ปกติแล้วถ้าเราดูหนังสักเรื่อง การที่หนังจะสื่อให้คนดูได้รับรู้ถึง ช่วงเวลา ความรู้สึกของตัวละคร หรือเหตการณ์ใดๆนั้น นอกจากภาพแล้ว เสียงก็สำคัญนะ มันทำให้เรารับรู้ถึงความรู้สึกที่ภาพสื่อออกมาไม่ได้ เสียงในที่นี้ไม่ใช่เสียงพูดนะ แต่หมายถึงเพลงและดนตรีบรรเลง หรือที่เรียกว่าสกอร์ของหนัง เพราะหนังบางเรื่องหรือทุกเรื่องจะใช้ตรงส่วนนี้สื่อสารกับคนดูด้วย ถ้าหากตรงส่วนนี้ไม่ดีหรือไม่เข้ากัน คนดูก็จะไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่ต้องการจะสื่ออย่างแท้จริง และจะกลายเป็นว่าไม่สามารถเข้าถึงอารมของหนังที่แท้จริงได้
ส่วนใหญ่แล้วในหนังเรื่องหนึ่งๆนั้น ก็จะมีสกอร์หลายส่วนนะ ทั้งส่วนที่เป็นแอ็คชั่น สกอร์ก็จะเป็นสกอร์สนุกๆมันส์ๆ ส่วนที่เป็นโรแมนติกสกอร์ก็จะหวานๆ ส่วนที่เป็นการพูดคุยก็อีกแบบนึง ส่วนที่เป็นสิ่งลึกลับสกอร์ก็จะชวนขนลุก ส่วนที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่สกอร์ก็ต้องฟังแล้วดูยิ่งใหญ่จริง และอื่นๆอีกหลายส่วน
มันมีหนังไม่กี่เรื่องหรอกนะที่พอเราดูจบแล้ว สกอร์จะยังคงงถูกบันทึกออกมาในหัว เวลาเดินไปใหนมันก็ฮึมฮำขึ้นมา เวลานึกถึงฉากใหนในหนังก็จะมีเสียงสกอร์ขึ้นมาในหัวโดยอัตโนมัติ มันแสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนในด้านงานสร้างจริงๆนะ
หนังเรื่องนี้... ทำไมดูแล้วถึงแล้วรับรู้ถึงความอึดอัด ความเศร้า เหงา จนใจใจะขาดนะ
คำตอบที่นอกเหนือจากงานภาพแล้วก็คือ สกอร์(ดนตรี) ยังไงละ มันเพิ่มมิติและทำให้เรารับรู้ถึงอารมณ์หนังได้อย่างถล่มทาลายมากมายมหาศาล แต่ละฉากสกอร์ก็จะเป็นเอกลักษณ์ของตัวมันเองเลย บางฉากต้องลุ้นสกอร์ก็ทำให้ลุ้นตามจนขนลุก บางฉากเหงาสกอร์ก็ฟังแล้วทำให้เหงาจนจะร้องให้ บางฉากหดหู่มันก็ฟังแล้วหดหู่จนใจจะขาด ......
เรามาดูกันว่าสกอร์ใหนบ้างนะ ที่มีผลต่อคนที่ดูถึงขนาดนี้
*****
คำเตือน สปอยนะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Kimi no Na wa. Original Soundtrack by RADWIMPS มีทั้งหมด 27 Tarck นะ เราฟังมาหมดแล้วละ (ชอบฟังสกอร์หนังนะ)
◉ หนังเริ่มต้นมาด้วยสกอร์ Yumetourou (夢灯籠 แปลว่า โคมไฟในความฝัน)
ในฉากนี้นั้นเป็นตอนเปิดเรื่อง เป็นภาพปัจจุบันหลังทั้งคู่ตื่นมาและขึ้นรถไปต่างคนต่างไปทำงาน ทว่า... ทำไมกันนะที่ตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังร้องให้อยู่ น้ำตาถึงได้ใหลเช่นนี้ ความรู้สึกแบบนี้ เหมือนเราเฝ้าตามหาใครบางคน บางสิ่งอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกนี้ หลังจากฝนดาวตกในวันนั้น..... "aa kono mama bokutachi no koe ga..."
◉ Goshintai (御神体 แปลว่า ศาลเจ้า)
สกอร์นี้เป็นฉากที่มิตสึฮะ ยตสึฮะ และคุณยาย ต้องไปที่ภูเข้าเทพเจ้า เพื่อนำเหล้าคูจิคามิซาเกะ ที่เป็นครึ่งหนึ่งของของตัว มิตสึฮะ ไป
ไว้ในร่างของเทพแห่งศาลเจ้ามิยามิซึ โดยระหว่างทางยายได้เล่าถึงเรื่องของ มุซึบิ ให้มิตสึฮะฟัง แล้วมาจบตรงที่ทั้งสองกลับมาแล้วยืนมองหมู่บ้านที่ทะเลสาบฮิโตโมริ
บองตามตรงว่าสกอร์ตรงฉากนี้บีบหัวใจมากกกกก โดยเฉพาะเสียงของ ไวโอลีน(หรือเปล่าไม่แน่ใจ) ที่ขึ้นมาแล้วก็หายไปทิ้งช่วงให้เงียบอยู่สักพัก จะว่านานเกินไปก็ไม่ใช่ จะว่าเร็วเกินไปก็ไม่ใช่ ช่วงที่เสียงหายไปนั้นรู้สึกเหมือนใจหายแว๊บบไปตามเสียงยังไงไม่รู้ หลับตาฟังแล้วเหมือนรู้สึกว่าดนตรีมันบอกเล่าถึงเรื่องราว เรื่องราวของความเชื่อ เรื่องราวของชีวิต ความรู้สึก การมีตัวตน กับวิถีชีวิตที่ดำเนินไปของผู้คน
◉ Date (デート แปลว่า เดท)
ฉากนี้เป็นเดทครั้งแรกของทากิกับรุ่นพี่โอคุเรดะ ที่มิตสึฮะ(ในร่างทากิ) ได้นัดไว้ให้
มันไม่แฟร์เลยกับชื่อสกอร์ เพราะเราฟังแล้วบางช่วงเวลามันมีความเจ็บปวดและความเหงาซ่อนอยู่ในดนตรีที่บรรเลง มันดึงจังหวะได้ช้า เช่นเดียวกับมิตสึฮะที่ร้องให้ออกมาเพราะรู้ว่าทากิต้องไปเดทครั้งนี้ ความรู้สึกของมิตสึฮะเรารับรู้ได้เลย ยังไม่จบเท่านั้นฟังแล้วยังรับรู้ได้ถึงความทรงจำ ในฉากที่ทากิไปที่นิทรรศการภาพ แล้วมองภาพเมืองเหล่านั้น มันเหมือนอัดอั้นจะจำได้ แต่ก็จำไม่ได้ มีแค่ความรู้สึกว่าคุ้นเคย ....
◉ Akimatsuri (秋祭り แปลว่า เทศกาลฤดูใบไม้ร่วง)
ฉากเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงในวันที่ 4 ตุลาคม 2013 มิตสึฮะออกมาดูดาวหางที่กลางทุ่งหญ้า แล้วหลัวจากนั้นก็....
คงมีความเศร้าอยู่ในเพลงบรรเลงนี้อยู่เพราะเป็นเหตต่อเนื่องจากที่มิตสึฮะ (คงจะเศร้าที่ต้องปล่อยให้ทากิไปกับคนอื่น) ตอนจบของสกอร์นี้มันให้ความรู้สึกเหมือนจะมีบางสิ่งบางอย่างดปลี่ยนไปจากที่เคยเป็นอยู่
◉ Kioku Wo Yobiokosu Taki (記憶を呼び起こす瀧 แปลว่า ทาคิกับความทรงจำตื่นขึ้น)
ฉากนี้เป็นตอนที่ทากิพยายามจะวาดภาพเมืองเท่าที่จำได้ทั้งหมด เขาพยายามหาแบบหรือทำทุกสิ่งอย่างเพียงเพราะอยากเจอมิตสึฮะ
สำหรับอารมณ์ของบทเพลงนี้ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเราทำอะไรบางอยางหาย ลืมอะไรบางอย่างไป แล้วพยายามที่จะดึงมันกลับมา พยายามดิ้นรน อดทน ขวนขวาย ลองแล้วลองอีก ตั้งใจเพื่ออยากเจอสิ่งนั้นอีกครั้ง
◉ Toshokan (図書館 แปลว่า ห้องสมุด)
ฉากที่ทากิรู้แล้วว่าเมืองฮิโตโมรินั้นไม่มีอยู่อีกแล้ว มันไม่ใช่... มันไม่ใช่ความจริงใช่ใหม
มันอธิบายยากนะเมื่อบางครั้งเราผิดหวังกับสิ่งที่เราตามหา จนในที่สุดเราก็พบความจริงที่ว่ามัน "ว่างเปล่า" มันเศร้า หดหู่ จะไปทางใหนดี ทำได้แค่ทบทวนกับตัวเองว่ามันไม่จริงและยังไม่อยากยอมรับมัน และนี่คือความรู้สึกของเพลงบรรเลงบทนี้ มันสิ้นหวัง มันหมดแล้ว ไม่มีแล้ว...
◉ Goshintaie Futatabi (御神体へ再び แปลว่า กลับมาที่ศาลเจ้าอีกครั้ง)
ฉากที่ทากิตัดสินใจออกเดินทางไปที่ภูเขาเทพเจ้า ไปที่ศาลเจ้ามิยามิซึ เพื่อหาบางอย่าง บางอย่างที่ว่าคือ ครึ่งหนึ่งของตัวมิตสึฮะ "มุซึบิ" ... "ถ้าหากย้อนเวลาได้จริงๆ ขอโอกาสให้ฉันอีกสักครั้ง..."
หลับตาฟังเพลงนี้แล้วจะรู้สึกถึงพิณ มันเหมือนบทเพลงที่บ่งบอกถึงการออกเดินทางไปที่ที่ซึงไกลแสนไกล (ลองนึกถึงหนังจีนจะใช้บ่อย) และไม่รู้ว่าชะตาหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร และจะจบอย่างไร...
◉ Kuchikamizake Trip (口噛み酒トリップ แปลว่า คุจิคามิสาเกข้ามเวลา)
ฉากนี้เป็นฉากที่ทากิลื่นล้มแล้วดำดิ่งสู่ห้วงเวลาแห่งความทรงจำของมิ๖สึฮะ
เคยฟังบทเพลงใหนแล้วนึกถึงสายน้ำใหม มันเหมือนสายน้ำที่ไหลแล้วเราตกลงไปดำดิ่งสู่ห้วงของกระแสน้ำ ไหลไปตามสิ่งต่างๆในความทรงจำ แล้วเราจะพบบางสิงบางอย่าง บางอย่างที่เราไม่เคยพบเจอ หรือรับรู้และสัมผัสถึงมันมาก่อน
◉ Mitsuha No Theme (三葉のテーマ แปลบว่า ธีมของมิตสึฮะ)
ฉากนี้.... จุกนะ (เมื่อทากินึกได้ว่าความจริงแล้วเราเคยเจอกันมาแล้วนะ)
มิตสึฮะ: "ถ้าอยู่ๆเราโผล่ไป เขาจะตกใจหรือเปล่า เราจะกวนเขาหรือเปล่านะ เขาจะอึดอัดหรือเปล่านะ หรือบางทีเขาอาจจะดีใจที่ได้เจอเรา... รึป่าวนะ"
ทากิ : "เมื่อสามปีก่อน ตอนที่ฉันยังไม่รู้จักเธอ.... ตอนนั้นเธอมาหาฉัน .... เธอมาาาา " ดูแล้วร้องให้งื้ออออ
สกอร์นี้นี่มัน.... มันปวดใจอะไรได้อย่างนี้นะ คนที่เรารัก คนที่เป็นทั้งหมดของเรา อยู่ต่อหน้าเรา อยู่มาตั้งแต่แรก แต่เราไม่รู้จักกัน เราทำอะไรได้ใหม เราทำอะไรไม่ได้ มันอัดอั้นและปวดใจเหลือเกิน มันจะดีใจก็ไม่ใช่ มันจะเศร้าก็ไม่เชิง ทำไมนะ...
◉ Kataware Doki (かたわれ時 - คาตาวาเระโดคิ แปลว่า ห้วงเวลาสนธยา)
มันอัศจรรย์แค่ใหนกันนะที่ทั้งสองคนได้เจอกัน บนภูเขาเทพเจ้า
"คาตาวาเระโดคิ กำลังจะหมดลงแล้ว.... เพื่อให้ตื่นขึ้นมาแล้วเราจะไม่ลืมกัน .... มาเขียนชื่อของเราเอาไว้กันนะ" น้ำตากำลังใหลอีกรอบ....
◉ Sparkle (スパークル – ระยิบระยับ)
หลังจากที่ต่างคนต้องกลับไปยังช่วงเวลาของตัวเอง หลังจากที่ทากิเริ่มจะจำอะไรไม่ได้แล้ว เพลงก็ขึ้นมา "Mada kono sekai wa, boku o kainarashitetai mitai da, nozomi doori ii darou, utsukushiku mogaku yo...." น้ำตาร่วงเลยตอนนี้..... มันปวดใจอะไรแทนเขาสองคนเช่นนี้นะ มันเศร้า เหงา และสับสนปนกันไปหมด
*เพลงที่ขึ้นมา แปลได้: "ราวกับว่าโลกใบนี้พยายามจะเหนี่ยวรั้งผมเอาไว้ แต่มันเป็นสิ่งที่ผมปราถนา ที่ผมจะพยายามผ่านมันไปได้อย่างสวยงาม...."
◉ ทุกสิ่งทุกอย่างจบด้วย Nandemonaiya (なんでもないや แปลว่า ไม่มีอะไรหรอก)
"ผมเหมือนตลอดมากำลังค้นหาบางสิ่ง ใครบางคน... ทำไมมันถึงรู้สึกบีบหัวใจขนาดนี้นะ..."
"mōsukoshi dake de ii ato sukoshi dake de ii mōsukoshi dake de ii kara..." - แค่นิดเดียว อีกแค่นิดเดียว เพียงนิดเดียวเท่านั้น...
"Your Name?"
บางครั้งนะเราก็อยากที่จะหยุดภาพบางภาพมันไว้อย่างนั้น อยากอยู่แบบนั้น ไม่อยากให้เวลาต้องเดินต่อ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
อินไปหน่อย... ^_^ เราว่าจะไปดูรอบสามต่อ
[Your Name หลับตาฝันถึงชื่อเธอ] ทำไมนะตอนดูมันถึงบีบคั้นหัวใจได้ถึงเพียงนี้ สกอร์หนังมีผลกับความรู้สึกขนาดใหนกันนะ
ปกติแล้วถ้าเราดูหนังสักเรื่อง การที่หนังจะสื่อให้คนดูได้รับรู้ถึง ช่วงเวลา ความรู้สึกของตัวละคร หรือเหตการณ์ใดๆนั้น นอกจากภาพแล้ว เสียงก็สำคัญนะ มันทำให้เรารับรู้ถึงความรู้สึกที่ภาพสื่อออกมาไม่ได้ เสียงในที่นี้ไม่ใช่เสียงพูดนะ แต่หมายถึงเพลงและดนตรีบรรเลง หรือที่เรียกว่าสกอร์ของหนัง เพราะหนังบางเรื่องหรือทุกเรื่องจะใช้ตรงส่วนนี้สื่อสารกับคนดูด้วย ถ้าหากตรงส่วนนี้ไม่ดีหรือไม่เข้ากัน คนดูก็จะไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่ต้องการจะสื่ออย่างแท้จริง และจะกลายเป็นว่าไม่สามารถเข้าถึงอารมของหนังที่แท้จริงได้
ส่วนใหญ่แล้วในหนังเรื่องหนึ่งๆนั้น ก็จะมีสกอร์หลายส่วนนะ ทั้งส่วนที่เป็นแอ็คชั่น สกอร์ก็จะเป็นสกอร์สนุกๆมันส์ๆ ส่วนที่เป็นโรแมนติกสกอร์ก็จะหวานๆ ส่วนที่เป็นการพูดคุยก็อีกแบบนึง ส่วนที่เป็นสิ่งลึกลับสกอร์ก็จะชวนขนลุก ส่วนที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่สกอร์ก็ต้องฟังแล้วดูยิ่งใหญ่จริง และอื่นๆอีกหลายส่วน
มันมีหนังไม่กี่เรื่องหรอกนะที่พอเราดูจบแล้ว สกอร์จะยังคงงถูกบันทึกออกมาในหัว เวลาเดินไปใหนมันก็ฮึมฮำขึ้นมา เวลานึกถึงฉากใหนในหนังก็จะมีเสียงสกอร์ขึ้นมาในหัวโดยอัตโนมัติ มันแสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนในด้านงานสร้างจริงๆนะ
หนังเรื่องนี้... ทำไมดูแล้วถึงแล้วรับรู้ถึงความอึดอัด ความเศร้า เหงา จนใจใจะขาดนะ
คำตอบที่นอกเหนือจากงานภาพแล้วก็คือ สกอร์(ดนตรี) ยังไงละ มันเพิ่มมิติและทำให้เรารับรู้ถึงอารมณ์หนังได้อย่างถล่มทาลายมากมายมหาศาล แต่ละฉากสกอร์ก็จะเป็นเอกลักษณ์ของตัวมันเองเลย บางฉากต้องลุ้นสกอร์ก็ทำให้ลุ้นตามจนขนลุก บางฉากเหงาสกอร์ก็ฟังแล้วทำให้เหงาจนจะร้องให้ บางฉากหดหู่มันก็ฟังแล้วหดหู่จนใจจะขาด ......
เรามาดูกันว่าสกอร์ใหนบ้างนะ ที่มีผลต่อคนที่ดูถึงขนาดนี้
*****คำเตือน สปอยนะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บางครั้งนะเราก็อยากที่จะหยุดภาพบางภาพมันไว้อย่างนั้น อยากอยู่แบบนั้น ไม่อยากให้เวลาต้องเดินต่อ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
อินไปหน่อย... ^_^ เราว่าจะไปดูรอบสามต่อ