ตอนหย่าให้สิทธิ์การเลี้ยงดูบุตรกับฝ่ายชาย หากต้องการฟ้องเพิกถอนสิทธิ์จะมีโอกาสชนะหรือไม่คะ

สวัสดีค่ะ เรากะสามีหย่ากันตอนลูกอายุได้ 2 เดือน เนื่องจากทนพฤติกรรมของเค้าไม่ไหวค่ะ เราคบหาดูใจกันปีกว่าก้แต่งงานกัน หลังจากนั้นเราก้มีน้อง ก่อนหน้าที่จะแต่งงานกันเค้าดีมากๆเลยนะคะ เอาใจทุกอย่าง แต่ก้มีออกไปเที่ยวดื่มบ้าง มีผุหญิงบ้าง คือก่อนแต่งงานเราเคยเจอกระเป๋าสตังค์ผู้หญิงวางอยู่ในรถเค้าน่ะค่ะ แต่พอเคียร์กันได้ เราก้ให้อภัย แต่เรื่องดื่ม เรื่องเที่ยวมีเป้นประจำ เราก้อดทน เพราะคิดว่าวันนึงถ้าเค้ามีลูกแล้วทุกอย่างคงดีขึ้น...แต่ไม่เลย....
ตอนเราตั้งท้อง 5 เดือน เค้าไปเที่ยวผับโคโยตี้ เราโทรหาตั้งแต่ ตี1 จนถึงตี3 ไม่รับโทรสับค่ะ เราเลยตัดสินใจขับรถออกไปตามหา (เราอยู่ตจว.ค่ะ ที่นั่นมีร้านที่เปิดถึงดึกๆแบบนี้ไม่มาก) เราขับรถวนหาร้านอยู่หลายร้าน จนเราไปเจอที่ร้านข้าวต้มแห่งนึง เค้ากะลังนั่งทานข้าวอยู่กะผู้หญิง นั่งข้างกัน หัวนี่แทบติดกันเลยค่ะ เค้าไปกะเพื่อนๆที่ทำงานเค้าด้วย ส่วนผู้หญิงคนนั้นก้ทำงานอยู่ที่ร้านที่เค้าไปเที่ยวค่ะ เราลงรถไปวีนเลยค่ะ ตอนนั้นโมโหมาก เค้าออกไปมีตวามสุขสนุกสนาน แล้วปล่อยเราอยู่บ้านคนเดียว แล้วตัวเองไปทำเรื่องอะไรแบบนี้หรอ ถ้าตอนนั้นเราไม่ตัดสินใจไปตามอะไรจะเกิดขึ้นต่อคะ... คงไม่ต้องสืบเลย  หลังจากนั้นเค้าก้ไปเที่ยวน้อยลงค่ะ ปกติจะอาทิตละครั้ง ก้ดีขึ้น เหลือสองอาทิตครั้ง และกลับไม่ดึกมาก มามีเรื่องอีกทีตอนเรา 8 เดือน คืนนั้นฝนตกหนักมาก เราอยู่บ้านกะหลานเค้าซึ่งอยู่ป.4 เค้าขอเราออกไปงานเลี้ยงที่ทำงานค่ะ เราก้โอเคให้ไปนะ แล้วตกลงกันว่าจะกลับเที่ยงคืน พอเที่ยงคืนเราโทรไปไม่รับค่ะ เรารู้เลยว่าไปผับโคโยตี้กันต่อแน่ๆ เราก้โทตามยิกเลยค่ะ ไม่รับค่ะ ตี 1 ครึ่งเราเลยออกไปตาม ตอนนั้นฝนตกหนักมาก เราขับรถออกไปตามเค้าที่ผับค่ะไปแบบท้องโตๆอย่างนั้นแหล่ะ ทางการ์ดจะไม่ให้เราเข้าแต่เราไม่ยอมค่ะ เราเข้าไปตามเห้นกะลังนัวกันมันส์เลย พอรุ่นน้องเค้าเห็นเราเลยไปตามแฟนเราออกมา เราโมโหมากๆ คือเช้าวันนี้แม่เราจะมาหา รถจะมาถึงตอนเช้านี้ แทนที่จะเตรียมตัวไปรับแม่เรา กลับมากินเหล้านัวผุหญิงแบบนี้ เราโคตรเสียความรู้สึกค่ะ หลังจากนั้น ไม่ถึงอาทิตเราก้เจ็บท้องค่ะ น่าจะมาจากการเครียดในวันนั้น คือเราเจ็บท้องตั้งแต่เที่ยงคืน ถึง แปดโมงเช้า แต่ปากมดลูกเปิดแค่ 3 เซน และไม่มีน้ำเดิน ตอนแรกเราตั้งใจจะคลอดเองค่ะ เราบอกหมอว่าเราทนได้ จนถึง 7 โมงเช้า เราเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ไหวแล้ว หมอจึงตัดสินใจให้ผ่า เพราะถ้าปล่อยไว้จะอันตราย เราได้เข้าห้องผ่าตอน 9 โมง ค่ะ
อ่อ เราอยู่ประจวบ แต่มาคลอดที่หัวหินค่ะ หลังจากเราคลอดทางบ้านเค้าก้ให้เราพักฟื้นอยู่ที่หัวหินก่อนตอนแรกตั้งใจว่าจะอยู่แค่เดือนเดียวค่ะ เราอยู่หัวหินกะแม่ค่ะ แฟนเรารับราชการอยู่ที่ประจวบ หลังจากผ่าคลอดได้ 3 วัน เค้าก้กลับไปทำงานละค่ะ ช่วงนั้นเค้าจะมาหาเรากะลูกอาทิตละครั้ง ครั้งละวันหรือสองวันค่ะ ซึ่งตอนที่มาก้จะไม่ค่อยได้สนใจเรากะลูก สนอยู่แต่กะโทรสับอย่างเดียว มาเล่นกะลูกบ้างเปนพักๆ แล้วก้กลับไปนอนเล่โทรสับต่อ พอลูกครบ 1 เดือน เราก้ขอกลับไปอยู่ที่บ้านที่ประจวบ เพราะเราก้คิดถึงบ้านแล้ว ลูกก้แข็งแรงดีแล้ว เค้าก้บ่ายเบี่ยงยังไม่ยอมให้เรากลับ จนครบสองเดือน เราก้ขอเค้าอีก ว่าให้เรากลับไปอยู่ที่บ้านได้รึยัง เพราะเดือนหน้าแม่เราต้องกลับตจว. ถ้ายังไม่เอาลูกกลับตอนนี้เรากลัวเค้าปรับตัวไม่ได้ เค้าก้บ่ายเบี่ยง แต่เราก้ยืนยังที่จะกลับจนเกลือบมีปากเสียง โดยวันที่เรากลับเค้าไม่มารับ ไม่มาช่วยเก็บของ มีแต่เรากับแม่ที่ช่วยกันเก็บของ ซึ่งของค่อนข้างเยอะมาก 1 คันรถกะบะไม่หมด ต้องขนใส่รถยนตือีก 2 คัน เค้าอ้างว่าเค้าติดงานไม่ได้มาช่วยนะ เราก้ไม่ได้คิดไร ไม่ช่วยก้ไม่ช่วย พอกลับมาถึงบ้าน เราก้รู้สึกได้ถึงความรู้สึกแปลกๆ ว่าเหมือนเค้าจะเปลี่ยนไปนะ ไม่ค่อยใส่ใจทั้งเราและลูกเลย ขนาดขวดนมลูกเค้ายังไม่เคยล้าง เรื่องช่วยซักผ้าอ้อม เรื่องช่วยอาบน้ำแต่งตัวลูกนี่ไม่ต้องพูดถึงค่ะ ไม่เคยแตะเลย มันผิดวิสัยของการเป็นพ่อคนมากๆ
มีอยู่ครั้งนึง ตอนนั้นลูกเราได้แค่เดือนเดียว แล้วเค้าร้องโยเย ไม่รู้ว่าปวดท้องหรืออะไร แต่ร้องไม่ยอมหยุดเลย แม่เราก้ไม่อยู่ เราอยู่กะเค้าแค่สองคน เราฝากให้เค้าอุ้มลูกให้เราหน่อย เราจะไปอุ่นนมมาให้ สักพักไม่ถึง 5 นาที เราได้ยินเสียงเค้าตะคอกลูกเรา ว่า " จะร้องอะไรนักหนา เป้นอะไรก้บอกมาสิ่... "  เราอยู่ในครัว ได้ยิน เข่าเราทรุดเลยอ่ะ เรารีบวิ่งไปเอาลูกจากเค้าเลย ตอนนั้นเราโกรธมากๆเลยนะ ไม่คุยด้วยไปหลายวัน ละก้ไม่ให้อุ้มลูกเราเลย คือเด็กแค่เดือนเดียวเองอ่ะ แค่เค้าร้องไห้ก้น่าสงสารจะแย่แล้ว ไปตะคอกเค้าอีก เค้าก้ยิ่งตกใจไปใหญ่
แล้ววันไหนที่ไม่ได้ไปทำงาน ก้จะหาเรื่องออกไปนอกบ้านตลอด ช่วงบ่ายๆ ก้จะอ้างว่าไปที่ทำงานบ้าง (ซึ่งปกติไม่ได้เปนคนที่ขยันทำงานขนาดนั้น) อ้างว่าไปนวดบ้าง เอารถไปล้างบ้าง ไปตัดผมบ้าง ซึ่งหายไปทีละนานๆ อย่างน้อย3-4 ชั่วโมง พอเรากลับประจวบได้ 2 อาทิต แม่เราก้ต้องกลับไปตจว.เนื่องจากนัดหมอทำเลสิกตา พอแม่เรากลับไปเท่านั้นแหล่ะ คืนนั้นออกไปเที่ยวเลยค่ะ.... และคืนนั้นก้เป็นคืนที่เริ่มต้นความร้าวฉานค่ะ เค้าบอกเราว่าจะไปเที่ยวกะเพื่อนนะ เราก้เออ อยากไปก้ไป แต่รีบกลับมาช่วยดูลูกละกัน แต่เป็นไงละค่ะ ตีสองก้แล้ววววว เราเลยโทไปตาม บอกว่าถ้าไม่กลับเราจะขับรถไปตามนะ เค้าถึงยอมกลับ พอกลับมาก้โมโหหงุดหงิดเรา เราบอกเค้าว่าคุณต้องเข้าใจนะ ว่าตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว เรามีลูกมีครอบครัวแล้ว ต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจบ้างสิ่ เราไม่ได้ห้ามไม่ให้ไป แต่คุณควรรู้ลิมิต คิดถึงคนในครอบครัวบ้าง เค้าก้ตอบเราว่าเค้าเป็นของเค้าแบบนี้ เค้าไม่เปลี่ยน ถ้าจะเปลี่ยนก้มีอย่างเดียว... เราก้ถามว่าอะไร เค้าก้ไม่ตอบ แล้วเค้าก้พูดออกมาว่า เค้าต้องการแค่ลูกอย่างเดียว คนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่สน เราก้ อ้าววววว..... ถ้าไม่ต้องการเรางั้นเราไปเอง พอเราได้ยินแบบนี้เราลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อ แล้วขับรถออกไปเลย ซึ่งตอนนั้นเรายังให้นมลูกอยู่เลย เราออกมาทั้งๆที่ลูกยังหลับอยู่ เราขับรถออกมาคนเดียวตอนตี3 ซึ่งตอนนั้นเปนเวลาที่เราต้องปั้มนมออก เพราะเราน้ำนมเยอะมาก คือถ้าไม่ปั้มออกจะตึงจนเจ็บมาก เราเคยนมอักเสบก่อนหน้านั้น 2 อาทิต เพราะไม่ได้ปั้มนมออก เราขับรถออกมาแบบไม่มีจุดหมาย มีเงินในกระเป่าอยู่แค่ 700 บาท น้ำมันรถก้ใกล้จะหมด แล้วเราก้ไม่ค่อยรู้ทางเพราะเราไม่ได้เปนคนพื้นที่ เราได้ที่พักตอน 6 โมงเช้า เพราะมันเริ่มสว่าง พอเห็นป้ายอบู่บ้าง เราเหนื่อย ง่วง และเจ้บหน้าอกมาก ตลอดทางที่ขับรถมาก้ร้องไห้มาตลอด ถึงที่พักก้หลับไม่ได้ คิดถึงลูก แถมน้ำนมก้ไหลออกมาเยอะ จนเราปวดไปหมด เราพยายามหลับเพื่อเอาแรง เพราะเราคิดว่าวันนี้เราจะกลับบ้านที่ตจว. เรานอนร้องไห้อยู่คนเดียว นอนคิดว่าจะเอายังไงดี เพราะตอนนี้เราไม่มีความสุขที่จะอยู่กะผู้ชายคนนี้อีกต่อไปแล้ว แล้วเราจะไม่ทนอีกต่อไป คิดดูว่าเราเพิ่งผ่าคลอดได้แค่ 2 เดือนนะ เราอ่อนแอทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ แต่เราต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้  พอเที่ยง เราตัดสินใจกลับไปที่บ้านนั้น ตอนนั้นแม่ของฝ่ายชายอยู่ที่บ้านด้วย เค้าก้ช่วยลูกเค้าเลี้ยงหลาน พอเรากลับไป เราไม่มองหน้าลูกเราเลย เพราะเราคิดว่าในเมื่อพ่อเค้าบอกว่าเค้าต้องการแค่ลูก เค้าเลี้ยงเองได้ เราจะให้พวกเค้าลองเลี้ยงกันดู เรากลับมาปั้มนมให้ แล้วขับรถออกไปหาซื้อกระเป๋าเดินทาง และตั๋วรถเพื่อกลับบ้าน จากนั้นเราก้กลับมาเก้บเสื้อผ้าเราเพื่อจะกลับตจว. คืนนั้น เราให้แม่เค้าไปส่งเราที่ท่ารถ ตลอดเวลาที่รอรถ เราก้คิดถึงแต่ลูกเราตลอด คิดแต่ว่าถ้าเราไปแล้วลูกเราจะอยู่ยังไง ใครจะเลี้ยงลูกเรา ลูกเราจะกินอะไร พอรถมาถึง เราเลยบอกเค้าว่า เราไม่ไปแล้วค่ะ แล้วโทบอกให้แม่เค้ามารับเรากลับ แล้วเอาลูกเราคืนมา เราจะเลี้ยงลูกเราเอง หลังจากนั้น 2 วัน เราก้ไปหย่ากับเค้า โดยเราให้สิทธิ์การเลี้ยงดูกะพ่อเค้าเพราะคิดว่าพ่อเค้าเปนข้าราชการ หากเจ็บป่วย หรือ ตอนเรียนลูกก้จะได้ใช้สิทธิ์นั้น แต่เราไม่รู้มาก่อนเลยว่า เค้าจะใช้สิทธิ์ที่เรามอบให้เค้ามาเป็นเครื่องมือในการเอาลูกเราไป และยังกีดกันไม่ให้เราพบลูกอีกด้วย
หลังจากหย่ากัน เราก้ย้ายลงมาอยู่บ้านอีกหลัง ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับบ้านเค้า และเอาลูกเราลงมาอยู่ด้วย พอแม่เราทราบเรื่องก้รีบลงมาหาเราที่ประจวบ โดยยกเลิกการทำเลสิกตาไปเลย พอแม่เรามาถึงประจวบ ตอนนั้นเราตัดสินใจว่าเราจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เพื่อให้ชีวิตเราดำเนินต่อไป เราไปสมัครงานเป็นเซลล์ขายเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งพอเราไปสมัครเค้าก้รับเราเข้าทำงานทันที ตอนนั้นเรายังผ่าคลอดไม่ครบ 3 เดือนเลย เราออกไปทำงานตั้งแต่ 7.30 กลับบ้านประมาน 21.00 เพราะเราต้องไปพบลูกค้าที่ตจว. โดยตอนนั้นแม่เราเป็นคนช่วยเลี้ยงน้องให้ ตอนที่เราไปทำงานทางฝ่ายชายก้ไม่ได้มาช่วยแม่เราเลี้ยงลูกแต่อย่างใด เพียงแค่ซื้อข้าวมาวางไว้ให้วันละมื้อ แล้วก้ขึ้นบ้านไป... โดยก่อนและหลังจากทำงาน เราต้องปั้มนมไว้ให้ลูกก่อนทุกครั้ง บางทีพอเรากลับมาบ้านลุกก้หลับไปแล้ว แต่อย่างน้อยเราก้ได้นอนใกล้ๆกัน ตอนเค้าตื่นมาตอนดึกเราก้ยังได้ป้อนนมเค้า แค่นี้ก้มีความสุขแล้วค่ะ โดยตลอดเวลาที่เราไปทำงาน ทางฝ่ายชายก้ออกเที่ยวทุกวัน แบบไม่กลับมานอนที่บ้าน เป็นแบบนี้ติดกันอยู่หลายคืน ซึ่งเราก้รู้ว่าเค้าไปทำอะไร แต่เราก้ไม่ได้สนใจ เพราะตอนนั้นเราหมดใจกะเค้าไปแล้ว
จนวันนึงแม่ฝ่ายชายเค้ากลับมาบ้านหลังจากไปทำงานที่ตจว.มาหลายวัน เค้ามาขอเอาหลานขึ้นไปเลี้ยงแม่เราก้ให้ไปต้งแต่เยน พอเรากลับจากทำงานเราก้ไปบ้านนั้นไปขอเอาลูกเราคืน วันนั้นก้เลยมีปากเสียงกันกะทางพ่อของเด็กและทางแม่ของฝ่ายค่ะ เหตุการณ์วันนั้นทำให้เราไม้ได้เจอลูกอีกเลย....... และเราไม่อยากอยู่บ้านนี้อีกต่อไป
เราบอกแม่เราว่าเราขอออกไปอยุ่ข้างนอกกันเถอะ เราอยู่ที่นี่ไม่ได้ เราไม่มีความสุข คืนนั้นลูกเราก้อยู่กะพวกเค้า โดยทางนั้นเค้าบอกเค้าขอเลี้ยงหลานเค้าบ้าง ทางเราก้โอเคให้เลี้ยง แต่สองวันก้แล้วเค้าไม่ยอมเอาลูกมาคืนให้เราเลย จนแม่เราสงสารเราว่าเราไม่ได้นอนกะลูกหลายวันแล้ว เลยไปขอทางนั้นว่าลูกไม่ได้นอนกะเราหลายคืนแล้ว ขอลูกมานอนกะเราบ้างได้ไม๊ ทางนั้นก้ปฏิเสธบอกว่ารอให้พ่อเค้าเข้าเวรก่อน ถึงจะมาเอาไปได้ แม่เราก้เดินน้ำตาตกกลับมา คืนนั้นเราเลิกงานกลับมาเห็นแม่เรานั่งอยู่บนโซฟามืดๆ ไม่ได้เปิดไฟ เราก้เลยถามว่าอ้าว..แม่ ทำไมมานั่งตรงนี้ ไม่เปิดไฟ ลูกหมูหลับแล้วหรอ ตอนนั้นเราคิดว่าลูกเราหลับอยู่ในห้องแล้ว แม่เราก้อบอกว่า.... ลุก...ทำใจนะ ถ้าเค้าจะไม่ให้น้องเรามาเลี้ยงเหมือนเดิมแล้ว ตอนนั้นเราโมโหมาก จะขึ้นไปเอาเรื่องอยู่แล้ว แต่แม่เราขอไว้ แม่เราบอกว่า... " ตั้งแต่เกิดมาจนอายุจะ 60 แล้ว แม่ไม่เคยทุกข์ใจอะไรมากขนาดนี้เลย อย่าทำเรื่องให้แม่ทุกข์ไปกว่านี้เลยนะ " เราได้ยินแล้วอึ้งเลยอ่ะ เข่าแทบทรุดอ่ะ ตั้งแต่นั้นมา เรากะแม่ก้คุยกัน ว่าเราจะตัดใจจากน้องแล้ว เพราะรู้ว่ายังไงทางนั้นคงไม่ให้เราเอาน้องมาเลี้ยงเองแน่ๆ เพราะตอนนั้นเราเริ่มหาบ้านเช่าที่ใกล้ๆกะที่ทำงานเราและเราก้จะย้ายออกจากที่นั่นเร้วๆนี้แล้ว

***เด๊วเรามาเล่าต่อนะคะ***
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่