ก่อนเดินทางไป เรามาหาข้อมูลและสอบถามท่านที่ไปมาแล้ว ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ข้อมูลด้วยนะคะ
เราจะแบ่งเป็นสองส่วน
ส่วนแรก การเดินทางของเราจากเอกมัยไปสนามหลวง เผื่อท่านที่มาลงเอกมัยเหมือนกันค่ะ
ส่วนที่สอง การไปต่อคิวค่ะ
ส่วนแรก
พอถึงเอกมัย เดินออกมาจะเจอรถเมล์ฟรีครีมแดงด้านขวา สามารถขึ้นได้เลยค่ะ รถไม่เต็มก็ออกค่ะ รอไม่นาน แต่เค้าจะแวะหลายป้ายค่ะ
ครั้งแรกที่ไปช่วงเดือนตุลาคม เรานั่งรถเมล์ฟรี ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆค่ะ ช่วงกลางคืนนะ
แต่ครั้งนี้เราลองนั่ง BTS ไปลงสถานีอโศก ต่อMRT ไปลงสถานีหัวลำโพง แล้วก็นั่งรถเมล์ฟรีที่หน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง เค้าไปส่งถึงถนนสนามไชย
(นั่งรถเมล์ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีค่ะ โดยรวมใช้เวลาน้อยกว่านั่งรถเมล์จากเอกมัยค่ะ)
ซึ่งไปถึงก็เห็นรั้วพระราชวังค่ะ แต่จะไกลจากสนามหลวงซักหน่อย พอลงรถเมล์แล้ว ก็ข้ามถนนไปฝั่งที่มีตำรวจตรวจก่อนเข้าไปค่ะ จากนั้นเดินไปนิดนึง จะเจอจุดบริการรถราง ไปส่งสนามหลวงค่ะ สะดวกมาก
ขอเล่าถึงการต่อคิวของคุณลุงท่านนึงนะคะ
พอรถรางใกล้จะมา เจ้าหน้าที่บอกให้ตั้งแถวรอเลย เราก็ไปยืนรอเป็นคนที่สองต่อจากคุณป้าคนนึง
แล้วสักพักก็มีคุณลุงท่านนึงเดินมา เจ้าหน้าที่บอกว่า "คุณลุงถ้าจะขึ้นรถรางไปต่อคิวได้เลยครับ" คุณลุงก็ "อ๋อๆ ต่อคิวนะ"
แล้วคุณลุงก็มาต่อคิว ด้วยการมายืนข้างหน้าคุณป้าที่ยืนเป็นคนแรกเลยค่ะ - -" อะไรจะขนาดนี้ มันเป็นการต่อคิวที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เพิ่งมีโอกาสมาเห็นที่กรุงเทพฯนี่ล่ะ แต่คุณป้าก็ไม่ว่าอะไรนะคะ
ที่จริงคิวก็ไม่ได้ยาวเลย มีไม่กี่คนเอง
นอกจากรถรางแบบนี้ ยังมีแบบโบราณด้วยค่ะ เราเปลี่ยนใจรอขึ้นรถรางโบราณแทน
มีพัดลมเพดานด้วย ที่นั่งเป็นไม้ดูคลาสสิคดีค่ะ
รถรางจะไปส่งถึงบริเวณพระแม่ธรณีบีบมวยผม แล้วก็วนรถกลับค่ะ
อันนี้ขอเล่าเพิ่มเติมนะคะ บรรยากาศฝั่งทางโรงแรมรัตนโกสินทร์
มีรถบัสมาจอดเยอะเลยค่ะ คนก็เยอะ รถบัสน่าจะเป็นสิบคัน
พอเดินไปถึงธนาคารออมสิน ก็จะเจอบูธจัดให้ชมภาพในหลวงค่ะ
มีบริการถ่ายรูปให้ฟรีด้วย ถ่ายแล้วได้รูปเลย
ส่วนที่สอง มาถึงส่วนสำคัญของการเดินทางครั้งนี้ค่ะ
เรามีตัวเลือกสองแบบในใจ คือเข้ากราบพระบรมศพตอนค่ำเลย หรือจะมาตอนตีสามกว่าๆ
ที่เคยอ่านมา ก็เห็นมีบางท่านไปตอนกลางคืน ก็ได้กราบพระบรมศพและออกมาก็ไม่ดึกเกินไป ประมาณสี่ห้าทุ่ม
เราก็เลยตัดสินใจออกไปตอนทุ่มกว่าๆ ถ้าดูคนเยอะก็ค่อยกลับมานอน แล้วไปตอนตีสาม
แต่พอไปถึง คนไม่เยอะเท่าไหร่ค่ะ (เราไปวันพฤหัส)
พอผ่านด่านตรวจที่อยู่ตรงข้ามโรงแรมรัตนโกสินทร์มา เราก็เดินไปทางซ้ายมือ เพื่อหาประตูทางเข้า
คือประตูที่สี่ค่ะ
พอเข้าประตูมา มองตรงไปก็เห็นบอลลูน ท้ายคิว เลยค่ะ แต่บอลลูนอยู่ข้างล่างแบบนี้ แสดงว่าคงไม่มีคิวยาวแล้วมั้ง แล้วหางแถวอยู่ไหนล่ะ?
มองไปเห็นป้ายชี้บอกทางพอดี ก็เดินไปทางนั้น แต่เพื่อความแน่ใจก็เลยแวะถามคุณตำรวจที่ยืนอยู่ในป้อมเล็กๆ คุณตำรวจก็ไม่รู้เหมือนกัน
เลยแนะนำให้ไปตรงบอลลูนอีกลูก ที่เขียนว่าอำนวยการ เราเลยเดินย้อนกลับไปที่เดิม แล้วเดินไปกลางสนามหลวง ตามบอลลูนลูกเล็กที่เห็นในภาพด้านบนค่ะ ตรงกลางสนามหลวงก็เห็นเต้นท์โล่งๆ ไม่ค่อยมีคน ก็เดินมองหาเจ้าหน้าที่ เจอเจ้าหน้าที่ท่านนึงน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่เทศกิจ ก็ถามพี่เค้าค่ะ
ทีแรกพี่เค้าก็ทำหน้าไม่แน่ใจเท่าไหร่ แล้วก็เดินมองไปมองมา ก็บอกให้เราไปตรงเต้นท์ขาวที่อยู่ทางเข้าประตู ซึ่งตอนที่เราเดินผ่านประตูเข้ามาครั้งแรก เราก็เห็นเต้นท์ขาวนี้นะ แต่เค้าเขียนว่ากองอำนวยการวชิรพยาบาล ก็นึกว่าไว้สำหรับดูแลคนป่วย เลยไม่ได้ดูให้ละเอียดว่าเต้นท์นี้เป็นจุดเริ่มที่เดินไปต่อคิว
แล้วมาเจอป้ายนั้นอีก ที่ชี้ไปทางขวา ก็เลยเดินไปทางขวาเลย
นี่คือเต้นท์กองอำนวยการวชิรพยาบาลค่ะ เข้าประตูมามองไปทางซ้ายมือก็เจอเลยค่ะ (ประตู4)
เดินต่อมานิดนึงจะเจอเต้นท์ให้ยืมผ้าถุงด้วยค่ะ
พอเดินเข้ามาตามเต้นท์ขาว คนก็ไม่เยอะเลยค่ะ โล่ง
และก็เห็นป้ายที่บอกว่า ทางไปสักการะพระบรมศพ ซึ่งติดอยู่ด้านในเต้นท์
เดินตามทางมาเรื่อยๆ ก็เจอท้ายคิวแล้วค่ะ
เราก็ไปต่อท้ายคิว ซึ่งตรงกับบูธที่เค้าแจกน้ำเขียวพอดี
ขอแนะนำท่านที่อยากหยิบน้ำได้สะดวก เวลาต่อคิว ให้อยู่ริมซ้ายสุดค่ะ
แต่กลางคืนจุดแจกน้ำจะมีไม่มากเท่าไหร่ค่ะ ถ้าไปกลางคืนก็พกน้ำตัวเองไปด้วยก็ได้ค่ะ เอาไปแค่พอจิบๆ
รอไม่นานก็ได้เดินแถวไปเรื่อยๆค่ะ มีหยุดเป็นระยะ แต่ก็ไม่นานมาก
จะมีบูธให้ยืมผ้าเปลี่ยนด้วยค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าเค้าเปิดถึงกี่โมง
ตอนที่เราไปต่อแถวประมาณ 19.50 ค่ะ เดินมาถึงจุดให้ยืมผ้านี้ก็น่าจะประมาณสองทุ่มค่ะ
เดินมาเรื่อยๆ ก็มองออกไปเห็นฝั่งตรงข้าม เป็นเต้นท์จุดรอคอยค่ะ อีกไม่ไกลก็จะถึงเต้นท์นั้นแล้วค่ะ
แล้วก็มาถึงเต้นท์จุดรอคอย ได้นั่งเก้าอี้ไม่นานค่ะ ก็ลุกเดินขยับไปอีกเต้นท์
และในที่สุดก็ได้เดินเข้าพระราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรี
ด้านในสวยงามมาก ก่อนเข้าเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าห้ามถ่ายรูป
แต่ก็มีคนถ่ายค่ะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ด้านในก็ไม่ได้ห้ามนะคะ
(เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ให้ถ่ายรูปได้ แต่ถ้าเข้าเขตพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทให้เก็บมือถือ ห้ามถ่าย ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังช่วยถ่ายรูปให้ด้วยค่ะ เราคิดว่าเจ้าหน้าที่คงเข้าใจว่าทุกคนที่มาก็อยากได้ภาพพระราชวังไว้เป็นที่ระลึก ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี ก็เลยอนุโลมให้ถ่ายได้ แต่มีคนนึงเราเห็นเค้าเอามือถือมาเซลฟี่ ในขณะที่นั่งรอในเต้นท์ เพื่อรอขึ้นไปกราบพระบรมศพ ซึ่งตรงนั้นถือว่าไม่ควรถ่ายรูปแล้ว ก็ยังกล้าทำ)
พอออกมาทางประตูเทวาภิรมย์ ก็จะมีเต้นท์รับคืนผ้าถุงที่ยืมค่ะ
ด้านนอกประตูจะมีเจ้าหน้าที่ คอยแนะเส้นทาง ถามว่าจะไปไหน ให้ขึ้นรถที่ไหน
เจ้าหน้าที่ทุกคน ทุกส่วน ให้บริการดีมากค่ะ
สรุปเราเข้าคิวตอนประมาณทุ่มห้าสิบ19.50 ได้ออกมาตอนประมาณสามทุ่มห้าสิบ 21.50 ค่ะ ใช้เวลาสองชั่วโมง
ถ้าท่านใดมาช่วงกลางคืนได้ ก็น่าจะมาค่ะ คงใช้เวลาไม่นาน ในวันธรรมดา
ที่จริงเรามาอีกครั้งตอนตีสามครึ่งของวันศุกร์ด้วยค่ะ ซึ่งใช้เวลารวม 8 ชั่วโมง
ซึ่งจะขอเล่ารายละเอียดตอนเข้าคิวต่อพรุ่งนี้ค่ะ
=======================================
การต่อคิวของเราในวันศุกร์ที่ 18 พ.ย.
มาถึงบริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ประมาณ 3.40 น. คนก็เยอะแล้วค่ะ
เดินไปเรื่อยๆเพื่อหาท้ายแถว แถวยาวมาก
เดินไปสักพัก มีเสียงคนบอกว่ามีจุดตรวจอีกจุดนึง คนที่ต่อแถวอยู่หลังๆ ก็เลยหันกลับวิ่งไปทางนั้น
เราก็เลยไปด้วย
แล้วก็มาอยู่ตรงถนนระหว่างตึกกระทรวงกลาโหมกับกรมแผนที่ทหาร ซึ่งอยู่ตรงนี้นานพอสมควร กว่าได้ตรวจกระเป๋า
ตรงนี้เป็นจุดที่ไกลจากประตู4 พอสมควรเลยค่ะ
ให้ผู้ชายแยกออกมาตั้งแถวสองแถวค่ะ เพื่อความรวดเร็วในการตรวจ
คุณตำรวจจะให้ผู้หญิงที่มีกระเป๋าเล็กๆ แยกไปต่ออีกแถวค่ะ ซึ่งคนจะน้อยกว่า
แต่ไม่แน่ใจว่าจุดตรวจอื่นจะเป็นแบบนี้หรือเปล่านะคะ
แนะนำว่าเอากระเป๋าเงิน โทรศัพท์ ขวดน้ำ ออกมาถือไว้ เพื่อให้ของในกระเป๋าเหลือน้อยที่สุด ให้คุณตำรวจได้ตรวจเร็วขึ้น
พอผ่านจุดตรวจกระเป๋ามาแล้ว ต้องอาศัยกำลังขาค่ะ วิ่งได้ก็วิ่งค่ะ เพื่อไปหาหางแถวให้เร็วที่สุดค่ะ
แล้วก็มาถึงประตู4 ค่ะ
จากภาพนี้มองเผินๆจะเหมือนว่าแถวที่เห็นนี้ จะได้เดินต่อไปกับแถวที่กำลังเดินเข้าเต้นท์ขาว
แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ค่ะ T_T แถวที่ต่อนี้ จะต้องวนขวา เพื่อไปเข้าเต้นท์นั่งรอกลางสนามหลวง
นี่คือหางแถวค่ะ มาถึงประมาณ 4.40 น. ตอนเรามาถึงหางก็ยังไม่ยาวห่างจากประตูเท่าไหร่
พอวนมาทางขวา ก็เดินไปตามทางเดิน จนไปถึงเต้นท์นั่งรอกลางสนามหลวง
เราได้เต้นท์ที่สอง
อากาศไม่ร้อนมากค่ะ ในเต้นท์มีพัดลมให้
ไม่รู้ทำไมเต้นท์ถัดไป ไม่เปิดไฟ
มีห้องน้ำบริการด้านหน้าเต้นท์ด้วยค่ะ
ประมาณตีห้ากว่าๆ เจ้าหน้าที่ก็เรียกให้ออกจากเต้นท์ ก็เดินแถวไป เดินกลับไปทางเดิม ทางประตู4
* ช่วงที่มีการเคลื่อนแถวนะคะ จะเป็นช่วงไม่เป็นแถวเท่าไหร่แล้วนะ ใครเดินเร็วได้ ก็เดินค่ะ
ช่วงนี้คงไม่ว่ากัน ถ้าจะเดินแซงกันขึ้นไป แล้วไปต่อแถวอีกที *
** นั่นคือที่เราเจอนะคะ ไม่รู้ว่าล่าสุดนี้ จะเป็นยังไง
*** แต่พอเป็นแถวแล้ว เราก็ยังถูกแซงคิวด้วยคุณป้าๆหลายคนเลยค่ะ เมื่อเวลามีการขยับแถว
ซึ่งไม่ใช่เป็นการเดินไกลอะไรนะ ก็เดินตามๆกันมา เค้าจะเนียนๆเข้ามา เหมือนว่าถูกเบียดเข้ามา บางคนก็เข้ามาเฉยๆเลย เรียกเพื่อนมาแซงหน้าเราอีกด้วย - -"
ได้ไปกราบพระบรมศพเรียบร้อยแล้ว ขอแชร์สิ่งที่พบเจอค่ะ
เราจะแบ่งเป็นสองส่วน
ส่วนแรก การเดินทางของเราจากเอกมัยไปสนามหลวง เผื่อท่านที่มาลงเอกมัยเหมือนกันค่ะ
ส่วนที่สอง การไปต่อคิวค่ะ
ส่วนแรก
พอถึงเอกมัย เดินออกมาจะเจอรถเมล์ฟรีครีมแดงด้านขวา สามารถขึ้นได้เลยค่ะ รถไม่เต็มก็ออกค่ะ รอไม่นาน แต่เค้าจะแวะหลายป้ายค่ะ
ครั้งแรกที่ไปช่วงเดือนตุลาคม เรานั่งรถเมล์ฟรี ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆค่ะ ช่วงกลางคืนนะ
แต่ครั้งนี้เราลองนั่ง BTS ไปลงสถานีอโศก ต่อMRT ไปลงสถานีหัวลำโพง แล้วก็นั่งรถเมล์ฟรีที่หน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง เค้าไปส่งถึงถนนสนามไชย
(นั่งรถเมล์ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีค่ะ โดยรวมใช้เวลาน้อยกว่านั่งรถเมล์จากเอกมัยค่ะ)
ซึ่งไปถึงก็เห็นรั้วพระราชวังค่ะ แต่จะไกลจากสนามหลวงซักหน่อย พอลงรถเมล์แล้ว ก็ข้ามถนนไปฝั่งที่มีตำรวจตรวจก่อนเข้าไปค่ะ จากนั้นเดินไปนิดนึง จะเจอจุดบริการรถราง ไปส่งสนามหลวงค่ะ สะดวกมาก
ขอเล่าถึงการต่อคิวของคุณลุงท่านนึงนะคะ
พอรถรางใกล้จะมา เจ้าหน้าที่บอกให้ตั้งแถวรอเลย เราก็ไปยืนรอเป็นคนที่สองต่อจากคุณป้าคนนึง
แล้วสักพักก็มีคุณลุงท่านนึงเดินมา เจ้าหน้าที่บอกว่า "คุณลุงถ้าจะขึ้นรถรางไปต่อคิวได้เลยครับ" คุณลุงก็ "อ๋อๆ ต่อคิวนะ"
แล้วคุณลุงก็มาต่อคิว ด้วยการมายืนข้างหน้าคุณป้าที่ยืนเป็นคนแรกเลยค่ะ - -" อะไรจะขนาดนี้ มันเป็นการต่อคิวที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เพิ่งมีโอกาสมาเห็นที่กรุงเทพฯนี่ล่ะ แต่คุณป้าก็ไม่ว่าอะไรนะคะ
ที่จริงคิวก็ไม่ได้ยาวเลย มีไม่กี่คนเอง
นอกจากรถรางแบบนี้ ยังมีแบบโบราณด้วยค่ะ เราเปลี่ยนใจรอขึ้นรถรางโบราณแทน
มีพัดลมเพดานด้วย ที่นั่งเป็นไม้ดูคลาสสิคดีค่ะ
รถรางจะไปส่งถึงบริเวณพระแม่ธรณีบีบมวยผม แล้วก็วนรถกลับค่ะ
อันนี้ขอเล่าเพิ่มเติมนะคะ บรรยากาศฝั่งทางโรงแรมรัตนโกสินทร์
มีรถบัสมาจอดเยอะเลยค่ะ คนก็เยอะ รถบัสน่าจะเป็นสิบคัน
พอเดินไปถึงธนาคารออมสิน ก็จะเจอบูธจัดให้ชมภาพในหลวงค่ะ
มีบริการถ่ายรูปให้ฟรีด้วย ถ่ายแล้วได้รูปเลย
ส่วนที่สอง มาถึงส่วนสำคัญของการเดินทางครั้งนี้ค่ะ
เรามีตัวเลือกสองแบบในใจ คือเข้ากราบพระบรมศพตอนค่ำเลย หรือจะมาตอนตีสามกว่าๆ
ที่เคยอ่านมา ก็เห็นมีบางท่านไปตอนกลางคืน ก็ได้กราบพระบรมศพและออกมาก็ไม่ดึกเกินไป ประมาณสี่ห้าทุ่ม
เราก็เลยตัดสินใจออกไปตอนทุ่มกว่าๆ ถ้าดูคนเยอะก็ค่อยกลับมานอน แล้วไปตอนตีสาม
แต่พอไปถึง คนไม่เยอะเท่าไหร่ค่ะ (เราไปวันพฤหัส)
พอผ่านด่านตรวจที่อยู่ตรงข้ามโรงแรมรัตนโกสินทร์มา เราก็เดินไปทางซ้ายมือ เพื่อหาประตูทางเข้า
คือประตูที่สี่ค่ะ
พอเข้าประตูมา มองตรงไปก็เห็นบอลลูน ท้ายคิว เลยค่ะ แต่บอลลูนอยู่ข้างล่างแบบนี้ แสดงว่าคงไม่มีคิวยาวแล้วมั้ง แล้วหางแถวอยู่ไหนล่ะ?
มองไปเห็นป้ายชี้บอกทางพอดี ก็เดินไปทางนั้น แต่เพื่อความแน่ใจก็เลยแวะถามคุณตำรวจที่ยืนอยู่ในป้อมเล็กๆ คุณตำรวจก็ไม่รู้เหมือนกัน
เลยแนะนำให้ไปตรงบอลลูนอีกลูก ที่เขียนว่าอำนวยการ เราเลยเดินย้อนกลับไปที่เดิม แล้วเดินไปกลางสนามหลวง ตามบอลลูนลูกเล็กที่เห็นในภาพด้านบนค่ะ ตรงกลางสนามหลวงก็เห็นเต้นท์โล่งๆ ไม่ค่อยมีคน ก็เดินมองหาเจ้าหน้าที่ เจอเจ้าหน้าที่ท่านนึงน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่เทศกิจ ก็ถามพี่เค้าค่ะ
ทีแรกพี่เค้าก็ทำหน้าไม่แน่ใจเท่าไหร่ แล้วก็เดินมองไปมองมา ก็บอกให้เราไปตรงเต้นท์ขาวที่อยู่ทางเข้าประตู ซึ่งตอนที่เราเดินผ่านประตูเข้ามาครั้งแรก เราก็เห็นเต้นท์ขาวนี้นะ แต่เค้าเขียนว่ากองอำนวยการวชิรพยาบาล ก็นึกว่าไว้สำหรับดูแลคนป่วย เลยไม่ได้ดูให้ละเอียดว่าเต้นท์นี้เป็นจุดเริ่มที่เดินไปต่อคิว
แล้วมาเจอป้ายนั้นอีก ที่ชี้ไปทางขวา ก็เลยเดินไปทางขวาเลย
นี่คือเต้นท์กองอำนวยการวชิรพยาบาลค่ะ เข้าประตูมามองไปทางซ้ายมือก็เจอเลยค่ะ (ประตู4)
เดินต่อมานิดนึงจะเจอเต้นท์ให้ยืมผ้าถุงด้วยค่ะ
พอเดินเข้ามาตามเต้นท์ขาว คนก็ไม่เยอะเลยค่ะ โล่ง
และก็เห็นป้ายที่บอกว่า ทางไปสักการะพระบรมศพ ซึ่งติดอยู่ด้านในเต้นท์
เดินตามทางมาเรื่อยๆ ก็เจอท้ายคิวแล้วค่ะ
เราก็ไปต่อท้ายคิว ซึ่งตรงกับบูธที่เค้าแจกน้ำเขียวพอดี
ขอแนะนำท่านที่อยากหยิบน้ำได้สะดวก เวลาต่อคิว ให้อยู่ริมซ้ายสุดค่ะ
แต่กลางคืนจุดแจกน้ำจะมีไม่มากเท่าไหร่ค่ะ ถ้าไปกลางคืนก็พกน้ำตัวเองไปด้วยก็ได้ค่ะ เอาไปแค่พอจิบๆ
รอไม่นานก็ได้เดินแถวไปเรื่อยๆค่ะ มีหยุดเป็นระยะ แต่ก็ไม่นานมาก
จะมีบูธให้ยืมผ้าเปลี่ยนด้วยค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าเค้าเปิดถึงกี่โมง
ตอนที่เราไปต่อแถวประมาณ 19.50 ค่ะ เดินมาถึงจุดให้ยืมผ้านี้ก็น่าจะประมาณสองทุ่มค่ะ
เดินมาเรื่อยๆ ก็มองออกไปเห็นฝั่งตรงข้าม เป็นเต้นท์จุดรอคอยค่ะ อีกไม่ไกลก็จะถึงเต้นท์นั้นแล้วค่ะ
แล้วก็มาถึงเต้นท์จุดรอคอย ได้นั่งเก้าอี้ไม่นานค่ะ ก็ลุกเดินขยับไปอีกเต้นท์
และในที่สุดก็ได้เดินเข้าพระราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรี
ด้านในสวยงามมาก ก่อนเข้าเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าห้ามถ่ายรูป
แต่ก็มีคนถ่ายค่ะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ด้านในก็ไม่ได้ห้ามนะคะ
(เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ให้ถ่ายรูปได้ แต่ถ้าเข้าเขตพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทให้เก็บมือถือ ห้ามถ่าย ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังช่วยถ่ายรูปให้ด้วยค่ะ เราคิดว่าเจ้าหน้าที่คงเข้าใจว่าทุกคนที่มาก็อยากได้ภาพพระราชวังไว้เป็นที่ระลึก ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี ก็เลยอนุโลมให้ถ่ายได้ แต่มีคนนึงเราเห็นเค้าเอามือถือมาเซลฟี่ ในขณะที่นั่งรอในเต้นท์ เพื่อรอขึ้นไปกราบพระบรมศพ ซึ่งตรงนั้นถือว่าไม่ควรถ่ายรูปแล้ว ก็ยังกล้าทำ)
พอออกมาทางประตูเทวาภิรมย์ ก็จะมีเต้นท์รับคืนผ้าถุงที่ยืมค่ะ
ด้านนอกประตูจะมีเจ้าหน้าที่ คอยแนะเส้นทาง ถามว่าจะไปไหน ให้ขึ้นรถที่ไหน
เจ้าหน้าที่ทุกคน ทุกส่วน ให้บริการดีมากค่ะ
สรุปเราเข้าคิวตอนประมาณทุ่มห้าสิบ19.50 ได้ออกมาตอนประมาณสามทุ่มห้าสิบ 21.50 ค่ะ ใช้เวลาสองชั่วโมง
ถ้าท่านใดมาช่วงกลางคืนได้ ก็น่าจะมาค่ะ คงใช้เวลาไม่นาน ในวันธรรมดา
ที่จริงเรามาอีกครั้งตอนตีสามครึ่งของวันศุกร์ด้วยค่ะ ซึ่งใช้เวลารวม 8 ชั่วโมง
ซึ่งจะขอเล่ารายละเอียดตอนเข้าคิวต่อพรุ่งนี้ค่ะ
=======================================
การต่อคิวของเราในวันศุกร์ที่ 18 พ.ย.
มาถึงบริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ประมาณ 3.40 น. คนก็เยอะแล้วค่ะ
เดินไปเรื่อยๆเพื่อหาท้ายแถว แถวยาวมาก
เดินไปสักพัก มีเสียงคนบอกว่ามีจุดตรวจอีกจุดนึง คนที่ต่อแถวอยู่หลังๆ ก็เลยหันกลับวิ่งไปทางนั้น
เราก็เลยไปด้วย
แล้วก็มาอยู่ตรงถนนระหว่างตึกกระทรวงกลาโหมกับกรมแผนที่ทหาร ซึ่งอยู่ตรงนี้นานพอสมควร กว่าได้ตรวจกระเป๋า
ตรงนี้เป็นจุดที่ไกลจากประตู4 พอสมควรเลยค่ะ
ให้ผู้ชายแยกออกมาตั้งแถวสองแถวค่ะ เพื่อความรวดเร็วในการตรวจ
คุณตำรวจจะให้ผู้หญิงที่มีกระเป๋าเล็กๆ แยกไปต่ออีกแถวค่ะ ซึ่งคนจะน้อยกว่า
แต่ไม่แน่ใจว่าจุดตรวจอื่นจะเป็นแบบนี้หรือเปล่านะคะ
แนะนำว่าเอากระเป๋าเงิน โทรศัพท์ ขวดน้ำ ออกมาถือไว้ เพื่อให้ของในกระเป๋าเหลือน้อยที่สุด ให้คุณตำรวจได้ตรวจเร็วขึ้น
พอผ่านจุดตรวจกระเป๋ามาแล้ว ต้องอาศัยกำลังขาค่ะ วิ่งได้ก็วิ่งค่ะ เพื่อไปหาหางแถวให้เร็วที่สุดค่ะ
แล้วก็มาถึงประตู4 ค่ะ
จากภาพนี้มองเผินๆจะเหมือนว่าแถวที่เห็นนี้ จะได้เดินต่อไปกับแถวที่กำลังเดินเข้าเต้นท์ขาว
แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ค่ะ T_T แถวที่ต่อนี้ จะต้องวนขวา เพื่อไปเข้าเต้นท์นั่งรอกลางสนามหลวง
นี่คือหางแถวค่ะ มาถึงประมาณ 4.40 น. ตอนเรามาถึงหางก็ยังไม่ยาวห่างจากประตูเท่าไหร่
พอวนมาทางขวา ก็เดินไปตามทางเดิน จนไปถึงเต้นท์นั่งรอกลางสนามหลวง
เราได้เต้นท์ที่สอง
อากาศไม่ร้อนมากค่ะ ในเต้นท์มีพัดลมให้
ไม่รู้ทำไมเต้นท์ถัดไป ไม่เปิดไฟ
มีห้องน้ำบริการด้านหน้าเต้นท์ด้วยค่ะ
ประมาณตีห้ากว่าๆ เจ้าหน้าที่ก็เรียกให้ออกจากเต้นท์ ก็เดินแถวไป เดินกลับไปทางเดิม ทางประตู4
* ช่วงที่มีการเคลื่อนแถวนะคะ จะเป็นช่วงไม่เป็นแถวเท่าไหร่แล้วนะ ใครเดินเร็วได้ ก็เดินค่ะ
ช่วงนี้คงไม่ว่ากัน ถ้าจะเดินแซงกันขึ้นไป แล้วไปต่อแถวอีกที *
** นั่นคือที่เราเจอนะคะ ไม่รู้ว่าล่าสุดนี้ จะเป็นยังไง
*** แต่พอเป็นแถวแล้ว เราก็ยังถูกแซงคิวด้วยคุณป้าๆหลายคนเลยค่ะ เมื่อเวลามีการขยับแถว
ซึ่งไม่ใช่เป็นการเดินไกลอะไรนะ ก็เดินตามๆกันมา เค้าจะเนียนๆเข้ามา เหมือนว่าถูกเบียดเข้ามา บางคนก็เข้ามาเฉยๆเลย เรียกเพื่อนมาแซงหน้าเราอีกด้วย - -"