▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
Backpack
เที่ยวต่างประเทศ
เกาะลังกาวี
ประเทศมาเลเซีย
[CR] 3 วัน 2 คืน กับที่นี่...ลังกาวี เกาะแห่งคำสาปในตำนาน...
สำหรับจุดเริ่มต้นของทริปนี้ก็คือ เราได้วันหยุดมา 3 วัน วันหยุดตามปฎิทินนั่นแหละ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 22 - จันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2016 (อวดทำไม) ซึ่ง 3 วันนี้ก็คิดว่าจะขับรถขึ้นเหนือดีไหมเพราะอากาศเริ่มหนาวแล้ว แต่เราก็มาคิดว่า 3 วันนี้คนหยุดกัน รถติดแน่นอนเพราะคนก็ออกต่างจังหวัดกัน ดังนั้นถ้าไม่อยากเผชิญรถติดก็เลยคิดว่าไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านเราดีกว่า แต่ว่าจะไปที่ไหนหล่ะ ไม่รอช้าเข้ามาหาข้อมูล สุดท้ายข้อสรุปคือ เกาะลังกาวี เกาะแห่งคำสาปในตำนาน (ยิ่งได้อ่านตำนานในเว็บท่องเที่ยวมาเลเซียยิ่งทำให้เราอยากไปเยือนเกาะแห่งคำสาปในตำนานสักครั้ง)
ไม่รอช้าเราก็จัดแจงเตรียมจองทุกอย่าง รวมถึงเพื่อนร่วมเดินทาง ล่วงหน้าเกือบ 1 เดือน ส่วนแพลนก็ไม่มีอะไรมากมีแค่สถานที่ต้องไปยลโฉม ไปเยือนให้ได้แค่ 2 ที่นั่นก็คือ จัตุรัสนกอินทรี กับ sky bridge เท่านั้น ส่วนโปรแกรมอื่นๆหน่ะเหรอ ตามแต่ใจจะอยากไป 555 เกริ่นกันมายาวแล้ว เริ่มออกเดินทางกันดีกว่า
วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2016 วันนี้ขอไม่นับแล้วกันเนอะ
หลังเลิกงานก็รีบออกจากย่านธุระกิจชื่อดังอย่าง เพลินจิต เพื่อมุ่งหน้าไปยังขนส่งสายใต้ใหม่ที่ ถ.บรมราชชนนี โดยเรากับน้องนัดกันตอน 6 โมงเย็น (เวลาเลิกงาน) เพราะต้องไปขึ้นรถ บขส. ของทรัพย์ไพศาลทัวร์ เส้นทาง กรุงเทพ - สตูล รถออก 7:30 PM ด้วยระยะทางกับเวลาที่มี เราจึงต้องยืนเบียดบนรถบีทีเอสแล้วรีบแว๊นมอไซค์ต่อ ด้วยความที่รีบเร่งเลยไม่ได้ถ่ายรูปมา ไปถึงอย่างเฉียดฉิว แล้วขึ้นไปนั่งบนรถอย่างสบายใจ พร้อมกับคำบ่นน้องว่าหิว แบบเบาๆ #ทริปทรหดอดทนเริ่มขึ้นแล้ว (เนื่องจากเรากังวลว่า รถออกตรงเวลาเราเลยรีบไปแบบไม่ได้ซื้ออะไรติดมือไปด้วย แต่ที่ไหนได้กว่ารถจะออกรอไปเกือบ 45 นาที!!! แม่เจ้านานจนกินอาหารคาว และต่ออาหารหวานได้เลยทีเดียว =_=") วันนี้ไม่มีอะไรมาก นั่ง นอน ยาวๆกันไปค่ะ
(จากที่โทรไปสอบถามเจ้าหน้าที่ เค้าบอกว่าใช้เวลาเดินทางประมาณ 14 ชั่วโมง แต่เอาเข้าจริง 17 ชั่วโมง!!! จ้าาา)
Day 1 (วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม 2016)
วันที่ 1 เราตื่นเช้ามาพร้อมกับวิวข้างหน้าต่างที่ผ่านไปเรื่อยๆ นั่งกันมายาวๆจนกระทั่ง 11:50 AM ก็ถึงซะที สตูลลลลลลล
จากข้อมูลที่หามาบอกว่าให้นั่งมอไซค์วินหรือรถ 2 แถวคันเล็กๆไปที่ท่าเรือตำมะลัง ค่าโดยสารประมาณ 40 - 60 บาทต่อคน แต่จากที่ถามเจ้าหน้าที่เค้าบอกว่ามอเตอร์ไซค์ไม่ค่อยมีแล้วถ้าจะไปก็ให้นั่งรถ 2 แถวคันเล็กไป แต่พอไปสอบถามราคาปรากฎว่าต้องเหมา ราคา 2 คนอยู่ที่ 200 บาท ตกคนละร้อย 100 บาทกับระยะทาง 8 กิโลจากท่ารถ ไปยัง ท่าเรือ เรากับน้องมองหน้ากันแบบรู้กันว่ากลับไปถามเจ้าหน้าที่ใหม่ดีกว่า แล้วก็ได้คำตอบมาใหม่ว่า อีกทางถ้าจะไปท่าเรือให้เดินออกไปที่สามแยกใหญ่แล้วรอตรงนั้นจะมีรถ 2 แถวประจำทางผ่าน เรากับน้องไม่รอช้า เดินกันไปทันที เพราะคุยกันแล้วว่าเรือรอบต่อไปออกตั้ง 13:30 ยังมีเวลาเหลืออีกชั่วโมงกว่าๆ ก็เลยเลือกที่จะเดินไปขึ้นรถตรงนั้นดีกว่า
แต่แล้ว...
ระหว่างที่เดินมีพี่รักษาความปลอดภัยตรงท่ารถคนนึงขับมอไซค์ผ่านมาเค้าแวะจอดและบอกว่าพอดีพักและจะไปทำธุระที่บ้านแล้วผ่านทางท่าเรือพอดีเดี๋ยวไปส่ง ตอนแรกเราก็เกรงใจบอกว่าไม่เป็นไรค่ะ เค้าบอกมันไม่ไกลขึ้นมาเถอะเรากับน้องก็เลยซ้อนท้ายพี่เค้าไป และใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีเราก็ถึงที่หมาย #ขอบคุณมากๆนะคะ
เย้ มาถึงแล้ว ชักภาพเป็นที่ระทึก เฮ้ย ระลึก (เล่นเองแก้เอง เหอๆๆ) เสร็จ ก็ไม่รอช้าไปซื้อตั๋วข้ามเกาะกัน
หลังจากนั้นก็ไปแลกเงิน (ตอนเดินเข้ามาในอาคาร จุดแลกเงินจะอยู่ทางขวามือ)
เสร็จก็ได้เวลาเดินสำรวจ และหาอะไรเติมใส่ท้อง อาหารอร่อย ชาดี
จากนั้นก็เดินไปขึ้นเรือ ผ่านตมไทย มุ่งหน้าสู่ เกาะแห่งคำสาปในตำนานกัน...
หลังจากยื่นบัตรและลงเรือเรียบร้อยแล้วก็มีป้าคนนึงมาขายของเป็นไก่สเต๊ะ ด้วยความที่น้องอยากลองเลยจัดมา 1 ชุด ปรากฎ น้องบอกว่าอร่อยแต่ไม่ทันแล้วเรือออกจากท่าไปแล้วและป้าก็ลงไปจากเรือแล้ว T^T
ระหว่างนั่งเรือก็ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ
หลังจากลงเรือมาทำเรื่องข้ามแดนเสร็จก็เดินตามหารถตามลายแทงที่นักเดินทางในห้องบลูแห่งนี้เคยให้ไว้ และสุดท้ายเราก็ได้ร้านนี้
กับรถคันนี้ (นักเดินทางหลายท่านในห้องบลูเคยแนะนำไว้ว่าการเดินทางบนเกาะลังกาวีนั้นให้เช่ารถจะถูกกว่า ซึ่งก็ถูกกว่าและสะดวกสบายกว่าจริงๆ เพราะบ้านเมืองเค้าสะอาด เป็นระเบียบและ ถนนหนทางสวย ถนนดี และที่สำคัญแค่ยื่นใบขับขี่ที่เป็นบัตรแข็งแค่นั้นก็ได้แล้ว)
เมื่อได้รถคู่ใจที่ใช้เดินทางในทริปนี้เราก็เติมน้ำมัน (น้ำมันที่นี่มีราคาถูกกว่าบ้านเราจริงด้วย แต่ต้องเติมเองนะ แต่จะว่าไปก็สนุกดีอ่ะ) หลังจากนั้นก็ตามหาซิมการ์ดและที่พัก สำหรับทริปนี้เราเลือกพักที่ G-Hotel
หลังจากเอาของเก็บเข้าที่พักและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ก็ไปลุยกับสถานที่แรกกันเลย นั่นก็คือ จตุรัสนกอินทรี อันเป็นสัญญาลักษณ์ของเกาะลังกาวีแห่งนี้ (จตุรัสนี้อยู่ใกล้กับท่าเรือที่มาถึงเกาะ หรือ บริเวณ jetty point นั่นเอง)
เดินวนไปค่ะ ถ่ายรูปวนไปค่ะ ถ่ายและเดินจนหนำใจแล้วก็ไปหาอะไรกินที่ Night market ของ kuah กันดีกว่า (night market ของที่นี่มีความน่าสนใจอยู่อย่างนึงนั่นก็คือ ตลาดเหล่านี้จะตั้งเวียนกันไปทั่วเกาะ โดยวันเสาร์จะจัดที่ kuah อ่านว่ากัว #ขออภัยหากสะกดผิด ส่วนวันอาทิตย์จะจัดที่ Padang Matsirat ใครอยากได้ข้อมูลว่าวันไหนจัดที่ไหนของเกาะก็ตาม link นี้ไปดูได้เลย http://www.langkawi-info.com/shopping/night-markets-langkawi.htm )
แน่นอนว่าสินค้าส่วนใหญ่ของที่นี่คืออาหาร และอาหารก็มีหลากหลาย น่ากินมว๊ากกกกกกกกกก
และนี่ค่ะอาหารมื้อเย็นของพวกเรา อย่าแปลกใจว่าทำไมน้อยเพราะเราคุยกับน้องว่าเราจะกินอันนี้แค่รองท้อง!! 555 #ก๋วยเตี๋ยวอะไรสักอย่างที่อยู่ในชามรสชาติหวานมาก T^T
หลังจากกินเสร็จก็หาของกุ๊บกริบกินต่อ
ขนมโดนัทนี้หวานมาก #ทำไมอาหารหวานจัง
ขนมอันนี้มันมีแป้ง มะพร้าว และน้ำตาล คือครบอ่ะ คืออ้วนแน่ๆอ่ะ ถ้ากินเยอะๆแล้วไม่ออกกำลังกาย
กินวนไปคร่ะะะะ
หลังจากกินจนอิ่ม เดินจนเมื่อย เราก็กลับที่พักเพื่อเตรียมตัวไปวัดใจกับความสูงในวันพรุ่งนี้ แต่ก่อนกลับขอแวะเติมน้ำมันอีกรอบ (รอบที่ 2 และเป็นรอบสุดท้าย เพราะตอนแรกเราเติมแค่ 10 ริงกิต แต่คราวนี้เราเติมที่ 20 ริงกิต) จะว่าไปการเติมน้ำมันเองก็เป็นประสบการณ์ใหม่เหมือนกัน
การเติมน้ำมันเองก็ง่ายเพียงแค่ เดินไปบอกที่เคาท์เตอร์ว่าเราจะเติมที่ช่องไหน พร้อมบอกจำนวนเงินแค่นั้น จากนั้นเราก็กลับไปที่รถแล้วก็เติม
จุดที่คนใส่เสื้อสีแดงยืนอยู่คือเคาท์เตอร์
ดูท่าทางน้องฉันจะสนุกมาก
ระหว่างทางกลับที่พักก็คุยกันว่าเฮ้ยมามาเลทั้งทีลองกินขนม น้ำ และเบียร์ local กันหน่อยดีกว่า ไม่รอช้าถึงที่พักแล้วก็เดินไปที่ร้านขายของด้านล่างแล้วก็ถามพนักงานว่าอะไรที่คนท้องถิ่นนิยมกินกันและนี่ก็คือสิ่งที่เค้าแนะนำ และบางส่วนก็ความอยากกินล้วนๆ สำหรับรสชาติก็เอิ่มมมม แปลกดี 5555
สำหรับทริปวันแรกก็หมดเท่านี้ สำหรับคืนนี้ราตรีสวัสดิ์ 555
ส่วนวันที่ 2 และ 3 ขออนุญาตมาต่อวันพรุ่งนี้นะคะ
สุดท้ายถ้ารีวิวนี้พิมพ์ผิด หรือ พิมพ์ติดกันทำให้อ่านยาก ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ