รีวิว การสัมภาษณ์อเมริกาวีซ่า Transit/Crew Ship C, C-1/D, D

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่นแนะนำตัวก่อน นะคะ จขกท เป็นบุคคลนึง ที่ผ่านวีซ่าของอเมริกาสดๆ ร้อนๆ คะ แต่ขอ pass ไปเรื่องการสัมภาษณ์วีซ่าเลยแล้วกันคะ เพราะว่ามีคน รีวิวเยอะแล้ว สำหรับการเตรียมเอกสาร ต้องขอบคุณทุกรีวิว เพราะ จขกท เตรียมเอกสารทุกสิ่งอย่างที่จะสามารถเตรียมได้
เริ่มจากการ apply visa america ที่ใครๆ ก็ว่ายากแต่ก็ผ่านมาอย่างง่ายดายหรือว่า เป็นเพราะว่า จขกท แค่จะผ่านอเมริกาไปขึ้นเรือ ก็เลยได้ visa มาอย่าง งงๆ แต่เป็น visa transit เท่านั้น ต้องรอก่อนว่า เป็น Visa Transit ชนิดไหน

วันนี้ จขกท ไปทำ Visa อเมริกาแบบว่า ไม่รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด เนื่องจากว่าคืนก่อนหน้า จะไปสัมภาษณ์ จขกท ได้ไปปาร์ตี้มาอย่างเมามัน ซึ่งลืมเวลาไปอย่างสิ้นเชิง กลับมาอีกทีตอนตี 2 ซึ่งจะบอกว่า จขกท ไม่ได้สำนึกแต่อย่างใด กะว่าไปดื่มเสร็จแล้วไปนอนแพลบ แล้วค่อยตื่นไปทำวีซ่า ซึ่งนาฬิกาปลุก ไม่ตื่นคะประมาณ 4 รอบ ถึงจะตื่น ดีว่า จขกท พักโรงแรมใกล้ สถานทูต ไปถึงเกรต ตรงเวลา เป๊ะ HUH? T-T ใช้แนวเดียวตอนสมัยเรียน งะ ว่าเราตื่นได้ แม้ว่าจะมีงานสำคัญ หรือสอบก็ตื่นได้ เพราะเตรียมตัว มาแบบพร้อมตลอดก่อนมีการสอบ หรือ สัมภาษณ์ใดๆก็แล้วแต่ แต่ถ้าหากว่า จขกท อยู่ยงคงกระพัน และไม่ล่วงเลยวัย ก็อาจทำได้ แต่ ณ จุดๆ นี้ แบบว่าไม่ได้จริงๆ คะ เพิ่งมารู้ว่าสังขารไม่ไหวแล้ว สรุปตื่นแทบไม่ได้เลยคะ มานั่งหลับที่สถานทูตอีก อาไร๊ น่าอายมากอ่ะคะ มาแบบไม่มีวิญญาณ

Plan ที่เตรียมไว้ว่าจะไป ประมาณ 2 เดือนคะ ช่วงกลางธันวา ปีนี้ถึง กลาง กุมภา ปีหน้า ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาส่วนใหญ่ที่ใช้ชีวิตในเรือ และ ล่องเรือไปยังที่ต่างๆ แถวทะเลแคริบเบียน เดี๋ยวกลับมาเล่าตรงนี้อีกทีนะคะ

กลับมาที่การสัมภาษณ์วีซ่าก่อนแล้วกันนะคะ เมื่อไปถึงก็ มีการเรียกคิวกันเกิดขึ้น ซึ่งที่ จขกท อ่านรีวิวมา เกี่ยวกับพนักงานใน Embassy พนักงานในนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างมาก ซึ่งพูดจาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หรืออาจจะเป็นช่วงเช้า ก็ไม่ทราบแต่น่ารักมากคะ ซึ่งแต่ละคนก็ให้คำแนะนำและการช่วยเหลือเป็นอย่างดี

จขกท ค่อนข้าง จะง่วงนอนมากนะตอนนั้น และ Hang over ซึ่ง ก็งีบไปสักพัก สักพักกกกกกก นั่น 10 นาที เวลาที่นัด 07:30 ซึ่งไม่เช้ามาก แต่ก็ เช้าสำหรับ จขกท ในตอนนั้น เพราะ นอนน้อยมากเนื่องจากไปตะเวนราตรีอยู่ ในใจตอนนั้น ไม่ค่อยกังวลอะไรอ่ะคะ เพราะ ความตั้งใจจะเข้าอเมริกา แค่ 1 วัน คือต้อง การ แค่ Transit visa เพื่อ ไปลงเรือสำราญต่อ ไปยังประเทศอื่น ซึ่ง จขกท ก็ไม่ได้ยินดี ยินร้ายอะไรและยัง คง Hang over ต่อไป

มาถึงตอนสัมภาษณ์ คะ เอกสารที่ จขกท เตรียมไปแบบครอบคลุมทุกอย่าง แต่สิ่งที่ใช้ คือ!!!! อะไรมีแค่นี้ เองน่ะหรือ แต่เตรียมไปอย่างกะทำ Thesis! และไป Present ให้อาจารย์ฟังตอน final แบบรูปเล่มไงงั้น

1. Passport เล่มปัจจุบัน และเล่มเก่า
2. รูปถ่าย หูไม่มีเลยแต่ไม่เป็นไร ก็ ok
3. จดหมายเชิญจากทางเรือ (บริษัทที่แฟน ของ จขกท ทำงานอยู่ในเรือ)
4. จดหมายแนะนำตัว จขกท
5. จดหมายแนะนำตัว จากแฟนของ จขกท ซึ่ง ต้อง สัมพันธ์กัน กับจดหมายของทาง บริษัทเรือที่เชิญ กับจดหมายของ จขกท
ที่เหลือไม่แม้แต่จะได้ present ให้ กงสุลดู ก็เก็บเข้าซองไป

ต่อไปนี้ จะเป็นคำถามจากกงสุล ซึ่งเพื่อนๆ จะได้รู้ว่า ทำไม จขกท ต้องไปเที่ยวและขึ้นเรือเที่ยว ซึ่งเป็นความบังเอิญ ที่เรือ Cruise บริษัทนี้สามารถนำบุคคลนอกเข้าไปอยู่ได้ ตามเวลาที่เค้ากำหนด แฟน จขกท เลยใช้สิทธิที่มี เพราะกว่าจะเจอกันรู้มั้ยว่ามันนานอ่ะ ตั้ง 6 เดือน

กงสุล: What are you going to do in USA?
จขกท: I'm going to travel for 1 day to get to the port at Florida (Fort Lauderdale) and morning in the next day I'm going to Bahamas, regarding to my bf is working in the ship and he is a high position which in every year he can take his benefit for staff that he can bring or invite cousin, friend, spouse, wife/husband to travel together and be on board on the ship.
กงสุล: How long you have been a relationship with your bf?
จขกท: I have a relationship with my bf for 1 year
กงสุล: Do you have another purpose to go to USA?
จขกท: No. I just would like to travelling with my bf and spend my birthday and new year with him there by on board on the cruise that's it!
กงสุล: What did you do in India? (จขกท เคยไป อินเดีย ประมาณอาทิตย์หนึ่ง)
จขกท: I went for travelling.
กงสุล: Who did you go with?
จขกท: I went alone on my vacation.
กงสุล: OK. I will give you a transit visa to transit to a ship and travelling with your bf. Please be mind that you can not stay in america.
จขกท: (ขอแทรกนิดนึง จขกท ขอ Passport กลับมาด้วย ด้วยความยัง Hang Over อยู่) Can I have my passport back?
กงสุล: If I give it back to you then how can I give you a visa? HuH? (แอบยิ้มนิดๆ)
จขกท: OH OK Thank you. (ยังมึนๆ  แล้ว ยิ้มให้แล้วก็ เดินไปจากตรงนั้น แบบอาย)

หลังจากนั้น จขกท เดินผ่านผู้สัมภาษณ์ช่องอื่น ที่โดน refuse visa แบบหน้าเสียมากอ่ะ เพราะ จขกท คิดว่า ถ้าเป็นเรา ก็ช่างมันถ้าไม่ผ่าน เพราะเราเตรียมมาดีที่สุดแล้วไม่ได้ก็ช่างมัน แล้วไงแค่มาผ่านประเทศเค้าแค่ขึ้นเรือ ไม่ได้อยากจะไปอยู่สักหน่อย อาหารฝรั่งก็ไม่อร่อย ไม่มีรสชาดที่ถูกปากสักกะอย่าง หนาวก็หนาว แถมไม่ได้ทำงานที่ตัวเองรักอีก ต้องไปทำงานที่ประชากรของเค้าไม่ทำกัน ไปขึ้น Port อื่นก็ได้ ไหนๆ ที่บริษัทแฟนก็เชิญมาแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องที่อยู่ที่กิน ฟรีตลอดงาน แค่ซื้อของเล็กๆ น้อยๆ กลับมา ต้องมีสักที่แหละว่ะ ที่ให้วีซ่า

แฟน จขกท เป็นคน Dutch ก็เลยไม่ได้ซีเรียส อะไร และ Plan ว่าจะอยู่กันที่ประเทศไทย หรือแถบประเทศในเอเชีย จะไปเที่ยวค่อยว่ากัน เค้าให้ก็ไป ไม่ให้ก็ไม่ไป ก็ทำงานต่อไป ดีด้วยจะได้ไม่เปลืองเงิน คิดแค่นี้จริงๆ คะ เลยไม่เดือดร้อนใจอะไร ก็เลยชิวตอนขอวีซ่า

วีซ่าก็ผ่านแล้ว เหลือจองตั๋ว แต่ดูก่อนว่าท่านเค้า จะให้วีซ่า Transit type ไหน ถ้าให้ผ่านแบบ Single ก็ต้องกลับ port อื่น ตั๋วแพงไปอี๊ก แม่มมมม...เดือดร้อนหนูนะคะ ทีนี้ เพราะวีซ่า Transit แบบ Single เข้าได้ครั้งเดียว แล้วออกไปต้องทำกลับเข้ามาใหม่ จากประเทศตัวเองสังกัดอยู่ แต่ถ้าได้แบบ Multiple visa ที่มีอายุ 5 ปีขึ้น เหมือน Cabin Crew ก็จะง่ายหน่อยสามารถกลับไป ขึ้นเครื่องที่อเมริกาอีกได้คะ ต้องมาลุ้นอีกที แต่ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ยังไง จขกท ก็จะทำให้ดีที่สุดก่อน สุดแล้วแต่ จะพิจารณาค่ะ เพราะงั้นดิฉัน ต้องไป Transit ประเทศอื่นตอนขากลับ บ้าไปแล้ว เดี๋ยวมาดูกัน ว่าจะเป็นไงต่อ

ต่อไปก็เหลือ ทำงานคะก่อนไปเที่ยว ห่วงงานก็ห่วง อยากเจอแฟนก็อยากเจอ เดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง ในกระทู้หน้านะคะ เรื่อง ทริป

Have a good night and sweet dream ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่