เหตุเกิดตอน ป.3...
ตอนเป็นเด็กที่บ้านไม่มีเครื่องเกม จำได้ว่าตอนนั้นติดเกมมาก ต้องไปนั่งร้านเกมเช่า ( เปรียบสมัยนี้ก็เหมือนเนตคาเฟ่ ) ทุกวันหลังเลิกเรียน จะต้องแอบปั่นจักรยานมากับไอ้อุ้ย มานั่งเช่าเกมเล่นสองคน
ตอนนั้นผู้ใหญ่บ้านเรามองว่าร้านเกมเช่าพวกนี้เหมือนเป็นแหล่งมั่วสุมบางอย่าง คือร้านมันจะดูไม่เหมือนเนตคาเฟ่สมัยนี้ มันจะดูเก่าๆ ทางเข้าลึกลับ ด้านหน้าเปิดเป็นร้านเช่าการ์ตูน หลังร้านดันเป็นร้านเล่นเกม
ผมกับไอ้อุ้ยมาร้านนี้บ่อยแทบทุกวัน เอาเงินค่าขนมเก็บหอมรอมริบมาผลาญไปกับเงินค่าชั่วโมงเช่าเกมเล่น
วันนั้นผมจำได้ว่าเล่นเช่าเครื่อง Megadrive เล่นเกม Golden Axe สนุกสนานแย่งของตีบอสผ่านด่านช่วยกันไป เล่นจนถึง 2 ทุ่มก็รู้ว่าได้เวลาที่จะต้องกลับบ้านแล้ว
เราสองคนปั่นจักรยานคู่กัน แล้วไอ้ความที่ตอนเป็นเด็กมันจะเป็นบ้าอะไรซักอย่างที่อยากเป็นคนปั่นแซงนำหน้า คืออยู่ๆก็เหมือนจะปั่นแข่งกันว่าใครได้อยู่หน้า ผมปั่นคู่กับมันไปมาผลัดกันเร่งแซง ในที่สุดเด็กกะเปี๊ยกป.3 อย่างเราก็แซงมาไกลโข
จังหวะนั้นผมหันหลังกลับไปมองที่ไอ้อุ้ย ว่ามันปั่นตามตูดเรามาถึงไหนแล้ว
....หุๆๆ ห่างไกลๆ
โครม !!!
เสียงดังลั่น ผมชนเข้ากับรถกระบะที่จอดอยู่กับที่ แรงชนทำให้ตูดผมหลุดจากที่นั่งลอยค้างกลางอากาศเพียง 0.3 วิ ก่อนที่หัวจะไปชนท้ายรถกระบะ
นอนหงายจมกองเลือด มึนๆ เอ๋อๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้ว่ารถล้ม แต่มันมึนๆ คิดอะไรไม่ออก ได้ยินแต่เสียงคนพูดและมุงกันเต็มไปหมด
มองเห็นเลือดไหลอาบเต็มเสื้อนักเรียน ซักพักก็มีคนอุ้มพานั่งซ้อนแมงกะไซเพื่อจะไปส่งที่โรงพยาบาล จังหวะนั้นไอ้อุ้ยปั่นมาถึงจุดเกิดเหตุหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
คำที่ผมเจือกบอกมันไปตอนนั้นคือ
"อย่าบอกพ่อตูนะ ว่าเรามานั่งเล่นเกมกัน..."
คือตอนนั้นมันตกใจไง กลัวมีเรื่อง กลัวโดนป๊าว่า กลัวไปซะทุกอย่าง แต่เจือกไม่กลัวเจ็บ
พอมาถึงโรงพยาบาล หมอจับนอนเปล เอาผ้าคลุมหน้าปิดตาไว้ เห็นเค้าพูดกันว่าแผลแตกๆ เลือดอาบๆ
ผมนอนบนเปลมองอะไรไม่เห็น ได้ยินแต่เสียงหมอ ก็เลยรีบบอกหมอไปอีกว่า
"ไม่เย็บนะครับ เดี๋ยวพ่อจะรู้ว่าเป็นแผล"
หมอก็บอกไม่เย็บๆ ในหัวตอนนั้นผมก็ชาๆ เหมือนหมอทำอะไรที่หัว ไม่รู้เรื่อง หมอชวนคุยไปเรื่อย ผมก็คิดในใจว่าราดยาทิงเจอร์เสร็จก็น่าจะกลับบ้านได้
เอาผ้าปิดตาออกแล้วมองกระจก ไอแสสสสสส เป็นโบว์สีขาวบนหัวตูเลย ป๊าด่าตูแน่นอน
" ไหนหมอบอกว่าจะไม่เย็บไง เอาโบว์นี่ออกเลย ผมจะกลับบ้านยังไง " ผมร้องไห้ด่าหมอ ในใจไม่ได้กลัวเจ็บ แต่ดันกลัวโดนพ่อด่า 555
หมอบอกว่า เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็มาถึงนี่แล้ว คุยกันเอาเองนะ ว่าแล้วก็เดินจากไป ปล่อยให้เด็ก ป.3 นั่งหน้าซีดเตรียมเรื่องจะโกหกพ่อ
ป๊ากับม๊ามาถึง ไม่ถามไม่พูดอะไรทั้งนั้นเข้ามาดูแผล ไม่ดุ ไม่ด่า ไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น
ผมบอกป๊าว่า แข่งปั่นจักรยานกับไอ้อุ้ย แล้วลืมมองทางเลยเผลอชน
ป๊ากับม๊ายิ้มๆ แล้วไม่ได้ว่าอะไร ถามแต่ว่าเจ็บหรือเปล่า
บางครั้งตอนเป็นเด็กเราก็กลัวกับเรื่องโง่ๆแบบนี้ เราไม่ได้คิดกลัวว่ามันจะเป็นแผลเป็นหรือเปล่า เราจะเจ็บไหม มันจะรักษานานหรือไม่
...แต่เรากลับกลัวที่จะโดนพ่อด่าว่าไปเล่นเกมซะงั้น
ผมเคยกลัวว่าที่บ้านจะด่าเรื่องซื้อหนังสือการ์ตูนมาอ่าน เลยต้องแอบซื้อแล้วเอาซุกไว้ในเสื้อ หนีบไว้ด้านหลังตอนเดินเข้าบ้าน
เคยกลัวว่าเรียนได้เกรดไม่ดีเท่าพี่สาว จนคิดมากว่าจะทำยังไงดีในวันที่เกรดออก ไม่กลับบ้านซักวันดีป่าววะ 555
เรื่องราวจบลง เป็นเด็กชายเจนดีผูกโบว์ขาวอันเบ้อเร่อไปเรียนหนังสือในตอนเช้าวันถัดมา พร้อมกับหัวเกรียนทั้งหลายมาถามไถ่ว่าเหตุการณ์เป็นยังไงบ้าง
ตอนนั้นผมคิดว่าไอ้อุ้ยต้องโกหกได้เทพมาก เพราะที่บ้านยังไม่รู้เลยว่าเราไปเล่นเกมกันแล้วตูโง่ขับชนกระบะ
ตอนพักเที่ยงผมถามมันว่า
" ไอ้อุ้ย แกไปบอกพ่อตูว่าไงวะเมื่อวาน "
" ก็บอกว่าไปเล่นเกมกับแก แล้วแกขับรถชนกระบะหัวแตกอยู่โรงบาล "
.
.
.
.
.
. . . อ้าว เฮ้ย !!
ใครเคยกลัวพ่อแม่ดุด่า ด้วยเรื่องโง่ๆบ้างครับ...? (ทั้งๆที่สุดท้าย เค้าก็ไม่เห็นจะด่าเรา)
ตอนเป็นเด็กที่บ้านไม่มีเครื่องเกม จำได้ว่าตอนนั้นติดเกมมาก ต้องไปนั่งร้านเกมเช่า ( เปรียบสมัยนี้ก็เหมือนเนตคาเฟ่ ) ทุกวันหลังเลิกเรียน จะต้องแอบปั่นจักรยานมากับไอ้อุ้ย มานั่งเช่าเกมเล่นสองคน
ตอนนั้นผู้ใหญ่บ้านเรามองว่าร้านเกมเช่าพวกนี้เหมือนเป็นแหล่งมั่วสุมบางอย่าง คือร้านมันจะดูไม่เหมือนเนตคาเฟ่สมัยนี้ มันจะดูเก่าๆ ทางเข้าลึกลับ ด้านหน้าเปิดเป็นร้านเช่าการ์ตูน หลังร้านดันเป็นร้านเล่นเกม
ผมกับไอ้อุ้ยมาร้านนี้บ่อยแทบทุกวัน เอาเงินค่าขนมเก็บหอมรอมริบมาผลาญไปกับเงินค่าชั่วโมงเช่าเกมเล่น
วันนั้นผมจำได้ว่าเล่นเช่าเครื่อง Megadrive เล่นเกม Golden Axe สนุกสนานแย่งของตีบอสผ่านด่านช่วยกันไป เล่นจนถึง 2 ทุ่มก็รู้ว่าได้เวลาที่จะต้องกลับบ้านแล้ว
เราสองคนปั่นจักรยานคู่กัน แล้วไอ้ความที่ตอนเป็นเด็กมันจะเป็นบ้าอะไรซักอย่างที่อยากเป็นคนปั่นแซงนำหน้า คืออยู่ๆก็เหมือนจะปั่นแข่งกันว่าใครได้อยู่หน้า ผมปั่นคู่กับมันไปมาผลัดกันเร่งแซง ในที่สุดเด็กกะเปี๊ยกป.3 อย่างเราก็แซงมาไกลโข
จังหวะนั้นผมหันหลังกลับไปมองที่ไอ้อุ้ย ว่ามันปั่นตามตูดเรามาถึงไหนแล้ว
....หุๆๆ ห่างไกลๆ
โครม !!!
เสียงดังลั่น ผมชนเข้ากับรถกระบะที่จอดอยู่กับที่ แรงชนทำให้ตูดผมหลุดจากที่นั่งลอยค้างกลางอากาศเพียง 0.3 วิ ก่อนที่หัวจะไปชนท้ายรถกระบะ
นอนหงายจมกองเลือด มึนๆ เอ๋อๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้ว่ารถล้ม แต่มันมึนๆ คิดอะไรไม่ออก ได้ยินแต่เสียงคนพูดและมุงกันเต็มไปหมด
มองเห็นเลือดไหลอาบเต็มเสื้อนักเรียน ซักพักก็มีคนอุ้มพานั่งซ้อนแมงกะไซเพื่อจะไปส่งที่โรงพยาบาล จังหวะนั้นไอ้อุ้ยปั่นมาถึงจุดเกิดเหตุหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
คำที่ผมเจือกบอกมันไปตอนนั้นคือ
"อย่าบอกพ่อตูนะ ว่าเรามานั่งเล่นเกมกัน..."
คือตอนนั้นมันตกใจไง กลัวมีเรื่อง กลัวโดนป๊าว่า กลัวไปซะทุกอย่าง แต่เจือกไม่กลัวเจ็บ
พอมาถึงโรงพยาบาล หมอจับนอนเปล เอาผ้าคลุมหน้าปิดตาไว้ เห็นเค้าพูดกันว่าแผลแตกๆ เลือดอาบๆ
ผมนอนบนเปลมองอะไรไม่เห็น ได้ยินแต่เสียงหมอ ก็เลยรีบบอกหมอไปอีกว่า
"ไม่เย็บนะครับ เดี๋ยวพ่อจะรู้ว่าเป็นแผล"
หมอก็บอกไม่เย็บๆ ในหัวตอนนั้นผมก็ชาๆ เหมือนหมอทำอะไรที่หัว ไม่รู้เรื่อง หมอชวนคุยไปเรื่อย ผมก็คิดในใจว่าราดยาทิงเจอร์เสร็จก็น่าจะกลับบ้านได้
เอาผ้าปิดตาออกแล้วมองกระจก ไอแสสสสสส เป็นโบว์สีขาวบนหัวตูเลย ป๊าด่าตูแน่นอน
" ไหนหมอบอกว่าจะไม่เย็บไง เอาโบว์นี่ออกเลย ผมจะกลับบ้านยังไง " ผมร้องไห้ด่าหมอ ในใจไม่ได้กลัวเจ็บ แต่ดันกลัวโดนพ่อด่า 555
หมอบอกว่า เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็มาถึงนี่แล้ว คุยกันเอาเองนะ ว่าแล้วก็เดินจากไป ปล่อยให้เด็ก ป.3 นั่งหน้าซีดเตรียมเรื่องจะโกหกพ่อ
ป๊ากับม๊ามาถึง ไม่ถามไม่พูดอะไรทั้งนั้นเข้ามาดูแผล ไม่ดุ ไม่ด่า ไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น
ผมบอกป๊าว่า แข่งปั่นจักรยานกับไอ้อุ้ย แล้วลืมมองทางเลยเผลอชน
ป๊ากับม๊ายิ้มๆ แล้วไม่ได้ว่าอะไร ถามแต่ว่าเจ็บหรือเปล่า
บางครั้งตอนเป็นเด็กเราก็กลัวกับเรื่องโง่ๆแบบนี้ เราไม่ได้คิดกลัวว่ามันจะเป็นแผลเป็นหรือเปล่า เราจะเจ็บไหม มันจะรักษานานหรือไม่
...แต่เรากลับกลัวที่จะโดนพ่อด่าว่าไปเล่นเกมซะงั้น
ผมเคยกลัวว่าที่บ้านจะด่าเรื่องซื้อหนังสือการ์ตูนมาอ่าน เลยต้องแอบซื้อแล้วเอาซุกไว้ในเสื้อ หนีบไว้ด้านหลังตอนเดินเข้าบ้าน
เคยกลัวว่าเรียนได้เกรดไม่ดีเท่าพี่สาว จนคิดมากว่าจะทำยังไงดีในวันที่เกรดออก ไม่กลับบ้านซักวันดีป่าววะ 555
เรื่องราวจบลง เป็นเด็กชายเจนดีผูกโบว์ขาวอันเบ้อเร่อไปเรียนหนังสือในตอนเช้าวันถัดมา พร้อมกับหัวเกรียนทั้งหลายมาถามไถ่ว่าเหตุการณ์เป็นยังไงบ้าง
ตอนนั้นผมคิดว่าไอ้อุ้ยต้องโกหกได้เทพมาก เพราะที่บ้านยังไม่รู้เลยว่าเราไปเล่นเกมกันแล้วตูโง่ขับชนกระบะ
ตอนพักเที่ยงผมถามมันว่า
" ไอ้อุ้ย แกไปบอกพ่อตูว่าไงวะเมื่อวาน "
" ก็บอกว่าไปเล่นเกมกับแก แล้วแกขับรถชนกระบะหัวแตกอยู่โรงบาล "
.
.
.
.
.
. . . อ้าว เฮ้ย !!