น่าน..ไง เพิ่งไปมาเองงงง


สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้อยากจะมาอวดรูปที่เพื่อนถ่าย 55 และแนะนำสถานที่ที่น่านกันซักหน่อยค่ะ ขอเห่อหน่อยแล้วกันนะคะ เพราะว่าเป็นการไปเที่ยวภาคเหนือครั้งแรกของเราเลย (แฮ่) ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน สมาชิกทั้งหมด 4 คน เดินทางจากกรุงเทพฯ สนามบินดอนเมืองไปยังสนามบินน่านนคร (เพื่อนเป็นคนน่านรออยู่แล้วคนนึงด้วยค่ะ) มาดูแพลนคร่าวๆ ที่เพื่อนเราที่น่านเป็นคนจัดแจงค่ะ
รายการค่าที่พัก
โรงแรมคุ้มเมืองมินทร์ 1,190 บาท x2 (ห้อง) ราคานี้ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวค่ะ
ค่าเต๊นท์ดอยเสมอดาว 345 บาท x2 (เต๊นท์)
รายการค่าเดินทาง - ค่ารถเช่าพร้อมคนขับ (ไม่รวมน้ำมันรถ)
1,500 บาท (2 วันในตัวอำเภอนาน้อย, ปัว, ท่าวังผา)
1,000 บาท (1 วันในตัวอำเภอเมืองน่าน)
*รถเดินทางพวกเราใช้บริการของครูหนุ่ย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่เพื่อนเราที่น่านแนะนำค่ะ และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ พูดเลย
     ส่วนแพลนสถานที่ๆ พวกเราจะไปเที่ยวกันมีหอศิลป์ริมน่าน ,ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ ,น้ำตกวังศิลาแลง,กาแฟบ้านไทลื้อ ,วัดภูเก็ต ปัว ,ถนนคนเดินหน้าวัดภูมินทร์ ,ขุนสถาน ,เสาดินนาน้อย ,คอกเสือ, ผาชู้ ,ดอยเสมอดาว และไหว้พระวันกลับในตัวเมือง นี่เป็นแพลนคร่าวๆ ค่ะ เดี๋ยวรีบนำชมของจริงเลย…เอ๊ยน่านน

เมื่อถึงวันที่ต้องไป น่าน..ง่วงจังเลยย วันนี้เครื่องบินดีเลย์ไป 1 ชม. แจ้งมาว่าเนื่องจากสภาพอากาศไม่ดี ดังนั้นแพลนของเราจึงโดนเลื่อนไปอีกซักนิด..เพื่อนๆ ที่จะไปเที่ยวกันก็เตรียมเผื่อเวลากันบ้างนะคะ
เมื่อมาถึง ท่าอากาศยาน น่านนคร ..

เจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นปีๆ ก็ดีใจเม้าท์มอยกันพักนึง จากนั้นก็รีบขึ้นรถไปรับประทานอาหารเช้ากันค่ะ  ร้านที่เราจะไปกันเป็นร้านอาหารท้องถิ่นในจังหวัดน่านที่ขึ้นชื่อมากๆ


ร้านนี้ชื่อร้าน วันดา เป็นร้านบรรยากาศสบายๆ การตกแต่งธรรมดานิดๆ แต่อาหารอร่อยมาก  เราเพิ่งรู้ว่าเค้าก็ดัง ตอนไปแอบเสิร์จในอินเตอร์เนตนี่แหละค่ะ เมนูที่เราและเพื่อนๆ เลือกรับประทานกันในวันนี้ก็จะมี ข้าวซอยไก่,ลาบเหนือ ,ข้าวกันจิ้น ,แคปหมู ,น้ำพริกหนุ่ม ,หมูสะเต๊ะ ,ไก่ทอด , ผัดวุ้นเส้นแบบชาวเหนือ แล้วก็แกงเผ็ดหมู ละลานตาจริงๆ ใครจะลอกเมนูที่เราสั่งก็ได้นะคะ อร่อยทุกอย่าง..แฮ่ มาดูรูปอีกรอบแล้วก็หิวเลย



ถัดจากของคาวเรามาต่อของหวานที่ร้านข้างๆ ร้านกาแฟ ฮักน่าน ความจริงไม่ได้อยู่ในแพลนเราน่ะ แต่แอบเห็นพอดี  ร้านนี้แค่สไตล์การตกแต่งก็กินขาดแล้ว รสชาติกาแฟไม่ต้องพูดถึง อร่อยถูกปากจริงๆ ค่ะ แหมอะไรจะฟินขนาดนั้น ทั้งของคาวของหวาน ขอวันหยุดยาวๆ เพิ่มหน่อยจะได้มั้ยน๊า..




เมื่ออิ่มแล้วพวกเราไม่รอช้ามาสโลไลฟ์เสพงานศิลป์กันต่อที่หอศิลป์ริมน่าน เดี๋ยวขอให้ข้อมูลกันซักหน่อยดีกว่าเนอะ ครูหนุ่ยไกด์กิตติมศักดิ์ของพวกเราพาเราออกเดินทางจากตัวเมืองน่าน ขับรถวิ่งมาตามถนนน่าน-ท่าวังผาทางเข้าอยู่ริมถนนทางหลวง (กม.20) ห่างจากตัวอำเภอเมืองน่านไปประมาณ 20 กม. ก็จะถึง  ที่หอศิลป์นี้เปิดให้เข้าชมเวลา 09.00 - 17.00 น. ทุกวัน ยกเว้นวันพุธ หรือเพื่อน ๆ จะเข้าไปดูรายละเอียดกันที่เว็บไซต์ www.nanartgallery.com เสียค่าเข้าชมกันคนละ 20 บาทเองได้เสพงานศิลป์ดี ๆ  เท่านั้นยังไม่พอแถมยังได้โปสการ์ดเป็นที่ระลึกมาคนละใบอีกด้วย …มาดูบรรยากาศด้านนอกกันก่อนค่ะ

ว้าวว เหมือนต่างประเทศเลย ช่วงนี้ที่เราไป 12-14 พ.ย. ไม่ได้ถึงกับหนาวมากแต่ก็เย็นๆ ยิ่งได้อินกับสถาปัตยกรรมสไตล์นี้ด้วยแล้ว โอเค ผ่านค่ะ ฟิ๊นนฟินนบอกเลออ


พามาชมด้านในหอศิลป์ค่ะ สวยงามมากจริงๆ ภาพเดียวกันบางครั้งอาจจะสื่อความหมายได้หลากหลายแล้วแต่คนจะตีความ  



มีชั้น 2 ด้วยนะคะ เดินตามเสือขาวไปเลยค่ะ แฮ่



สุดท้ายพวกเราไม่ลืมที่จะเลือกโปสการ์ดเป็นที่ระลึกคนละใบก่อนกลับค่ะ



ภาพก่อนกลับ หอศิลป์ริมน่าน คู่กับรูปปั้นกระซิบรัก ประทับใจและเต็มอิ่มจริงๆ ค่ะ

ต่อมา..พักใจไปไหว้พระกันที่ วัดภูเก็ต แอบเล่าประวัติชื่อของวัดให้ฟังนิดนึงค่ะ เผื่อใครสงสัยแบบเรา “วัดภูเก็ต” ชื่อนี้มีที่มาจาก..การใช้ชื่อหมู่บ้าน ชื่อ “หมู่บ้านเก็ต” แต่ด้วยวัดตั้งอยู่บนเนินเขาที่ทางเหนือเรียกกันว่า ภู หรือ ดอย จึงนำมาผสมผสานรวมกันเป็นชื่อเรียกในปัจจุบันว่า "วัดภูเก็ต" นั่นเองค่ะ ไม่งงเนอะ ^ ^ ที่นี่ด้านหลังของวัดเป็นทุ่งนาที่กว้างพร้อมด้วยพื้นหลังเป็นภูเขาสวยมาก แต่เราไปช่วงเค้าเกี่ยวข้าวไปแล้วน่ะ ก็ได้อีกบรรยากาศดีน่ะ ลองมาชมภาพประทับใจกันค่ะ





จบภาพความประทับใจที่วัดภูเก็ตค่ะ

ต่อไป..อากาศร้อนๆแบบนี้ ต้องร้านนี้ กาแฟบ้านไทลื้อ
กาแฟบ้านไทลื้อ เป็นของร้านลำดวลผ้าทอ เราจะเห็นบรรยากาศของสีสันลวดลายผ้าทอ สลับกับทุ่งนาและขุนเขา ตอนที่พวกเราไปแอบร้อนค่ะ แต่สวยจริงๆ ที่นี่ ลองมาชมภาพบรรยากาศกันค่ะ




หลังจากนั้นพวกเราไปแวะหาอะไรรองท้องกันที่ “ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ร้านกาแฟมากนัก มาถึงไม่รอช้า รีบสั่งอาหารกันก่อนเลยค่ะ เมนูเด็ดสุดต้องนี่เลย “พิซซ่าเห็ด” ไปหาข้อมูลในอินเตอร์เนตมาแล้ว ฮี่ๆ ที่นี่นอกจากเป็นสถานที่ชมและศึกษาการเพาะเห็ดนานาชนิดแล้วยังมีที่พักสำหรับคนที่ชื่นชอบบรรยากาศชิลๆ ธรรมชาติๆ แนวนี้อีกด้วยค่ะ



เหนื่อยมากเลยค่ะวันนี้ สำหรับที่พักคืนนี้ของเรา โรงแรมคุ้มเมืองมินทร์ อยู่ใกล้ๆ ถนนคนเดินหน้าวัดภูมินทร์เลยละค่ะ เดี๋ยวแวะพักเหนื่อยสักหน่อย แล้วค่อยออกไปถนนคนเดินค่ะ ลืมถ่ายภาพถนนคนเดิน เพราะหิวมาก ขอบรรยายคร่าวๆ นะคะ


..
ถนนคนเดินหน้าวัดภูมินทร์ ก็จะคล้ายๆ ตลาดนัดเก๋ๆ ชิคๆ ตอนกลางคืน แต่จะมีเพิ่มเรื่องอาหารการกินที่เป็นเอกลักษณ์และรสชาติเฉพาะของอาหารเหนือ ที่น่ารักก็คือ เราซื้อแล้วไปนั่งกินที่ แถวๆ หน้าวัดภูมินทร์ได้ค่ะ จะมีขันโตกวางไว้ให้เราไปนั่งรับประทานกันได้ตามอัธยาศัย เดี๋ยวตอนเช้าถ่ายภาพโรงแรมแบบสว่างๆ มาอวดกันค่ะ
เช้าแล้ว..มาต่อกันเลย

มาแล้วโรงแรมสไตล์วินเทจ สีพาสเทลน่ารักมากๆ เลยค่ะ

ขอถ่ายอีกมุม ..



อาหารเช้า ข้าวต้มปลา อร่อยมากเลยค่ะ เพื่อนเราขอต่ออีกชาม 55 แต่ก็มีอาหารอย่างอื่นด้วยนะเลือกเอาตามอัธยาศัยเลย  มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกแล้วก็ขอออกไปสูดอากาศปั่นจักรยานตอนเช้ารับวิตามินดีๆ กันหน่อย


สนุกมากๆ เลยค่ะ เพราะไปกับเพื่อนๆ บรรยากาศดี เมืองน่านเป็นเมืองที่น่ารักคะ อยากให้เพื่อนๆ ได้ลองมากันค่ะ ^^

อีกสักรูปพอละ..กลับกันเถอะร้อนแล้วๆ  พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งเลยย
เตรียมเก็บของ เช็คเอาท์กันเถอะพวกเรา บายจ้า คุ้มเมืองมินทร์ คืนนี้ไปนอนเต๊นท์ดอยเสมอดาว คิคิ ตื่นเต้นจังเลย
(เอ๊ะๆ มันผ่านมาแล้วนิ จะตื่นเต้นทำไม ^^)
..
วันที่สอง..มุ่งหน้าไปยังสถานที่แรก “อุทยานแห่งชาติขุนสถาน” เราแอบเมารถนิดๆ ตอนแรกนั่งเบาะกลาง (Toyota Innova) ครูหนุ่ยก็บอกให้เรามานั่งหน้าดีกว่าจะได้ไม่เมา แถมยังขับช้าๆ ให้อีกด้วย ขอบคุณมากค่ะ ไม่อยากกินยาแก้เมารถ กลัวไม่ได้มองวิวสวยๆ 55
…
ถึงแม้จะมึนนิดๆ แต่เมื่อเทียบกับวิวที่ได้มาเห็นแล้ว ถือว่าคุ้มจริงๆ ค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่มาเที่ยวเหนือของเราด้วย มีความรู้สึกดีไปอีกแบบ เราเคยไปเที่ยวภาคใต้หลายครั้ง บางครั้งมองทะเลก็ว่าดีแล้ว นี่ลองมองภูเขา โอ๊ยฟินอ่ะ ดีจังค่ะ  >..<

  


ขอแอบย้อนไปนิดนึงนะคะ  พวกเราไปแวะไร่องุ่นและสตรอว์เบอร์รี่กันมาก่อนค่ะ โดยเราสามารถเลือกเก็บสตรอว์เบอร์รี่ได้เอง เสร็จแล้วก็นำไปให้คนขายคิดราคา มีสินค้าแปรรูปอีกหลายอย่าง ทั้งสตรอว์เบอร์รี่แช่อิ่ม, สตรอว์เบอร์รี่อบแห้ง, แยม, ไวน์ และผลไม้สดอื่น ๆ อีกมากมาย มาดูบรรยากาศรอบๆ กันค่ะ เหมือนในละครที่มีฉากกุ๊กกิ๊กพระเอกนางเอกเลยค่ะ ^^




เราแวะที่นี่กันซักพักก็ใกล้ถึงที่หมาย ที่จะมาดูดาวกันแล้วค่ะ ใช่ค่ะ “ดอยเสมอดาว” เย้ๆๆ
พวกเราเช่าเต๊นท์กันไว้แล้วที่ดอยเสมอดาว มุมดีวิวกำลังสวยค่ะ แต่ช่วงเราไปไม่หนาวมาก จะเย็นๆ มากกว่า เพิ่งเคยนอนเคยนอนเต๊นท์ครั้งแรกแหละ วิชาลูกเสือเนตรนารีก็ไม่เคยน่ะ คิคิ

ได้เต๊นท์ติดจุดชมวิวเลยดีจัง

ภาพว่าสวยแล้ว ของจริงสวยมากๆ เลยค่ะ
คืนนี้พวกเรานอนกันที่ ดอยเสมอดาว มีอาหารที่พกมาจากบ้านเพื่อนที่อยู่น่านบางส่วน และเราก็มาสั่งจิ้มจุ้มที่ร้านบริเวณไหล่เขาก่อนขึ้นมาไว้ด้วยค่ะ หม้อละ 200 บาท แต่ถ้าน้อยไปก็เพิ่มเติมกันได้เลยน้า เค้าจะคิดเงินค่ามัดจำหม้อไว้ด้วย 200 บาท ตอนเช้าเราเอาหม้อและเตาไปคืน อ่อ ไฟแช็คด้วยเค้าก็จะคืนเงินมาให้ เสร็จแล้วเราก็จะหลงกลไปสั่งไข่กระทะกินตอนเช้าอีก 55 น่านไง
มาดูภาพเซตสวย ไคล์แม๊กซ์ของทริปนี้กันค่ะ

  


ตอน 2 ค่ะ http://ppantip.com/topic/35835285