เรื่องย่อ
เรื่องราวปาฏิหาริย์ระหว่างของคนสองคน มิตสึฮะ (โมเนะ คามิชิราอิชิ )เด็กสาวผู้อาศัยอยู่ในชนบทแต่มีความฝันที่อยากไปใช้ชีวิตในเมืองกรุง และ ทากิ (ริวโนะสุเกะ คามิกิ ) เด็กหนุ่มในโตเกียวผู้ทำงานพิเศษที่ร้านอาหารอิตาเลียน และสนใจในงานด้านศิลปะ วันหนึ่ง มิตสึฮะได้ฝันว่าตัวเองกลายเป็นเด็กหนุ่ม ขณะที่ทากิฝันว่าตัวเองกลายเป็นเด็กสาวในชนบททั้งๆที่เขาไม่เคยไปมาก่อน ทั้งสองจึงต่างเดินทางเพื่อไขความลับของความฝัน จนกลายเป็นความผูกพันบางอย่าง
รีวิว (ไม่สปอย)
Your Name | Kimi no na wa | หลับตาฝันถึงชื่อเธอ
ไม่แปลกใจเลยที่หนังเรื่องนี้ ทำเงินถล่มทลายในญี่ปุ่น โดยเปิดตัวขึ้นอันดับหนึ่งถึง 9 สัปดาห์ซ้อน ทำรายได้ไปกว่า 1 หมื่นแปดพันล้านเยน ขึ้นแท่นอันดับ 3 ภาพยนตร์แอนิเมชั่นทำเงินสูงสุดตลอดกาล และเป็นแอนิเมชั่นเรื่องแรกที่ไม่ได้ผลิตโดยสตูดิโอจิบลิซึ่งทำรายได้เกิน 1 หมื่นล้านเยน
Your Name เขียนบทและกำกับโดย "มะโกะโตะ ชิงไก" (5 Centimeters Per Second, Children Who Chase Lost Voices ) และมี "มะซะโยะชิ ทะนะกะ" เป็นผู้ออกแบบตัวละคร และแต่งเพลง "แรดวิมส์"
ตัวหนังนั้นเป็นหนังที่ค่อนข้างซับซ้อนและไม่ใช่หนังธรรมดามาก แต่ว่าการเล่าเรื่องนั้นเป็นอะไรที่รู้สึกว่า โอ้โห มันสุดติ่งมาก เพราะมันไม่ง่ายเลยที่จะทำหนังที่ซับซ้อนให้ออกมา แล้วคนดูเข้าใจง่าย ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้สัมผัสอารมณ์ต่างๆที่ใส่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็น เหงาจนหดหู เศร้าจนร้องให้ สนุกสนานจนหัวเราะออกมา ทั้งหมดนี้ผสานเข้าด้วยกันกันอย่างลงตัวมาก
นอกจากนี้ตัวหนังยังสอดแทรกจิตวิญญาณของความเป็นญี่ปุ่น เรื่องของความเชื่อมิโกะ โลกหลังความตาย ห้วงเวลา โลกคู่ขนาน ด้ายแดงพรมหมลิขิต ดาวหาง ทุกอย่างถือว่าเป็นขนบญี่ปุ่นเอามาไว้ในเรื่อง ได้อย่างลงตัวถูกที่ และถูกเวลามาก นี่ยังไม่นับรวมไปถึง วิทยาศาสตร์ ห้วงมิติเวลา โลกคู่ขนาน การย้อนเวลา มันดูเหมือนจะแฟนตาซีมากในบางครั้งแต่ก็ไม่ได้แฟนตาซีจนฟุ้งฝัน บางภาพก็รู้สึกสตั้นมาก จนอยากใช้เวลาอยู่กับภาพแบบนี้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
ในส่วนของเพลงและดนตรีที่ไม่ใช่แค่เปียโนบรรเลง แต่ยังมาพร้อมป๊อปร็อคสมัยใหม่ คือบางฉากที่ลุ้นดนตรีก็ทำให้รู้สึกอึดอัดและลุ้นตามใจจะขาดมาก บางฉากสนุกก็ตนตรีสนุกมาก บางฉากเศร้าเพลงก็มาได้ตรงเวลามาก มันจับใจเสียจนหลายคนนํ้าตาซึม รู้สึกว่ามันคุ้มค่าจริงๆนะ ขนลุก
ไม่รู้ใครเป็นเหมือนกันมั๊ยนะ ทุกครั้งที่เวลาไปดูหนัง จะตัดสิ่งรอบข้างให้หมด มีสมาธิกับหนัง ปล่อยสายตา อารมณ์ ความรู้สึก ประหนึ่งว่า เราคือผู้ที่อยู่ในเรื่องซะเอง มันทำให้เราเข้าถึงมาก ทั้งอารมณ์ เศร้า เหงา สนุก ตื่นเต้น หัวเราะ ทุกๆอย่างสามารถถ่ายทอดออกมาได้อยากเต็มที่ และก็อยากให้หลายๆคนลองทำตามดูบ้างคือเรา เข้าไปดูและ ปล่อยตามมันไป แล้วจะเห็นว่าการดูหนังมันคือสุดๆที่คนเราจะจินตนาการได้ในยามตื่น ที่ไม่ใช่ฝัน ^_^
หลังดูจบรู้สึกอิ่มมากจนไม่เสียดายค่าตั๋วเลย และอยากดูอีกรอบ เรื่องนี้ขอให้คะแนน 10/10
มาลองเรียงลำดับไทม์ไลน์กัน *****คำเตือน สปอยเนื้อหา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอเล่าเรียงลำดับเรื่องตาม ไทม์ไลน์เวลาที่เดินไปในแต่ละวันอย่างคร่าวๆ (ตามที่ได้เข้าไปดูรอบเดียว แต่เดี๋ยวจะไปดูอีกรอบ)
ช่วงเวลาหลักของทากิ
คือช่วงเวลาปี 2016 (ถ้าดูจบ ทากิจะมีช่วงเวลาความทรงจำว่าเคยเห็น ดาวหาง Tiamat โคจรเมื่อสามปีที่แล้วแปลว่ามิตสึฮะ ตายไปแล้ว) ทากิก็ใช้ชีวิตตามปกติ จนกระทั่ง ก่อนจะครบรอบ 3 ปี ของเหตการณ์ดาวหาง Tiamat โคจรไกล้โลกที่สุด (อิงจากตามเวลาในโทรศัพท์ของทากิ คือประมาณ 08:52 ของวันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2016) ซึ่งน่าจะเป็นครั้งแรกที่ ทากิเปลี่ยนร่างกับมิตสึฮะ
ช่วงเวลาหลักของมิตสึฮะ
คือช่วงเวลาในปี 2013 และครั้งแรกที่มิตสึฮะสลับร่างกับทากิ ก็น่าจะเป็นวันเดียวกัน แต่ตามหลังอยู่ 3 ปี คือวันที่ 5 กันยายน 2013
ฉะนั้นช่วงเวลาของมิตสึฮะน่าจะเป็นช่องว่างทิ้งระยะห่างตามทากิ 3 ปีพอดี
ช่องว่างระหว่าง ช่วงเวลาของมิตสึฮะและช่วงเวลาของทากิคือ 3 ปีพอดี เช่น วันที่ 5 กันยายน 2013 ของมิตสึฮะจะตรงกับ วันที่ 5 กันยายน 2016 ของทากิ และถ้าช่วงเวลาของมิตสึฮะเดินผ่านไปหนึ่งวัน ช่วงเวลาของทากิก็จะเดินผ่านไปหนึ่งวันเช่นกัน (ตรงนี้ทุกคนน่าจะเข้าใจ)
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็สลับร่างกันสัปดาห์ละประมาณ 2-3 ครั้งโดยการสลับร่างนั้นมีกลไกลคือการนอนหลับ และเมื่อตื่นมา(สลับร่างคืน) จะจำไม่ได้เลยว่าทำอะไรไปบ้างในร่างของอีกคน ทั้งสองเลยตกลงเขียนไดอารี่เพื่อบอกว่าในช่วงเวลาที่สลับร่างกันนั้นได้ทำอะไรไปบ้าง จากที่ได้สลับร่างกันบ่อยขึ้น ทำให้ทั้งสองต้องใช้ชีวิตของของอีกฝ่ายแทนกันและกัน จึงเกิดเป็นสายสัมพันธ์ของทั้งคู่ขึ้นมาขึ้นมา ////^//// อร๋ายยยย ฟินนน
และจากไดอารี่ในโทรศัพท์ของทากิ จะเห็นว่าทั้งคู่สลับร่างกันวันในที่ 5, 7, 9, 12, 16, 19, 20, 24, 29 กันยายน, และวันที่ 2 ตุลาคมเป็นวันสุดท้าย ก่อนที่ดาวหาง Tiamat จะแตกตัวออกเป็นสองส่วนและตกลงมายังเมืองฮิโตโมริที่มิตสึฮะอยู่
เวลาเดินผ่านไป หลังจากผ่านวันที่ 4 ตุลาคมไป ทากิก็ไม่ได้สลับร่างกับมิตสึฮะ อีกเลย ทากิก็เลยนำภาพวาดเลือนลางของเขาที่พอจำได้ของสถานที่ในทุกๆครั้งที่สลับร่างกันมาวาด ประติดประต่อรวมกันเป็นภาพเมืองฮิโตโมริจนได้ (หรืออาจจะจำจากนิทรรศการภาพถ่ายตอนที่เคยไปเดทกับรุ่นพี่โอคุเดระ) และได้ออกตามหาจนกระทั่งพบความจริงว่า เมืองฮิโตโมรินั้นไม่มีอยู่อีกแล้ว เพราะเกิดจากดาวหางที่แตกตัวออกมา พุ่งชนจนเป็นหลุมขนาดใหญ่ (ตามที่ทากิอ่านจากหนั้งสือ คือวันที่ 4 ตุลาคม 2013 ส่วนเวลาก็คือ 2 ทุ่ม 42 นาที)
จากนั้นทากิก็ได้ไปที่ร่างของเทพแห่งศาลเจ้ามิยามิซึ แล้วเข้าไปดื่มเหล้าคูจิคามิซาเกะของมิตสึฮะ (เหล้านี้น่าจะมีอายุได้สามปีแล้ว) และเพราะมันคือครึ่งหนึ่งของชีวิตของมิตสึฮะ และเขาก็ได้ภาวนาขอร้องอยากเจอมิตสึฮะอีกครั้ง จนกระทั่ง....เขาลื่นล้มแล้วสลบไป
ช่วงเวลานี้ทำให้ทากิได้เห็นภาพความทรงจำของมิตสึฮะที่เขาเองไม่เคยเห็นมากมาย และเขายังมองเห็นว่าก่อนดาวหางตกหนึ่งวันนั้น (วันที่ 3 ตุลาคม 2013) มิตสึฮะ เคยมาหาทากิที่โตเกียวแล้ว (แต่ตอนนั้น ทากิยังไม่รู้จักมิตสึฮะ และก่อนจากกันเหมือนมีสายสัมพันธ์บางอย่างทำให้มิตสึฮะ ทิ้งด้ายนำโชคไว้ให้ทากิก่อนจะจากไป) เมื่อภาพความทรงจำเหล่านั้นหมดไป ทั้งสองกลับมาสลับร่างกันอีกครั้ง โดยทากิที่อยู่ในร่างมิตสึฮะได้ตื่นขึ้นมาเช้าของวันที่ 4 ตุลาคม 2013 อีกครั้ง
ตามที่ยายของมิตสึฮะได้เล่าไว้ "เพื่อแลกเปลี่ยนในการกลับมายังโลกนี้ จะต้องทิ้งสิ่งที่สำคัญที่สุดเอาไว้ ในร่างของเทพแห่งศาลเจ้ามิยามิซึ นั่นก็คือ เหล้าคูจิคามิซาเกะของมิตสึฮะ ซึ่งเปรียบเสมือนครึ่งหนึงของชีวิตมิตสึฮะ เพราะว่าเหล้านี้มาจากข้าวที่มิตสึฮะได้หมักไว้ด้วยตัวเอง และตามความเชื่อใครก็ตามที่ได้กินเข้าไปมันจะไปหลอมรวมกับวิญญาณของเรา"
จากตรงนี้ อาจเหมือนเป็นการย้อนเวลากลับด้วย (สงสัยเป็นพลานุภาพแห่งดาวหาง หรือเป็นเพราะเทพแห่งศาลเจ้ามิยามิซึ ก็ไม่แน่ใจ) ทำให้ช่วงเวลาของทั้งสองที่เคยทิ้งห่างกันสามปีพอดีได้ขยายช่วงกว้างขึ้น (ช่วงเวลาของมิตสึฮะย้อนกลับมาวันที่ 4 ตุลาคม 2013 ก่อนดาวหางตก / และช่วงเวลาของทากิ ที่เลยวันที่ 4 ตุลาคม 2016 มาหลายวันแล้ว)
ทากิในร่างมิตสึฮะจะต้องกลับไปช่วยผู้คนจากหายนะครั้งนี้ให้ได้ และในเย็นวันที่ 4 ตุลาคมนั้นเองทากิที่อยู่ในร่างมิตสึฮะ ก็สัมผัสได้ถึงมิตสึฮะเอง เลยพยายามจะไปที่ ภูเขาตรงบริเวณเหนือสุด(ขอบ) ของร่างของเทพแห่งศาลเจ้ามิยามิซึ และทั้งคู่ก็ได้เจอกัน (มันเหมือนกับตรงบริเวณนั้นเป็นจุดที่อ่อนใหวต่อห้วงเวลา หรือเพราะสาเหตมาจากพลานุภาพแห่งดาวหาง) แล้วทั้งสองก็กลับคืนร่าง ทากิได้คืนด้ายนำโชคให้กลับมิตสึฮะ และเมื่อพระอาทิตย์ลับของฟ้าไปทั้งคู่ก็ต้องจากกันไปตามช่วงเวลาหลักของตนเอง โดยที่มิตสึฮะนั้นต้องกลับไปช่วยผู้คนในเมืองฮิโตโมริให้รอดพ้นจากดาวหางให้ได้ตามคำบอกของทากิ
และแน่นอนว่าทั้งสองเริ่มจะจำกันไม่ได้ ทากิเริ่มจำชื่อมิตสึฮะไม่ได้ ส่วนมิตสึฮะเองก็เริ่มจำทากิไม่ได้ ซึ่งตรงส่วนที่ความจำเริ่มเลือนหายนั้นน่าจะมาจากเหตผลที่ว่า เมื่อทั้งสองคืนร่างก็จะจำอะไรไม่ได้ ตามที่เข้าใจตั้งแต่ต้น หรือ อาจจะเป็นเพราะมิตสึฮะได้กลับไปเปลี่ยนแปลงและแก้ไขอดีต (อย่างที่รู้กันว่าถ้าอดีตเปลี่ยน อาคตก็จะเปลี่ยนไปหมด รวมถึงความทรงจำ) จนในที่สุดมิตสึฮะ ก็ทำได้สพเร็จ
แต่...ถึงอย่างนั้นทั้งสองยังคงมีสายสัมพันธ์ที่อยู่ลึกในใจเหมือนว่า "กำลังรอใครบางคน กำลังรออะไรบางอย่าง ไม่รู้ว่าเวลาใหน" จนมาถึงตอนจบ ....
ในตอนจบจากป้ายครบรอบได้เขียนข่าวที่มีข้อความว่า "8 ปี หลังเหตุภัยพิบัติดาวหาง" ก็คือ 8 ปี นับจากปี 2013 นั่นหมายความว่า เวลานี้คือปี 2021 แล้ว ทากิก็เรียนจบแล้ว นั่นหมายความว่า ทากิเพิ่งรู้สึกถึงสายสัมพันธ์ของมิตสึฮะได้เพียง 5 ปี (ทากิเพิ่งรู้จักมิตสึฮะ/รอคอยมิตสึฮะ 5 ปี) แต่สำหรับมิตสึฮะนั้นรู้สึกถึงสายสัมพันธ์ของทากิก่อนเหตการณ์ดาวหางตกที่ฮิโตโมริ ในปี 2013 ซะอีก (มิตสึฮะเพิ่งรู้จัก/รอคอยทากิ 8 ปี) จนกระทั่งในที่สุด......
"You name?"....
เรื่องอายุของสองคน
จากตอนแรกที่ทั้งคู่รู้ว่าสลับร่างกันมิตสึฮะบอกว่าเธอเองกับทากิมีอายุพอๆกัน (ขอนิยามว่าเท่ากันละกันนะ) แต่ที่มิตสึฮะบอกนั้นเป็นการบอกว่าโดยไม่รู้ว่าทั้งสองมีช่วงระยะเวลาที่ทิ้งห่างกันถึงสามปี ถ้าคำนวณ สองคนอายุเท่ากันที่ 17 ปี (อิงจากรายชื่อผู้เสียชีวิตในเมืองฮิโตโมริ) นั่นหมายความว่าในปี 2013 มิตสึฮะอายุ 17 ปี และในปี 2016 ทากิอายุ 17 ปี ...... จนกระทั่งมาถึงปัจจุบันปี 2021 มิตสึฮะจะมีอายุ 17+8 = 25 ปี ส่วนทากิจะมีอายุ 17+5 = 22 ปี จึงสรุปได้ว่า
มิตสึฮะ แก่กว่าทากิ
ตามตำนานของมุซึบิ จากที่ฟัง (ที่ยายของมิตสึฮะเล่าให้ฟัง)
มุซึบิ ก็เหมือนกับการร้อยเชือกที่ยายสอนให้ มิตสุฮะ ร้อยอยู่ทุกวัน บางครั้งมันก็พันต่อกัน บางครั้งมันก็จะคลายออกจากกัน แล้วมันก็จะกลับมาเชื่อมกันใหม่ มุซึบิ คือทุกสิ่งทุกอย่างที่มีความผูกพันธ์กัน การผูกเส้นด้ายก็คือ "มุซึบิ" การเชื่อมความสัมพันธ์ก็คือ "มุซึบิ" การเวียนว่ายของกาลเวลาก็คือ "มุซึบิ" ทั้งหมดคือพลังของพระเจ้า ฉะนั้น "มุซึบิ" มันคือตัวแทนของการเวลามาบรรจบกัน ดังเช่นตอนจบของหนังเรื่องนี้ นั่นก็อาจจะเกิดจาก "มุซึบิ"
มาแสดงความเห็นกันค่า
[Your Name หลับตาฝันถึงชื่อเธอ] มาดูไทม์ไลน์ของมิตสึฮะ และทากิคุงกัน + รีวิว
เรื่องย่อ
เรื่องราวปาฏิหาริย์ระหว่างของคนสองคน มิตสึฮะ (โมเนะ คามิชิราอิชิ )เด็กสาวผู้อาศัยอยู่ในชนบทแต่มีความฝันที่อยากไปใช้ชีวิตในเมืองกรุง และ ทากิ (ริวโนะสุเกะ คามิกิ ) เด็กหนุ่มในโตเกียวผู้ทำงานพิเศษที่ร้านอาหารอิตาเลียน และสนใจในงานด้านศิลปะ วันหนึ่ง มิตสึฮะได้ฝันว่าตัวเองกลายเป็นเด็กหนุ่ม ขณะที่ทากิฝันว่าตัวเองกลายเป็นเด็กสาวในชนบททั้งๆที่เขาไม่เคยไปมาก่อน ทั้งสองจึงต่างเดินทางเพื่อไขความลับของความฝัน จนกลายเป็นความผูกพันบางอย่าง
รีวิว (ไม่สปอย)
Your Name | Kimi no na wa | หลับตาฝันถึงชื่อเธอ
ไม่แปลกใจเลยที่หนังเรื่องนี้ ทำเงินถล่มทลายในญี่ปุ่น โดยเปิดตัวขึ้นอันดับหนึ่งถึง 9 สัปดาห์ซ้อน ทำรายได้ไปกว่า 1 หมื่นแปดพันล้านเยน ขึ้นแท่นอันดับ 3 ภาพยนตร์แอนิเมชั่นทำเงินสูงสุดตลอดกาล และเป็นแอนิเมชั่นเรื่องแรกที่ไม่ได้ผลิตโดยสตูดิโอจิบลิซึ่งทำรายได้เกิน 1 หมื่นล้านเยน
Your Name เขียนบทและกำกับโดย "มะโกะโตะ ชิงไก" (5 Centimeters Per Second, Children Who Chase Lost Voices ) และมี "มะซะโยะชิ ทะนะกะ" เป็นผู้ออกแบบตัวละคร และแต่งเพลง "แรดวิมส์"
ตัวหนังนั้นเป็นหนังที่ค่อนข้างซับซ้อนและไม่ใช่หนังธรรมดามาก แต่ว่าการเล่าเรื่องนั้นเป็นอะไรที่รู้สึกว่า โอ้โห มันสุดติ่งมาก เพราะมันไม่ง่ายเลยที่จะทำหนังที่ซับซ้อนให้ออกมา แล้วคนดูเข้าใจง่าย ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้สัมผัสอารมณ์ต่างๆที่ใส่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็น เหงาจนหดหู เศร้าจนร้องให้ สนุกสนานจนหัวเราะออกมา ทั้งหมดนี้ผสานเข้าด้วยกันกันอย่างลงตัวมาก
นอกจากนี้ตัวหนังยังสอดแทรกจิตวิญญาณของความเป็นญี่ปุ่น เรื่องของความเชื่อมิโกะ โลกหลังความตาย ห้วงเวลา โลกคู่ขนาน ด้ายแดงพรมหมลิขิต ดาวหาง ทุกอย่างถือว่าเป็นขนบญี่ปุ่นเอามาไว้ในเรื่อง ได้อย่างลงตัวถูกที่ และถูกเวลามาก นี่ยังไม่นับรวมไปถึง วิทยาศาสตร์ ห้วงมิติเวลา โลกคู่ขนาน การย้อนเวลา มันดูเหมือนจะแฟนตาซีมากในบางครั้งแต่ก็ไม่ได้แฟนตาซีจนฟุ้งฝัน บางภาพก็รู้สึกสตั้นมาก จนอยากใช้เวลาอยู่กับภาพแบบนี้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
ในส่วนของเพลงและดนตรีที่ไม่ใช่แค่เปียโนบรรเลง แต่ยังมาพร้อมป๊อปร็อคสมัยใหม่ คือบางฉากที่ลุ้นดนตรีก็ทำให้รู้สึกอึดอัดและลุ้นตามใจจะขาดมาก บางฉากสนุกก็ตนตรีสนุกมาก บางฉากเศร้าเพลงก็มาได้ตรงเวลามาก มันจับใจเสียจนหลายคนนํ้าตาซึม รู้สึกว่ามันคุ้มค่าจริงๆนะ ขนลุก
ไม่รู้ใครเป็นเหมือนกันมั๊ยนะ ทุกครั้งที่เวลาไปดูหนัง จะตัดสิ่งรอบข้างให้หมด มีสมาธิกับหนัง ปล่อยสายตา อารมณ์ ความรู้สึก ประหนึ่งว่า เราคือผู้ที่อยู่ในเรื่องซะเอง มันทำให้เราเข้าถึงมาก ทั้งอารมณ์ เศร้า เหงา สนุก ตื่นเต้น หัวเราะ ทุกๆอย่างสามารถถ่ายทอดออกมาได้อยากเต็มที่ และก็อยากให้หลายๆคนลองทำตามดูบ้างคือเรา เข้าไปดูและ ปล่อยตามมันไป แล้วจะเห็นว่าการดูหนังมันคือสุดๆที่คนเราจะจินตนาการได้ในยามตื่น ที่ไม่ใช่ฝัน ^_^
หลังดูจบรู้สึกอิ่มมากจนไม่เสียดายค่าตั๋วเลย และอยากดูอีกรอบ เรื่องนี้ขอให้คะแนน 10/10
มาลองเรียงลำดับไทม์ไลน์กัน *****คำเตือน สปอยเนื้อหา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรื่องอายุของสองคน
จากตอนแรกที่ทั้งคู่รู้ว่าสลับร่างกันมิตสึฮะบอกว่าเธอเองกับทากิมีอายุพอๆกัน (ขอนิยามว่าเท่ากันละกันนะ) แต่ที่มิตสึฮะบอกนั้นเป็นการบอกว่าโดยไม่รู้ว่าทั้งสองมีช่วงระยะเวลาที่ทิ้งห่างกันถึงสามปี ถ้าคำนวณ สองคนอายุเท่ากันที่ 17 ปี (อิงจากรายชื่อผู้เสียชีวิตในเมืองฮิโตโมริ) นั่นหมายความว่าในปี 2013 มิตสึฮะอายุ 17 ปี และในปี 2016 ทากิอายุ 17 ปี ...... จนกระทั่งมาถึงปัจจุบันปี 2021 มิตสึฮะจะมีอายุ 17+8 = 25 ปี ส่วนทากิจะมีอายุ 17+5 = 22 ปี จึงสรุปได้ว่า มิตสึฮะ แก่กว่าทากิ
ตามตำนานของมุซึบิ จากที่ฟัง (ที่ยายของมิตสึฮะเล่าให้ฟัง)
มุซึบิ ก็เหมือนกับการร้อยเชือกที่ยายสอนให้ มิตสุฮะ ร้อยอยู่ทุกวัน บางครั้งมันก็พันต่อกัน บางครั้งมันก็จะคลายออกจากกัน แล้วมันก็จะกลับมาเชื่อมกันใหม่ มุซึบิ คือทุกสิ่งทุกอย่างที่มีความผูกพันธ์กัน การผูกเส้นด้ายก็คือ "มุซึบิ" การเชื่อมความสัมพันธ์ก็คือ "มุซึบิ" การเวียนว่ายของกาลเวลาก็คือ "มุซึบิ" ทั้งหมดคือพลังของพระเจ้า ฉะนั้น "มุซึบิ" มันคือตัวแทนของการเวลามาบรรจบกัน ดังเช่นตอนจบของหนังเรื่องนี้ นั่นก็อาจจะเกิดจาก "มุซึบิ"
มาแสดงความเห็นกันค่า