หยดน้ำในเปลวไฟ บทนำ

กระทู้สนทนา
เปิดเทอมวันแรก..หยดน้ำก้าวเข้ามาหยุดอยู่ตรงขั้นบันไดด้วยความรู้สึกอึมครึม

บรรยากาศรอบตัวเหมือนฉาบทาด้วยสีเทา แสงแดดยามสายที่ร้อนอยู่แล้ว กลับระอุขึ้นมาเป็นเท่าตัว ร่างที่เคยเพรียวลมเมื่อครั้งสมัยเรียนมัธยมต้น..มาบัดนี้เริ่มอวบอัด ต้นขาเบียดเสียด รู้สึกได้ว่าผิวเนื้อสีกันจนเกิดความชื้นแสบ กลิ่นอับของเหงื่อไคล ผื่นแดงคันตามตัว ต้นแขนอันอวบอูม เหนียงที่คางก็พับย่นเกือบเป็นสองชั้น อะไรก็ไม่เท่าหนังหน้าที่หล่อนเกลียดทุกครั้งยามส่องกระจก สิวเม็ดใหญ่น้อยผุดพรายไปทั่วบริเวณ แทบไม่มีช่องว่างให้ผิวหนังหายใจ ร้ายที่สุดคือสิวหนองอักเสบระบบ จะยิ้มทีก็เจ็บปวดไปหมด

    “ดีใจจังเลย ได้มาเรียนที่เดียวกับหยดน้ำจนได้” เสียงใสแจ๋วราวกับระนาดชั้นเอกเปรยขึ้นข้างหู
เด็กสาวแก้มอูมหันไปฝืนยิ้มให้เพื่อน..จะว่าสนิทก็ไม่ใช่ ศัตรูก็ไม่เชิง ตวัดปลายตาไปนิดเดียวก็สะดุดกับผิวหน้าลอออ่อนราวผิวเด็กของเพื่อนใหม่อีกคน นับจากคนที่ยืนเรียงหน้ากระดานขึ้นบันไดขั้นเดียวกันไป หยดน้ำรู้สึกตัวเองเป็นเหมือนเศษขยะ ผู้มีใบหน้าโสโครก รูปร่างน่าอุจาดมากกว่าใคร ขณะที่สองคนนั้นช่างไม่ต่างอะไรกับนางฟ้าน้อยๆลอยล่องจากสวรรค์

    โชคดีที่คนร่างบางเบื้องหลังมีชะตากรรมไม่ต่างจากหล่อนมาก
มิกิ..คือชื่อเล่นเพื่อนใหม่อีกคน ชื่อที่ไม่ได้เข้ากับหน้าตาและผิวพรรณจนนิดเดียว ดวงหน้ารูปไข่ดำคล้ำนั่นแตะแต้มไปด้วยสิวเกรอะกรัง มีรอยแผลเป็นประดับอยู่ประปราย เครื่องหน้า ตา จมูกแม้นับว่าคมคายรับกันเหมาะเจาะ แต่ก็อย่างว่า..ผิวพรรณผู้หญิงเราเป็นสิ่งสำคัญแทบจะสูสีกับรูปร่าง จะเชิดหน้าชูตาเป็นดอกไม้เพริดแพร้วได้แค่ไหนก็นับกันตรงนี้ จะว่าชะตากรรมเหมือนกัน ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียวหรอก....มิกิยังดูแลรูปร่างตัวเองได้ดี มีส่วนเว้าโค้ง แขนขายาวเรียว มองเฉพาะข้างหลังก็คล้ายนางแบบกลายๆ ต่างกับหยดน้ำซึ่งอวบกลมสมชื่อจากการปล่อยเนื้อปล่อยตัว ถึงแม้จะไม่จัดว่าอ้วนฉุ ทว่าในสายตาเด็กวัยรุ่นมัธยมปลายก็ถือว่าไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก อย่างน้อยก็สำหรับเจ้าตัว

    “ต้องขอบคุณแม่หยดน้ำจริงๆนะ ช่วยพูดกับอาจารย์คนนั้นจนเราเข้ามาเรียนได้” จ๊ะจ๋ายังคงเอ่ยด้วยสีหน้าแจ่มใสไม่ต่างกับน้ำเสียง รอยยิ้มจากกลีบปากจิ้มลิ้มบางเฉียบ รับกับปลายจมูกโด่งเรียวเชิดรั้นหน่อยๆ

    “แม่เราก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากหรอก แค่บังเอิญเคยเป็นครูเป็นลูกศิษย์กันมาสมัยโน้น” หยดน้ำบอกเสียงแห้ง หล่อนไม่ค่อยมีแก่ใจจะสนทนากับใครเวลานี้ ความอัปลักษณ์ทางรูปร่างหน้าตา ในวัยที่ควรจะผุดผ่องเหมือนดอกไม้แรกแย้ม ทำให้เด็กสาวขาดความสดใสอย่างที่ควรจะเป็น “พ่อจ๊ะจ๋าก็ต้องเสียงตังค่าธรรมเนียมเข้ามาตั้งสามหมื่น..ไม่ต่างกะเรานั่นแหละ”

    เป็นความโชคดีในความอลหม่าน หลังจากเด็กสาวทั้งสองคนพลาดหวังจากโรงเรียนเตรียมอุดมฯ หยดน้ำและจ๊ะจ๋าเรียนที่เดียวกันมาตั้งแต่สมัยประถม จนถึงมัธยมต้น แม้ชั้นประถมจะอยู่ต่างห้องกันตลอด หยดน้ำเป็นเด็กเรียนดี ได้อยู่ห้องคิง..ห้องที่คัดเด็กหัวกะทิมารวมกัน ส่วนจ๊ะจ๋าผู้หน้าตางามแฉล้ม มีรูปเป็นทรัพย์ตั้งแต่เด็กนั้น การเรียนปานกลาง เลยต้องอยู่ห้องอื่นกับเด็กคละๆกันไป หยดน้ำเคยเดินสวนกับเด็กสาวหน้าหวานคนนี้มาบ้าง แถวๆหน้าห้องเรียน กับตอนทำกิจกรรมกีฬาสี แต่ก็ไม่เคยได้ทัก ได้ทำความรู้จักกันเสียที

    กระทั่งขึ้นชั้นมัธยมต้น..ด้วยความพยายาม ทะเยอทะยาน ดิ้นรน หรือขวนขวายท่าไหนไม่ทราบ จากเด็กผู้หญิงสวยแต่รูปในสายตาหยดน้ำ กลับเลื่อนขั้นมาเป็นเด็กหญิงผู้เพียบพร้อมไปด้วยรูปโฉมและมันสมอง จ๊ะจ๋ายกระดับตัวเองมาเรียนร่วมกับหล่อนในห้องคิงจนได้ตลอดสามปีในชั้นมัธยมต้น

    จ๊ะจ๋าเป็นเด็กฉลาดในการคบคนและเข้าหาเพื่อนใหม่ เมื่อแรกรู้ว่าหยดน้ำเรียนเก่งระดับแนวหน้าของห้อง หล่อนก็เข้ามาตีสนิทนับแต่นั้น หยดน้ำรับไมตรีด้วยดี เพราะชอบมองคนสวยเป็นทุนเดิม อีกทั้งพอมีคนมาประจบเอาใจ ชื่นชมในความเก่งของตัวเอง ก็ยิ่งง่ายต่อการสานสัมพันธ์เข้าไปใหญ่

    หยดน้ำเคยเป็นเด็กหญิงร่างบาง ส่วนสูงโดดเด่น หน้าตาสวยน่ารักพอใช้..พอที่จะมีเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่..หรือเด็กต่างโรงเรียนแวะเวียนมาขายขนมจีบอยู่บ้าง เวลามีงานกีฬาสีประจำปี ก็มีรุ่นพี่มาคัดตัวเป็นเชียร์หลีดเดอร์อยู่ถึงสามปี ทว่าช่วงปลายมัธยมต้น ฮอร์โมนเพศของหล่อนเริ่มมีปัญหา ร่างกายขาดความสมดุล ทำให้แตกเนื้อสาวไปในทางที่ไม่โสภานัก สิวขึ้นกระจัดกระจายเต็มวงหน้า บวกกับความเครียดเรื่องอ่านหนังสือ ติวสอบเข้าโรงเรียนเตรียมฯ ทำให้หล่อนปล่อยเนื้อปล่อยตัวอย่างรุนแรง กินอาหารไม่เลือก ทั้งขนมนมเนย ของมันทอด ไม่รู้จักเวล่ำเวลา ผลพลอยได้คือร่างกายเลยเริ่มฉุอย่างที่เป็นมรดกมาจนถึงตอนนี้

    ส่วนที่ว่า เป็นเพื่อนสนิทก็ไม่ใช่..ศัตรูก็ไม่เชิง นั่นมาจากความฉลาดในการดึงประโยชน์ของจ๊ะจ๋า ความขยันหมั่นเพียรส่วนตัว และความสวยสดของหน้าตาที่ทำให้ทั้งครูอาจารย์เอ็นดู เพื่อนชายเก่งๆช่วยสอนการบ้าน แบ่งปันความรู้ให้ไม่ขาด รวมถึงตัวหยดน้ำเองที่กลายเป็นเพื่อนสนิทในช่วงนั้น ก็เป็นอีกคนที่ร่วมถ่ายทอดมันสมอง เนื้อหาวิชาต่างๆเท่าที่เด็กสาวขวนขวายจะถาม ในที่สุดความทะเยอทยานก็เป็นผลสำเร็จ จ๊ะจ๋าชิงตำแหน่งอันดับหนึ่งของห้องเรียนไปจนได้ ด้วยคะแนนที่นำหยดน้ำลิ่ว

    นับแต่นั้นมา..หยดน้ำก็รู้สึกเสียหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกความเด่นเรื่องวิชาการของหล่อนถูกลดทอนลง กระทั่งถึงวัยฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ผิวพรรณก็เริ่มน่าเกลียด ความเครียดทับโถม รูปร่างไม่สวยงามจนกระทั่งสอบเข้าเตรียมฯได้อันดับที่ห่างกับจ๊ะจ๋าเป็นร้อย ถึงแม้จะถือว่าสอบไม่ติดเหมือนกันทั้งคู่ แต่นั่นก็ทำให้ความเป็นศัตรูเริ่มก่อตัวในใจ ทีละเล็กทีละน้อย จากแค่เรื่องเรียนก็ขยับมาเป็นเรื่องความโดดเด่นเกินหน้าเกินตา เรื่องรูปโฉมและความมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม เป็นดาวเด่นครบเครื่อง เฉิดฉายเต็มที่ในช่วงย้ายโรงเรียนใหม่นี้เอง...หยดน้ำรู้สึกว่าตัวเองหดเล็กนิดเดียว แทบไม่ต่างจากเศษฝุ่นที่ปราศจากคนเหลียวแล

    “แม่เราก็ต้องเสียสามหมื่นเหมือนกัน..” เสียงเล็กหวานสำทับขึ้นบ้าง ทำลายภวังค์อดีตของหยดน้ำให้ดับลงชั่วคราว
    “เรื่องธรรมดาแหละ ถึงมีเส้น มีผู้ใหญ่รู้จักกัน ไงก็ต้องเสียเหมือนๆกันหมด” ประโยคสุดท้ายเป็นข้อคิดเห็นของมิกิที่ตอนนี้กระโดดสองขั้นบันไดขึ้นไปถึงชั้นสองก่อนเพื่อน
    “เราอยู่ห้องแปดกันใช่มะ..ห้องริมข้างหน้านี้แล้วซี” จ๊ะจ๋าทำตาโต รวบมือประกบกัน ท่าทางเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่างคนที่กำลังจะเดินสู่โลกใหม่อันสว่างไสว “ตื่นเต้นเนาะ จะได้เจอเพื่อนใหม่”
    ‘เจอหนุ่มหน้าใหม่ล่ะสิไม่ว่า’ หยดน้ำนึกหมั่นไส้ในใจขณะเดินหมดอาลัยตายอยากต่อท้ายขบวนแก๊งเด็กใหม่

    เสียงฮือฮาดังสนั่น เมื่อสาวหน้าจิ้มลิ้ม ร่างเล็กน่าทะนุถนอม ผิวพรรณขาวนวลอย่างลูกคนจีนก้าวออกมาแนะนำตัวข้างอาจารย์ประจำชั้น
    “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ จ๊ะจ๋ามาใหม่ คงต้องขอคำแนะนำจากเพื่อนๆหลายเรื่องเลย”
    ท่าทางเอียงคอเล็กน้อยอย่างเด็กสาววัยแรกรุ่นผู้เคยชินกับการใช้จริตต่อเพศตรงข้าม ไหนจะน้ำคำที่บีบให้เล็กจากปากกลีบบางนั่นอีก แก้วเสียงที่ใสหวานอยู่แล้ว ยิ่งดึงดูดให้น่ารวบเอวมาคลอเคลียเสียเดี๋ยวนั้น เสียงวี้ดวิ่ว ผิวปากเงียบลงเป็นพักๆ เมื่ออาจารย์สตรีวัยกลางคนสวมแว่นกรอบทองเขม่นมองเด็กหนุ่มที่ผุดลุกผุดนั่งอยู่หลังโต๊ะแถวหน้า แต่ก็สงบเงียบกันได้ไม่นาน เมื่อสาวผิวขาวเหลืองหน้าใสปิ๊งอีกคนก้าวออกมาแนะนำตัวบ้าง

    “ชื่อนุ่นค่ะ ยินดีที่รู้จักทุกคนนะคะ”
    เป็นคำแนะนำตัวที่สั้น และไร้มารยาเอามากๆ รอยยิ้มที่ฉีกกว้างเห็นฟันซี่เล็กเรียงเป็นระเบียบ นัยน์ตาเป็นประกายแวววามเหมือนมีน้ำเคลือบอยู่ท่วมท้น ลักยิ้มบุ๋มตรงสองข้างแก้ม ใบหน้ารูปหัวใจ ที่มีคิ้วจางพาดเฉียงเหนือแก้วตากลมใหญ่ จมูกสันตรงแหลมเด่นส่งใบหน้าให้มีมิติชวนมองรับกลับกลีบกุหลาบสีชมพูอ่อนตามธรรมชาติบนริมฝีปาก จุดเด่นในตัวนุ่นคือผิวพรรณอันใสบางราวผิวเด็ก โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่ใสจนเห็นเส้นเลือดจางๆ รูขุมขนแทบไม่มีเผยให้เห็น ถ้าเปรียบกับเนื้อผ้าก็คงเป็นผ้าแพรที่เรียบตึงหาที่ติไม่ได้ ทำให้ความใสซื่อที่แม้จะไร้จริต แต่กลับมีพลังดึงดูดทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันให้อยากเข้าหาได้อย่างน่าประหลาด ยืนยันจากเสียงปลาบปลื้มของหนุ่มหน้าโจ๋ ผมทาเจลกระจุกอยู่ตรงหน้า

    “น่ารักมากครับ ผมแม็กนะครับ”
    ประเมินจากนัยน์ตาชวนฝันของหนุ่มๆ และแววชื่นชมจากเพื่อนสาวแล้ว หยดน้ำตัดสินได้เลยว่านุ่นนั้นกินขาดจ๊ะจ๋าอย่างมาก แต่ประเดี๋ยวเถิด..อยู่ๆไป พอทุกคนรู้สรรพคุณอันเพียบพร้อมของเพื่อนสนิทกึ่งศัตรูของหล่อนแล้ว จะได้แห่กันไปเชิดชูออกนอกหน้า ส่วนนุ่นน่ะหรือ..หล่อนพอรู้ประวัติมาคร่าวๆว่าหัวสมองไม่เอาไหน ไม่มีเกียรติบัตรทางวิชาการหรือโล่รางวัลทางการกีฬา ความสามารถพิเศษใดๆติดมือมาจากโรงเรียนเก่าสมัยมัธยมต้นเลยสักนิด เท่าที่แอบฟังแม่ของหล่อนคุยกับแม่ของเพื่อนใหม่คนนี้เห็นว่าสอบแต่ละชั้นทำได้ไม่เคยดีกว่าเกรดสองต้นๆ

    “มิกิ ค่ะ อย่าเพิ่งตกใจที่เห็นความสวยสมหน้าตาของเรานะ เดี๋ยวเราจะหันหลังให้ดู” เสียงเพื่อนใหม่อีกคนแนะนำตัวจ้อยๆ เวลานั้นหยดน้ำรู้สึกห้องเรียนร้อนอบอ้าวขึ้นอีกหลายเท่า ทั้งที่หน้าต่างก็เปิดโล่งอยู่หลายบาน พัดลมติดเพดานหมุนติ้วอยู่อีกสองตัว หล่อนก้มหน้าก้มตา เหงื่อเม็ดผุดพรายแทรกขึ้นมากับรูขุมขนอันกว้างขวางเต็มไปด้วยสิวอักเสบ ให้ตายเถอะ..ความรู้สึกอายแทบแทรกแผ่นดิน ทั้งที่ยังไม่มีใครว่าอะไรหล่อนมันเป็นแบบนี้เองหรือ

    กระสับกระส่ายถึงขนาดไหน หยดน้ำก็ยังพอจะเหลือบไปเห็นมิกิที่กำลังยืนโพสท่าหันหลังให้เพื่อนกว่าห้าสิบชีวิต ท่าทางไม่ต่างกับนางแบบมืออาชีพ
    “พอจะนึกออกแล้วใช่มั้ยคะ มิกิชื่อสมตัวขนาดไหน”
    คำบรรยายประกอบท่าทางนั้นเอง เรียกเสียงเฮฮาในห้องได้อย่างครึกครื้น บ้างก็มีเสียงโห่จากหนุ่มๆ แทรกขึ้นมา จนอาจารย์คนเดิมต้องกระแอมไอให้สำรวมเสียบ้าง

    “สมตัวแต่ไม่สมผิวว่ะ..ตัวก็ด๊ำดำ ทำไปด้ายย”
    “ขอบคุณสำหรับคำชมฮ่ะ!” นั่นเอง เสียงตอบรับคำแซวอย่างไม่มีเขินอายเลยสักนิด คุณสมบัติข้อนี้ของเพื่อนสาวเป็นสิ่งที่หยดน้ำเพิ่งสังเกตเห็น หลังจากพูดคุยทักทายกันไม่กี่ครั้ง แบบนี้เอง มิกิถึงมีใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอด ไม่เหมือนคนอมทุกข์ทั้งที่ใบหน้าของหล่อนชวนให้รู้สึกอย่างนั้น...โชคดีที่มีมากกว่าหยดน้ำก็ความมีอารมณ์ขันนี่แหละ
จ๊ะจ๋าเอื้อมมือมาสะกิดสมาชิกคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้แนะนำตัว หยดน้ำแทบสะดุ้งเพราะกำลังก้มหน้าคิดอะไรอยู่คนเดียว หล่อนอยากจะเป็นขอมดำดินก็ตอนนี้ อยากเสกตัวเองให้หายวับไปเลย ไม่ต้องเผชิญกับคนใหม่ๆ ที่ใหม่ๆ ความกดดันอะไรอีกตั้งมากมาย..แต่สถานการณ์ตรงหน้าไม่เอื้อให้หล่อนทำเช่นนั้น สายตาอาจารย์สุมลมองมาเหมือนบังคับอยู่ในที..ว่าหล่อนต้องรีบจบการแนะนำตัว เพื่อการสอนประจำคาบวิชานี้จะได้เริ่มต้นเป็นเรื่องเป็นราวเสียที
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่