▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
Backpack
เที่ยวเชิงอนุรักษ์
จังหวัดบุรีรัมย์
เที่ยวไทย
[CR] เที่ยวไม่ไกล...แค่บุรีรัมย์ไงหละ
นี่เป็นการเดินทางไปภาคอีสานของเอยอีกครั้ง เราออกเดินทางออกจากกรุงเทพฯตอนตี3ถึงบุรีรัมย์ประมาณเกือบ8โมงเช้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาโรงแรมจ้า ก่อนไปเอยได้หาข้อมูลมาบ้างแล้วแต่พอไปดูจริงๆบรรยากาศไม่โล่ง ติดก่อสร้าง เอยก็ไม่โอเคนะคะ ไปจบที่NP Hotel โรงแรมนี้ค่อนข้างไกลจากถนนใหญ่นิดนึงแต่ค่อนข้างเงียบสงบ มีที่จอดรถกว้างขวางที่สำคัญ โรงแรมนี้โล่ง สะอาดและห้องพักกว้างในราคาย่อมเยาเพียงคืนละ600บาทเท่านั้น ราคานี้พร้อมข้าวต้มกับกาแฟตอนเช้าด้วยนะ
พักหายเหนื่อยจากการเดินทางจากกรุงเทพ เราก็เริ่มท่องเที่ยวกันเลย ก่อนอื่นมาถึงเมืองบุรีรัมย์ละก็ต้องไปไหว้ศาลหลักเมืองสิจ๊ะ ศาลหลักเมืองของที่นี่มี2เสาคือเสาแรกเป็นเสาเอียงๆ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตอนยังเป็นเมืองแป๊ะอยู่ ส่วนเสาที่ตั้งตรงนั้น สันนิษฐานว่าสร้างภายหลังจากเปลี่ยนชื่อมาเป็นบุรีรัมย์แล้วนั่นเอง ในบริเวณศาลหลักเมืองจะมีศาลเจ้าอยู่ที่นั่นด้วย เนื่องจากบุรีรัมย์มีชาวจีนเยอะเลยมีการส้รางศาลเจ้าขึ้นที่นี่ด้วย
สถานที่เลื่องชื่อสิ่งใหม่ในบุรีรัมย์ ถ้าไม่ไปก็เหมือนมาไม่ถึงนั่นก็คือ อาณาจักรของปราสาทสายฟ้า..Buriram United ชื่อนี้เอยเรียกเองแหละเพราะมีหลายที่ให้เที่ยวที่นี่ เราเริ่มเดินพลาซ่าก่อนเลยเพราะหิวมากกกก ที่พลาซ่าที่นี่มีทั้งBuriram Megastore เคเอฟซี ร้านDaisoฯไม่ต่างจากกรุงเทพฯบ้านเราเลย ตอนจากพลาซ่าตรงไปเรื่อยๆจะเห็นปราสาทหินอยู่ไกลๆ ในใจก็คิด เอ๊ะ! ทำไมมีปราสาทที่นี่ด้วยนะ
ที่เราเห็นนั่นเรียกว่าBuriram Castle เป็นเหมือนHall of frameของสโมสรนั่นเอง เอยไปตอนเช้าค่อนข้างร้อนหน่อย มีถ้วยรางวัลไม่ครบ แต่ปราสาทสวยมากจริงๆ
สถานที่ที่เอยรอคอยก็มาถึง ไปสนามไอโมบายจ้า ก่นเข้าไปมีให้เราลงชื่อด้วยแต่ไม่คิดค่าเข้าชมนะ พอเดินเข้าไปในสนาม โอ้โห! สวยมากเหมือนสนามในต่างประเทศที่เราเคยเห็นเลย น้องเจ้าถิ่นบอกเอยว่าที่นี่ได้บันทึกลงกินเนสบุ๊คด้วยว่าเป็นสนามที่สร้างเร็วที่สุดคือ256วัน และสามารถจุคนดูได้ถึงประมาณ32,000คน ได้การรับรองจากสมาคมฟีฟ่าด้วย WOW ประเทศเราก็มีอะไรดีๆแบบนี้เหมือนกันนะเนี่ยย
พอเดินเข้าสนามไปสักพักก็ได้ยินเสียงประกาศ เป็นเสียงลุงๆหน่อยว่า “วันนี้ เรากำลังจะเปลี่ยนหญ้าสนามใหม่ สามารถลงในสนามได้นะครับ” จบเสียงประกาศเอยนี่ตาลุกวาวเลย รอไรหละรีบลงไปถ่ายรูปสิจ๊ะ สนามไม่ได้มีแต่สนาม ยังมีห้องแสดงข่าว ห้องพักนักกีฬาทั้งทีมเหย้าทีมเยือนฯ ด้วย
ทำท่าGUสักหน่อยย แฟนบอลบุรีรัมย์จะรู้จักGU12 มีความหมายคือผู้เล่นคนที่12 นั่นก็คือแฟนบอลนั่นเอง
ที่สุดท้ายที่เราจะไปในอาณาจักรปราสาทสายฟ้านั่นคือChang International Circuit บันไดทางขึ้นสูงมากแต่ถ้าผู้ใหญ่ที่ไม่ค่อยแข็งแรงมาก็สามารถขึ้นลิฟท์จากด้านล่างได้เลย พอเข้าไปที่สนามแข่งรถค่อนข้างใหญ่มากทีเดียว น้องบอกว่าที่นี่ไม่เพียงแข็งรถอย่างเดียว ยังมีการแข่งมอเตอร์ไซต์และจักรยานด้วยนะ นั่งดูวิวสนามไปสักพักเริ่มได้ยินเสียง”แป๊ะๆ”ดังมาเรื่อยๆ เอยก็ตกใจว่าฝนตกเอ่อ แต่พอมองออกไปแดดก็ออก สนามก็ไม่เปียกหนิ น้องบอกว่าเป็นเสียงหลังคาที่หดตัวและขยายตัวเมื่อเจอแดดอะพี่เอย
สถานที่เที่ยวยามค่ำคืนที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปบุรีรัมย์ บางคนอาจาคิดในใจ ผับไหนคะพี่ แต่เปล่าเลยตอบได้คำเดียวว่า “ถนนเซราะกราวน์”ค่ะ ที่นี่มีของขายเยอะมากทั้งของกิน ต้นไม้ เสื้อผ้า ของพื้นบ้านฯ รับรองว่ามาที่นี่ได้ของกลับบ้านติดไม้ติดมือแน่นอน
เอยเดินไปเจอร้านนึง เป็นร้านขายลูกชิ้นทอดแต่ร้านนี้แปลกตรงมีคนไปยืนกินจิ้มน้ำจิ้มหน้าร้านเลย คนกทม.แต่เกิดอย่างเอยก็งงไปสิ ไม่เคยเจอร้านแบบนี้มาก่อนเลย น้องเจ้าถิ่นบอกว่า ที่นี่เป็นแบบนี้ปกติ เค้าจะยืนกินหน้าร้านเลย กินอิ่มก็นับไม้แล้วค่อยจ่ายเงิน
ไม่ไกลจากสนามบอลมากนักจะเจอวนอุทยานเขากระโดง หรือบางคนอาจเรียกเนินกระโดงนั่นเอง ที่นี่เอยบอกได้เลยว่าวัดใจและความอึดสุดๆเลยค่ะ บันไดทางขึ้นเกือบ300ขึ้น สูงมากกกกกก มาถึงขนาดนี้ละต้องไปให้ถึง สู้ค่ะ
พอขึ้นมาด้านบนพบพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งอยู่ มองวิวออกไป เห็นวิวเมืองบุรีรัมย์ทั้งเมืองเลยย อากาศดีมาก บริเวณใกล้ๆจะเจอต้นไม้ในตำนาน ชื่อท้องถิ่นเรียกว่า”ต้นผี” O_O ฟังชื่อแล้วตกใจเลย น้องบอกว่ามีชื่อเขมรด้วยนะพี่เรียก ”ต้นขนุยขมอย” ใกล้ๆจะมีศาลาที่มีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าอยู่ด้วย
ขับรถไปอ.เฉลิมพระเกียรติ ไม่ต้องสงสัยเลยค่ะว่าไปที่ไหน ปราสาทหินพนมรุ้งแน่นอน วันที่เอยมาคนค่อนข้างเยอะหน่อย บริเวณลานจอดรถจะมีร้านค้าให้เราได้ซื้อของฝากมากมายเลย เดินตรงไปเรื่อยๆก่อนประตูททางเข้าจะเจอศูนย์ให้ข้อมูล เราสามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลของปราสาทและมีของที่ระลึกขายด้วยค่ะ ก่อนเข้าไปได้กินไอติมlocalด้วย ราคาไม่แพงอร่อยด้วยค่ะ
โดยปกติในการเข้าชมปราสาทจะมีการเก็บค่าเข้าชม แต่ตอนเอยมาอยู่ในช่วงไว้อาลัยเลยไม่มีการเก็บค่าเข้าชมค่ะ เดินเข้ามาข้างใน บอกได้คำเดียวว่าบันไดชันมากที่สุด เราก็ค่อยๆเดินไปจนถึงปราสาทเลย ของจริงสวยมากๆค่ะ เข้าไปจะได้กลิ่นนิดนึง ไม่ต้องแปลกใจกลิ่นนั้นน่าจะเป็นขี้ค้างคาวที่อาศัยอยู่ในปราสาทนั่นเอง ถ้าลองเงยหน้าดูในปราสาทจะเห็นค้างคาวเกาะอยู่เต็มเลยค่ะ
นี่เป็นทับหลังนารายณ์บรรทมศิลป์ ที่เราไปเอาคืนมาจากพิพิธภัณฑ์ในอเมริกาในปีพ.ศ. 2531 ในช่วงที่เรายังไม่ได้คืนบางคนคงเคยได้ยินเพลงของคาราวบาวที่มีเนื้อร้องเกี่ยวกับทับหลังชิ้นนี้ด้วย
ขับรถจากปราสาทหินพนมรุ้งไปประมาณ 6 กิโลเมตรจะเจอปราสาทหินต่ำค่ะ ที่นี่ได้รับการบูรณะจากชาวไทยและรัฐบาลในสมัยนั้น จนได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อีกที่หนึ่ง เดินเข้าไปจะพบสระน้ำโดยรอบบริเวณปราสาท ซึ่งในสมัยโบราณใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เดินเข้าไปพบปราสาทประธานเหลือเพียงฐานของปราสาท แต่สิ่งที่ยังสมบูรณ์อยู่มากนั่นคือทับหน้าและทับหลังของปราสาทโดยรอบปราสาทประธาน
ที่สุดท้ายก่อนเราจะกลับเข้าตัวเมือง เราได้ไปหมู่บ้านที่ทำผ้าภูอัคนีโดยกลุ่มสตรีในหมู่บ้านนั้น ผ้าภูอัคนีเป็นการนำเส้นฝ้ายมาย้อมสีธรรมชาติโดยใช้ดินภูเขาไฟและใช้เปลืกไม้ต่างๆ ทางกลุ่มแม่บ้านทำการทอผ้าเองด้วย และยังมีการกระจายงานไปให้ผู้สูงอายุที่อยู่ในหมู่บ้านทำเพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้ด้วยค่ะ ราคาสินค้าที่ขายก็ไม่แพงเลย สินค้าที่นี่ค่อนข้างใช้ได้ทั้งผู้ใหญ่และวัยรุ่น เอยเลยอุดหนุนมาสักชิ้นสองชิ้นซะเลย ทางกลุ่มผ้าภูอัคนียังมีการสาธิตการย้อมผ้าและการทอผ้าให้ดูด้วย
เอยเพิ่งเคยเห็นการทอผ้าแบบนี้ครั้งแรก สงสัยหลายอย่างเลย พี่ๆก็น่ารักมากตอบทุกคำถามเลยจ้า
บางคนดูรูปแล้วงงเลยหละสิว่าพี่เค้าทำอะไร บอกได้เลยว่าเป็นวิถีเช็คคุณภาพผ้าแบบชาวบ้านก็ว่าได้ค่ะ คือพี่เค้าวัดระยะผ้าแล้วขีดไว้บนพื้น จากนั้นพอมีสมาชิกที่เอาเส้นฝ้ายไปทอมาส่ง ก็จะเช็คคุณภาพผ้าว่ายาวถึงที่กำหนดไว้มั้ยค่ะ