รีวิวการแสดงสด Rite Of Passage
โดย Momggol and b-floor theatre
รอบวันที่13 พฤศจิกายน 2559
ณ ทองหล่ออาร์ตเสปซ
-สามเดือนที่แล้วมีดญ.คนหนึ่งเข้ามาปรึกษาปัญหาชีวิตกับผม ซึ่งวินาทีแรกที่ดญ.เอ่ยปากว่า
“พี่คะ หนูขอแชร์ขอปรึกษาบางเรื่องกับพี่หน่อย”
ผมก็เริ่มขมวดคิ้ว เพราะไม่อยากเป็นศิราณีรับปรึกษาปัญหาบ้านแตกของใคร เนื่องด้วยผมเป็นสัตว์ที่เชื่อในการดำเนินชีวิตแบบเองแล้วสนุกอย่างที่สุด
“หนูเห็นพี่แล้วหนูคิดว่าพี่น่าจะเป็นจะคนที่เคารพ และศรัทธาเรื่องนี้อย่างที่สุด”
ผมเริ่มสงสัยว่าตรงไหนของแนวขนของตัวเองที่ดูเป็นสิ่งมีชีวิตที่”ศรัทธาในความรัก”
“รุ่นพี่ที่ทำงานของหนูเอาโครงการที่หนูกำลังจะทำไปดัดแปลง แล้วขายให้ลูกค้าตัดหน้าหนูคะ”
ผมอึ้งไปสองปึ้ง
ปึ้งที่หนึ่ง-ปึ้งแห่งความดีใจ
ผมดีใจมากที่สุดที่เด็กสาวร่างบางรายนี้กำลังใช้ชีวิตของ”วัยกำหนัด”อย่างแท้จริง โดยมุ่งจิตไปแก้โดยใช้งาน มากกว่าใช้จานกินข้าวหรือใช้กล้วย
ปึ้งที่สอง-ปึ้งแห่งความขำแบบสีดำดำ
ขนสีดำดำบนตัวของผม เป็นสิ่งที่ผมสร้างและเฝ้าเลี้ยงดูมันให้รุงรังอย่างทะนุถนอม เพราะผมเคารพและเป็นห่วงสุขภาพของ”สีผิว”ของตนเอง
ผิวที่ผมยังเชื่อว่ายังyoungและขาวอมชมพู และขนสีดำทั่วร่างกายนี้เองที่ทำให้สัตว์อย่างผมล้มตัวลงเป็นคนที่ไม่ได้เป็นsomeone
แต่วันนี้
ขนสีดำกลับทำให้ดญ.คนหนึ่งเดินเข้ามาขอคำแนะนำเกี่ยวกับ”ปัญหาส่วนตัว”ซึ่งโดยส่วนตัวผมคิดว่า”ปัญหานี้เป็นวาระแห่งชาติ”เลยทีเดียว
ผมยิ้มกลับไปให้ดญ.คนนั้นอย่างเข้าใจและให้กำลังใจแล้วบอกดญ.ไปว่า
“น้องครับ ดูปากพี่นะ ช่างงงงงงงงงงงง
งงงงงงงงงงง”
“หนูก็อยากจะช่างงงงงงงงงงงง
งงงงงงงงงงงงนะคะ”
“แต่เราจะช่าง
แล้วปล่อยให้เขาหากินแบบนี้เหรอคะ” ดญ.ขมวดหน้าแล้วถามกลับมาอย่างวิงวอน
“หนูคิดว่าหนูควรทำอะไรสักอย่าง หนูจะแต่งทนายฟ้องเค้าดีไหมคะ”
“ฮาฮาฮา ที่พี่หัวเราะไม่ได้หัวเราะในความคิดของน้องนะ เพราะความคิดของน้องเป็นความคิดที่ถูกต้องมากและสมควรจะทำ แต่ในฟ้าสีฟ้าใสของนครแห่งนี้มันทำไม่ได้ และอย่าทำให้เสียน้ำตาและน้ำกามเลย”
“พี่จะเล่าอะไรให้ฟังนะ นักวิ่งมาราธอนที่วิ่งไปหลายสิบกิโล กล้ามเนื้อของคนเหล่านี้ไม่ได้ถูกเทรนถูกใช้ในชั่วกระพริบตา กล้ามเนื้อของสมองก็เช่นกัน”
“พี่อยากจะให้น้องขอบใจคนแบบที่น้องเจอน้องเจอะ เพราะเขากำลังบังคับให้น้องฝึกกล้ามเนื้อของตนเองให้แข็งแรง และน้องควรจะสงสารเขาให้มาก
เพราะเขากำลังแก่และทำให้สมองตัวเองฝ่อจนต้องแตกดับไปในที่สุด”
“น้องครับ ของแบบนี้มันรู้อยู่แก่ใจ มันอยู่ในสันดาน ถึงจะหน้าด้านชิงไปจดลิขสิทธิ์์ก่อน แต่อุณหภูมิร้อนๆและหนังเหี่ยวๆของสมองฝ่อๆก็ยังประจานตัวเองอยู่”
“น้องยังสาว ยังมีไฟ ถือว่าทำทานให้คนแก่แล้วกัน แล้วไม่ต้องไปพูดประจานพูดต่อหรอก เพราะอย่างที่พี่บอกมันรู้อยู่แก่ใจ”
หน้าของดญ.ดูเหมือนจะระเรื่อขึ้นเมื่อผมพูดประโยคสาใจสะเทือนอารมณ์แบบนี้ออกไป
“น้องไม่ใช่คนแรกที่เจอเรื่องแบบนี้หรอกครับ
มันเป็นเรื่องcliché ของคนที่insecure”
ผมตอบย้ำไปอย่างมั่นคงเพราะอยากให้น้องมั่นใจและผ่อนคลาย
แต่
ผมกลับไม่รู้สึกผ่อนคลายเท่าไหร่ เพราะผมไม่แน่ใจในสิ่งที่เรียกว่า วิทยาศาสตร์จากน้ำ”เงิน”
ทุกวันนี้สิ่งมีชีวิตมี”อายุยืนเกินไป”
บางสิ่งควรจะแตกดับไปตามการหมดfunction แต่กลับอยู่ยืนยงทรนงในสันดาน
ผมเกรงเหลือเกินว่าว่าดญ.คนนี้จะแตกพ่ายต่อพิธีกรรมแบบกำตดไปเสียก่อน
และเกรงว่าขอบเขตของคำว่า”จรรยาบรรณ”ของเธอจะพร่ามัว
จนทำให้เห็นว่าการกระทำแบบนี้เป็นสิ่งที่”ถูกต้อง”
และสืบทอด”คายตะขาบ”ของวิชาเหล่านี้ต่อไป
แต่
ผมก็ได้แต่สวดท่อง อ้อนวอน ohm-pa ohm-pa ให้เธออย่ากลายเป็นแค่”ผี”ที่ไปสิงตามเสาผูกผ้าสามสีที่คนทั่วไปยกมือไหว้
เพราะตำแหน่ง CV และรางวัลจากจากอุปทานหมู่ แบบหมูเห็นนมของหมู ครูเห็นติ่งหูของครู
Rite of Passage by Momggol & b-floor theater สำหรับผม สะท้อนถึงเรื่องนี้โดยตรง
“พิธีกรรมเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องเฉพาะตนและกลุ่มของตน”
ตนที่เชื่อว่าสวรรค์ของตนเองนั้นจริงที่สุด ฝนของตนนั้นขลังที่สุด
และถึงผมจะแค่สัตว์อย่างจีราฟ ไม่ได้เป็น”ตน”ที่เป็นsomeone
แต่
ผมเองก็เชื่อว่านรกของผมเองนั้นจริงที่สุดเช่นกัน
“เรา"จึงประกอบพิธีกรรมเพื่อบูชานรกและสวรรค์ของกันและกันอย่างขลังเขต
เราถือ”ดอกไม้ปลอม”เพราะอาจจะเชื่อว่าโดยเผินโดยผิวมันอาจจะดูเป็นสีสันที่จริงและไม่มีใครคิดหา”ความ”หา”อะไร”จากมัน
เราทำพิธีกรรมแบบนี้จากจุดที่เราเป็นผู้สร้างและผลักออกไปจนกลายเป็นจุดที่เราเป็นทาสและผู้ถูกใช้อย่างยิ้มแย้ม
เราทำพิธีกรรมจน”ผีที่เราประดิษฐ์” กลายเป็น “ผีจริง”ที่หลอกหลอนเราเองอย่างหรรษา
เราสร้างความเชื่อบนตรรกะของความงามของรองเท้าส้นเข็ม ที่Louboutinบอกเราว่ายิ่งสูง ยิ่งXOXO
เราจึงเชื่อว่ายิ่งอยู่สูง ยิ่งเป็นคนคุมเกมส์ยิ่งทำเร็วทำก่อน ยิ่งเป็นผู้นำผู้ปฎิวัติ
แต่
ในขณะที่เราใส่รองเท้าส้นเข็มสูงปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดเหล่านั้น
เรากลับเกร็งน่องจนน้ำตาไหลและยิ้มออกไปกับดอกไม้พลาสติกในมือ
แล้วเราก็”ตาย”
แล้วเหล่าดอกไม้พลาสติกสีแสบก็เสียน้ำตาให้เรา 3 วินาที
แต่
ดอกไม้พลาติกแสบทรวงเหล่านี้กลับอยู่ได้เป็นร้อยปีพันคืน
และสืบทอดRite เพื่อสร้างright เหมือนrice และlice
(โดยเฉพาะในสังคมกสิกรแข็งขันเป็นกระดูกสันหลังของชาติของดินแดนแห้งๆแบบนี้)
โดยส่วนตัว
“ผมไม่เชื่อและเศร้ากับการเอากล่องพลาสติกไปอุ่นข้าวในเตาmicrowave”
แต่
สิ่งหนึ่งที่ผมมีความสุขที่ได้เห็นในRite of Passage ก็คือพลาสติกอีกชิ้น พลาสติกใสใสที่ถูกนำมาผูกมัดตัวนักแสดงที่ถูกผลักให้เปียก
ผมมีความสุขเพราะรู้สึกขำกับตัวเองว่าทำไมผมถึงเชื่อว่าอย่างหนักหน่วงว่า
”พลาสติกบางๆใสใสนี้
งงงงแข็งแรงนัก”
ทั้งๆที่มัน”บาง”และ”เบา”ขนาด”เกา”ก็ขาด
ผมกลับไปนอนคิดจนขนลู่เพื่อหารความบาง
”ทำไมผมไม่ใช้ขนสีดำดำสะกิดมันให้ขาดออกไป แล้วหายใจเพื่อมีชิวิตต่อ”
ผมได้คำตอบของความแข็งแรงแบบอุปทานไปเองของพลาสติกใสใสนี้จากกลิ่นที่ลอยมาตามลม
ผมเพ่งความผิดไปที่แม่ค้าขายทุเรียน เพราะเวลาผมเห็นพลาสติกใสใสสิ่งนี้ทีไร ผมมักนึกถึงทุเรียนที่ไม่ต้องใช้ความเพียรในการแกะเพื่อกิน
พลาสติกใสใสแบ้วแบ้วและศักดิ์สิทธิ์ ทำหน้าที่”ถนอม”เนื้อสีทองและหวานมันที่หลายคนน้ำลายสอเมื่อเห็นมันความแวววาวของมัน
แต่สำหรับสัตว์ขนดำดำแบบผม
สิ่งเหล่านี้เป็นภาวะของความมักง่ายและeasy-goแบบปลาทับทิม-ปลาจิ้งจัง
ผมจำได้ว่าป๋าของผมสั่งหนักหนาว่า
“ถ้าลื้ออยากกินทุเรียนก็ต้องซื้อทั้งลูกมาแกะกินเอง”
เพราะการแกะทุเรียนเป็น”พิธีกรรม”ที่ครอบครัวของผมก็สั่งจิตว่าจะทำให้ทุเรียนอร่อยยิ่งขึ้น
แต่
ด้วยสันดานที่กลัวน้ำตาลพุ่ง
ถึงแม้ใครๆจะพูดว่าทุเรียนมันอร่อยแค่ไหน
และประกอบกับด้วยยิ่งแก่แล้วยิ่งจมูกไว
ผมจึงทน”กลิ่นเหม็นแบบอ้วนอุดม”ของมันไม่ไหว
แค่เห็นพลาสิกใสใส กลิ่นระอุก็ประทุออกมา ชวนรากจะแตก
พลาสติกใสใสที่ถูกผมกระทำซ้ำๆๆๆๆๆช่างน่าสงสาร
เพราะจริงๆพลาสติกใสใสก็แบ้วแบ้ว
และไม่ได้ทำกรรมอะไรไว้เลยที่ต้องถูกตีตราว่าเป็นสัญลักษณ์ของกลิ่นเหม็นๆ พิธีกรรมฉาวๆที่ยากจะทานทน
ผมถอนหายใจยาวๆเมื่อเดินลงมาเจอร้านขายดอกไม้จริงจริงที่มีพื้นเปียกๆ
ที่หน้าโรงละคอน
ผมถอนหายใจยาวๆกับสันดานการเชื่อมโยงแบบสัตว์ขนสีดำดำ
ที่ใส่แว่นตาดำดำจนตาจะบอด และสูบบุหรี่สีดำดำจนปอดจะพัง
เพราะเชื่อในกระดูกสันหลังที่ผอมผอมและมโนว่าสวยสวยของตัวเอง
ผมถอนหายใจยาวอย่างเบื่อหน่าย
ในสันดาน พิธีกรรม และจานriteที่ทำจากพลาสติกของตนเองเหลือเกิน
ให้ตายสิ
Oh my God(of rice)
ผมว่า
”ผมอาจถึงเวลาที่ควรหมดเวลาและหมดfunctionในการสร้างพิธีกรรมระบำเกี่ยวข้าวได้แล้ว”
ผมเดินกลับไปบ้าน
อาบน้ำ 3 วินาที
เช็คตัวเสร็จแล้วผมก็ถอนหายใจยาวอีกรอบ
ผมจึงหันไปใช้มือแหวกดูผิวใต้ขนดำดำของตนเอง
และเอาเดินไปหยิบLa mer มาทา
ผมยิ้มตาหยี
ช่างmerrrrrr-
^^
cr. photographed by b-floor theater
#จึงใส่หน้ากากพลาสติกเดินดูงานชาวบ้าน
#รีวิวการแสดงสด
#RiteOfPassage
#B-floor #bfloortheatre
https://www.facebook.com/plasticrenaissanceman/
[CR] รีวิว Rite of Passage by Momggol and b-floor theatre
โดย Momggol and b-floor theatre
รอบวันที่13 พฤศจิกายน 2559
ณ ทองหล่ออาร์ตเสปซ
-สามเดือนที่แล้วมีดญ.คนหนึ่งเข้ามาปรึกษาปัญหาชีวิตกับผม ซึ่งวินาทีแรกที่ดญ.เอ่ยปากว่า
“พี่คะ หนูขอแชร์ขอปรึกษาบางเรื่องกับพี่หน่อย”
ผมก็เริ่มขมวดคิ้ว เพราะไม่อยากเป็นศิราณีรับปรึกษาปัญหาบ้านแตกของใคร เนื่องด้วยผมเป็นสัตว์ที่เชื่อในการดำเนินชีวิตแบบเองแล้วสนุกอย่างที่สุด
“หนูเห็นพี่แล้วหนูคิดว่าพี่น่าจะเป็นจะคนที่เคารพ และศรัทธาเรื่องนี้อย่างที่สุด”
ผมเริ่มสงสัยว่าตรงไหนของแนวขนของตัวเองที่ดูเป็นสิ่งมีชีวิตที่”ศรัทธาในความรัก”
“รุ่นพี่ที่ทำงานของหนูเอาโครงการที่หนูกำลังจะทำไปดัดแปลง แล้วขายให้ลูกค้าตัดหน้าหนูคะ”
ผมอึ้งไปสองปึ้ง
ปึ้งที่หนึ่ง-ปึ้งแห่งความดีใจ
ผมดีใจมากที่สุดที่เด็กสาวร่างบางรายนี้กำลังใช้ชีวิตของ”วัยกำหนัด”อย่างแท้จริง โดยมุ่งจิตไปแก้โดยใช้งาน มากกว่าใช้จานกินข้าวหรือใช้กล้วย
ปึ้งที่สอง-ปึ้งแห่งความขำแบบสีดำดำ
ขนสีดำดำบนตัวของผม เป็นสิ่งที่ผมสร้างและเฝ้าเลี้ยงดูมันให้รุงรังอย่างทะนุถนอม เพราะผมเคารพและเป็นห่วงสุขภาพของ”สีผิว”ของตนเอง
ผิวที่ผมยังเชื่อว่ายังyoungและขาวอมชมพู และขนสีดำทั่วร่างกายนี้เองที่ทำให้สัตว์อย่างผมล้มตัวลงเป็นคนที่ไม่ได้เป็นsomeone
แต่วันนี้
ขนสีดำกลับทำให้ดญ.คนหนึ่งเดินเข้ามาขอคำแนะนำเกี่ยวกับ”ปัญหาส่วนตัว”ซึ่งโดยส่วนตัวผมคิดว่า”ปัญหานี้เป็นวาระแห่งชาติ”เลยทีเดียว
ผมยิ้มกลับไปให้ดญ.คนนั้นอย่างเข้าใจและให้กำลังใจแล้วบอกดญ.ไปว่า
“น้องครับ ดูปากพี่นะ ช่างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”
“หนูก็อยากจะช่างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงนะคะ”
“แต่เราจะช่างแล้วปล่อยให้เขาหากินแบบนี้เหรอคะ” ดญ.ขมวดหน้าแล้วถามกลับมาอย่างวิงวอน
“หนูคิดว่าหนูควรทำอะไรสักอย่าง หนูจะแต่งทนายฟ้องเค้าดีไหมคะ”
“ฮาฮาฮา ที่พี่หัวเราะไม่ได้หัวเราะในความคิดของน้องนะ เพราะความคิดของน้องเป็นความคิดที่ถูกต้องมากและสมควรจะทำ แต่ในฟ้าสีฟ้าใสของนครแห่งนี้มันทำไม่ได้ และอย่าทำให้เสียน้ำตาและน้ำกามเลย”
“พี่จะเล่าอะไรให้ฟังนะ นักวิ่งมาราธอนที่วิ่งไปหลายสิบกิโล กล้ามเนื้อของคนเหล่านี้ไม่ได้ถูกเทรนถูกใช้ในชั่วกระพริบตา กล้ามเนื้อของสมองก็เช่นกัน”
“พี่อยากจะให้น้องขอบใจคนแบบที่น้องเจอน้องเจอะ เพราะเขากำลังบังคับให้น้องฝึกกล้ามเนื้อของตนเองให้แข็งแรง และน้องควรจะสงสารเขาให้มาก
เพราะเขากำลังแก่และทำให้สมองตัวเองฝ่อจนต้องแตกดับไปในที่สุด”
“น้องครับ ของแบบนี้มันรู้อยู่แก่ใจ มันอยู่ในสันดาน ถึงจะหน้าด้านชิงไปจดลิขสิทธิ์์ก่อน แต่อุณหภูมิร้อนๆและหนังเหี่ยวๆของสมองฝ่อๆก็ยังประจานตัวเองอยู่”
“น้องยังสาว ยังมีไฟ ถือว่าทำทานให้คนแก่แล้วกัน แล้วไม่ต้องไปพูดประจานพูดต่อหรอก เพราะอย่างที่พี่บอกมันรู้อยู่แก่ใจ”
หน้าของดญ.ดูเหมือนจะระเรื่อขึ้นเมื่อผมพูดประโยคสาใจสะเทือนอารมณ์แบบนี้ออกไป
“น้องไม่ใช่คนแรกที่เจอเรื่องแบบนี้หรอกครับ
มันเป็นเรื่องcliché ของคนที่insecure”
ผมตอบย้ำไปอย่างมั่นคงเพราะอยากให้น้องมั่นใจและผ่อนคลาย
แต่
ผมกลับไม่รู้สึกผ่อนคลายเท่าไหร่ เพราะผมไม่แน่ใจในสิ่งที่เรียกว่า วิทยาศาสตร์จากน้ำ”เงิน”
ทุกวันนี้สิ่งมีชีวิตมี”อายุยืนเกินไป”
บางสิ่งควรจะแตกดับไปตามการหมดfunction แต่กลับอยู่ยืนยงทรนงในสันดาน
ผมเกรงเหลือเกินว่าว่าดญ.คนนี้จะแตกพ่ายต่อพิธีกรรมแบบกำตดไปเสียก่อน
และเกรงว่าขอบเขตของคำว่า”จรรยาบรรณ”ของเธอจะพร่ามัว
จนทำให้เห็นว่าการกระทำแบบนี้เป็นสิ่งที่”ถูกต้อง”
และสืบทอด”คายตะขาบ”ของวิชาเหล่านี้ต่อไป
แต่
ผมก็ได้แต่สวดท่อง อ้อนวอน ohm-pa ohm-pa ให้เธออย่ากลายเป็นแค่”ผี”ที่ไปสิงตามเสาผูกผ้าสามสีที่คนทั่วไปยกมือไหว้
เพราะตำแหน่ง CV และรางวัลจากจากอุปทานหมู่ แบบหมูเห็นนมของหมู ครูเห็นติ่งหูของครู
Rite of Passage by Momggol & b-floor theater สำหรับผม สะท้อนถึงเรื่องนี้โดยตรง
“พิธีกรรมเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องเฉพาะตนและกลุ่มของตน”
ตนที่เชื่อว่าสวรรค์ของตนเองนั้นจริงที่สุด ฝนของตนนั้นขลังที่สุด
และถึงผมจะแค่สัตว์อย่างจีราฟ ไม่ได้เป็น”ตน”ที่เป็นsomeone
แต่
ผมเองก็เชื่อว่านรกของผมเองนั้นจริงที่สุดเช่นกัน
“เรา"จึงประกอบพิธีกรรมเพื่อบูชานรกและสวรรค์ของกันและกันอย่างขลังเขต
เราถือ”ดอกไม้ปลอม”เพราะอาจจะเชื่อว่าโดยเผินโดยผิวมันอาจจะดูเป็นสีสันที่จริงและไม่มีใครคิดหา”ความ”หา”อะไร”จากมัน
เราทำพิธีกรรมแบบนี้จากจุดที่เราเป็นผู้สร้างและผลักออกไปจนกลายเป็นจุดที่เราเป็นทาสและผู้ถูกใช้อย่างยิ้มแย้ม
เราทำพิธีกรรมจน”ผีที่เราประดิษฐ์” กลายเป็น “ผีจริง”ที่หลอกหลอนเราเองอย่างหรรษา
เราสร้างความเชื่อบนตรรกะของความงามของรองเท้าส้นเข็ม ที่Louboutinบอกเราว่ายิ่งสูง ยิ่งXOXO
เราจึงเชื่อว่ายิ่งอยู่สูง ยิ่งเป็นคนคุมเกมส์ยิ่งทำเร็วทำก่อน ยิ่งเป็นผู้นำผู้ปฎิวัติ
แต่
ในขณะที่เราใส่รองเท้าส้นเข็มสูงปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดเหล่านั้น
เรากลับเกร็งน่องจนน้ำตาไหลและยิ้มออกไปกับดอกไม้พลาสติกในมือ
แล้วเราก็”ตาย”
แล้วเหล่าดอกไม้พลาสติกสีแสบก็เสียน้ำตาให้เรา 3 วินาที
แต่
ดอกไม้พลาติกแสบทรวงเหล่านี้กลับอยู่ได้เป็นร้อยปีพันคืน
และสืบทอดRite เพื่อสร้างright เหมือนrice และlice
(โดยเฉพาะในสังคมกสิกรแข็งขันเป็นกระดูกสันหลังของชาติของดินแดนแห้งๆแบบนี้)
โดยส่วนตัว
“ผมไม่เชื่อและเศร้ากับการเอากล่องพลาสติกไปอุ่นข้าวในเตาmicrowave”
แต่
สิ่งหนึ่งที่ผมมีความสุขที่ได้เห็นในRite of Passage ก็คือพลาสติกอีกชิ้น พลาสติกใสใสที่ถูกนำมาผูกมัดตัวนักแสดงที่ถูกผลักให้เปียก
ผมมีความสุขเพราะรู้สึกขำกับตัวเองว่าทำไมผมถึงเชื่อว่าอย่างหนักหน่วงว่า
”พลาสติกบางๆใสใสนี้งงงงแข็งแรงนัก”
ทั้งๆที่มัน”บาง”และ”เบา”ขนาด”เกา”ก็ขาด
ผมกลับไปนอนคิดจนขนลู่เพื่อหารความบาง
”ทำไมผมไม่ใช้ขนสีดำดำสะกิดมันให้ขาดออกไป แล้วหายใจเพื่อมีชิวิตต่อ”
ผมได้คำตอบของความแข็งแรงแบบอุปทานไปเองของพลาสติกใสใสนี้จากกลิ่นที่ลอยมาตามลม
ผมเพ่งความผิดไปที่แม่ค้าขายทุเรียน เพราะเวลาผมเห็นพลาสติกใสใสสิ่งนี้ทีไร ผมมักนึกถึงทุเรียนที่ไม่ต้องใช้ความเพียรในการแกะเพื่อกิน
พลาสติกใสใสแบ้วแบ้วและศักดิ์สิทธิ์ ทำหน้าที่”ถนอม”เนื้อสีทองและหวานมันที่หลายคนน้ำลายสอเมื่อเห็นมันความแวววาวของมัน
แต่สำหรับสัตว์ขนดำดำแบบผม
สิ่งเหล่านี้เป็นภาวะของความมักง่ายและeasy-goแบบปลาทับทิม-ปลาจิ้งจัง
ผมจำได้ว่าป๋าของผมสั่งหนักหนาว่า
“ถ้าลื้ออยากกินทุเรียนก็ต้องซื้อทั้งลูกมาแกะกินเอง”
เพราะการแกะทุเรียนเป็น”พิธีกรรม”ที่ครอบครัวของผมก็สั่งจิตว่าจะทำให้ทุเรียนอร่อยยิ่งขึ้น
แต่
ด้วยสันดานที่กลัวน้ำตาลพุ่ง
ถึงแม้ใครๆจะพูดว่าทุเรียนมันอร่อยแค่ไหน
และประกอบกับด้วยยิ่งแก่แล้วยิ่งจมูกไว
ผมจึงทน”กลิ่นเหม็นแบบอ้วนอุดม”ของมันไม่ไหว
แค่เห็นพลาสิกใสใส กลิ่นระอุก็ประทุออกมา ชวนรากจะแตก
พลาสติกใสใสที่ถูกผมกระทำซ้ำๆๆๆๆๆช่างน่าสงสาร
เพราะจริงๆพลาสติกใสใสก็แบ้วแบ้ว
และไม่ได้ทำกรรมอะไรไว้เลยที่ต้องถูกตีตราว่าเป็นสัญลักษณ์ของกลิ่นเหม็นๆ พิธีกรรมฉาวๆที่ยากจะทานทน
ผมถอนหายใจยาวๆเมื่อเดินลงมาเจอร้านขายดอกไม้จริงจริงที่มีพื้นเปียกๆ
ที่หน้าโรงละคอน
ผมถอนหายใจยาวๆกับสันดานการเชื่อมโยงแบบสัตว์ขนสีดำดำ
ที่ใส่แว่นตาดำดำจนตาจะบอด และสูบบุหรี่สีดำดำจนปอดจะพัง
เพราะเชื่อในกระดูกสันหลังที่ผอมผอมและมโนว่าสวยสวยของตัวเอง
ผมถอนหายใจยาวอย่างเบื่อหน่าย
ในสันดาน พิธีกรรม และจานriteที่ทำจากพลาสติกของตนเองเหลือเกิน
ให้ตายสิ
Oh my God(of rice)
ผมว่า
”ผมอาจถึงเวลาที่ควรหมดเวลาและหมดfunctionในการสร้างพิธีกรรมระบำเกี่ยวข้าวได้แล้ว”
ผมเดินกลับไปบ้าน
อาบน้ำ 3 วินาที
เช็คตัวเสร็จแล้วผมก็ถอนหายใจยาวอีกรอบ
ผมจึงหันไปใช้มือแหวกดูผิวใต้ขนดำดำของตนเอง
และเอาเดินไปหยิบLa mer มาทา
ผมยิ้มตาหยี
ช่างmerrrrrr-
^^
cr. photographed by b-floor theater
#จึงใส่หน้ากากพลาสติกเดินดูงานชาวบ้าน
#รีวิวการแสดงสด
#RiteOfPassage
#B-floor #bfloortheatre
https://www.facebook.com/plasticrenaissanceman/