะกรรมพันธุ์และซึมซับความก้าวร้าวมาตั้งแต่เด็ก
เราเกลียดตัวเองที่ป่วยเป็นแบบแม่ ทั้งๆที่เราไม่ชอบเอาซะเลย
แต่เราไปรับการรักษาค่ะ เพราะอยากหาย
แต่แม่นี่สิคะ เราจะมีวิธีการตะล่อมยังไงดี
ขอบคุนล่วงหน้าค่ะ