ช่วงที่ 1 ระยะเวลา จาก 15-20 กันยายน 2559 ถึง 20 สิงหาคม 2559
วันที่ 29สค.59 ผมได้เข้ารับการรักษาฉุกเฉิน ที่ รพ.พัทยาเมมโมเรียล เวลาประมาณ 20.00น.แพทย์ระบุว่าเลือดออกในสมอง ต้องทำการผ่าตัดโดยด่วน จึงส่งตัวไป รพ.สมเด็จ ณ.ศรีราชา (สำรองจ่ายค่ารักษาก่อน ประมาณ 16, ..... บาทได้รับใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น)ก่อนหน้านั้น กี่วัน(จำไม่ได้ประมาณ 1สัปดาห์)ผมหัวโขกเหล็กที่หน้างาน และปวดหัวมาโดยตลอด แรงขึ้นเรื่อยๆ
พอไปถึง รพ.สมเด็จฯ(รพ.ที่ใช้สิทธิการรักษาอยู่)หมอ(นพ.สุวัฒน์)ได้ทำการผ่าตัดที่ศรีษะผมโดยทันที เพื่อเอาเลือดที่อยู่ในสมองออก ผมพื้นขึ้นมาปรกติและไม่ปวดหัวอีก(ขอขอบพระคุณคุณหมอ สุวัฒน์ที่ช่วยผมให้รอดตาย)และอีก 1 สัปห์ดาต่อมา หมออนุญาติให้ออกจาก รพ.ได้ (วันที่ 5 กย. 59)
ตัดไหมวันที่ 10 กย 59 หมอให้พักรักษาตัวถึง20กย59
และผมได้นำใบเสร็จและหลักฐานยื่นต่อประกันสังคม เพื่อขอเบิกเงินค่ารักษา ของรพ.พัทยาเมมโมเรียล เจ้าหน้าที่ผู้รับเรื่อง คุณ......................
และทางเจ้าหน้าที่ขอเอกสารเพิ่มเติม ผมก็ได้นำเอกสารมาให้จนครบ ผ่านมาจนกลางเดือนตุลาผมยังไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ วันที่ 19-10-59ผมได้เข้าไปติดต่อสอบถามถึงความคืบหน้า (เจ้าหน้าที่ออกไปทานข้าวกลางวัน เที่ยง)ผมจึงกลับมาก่อน บ่ายๆเจ้าหน้าที่รับเรื่อง โทรกลับมาบอกว่า จ่ายค่าสินไหมให้ได้แค่ 50,000.-บาทแค่นั้นและต้องรอหมอรักษาเสร็จถึงจะเอารายการรักษาทั้งหมดมาหักจากเงิน 50,000.-บาทรวมบิลค่ารักษาของ รพ.พัทยาเมมโมเรียลด้วยซึ่งผมสำรองจ่ายไปก่อนแล้ว(ใครเป็นคนพิจรณา)ข้อที่ผมจะสอบถามคือ
1.หัวข้อ สิทธิประโยชน์,หลักเกณฑ์และเงื่อนไข
-ย่อหน้าผู้ป่วยนอก พบแพทย์ ตรวจ จ่ายยา กลับบ้าน ผู้ป่วยใน ค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นทั้งหมดใน รพ.ตามบัตรรับรองสิทธิรักการรักษาพยาบาล "ผู้ประกันตน.....ไม่ต้องจ่าย......."
2.หัวข้อ กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน เนื่องจากมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร่งด่วน มิฉะนั้นอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษา รพ.ที่ใกล้ที่สุด สำหรับค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นก่อน ทาง สปค. ......."จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายภายใน 3 วัน".......
3.หัวข้อ ค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอุบัติเหตุจากการทำงาน ย่อหน้าหมายเหตุ -ลูกจ้างเข้ารักษาในสถานพยาบาลในความตกลงของกองทุนเงินทดแทน “ไม่ต้องจ่ายค่ารักษา”
-“ถ้าเข้ารักษาในสถานพยาบาลอื่น ให้ทดลองจ่ายไปก่อน แล้วเบิกคืนจากกองทุนเงินทดแทนภายใน 90 วัน”
ข้อสุดท้าย 4.ค่าทดแทนกรณีไม่สามารถทำงานได้ติดต่อกันเกิน 3 วันขึ้นไป ผมเข้า รพ.ตั้งแต่วันที่ 29 สค. 59- 20 กย.59 จำนวน 23 วัน แต่ทางบรัทได้จ่ายเงินเดือนให้ผมเต็มเดือนแล้ว
ข้อที่จะสอบถาม
1.ในกรณีที่ผมได้แจ้งไว้ด้านบน กระผมขอเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลคืนและผมเป็นผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจริง หลักฐานทุกอย่างให้ครบตามที่ท่านเจ้าหน้าที่แจ้งมา อย่างนี้ถ้าผมยังจะโดนหักเงินจากเงินสำรองจ่ายอีก "จะเรียกว่า ขอรับเงินทดแทนได้อย่างไรคับ"
2. ตอนเจ้าหน้าที่สอบถามเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุ ผมได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ ว่า ผมไปตรวจงานแล้วหัวโขกกับเหล็กแบบ ที่ใช้ในการเทคอนกรีตโครงสร้างบันได แต่ไม่ได้แสดงอาการภายในวันนั้น ตั้งแต่นั้นผมก็เริ่มปวดหัวขึ้นเรื่อยๆ แต่วันไหนผมก็จำไม่ได้ แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่ามันขัดแย้งกัน การเกิดอุบัติเหตุน่าจะต้องเป็นภายในวันนั้น จึงจะเรียกว่า เกิดอุบัติเหตุในหน้างาน ผมอยากถามว่า ถ้าโดนมีดทำครัวบาดนิ้วไม่เยอะหรือฉีกขาดเท่าไหร่จะต้องไปหาแพทย์หรือเปล่าและจะเป็นโรคบาทะยักและแสดงอาการภายในวันนั้นเลยหรือเปล่า หรือโดนสุนัขกัด จะต้องเป็นโรคพิษสุนัขบ้าในทันทีเลยหรือเปล่า(ถ้าสุนัขตัวนั้นไม่ใช่แวร์วูฟนะ)นั่นคืออาการที่ผมแจ้งเจ้าหน้าที่ ว่าวันที่ 29 สค.59 อาการผมจึงแสดงออกมา โดยที่ผมปวดหัวมากทั้งวัน จนต้องกลับบ้าน จนเวลา 20.00น.ผมก็ปวดหัวจนทนไม่ไหวครับ. แล้วเหตุการณ์แบบนี้ เป็นอุบัติเหตุในหน้างานได้ไหมครับ...........(และผมก็ได้แจ้งแพทย์ผู้รักษาช่วงแรกไปว่าจำไม่ได้ว่าเกิดจากอะไรหลังจากผ่าตัดพอนึกทบทวนดีอีกทีก็นึกหาสาเหตุได้ว่าเคยหัวดขกเหล็กเลยแจ้งต่อแพทย์แบบนี้เช่นกัน)
3.เจ้าหน้าที่รับเรื่องแจ้งว่า เจ้าหน้าที่จะจ่ายเงิน ทดลองจ่ายให้ได้ต่อเมื่อ
3.1 ต้องทำการรักษาจนสิ้นสุดกระบวนการรักษาเสียก่อนจึงจะคำนวณค่ารักษาพยาบาลคืนให้ได้ แต่ผมอ่านสิทธิประโยชน์ หลักการและเงื่อนไขดูแล้วไม่ได้ระบุไว้ในเอกสาร (หรือผมอ่านไม่ถึง ช่วยกรุณาสงเคราะห์ผมทีครับอยู่บรรทัดไหน)
3.2 เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ค่ารักษาพยาบาทให้ได้แค่ 50,000.- บาทเท่านั้น และยังต้องรอหักค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดรวมทั้งค่ารักษาพยาบาลก่อนหน้าที่ได้จ่ายไปแล้วด้วย แต่ถ้าค่ารักษาพยาบาลยังไม่พอในจำนวนเงิน 50,000.-บาทนั้น กระผมจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลนั้นเพิ่มเอง “ผมงง.” ข้อแรก ผมมาเบิกค่าสินไหมทดแทนในกรณี บาดเจ็บเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน แต่เจ้าหน้าที่เอาการบาดเจ็บของผมไปไว้ในหัวข้อไหนครับ.
ข้อสอง.ใครเป็นผู้พิจรณาที่ว่าผมเกิดอุบัติเหตุจากหน้างานหรือไม่ หรือผมแต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อจะมาเบิกใช้สิทธิขอสินไหมทดแทน.กระผมผ่าตัดสมองอันเนื่องมาจาก มีเลือดออกในเยื่อหุ้มสมองนะครับ ไม่ได้หัวแตก และการพักฟื้นให้มีอาการปกติโดยเร็วนั้น ผมไม่วางแผนซับซ้อนอะไรขนาดนั้นหรอกครับ ผมแค่อยากจะเบิกเงินสำรองจ่าย ที่จ่ายไปก่อนเท่านั้นเอง.
3.3 ขั้นตอนปกติการเบิกจ่ายเงินของรัฐบาล การทำเอกสารที่มันรัดกุม และละเอียดก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ผมขอความกรุณาเจ้าหน้าที่ทุกท่าน การที่ประชาชนทุกสาขาอาชีพนั้นทำเรื่องขอเบิกเงินกับสำนักงานประกันสังคมนั้น เขาก็ทำตามสิทธิที่เขาจะพึงมี แต่ละคนเดือดร้อนเรื่องเงินไม่เหมือนกัน สิ่งแรกที่เขาจะพึ่งได้ คือพวกท่านทั้งหลาย คือสำนักงานประกันสังคม แต่เขาไม่ใช่ ขอทาน ฉนั้น เจ้าหน้าที่สมควรที่จะเห็นพวกเขา มีค่า เช่นกัน
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
นายศุภวัฒน์ กาฬภักดี
ผู้ป่วย
ช่วงระยะเวลาที่ 2 จากวันที่ 20 ตุลาคม 2559-ปัจจุบัน
ช่วงระยะเวลาที่ 2 หลังจากที่ผมได้โพสกระทู้ถามตามรายละเอียดข้างต้น (ช่วงที่ 1 เพิ่มเติมอีกนิดหน่อย) ได้มีเจ้าหน้าที่ ผู้หญิงท่านหนึ่งพูดจาไพเราะมากๆ(ผมขอชมจากใจจริงๆถ้าเจ้าหน้าที่ทุกคนพูดไพเราะเหมือนเจ้าหน้าที่ท่านนี้ ประชาชนทุกคนคงหมดทุกข์ไปได้เปราะหนึ่ง) แต่ที่ท่านเจ้าหน้าที่ได้แจ้งผมมัน ขัดกับบางสิ่งในใจผม ท่านบอกว่า ทางคณะกรรมการพิจรณาแล้ว กรณีของกระผมไม่อยู่ในข่ายของการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุจากการทำงาน อันเนื่องจากข้อง 1 อันดับแรก ผมมีประวัติการรักษาเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย ผมไม่เคยรักษาเกี่ยวกับความดันสูง เพราะถ้าเคยแพทย์ผู้รักษาผมจะต้องเคยจ่ายยาลดความดันสูงกับผมซึ่งผมไม่เคยได้รับยารักษาโรคความดันสูงจากหมอ ซึ่งอาจจะเข้าข่ายเริ่มที่จะเป็นแต่ยังไม่ได้เป็น “มิฉนั้นหมอต้องจ่ายยาลดความดันให้ผมแล้วซิครับ” ข้อมูลพวกนี้ท่านเอามาจากไหนข้อมูลดังกล่าวผมแค่ใช้เล่าให้กับทางบริษัทฟังเท่านั้นในช่วงที่ผมป่วยไปพบแพทย์ ที่พูดว่า ความดันสูง เพื่อที่จะให้คนในบริษัทเกิดความสงสารว่าผมเป็นความดันสูงแค่นั้น แต่ใบรับรองแพทย์ไม่เคยระบุว่าผมเป็นความดันสูง แต่ท่านก็ยังรู้ว่าผมเป็นความดันสูง (โปรดพิจรณา)เอาเป็นว่าเรื่องผมมีประวัติความดันสูง จบไปนะครับ......
อันต่อมา ผมไม่เคยมีเรื่องทะเลาะชกต่อย ไม่เคยมีเรื่องกับใคร และไม่เคยไปเที่ยว เธค ผับ หรือสถานบันเทิงอื่นมาเป็นเวลาเกือบ 10ปีแล้ว และในกรณีที่ท่านคิดว่าผมจะโดนทำร้ายนั้น มิอาจเป็นไปได้เด็ดขาด แม้แต่ร้านหมูกระทะข้างทาง ผมยังไม่เคยได้ไปมา 2-3ปีแล้ว จะไปบ้างก็ร้าน Shubu Shi ก็แค่นั้นแต่ก็นานมากแล้วที่ไม่ได้ไป แล้วท่านคิดว่า ผมจะโดนทำร้ายได้ไหม ชีวิตประจำวันผมคือ
จันทร์-เสาร์08.00 น ส่งแฟนร้านซักผ้า,08.30น.เข้าหน้างาน ทำงานถึง 17.00 น. 18.00 น.รับแฟนกลับบ้านแวะซื้อ เบียร์ 1ขวดกลับบ้านพร้อมแฟนและสุนัข 1ตัว
อาทิตย์ หยุดทำอาหารกินที่ห้อง พักผ่อน ดู ทีวี แค่นี้ แล้วท่านคิดว่าผมจะไปมีเรื่องกับใครได้
เอาเป็นว่าถ้าเกิดจากถูกทำร้าย หรือเส้นเลือดในสมองแตก ผมคงไม่กลับมาทำงานได้เหมือนเดิม หรือเปล่าครับ ช่วยตอบผมที (โปรดพิจรณา)
พอผมได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ท่านนั้นวันที่ผมไปตรวจรักษาจากหมอนัด ผมได้แวะเข้าไปสอบถามที่สำนักงานประกันสังคมศรีราชาสาขาแหลมฉบัง เจ้าหน้าที่ได้(โยน)ดำเนินเรื่องให้ผมใหม่ภายในวันนั้นเลย เปลี่ยนเรื่องเป็นเจ็บป่วยอันมิใช่จากการทำงาน ผมถามหน่อย
ขนาดผมเป็นคนชนเอง เกิดเหตุเองแล้วแจ้งท่านท่านยังไม่เชื่อว่า”ไม่เป็นความจริง”แล้วท่านไม่ได้เห็นไม่ได้อยู่กับผมในช่วงเวลาเกิดเหตุ แล้วมาตัดสินว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ ตกลงข้อความของใครที่ จริง หรือเท็จกันครับ ผมแค่อยากได้เงินค่ารักษาที่สำรองจ่ายคืนเท่านั้น ไม่ต้องการเงินหมื่นเงินแสนหรือค่าตอบแทนใดๆเพราะผมรู้ว่าอันไหนสมควรได้ อันไหนไม่สมควรเอา ผมไม่วางแผนซับซ้อนเพื่อที่จะเอาเงินตัวเองหรอกครับท่านทั้งหลาย(โปรดพิจรณาด้วยไม่ใช่ทำเรื่องให้มันจบๆไป ตามขั้นตอนที่ถูกต้องและ..................)
สรุปผมได้รับเงินคืน 6,000.-โดยการ (มัดมือชก จากใครก็ไม่รู้ )ผมยังชื่อมั่นว่าในกรณีของผม ไม่ได้ผ่านขบวนการพิจรณาจากคณะกรรมการการแพทย์ คณะกรรมการตรวจสอบ และฯลฯ ซึ่งอาจจะมีใครไม่อยากจ่ายเงิน
ปล.ในใบคำสั่งประโยชน์ทดแทน ปั๊มตรา “ พิเศษ” ไว้ด้วย เหมือนใบสั่งเลยเหมือนแจ้งว่า ไอ้นี่เรื่องมาก
ขอความกรุณาโปรดพิจรณา
ขอรับรองว่าข้อความทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นความจริงทุกประการ
นายศุภวัฒน์ กาฬภักดี
ผู้ป่วย
ขอแสดงความเคารพและนับถืออย่างสูง
การพิจรณาสินไหมทดแทนของ สปก.ทำกันอย่างไร
วันที่ 29สค.59 ผมได้เข้ารับการรักษาฉุกเฉิน ที่ รพ.พัทยาเมมโมเรียล เวลาประมาณ 20.00น.แพทย์ระบุว่าเลือดออกในสมอง ต้องทำการผ่าตัดโดยด่วน จึงส่งตัวไป รพ.สมเด็จ ณ.ศรีราชา (สำรองจ่ายค่ารักษาก่อน ประมาณ 16, ..... บาทได้รับใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น)ก่อนหน้านั้น กี่วัน(จำไม่ได้ประมาณ 1สัปดาห์)ผมหัวโขกเหล็กที่หน้างาน และปวดหัวมาโดยตลอด แรงขึ้นเรื่อยๆ
พอไปถึง รพ.สมเด็จฯ(รพ.ที่ใช้สิทธิการรักษาอยู่)หมอ(นพ.สุวัฒน์)ได้ทำการผ่าตัดที่ศรีษะผมโดยทันที เพื่อเอาเลือดที่อยู่ในสมองออก ผมพื้นขึ้นมาปรกติและไม่ปวดหัวอีก(ขอขอบพระคุณคุณหมอ สุวัฒน์ที่ช่วยผมให้รอดตาย)และอีก 1 สัปห์ดาต่อมา หมออนุญาติให้ออกจาก รพ.ได้ (วันที่ 5 กย. 59)
ตัดไหมวันที่ 10 กย 59 หมอให้พักรักษาตัวถึง20กย59
และผมได้นำใบเสร็จและหลักฐานยื่นต่อประกันสังคม เพื่อขอเบิกเงินค่ารักษา ของรพ.พัทยาเมมโมเรียล เจ้าหน้าที่ผู้รับเรื่อง คุณ......................
และทางเจ้าหน้าที่ขอเอกสารเพิ่มเติม ผมก็ได้นำเอกสารมาให้จนครบ ผ่านมาจนกลางเดือนตุลาผมยังไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ วันที่ 19-10-59ผมได้เข้าไปติดต่อสอบถามถึงความคืบหน้า (เจ้าหน้าที่ออกไปทานข้าวกลางวัน เที่ยง)ผมจึงกลับมาก่อน บ่ายๆเจ้าหน้าที่รับเรื่อง โทรกลับมาบอกว่า จ่ายค่าสินไหมให้ได้แค่ 50,000.-บาทแค่นั้นและต้องรอหมอรักษาเสร็จถึงจะเอารายการรักษาทั้งหมดมาหักจากเงิน 50,000.-บาทรวมบิลค่ารักษาของ รพ.พัทยาเมมโมเรียลด้วยซึ่งผมสำรองจ่ายไปก่อนแล้ว(ใครเป็นคนพิจรณา)ข้อที่ผมจะสอบถามคือ
1.หัวข้อ สิทธิประโยชน์,หลักเกณฑ์และเงื่อนไข
-ย่อหน้าผู้ป่วยนอก พบแพทย์ ตรวจ จ่ายยา กลับบ้าน ผู้ป่วยใน ค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นทั้งหมดใน รพ.ตามบัตรรับรองสิทธิรักการรักษาพยาบาล "ผู้ประกันตน.....ไม่ต้องจ่าย......."
2.หัวข้อ กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน เนื่องจากมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร่งด่วน มิฉะนั้นอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษา รพ.ที่ใกล้ที่สุด สำหรับค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นก่อน ทาง สปค. ......."จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายภายใน 3 วัน".......
3.หัวข้อ ค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอุบัติเหตุจากการทำงาน ย่อหน้าหมายเหตุ -ลูกจ้างเข้ารักษาในสถานพยาบาลในความตกลงของกองทุนเงินทดแทน “ไม่ต้องจ่ายค่ารักษา”
-“ถ้าเข้ารักษาในสถานพยาบาลอื่น ให้ทดลองจ่ายไปก่อน แล้วเบิกคืนจากกองทุนเงินทดแทนภายใน 90 วัน”
ข้อสุดท้าย 4.ค่าทดแทนกรณีไม่สามารถทำงานได้ติดต่อกันเกิน 3 วันขึ้นไป ผมเข้า รพ.ตั้งแต่วันที่ 29 สค. 59- 20 กย.59 จำนวน 23 วัน แต่ทางบรัทได้จ่ายเงินเดือนให้ผมเต็มเดือนแล้ว
ข้อที่จะสอบถาม
1.ในกรณีที่ผมได้แจ้งไว้ด้านบน กระผมขอเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลคืนและผมเป็นผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจริง หลักฐานทุกอย่างให้ครบตามที่ท่านเจ้าหน้าที่แจ้งมา อย่างนี้ถ้าผมยังจะโดนหักเงินจากเงินสำรองจ่ายอีก "จะเรียกว่า ขอรับเงินทดแทนได้อย่างไรคับ"
2. ตอนเจ้าหน้าที่สอบถามเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุ ผมได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ ว่า ผมไปตรวจงานแล้วหัวโขกกับเหล็กแบบ ที่ใช้ในการเทคอนกรีตโครงสร้างบันได แต่ไม่ได้แสดงอาการภายในวันนั้น ตั้งแต่นั้นผมก็เริ่มปวดหัวขึ้นเรื่อยๆ แต่วันไหนผมก็จำไม่ได้ แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่ามันขัดแย้งกัน การเกิดอุบัติเหตุน่าจะต้องเป็นภายในวันนั้น จึงจะเรียกว่า เกิดอุบัติเหตุในหน้างาน ผมอยากถามว่า ถ้าโดนมีดทำครัวบาดนิ้วไม่เยอะหรือฉีกขาดเท่าไหร่จะต้องไปหาแพทย์หรือเปล่าและจะเป็นโรคบาทะยักและแสดงอาการภายในวันนั้นเลยหรือเปล่า หรือโดนสุนัขกัด จะต้องเป็นโรคพิษสุนัขบ้าในทันทีเลยหรือเปล่า(ถ้าสุนัขตัวนั้นไม่ใช่แวร์วูฟนะ)นั่นคืออาการที่ผมแจ้งเจ้าหน้าที่ ว่าวันที่ 29 สค.59 อาการผมจึงแสดงออกมา โดยที่ผมปวดหัวมากทั้งวัน จนต้องกลับบ้าน จนเวลา 20.00น.ผมก็ปวดหัวจนทนไม่ไหวครับ. แล้วเหตุการณ์แบบนี้ เป็นอุบัติเหตุในหน้างานได้ไหมครับ...........(และผมก็ได้แจ้งแพทย์ผู้รักษาช่วงแรกไปว่าจำไม่ได้ว่าเกิดจากอะไรหลังจากผ่าตัดพอนึกทบทวนดีอีกทีก็นึกหาสาเหตุได้ว่าเคยหัวดขกเหล็กเลยแจ้งต่อแพทย์แบบนี้เช่นกัน)
3.เจ้าหน้าที่รับเรื่องแจ้งว่า เจ้าหน้าที่จะจ่ายเงิน ทดลองจ่ายให้ได้ต่อเมื่อ
3.1 ต้องทำการรักษาจนสิ้นสุดกระบวนการรักษาเสียก่อนจึงจะคำนวณค่ารักษาพยาบาลคืนให้ได้ แต่ผมอ่านสิทธิประโยชน์ หลักการและเงื่อนไขดูแล้วไม่ได้ระบุไว้ในเอกสาร (หรือผมอ่านไม่ถึง ช่วยกรุณาสงเคราะห์ผมทีครับอยู่บรรทัดไหน)
3.2 เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ค่ารักษาพยาบาทให้ได้แค่ 50,000.- บาทเท่านั้น และยังต้องรอหักค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดรวมทั้งค่ารักษาพยาบาลก่อนหน้าที่ได้จ่ายไปแล้วด้วย แต่ถ้าค่ารักษาพยาบาลยังไม่พอในจำนวนเงิน 50,000.-บาทนั้น กระผมจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลนั้นเพิ่มเอง “ผมงง.” ข้อแรก ผมมาเบิกค่าสินไหมทดแทนในกรณี บาดเจ็บเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน แต่เจ้าหน้าที่เอาการบาดเจ็บของผมไปไว้ในหัวข้อไหนครับ.
ข้อสอง.ใครเป็นผู้พิจรณาที่ว่าผมเกิดอุบัติเหตุจากหน้างานหรือไม่ หรือผมแต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อจะมาเบิกใช้สิทธิขอสินไหมทดแทน.กระผมผ่าตัดสมองอันเนื่องมาจาก มีเลือดออกในเยื่อหุ้มสมองนะครับ ไม่ได้หัวแตก และการพักฟื้นให้มีอาการปกติโดยเร็วนั้น ผมไม่วางแผนซับซ้อนอะไรขนาดนั้นหรอกครับ ผมแค่อยากจะเบิกเงินสำรองจ่าย ที่จ่ายไปก่อนเท่านั้นเอง.
3.3 ขั้นตอนปกติการเบิกจ่ายเงินของรัฐบาล การทำเอกสารที่มันรัดกุม และละเอียดก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ผมขอความกรุณาเจ้าหน้าที่ทุกท่าน การที่ประชาชนทุกสาขาอาชีพนั้นทำเรื่องขอเบิกเงินกับสำนักงานประกันสังคมนั้น เขาก็ทำตามสิทธิที่เขาจะพึงมี แต่ละคนเดือดร้อนเรื่องเงินไม่เหมือนกัน สิ่งแรกที่เขาจะพึ่งได้ คือพวกท่านทั้งหลาย คือสำนักงานประกันสังคม แต่เขาไม่ใช่ ขอทาน ฉนั้น เจ้าหน้าที่สมควรที่จะเห็นพวกเขา มีค่า เช่นกัน
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
นายศุภวัฒน์ กาฬภักดี
ผู้ป่วย
ช่วงระยะเวลาที่ 2 จากวันที่ 20 ตุลาคม 2559-ปัจจุบัน
ช่วงระยะเวลาที่ 2 หลังจากที่ผมได้โพสกระทู้ถามตามรายละเอียดข้างต้น (ช่วงที่ 1 เพิ่มเติมอีกนิดหน่อย) ได้มีเจ้าหน้าที่ ผู้หญิงท่านหนึ่งพูดจาไพเราะมากๆ(ผมขอชมจากใจจริงๆถ้าเจ้าหน้าที่ทุกคนพูดไพเราะเหมือนเจ้าหน้าที่ท่านนี้ ประชาชนทุกคนคงหมดทุกข์ไปได้เปราะหนึ่ง) แต่ที่ท่านเจ้าหน้าที่ได้แจ้งผมมัน ขัดกับบางสิ่งในใจผม ท่านบอกว่า ทางคณะกรรมการพิจรณาแล้ว กรณีของกระผมไม่อยู่ในข่ายของการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุจากการทำงาน อันเนื่องจากข้อง 1 อันดับแรก ผมมีประวัติการรักษาเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย ผมไม่เคยรักษาเกี่ยวกับความดันสูง เพราะถ้าเคยแพทย์ผู้รักษาผมจะต้องเคยจ่ายยาลดความดันสูงกับผมซึ่งผมไม่เคยได้รับยารักษาโรคความดันสูงจากหมอ ซึ่งอาจจะเข้าข่ายเริ่มที่จะเป็นแต่ยังไม่ได้เป็น “มิฉนั้นหมอต้องจ่ายยาลดความดันให้ผมแล้วซิครับ” ข้อมูลพวกนี้ท่านเอามาจากไหนข้อมูลดังกล่าวผมแค่ใช้เล่าให้กับทางบริษัทฟังเท่านั้นในช่วงที่ผมป่วยไปพบแพทย์ ที่พูดว่า ความดันสูง เพื่อที่จะให้คนในบริษัทเกิดความสงสารว่าผมเป็นความดันสูงแค่นั้น แต่ใบรับรองแพทย์ไม่เคยระบุว่าผมเป็นความดันสูง แต่ท่านก็ยังรู้ว่าผมเป็นความดันสูง (โปรดพิจรณา)เอาเป็นว่าเรื่องผมมีประวัติความดันสูง จบไปนะครับ......
อันต่อมา ผมไม่เคยมีเรื่องทะเลาะชกต่อย ไม่เคยมีเรื่องกับใคร และไม่เคยไปเที่ยว เธค ผับ หรือสถานบันเทิงอื่นมาเป็นเวลาเกือบ 10ปีแล้ว และในกรณีที่ท่านคิดว่าผมจะโดนทำร้ายนั้น มิอาจเป็นไปได้เด็ดขาด แม้แต่ร้านหมูกระทะข้างทาง ผมยังไม่เคยได้ไปมา 2-3ปีแล้ว จะไปบ้างก็ร้าน Shubu Shi ก็แค่นั้นแต่ก็นานมากแล้วที่ไม่ได้ไป แล้วท่านคิดว่า ผมจะโดนทำร้ายได้ไหม ชีวิตประจำวันผมคือ
จันทร์-เสาร์08.00 น ส่งแฟนร้านซักผ้า,08.30น.เข้าหน้างาน ทำงานถึง 17.00 น. 18.00 น.รับแฟนกลับบ้านแวะซื้อ เบียร์ 1ขวดกลับบ้านพร้อมแฟนและสุนัข 1ตัว
อาทิตย์ หยุดทำอาหารกินที่ห้อง พักผ่อน ดู ทีวี แค่นี้ แล้วท่านคิดว่าผมจะไปมีเรื่องกับใครได้
เอาเป็นว่าถ้าเกิดจากถูกทำร้าย หรือเส้นเลือดในสมองแตก ผมคงไม่กลับมาทำงานได้เหมือนเดิม หรือเปล่าครับ ช่วยตอบผมที (โปรดพิจรณา)
พอผมได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ท่านนั้นวันที่ผมไปตรวจรักษาจากหมอนัด ผมได้แวะเข้าไปสอบถามที่สำนักงานประกันสังคมศรีราชาสาขาแหลมฉบัง เจ้าหน้าที่ได้(โยน)ดำเนินเรื่องให้ผมใหม่ภายในวันนั้นเลย เปลี่ยนเรื่องเป็นเจ็บป่วยอันมิใช่จากการทำงาน ผมถามหน่อย
ขนาดผมเป็นคนชนเอง เกิดเหตุเองแล้วแจ้งท่านท่านยังไม่เชื่อว่า”ไม่เป็นความจริง”แล้วท่านไม่ได้เห็นไม่ได้อยู่กับผมในช่วงเวลาเกิดเหตุ แล้วมาตัดสินว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ ตกลงข้อความของใครที่ จริง หรือเท็จกันครับ ผมแค่อยากได้เงินค่ารักษาที่สำรองจ่ายคืนเท่านั้น ไม่ต้องการเงินหมื่นเงินแสนหรือค่าตอบแทนใดๆเพราะผมรู้ว่าอันไหนสมควรได้ อันไหนไม่สมควรเอา ผมไม่วางแผนซับซ้อนเพื่อที่จะเอาเงินตัวเองหรอกครับท่านทั้งหลาย(โปรดพิจรณาด้วยไม่ใช่ทำเรื่องให้มันจบๆไป ตามขั้นตอนที่ถูกต้องและ..................)
สรุปผมได้รับเงินคืน 6,000.-โดยการ (มัดมือชก จากใครก็ไม่รู้ )ผมยังชื่อมั่นว่าในกรณีของผม ไม่ได้ผ่านขบวนการพิจรณาจากคณะกรรมการการแพทย์ คณะกรรมการตรวจสอบ และฯลฯ ซึ่งอาจจะมีใครไม่อยากจ่ายเงิน
ปล.ในใบคำสั่งประโยชน์ทดแทน ปั๊มตรา “ พิเศษ” ไว้ด้วย เหมือนใบสั่งเลยเหมือนแจ้งว่า ไอ้นี่เรื่องมาก
ขอความกรุณาโปรดพิจรณา
ขอรับรองว่าข้อความทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นความจริงทุกประการ
นายศุภวัฒน์ กาฬภักดี
ผู้ป่วย
ขอแสดงความเคารพและนับถืออย่างสูง