ก่อนไปสัมภาษณ์เข้ามาอ่านไว้เยอะเลยอยากเอาของตัวเองมาแชร์บ้างครับ
ผมได้คิวตอน13.30 แต่ไปก่อนเวลาประมาณ1ชั่วโมง เจ้าหน้าที่เสื้อเขียวมาตรวจเอกสารแล้วให้เข้าได้เลยครับ พอยามเปิดประตูก็ฝากของแล้วก็รับกุญแจมาครับ
ข้างในจะมี3ด่านนะครับ
ด่านแรก - เจ้าหน้าที่จะจัดเอกสารใส่แฟ้มให้ครับ ของผมเจ้าหน้าที่หยิบpassport ใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่า และใบรับรองจากมหาลัย จากนั้นก็ยื่นใบสีฟ้าให้เรามากรอก เสร็จแล้วก็ใส่ไปในแฟ้ม ถ้าวีซ่าผ่านเราก็เอาใบสีฟ้านี่มายื่นให้ไปรษณีย์แล้วจ่ายตังครับ
ด่านที่2 - ตรวจเอกสารและสัมภาษณ์กับคนไทย วันที่ผมไปข้างนอกเปิด5ช่องครับ ข้างนอก3ช่อง ข้างในห้องแอร์(ห้องเดียวกับที่สัมภาษณ์กับกงสุลอเมริกัน)อีก2ช่อง ผมได้เข้าไปข้างในครับ ระหว่างรอคิวก็ยืนฟังคนข้างหน้า เจ้าหน้าที่ไทยสัมภาษณ์แบบเจาะจิกขุดคุ้ยมาก ผมฟังแล้วก็เตรียมตอบไปด้วย คำถามที่ได้ยินประมาณว่า
-ไปทำอะไร
-ไปที่ไหน
-ไปกับใคร
-ไปเมื่อไร
-ออกค่าใช้จ่ายเองรึเปล่า
-ทำไมคนนี้ถึงออกค่าใช้จ่ายให้
-ทำงานอะไร
-เงินเดือนเท่าไร
-ทำงานมากี่ปีแล้ว
-มีคนรู้จักอยู่ที่อเมริการึเปล่า
-ญาติพี่น้องอยู่อเมริการึเปล่า
-ทำไมใบรับรองไม่มีประทับตรา
-เคยขอวีซ่าอเมริกามาก่อนไหม
-เคยถูกปฎิเสธวีซ่าไหม
-ฯลฯ
แต่ละคนจะโดนสัมภาษณ์ประมาณ5-7นาทีครับ เจ้าหน้าที่ผู้หญิงก็จะหน้าดุๆเหวี่ยงๆหน่อย ยังไงก็ตอบให้ตรงคำถามและตรงประเด็นนะครับ สัมภาษณ์ตรงนี้มีผลต่อการได้วีซ่าแน่ๆครับ ทีนี้ลองอ่านของผมดูนะครับ
ผม : สวัสดีครับ (ยกมือไหว้&ยิ้ม)
จนท : สวัสดีค่ะ
ผม : (ยื่นแฟ้มที่ด่านที่1จัดไว้ให้)
จนท : (ยิงbarcodeที่DS160 พลิกไปดูใบรับรอง)
จนท : มีเวลาไปเที่ยวหรอคะ (ยิ้มกลับมาให้แบบงงๆ)
ผม : ยังเรียนอยู่ช่วงpre-clinicครับ ยังพอมีเวลาบ้าง
จนท : ปิดเทอมนานเท่าไรคะ
ผม : ปิดเทอมใหญ่ก็ประมาณ.. 3สัปดาห์ครับ (สงสารตัวเองจัง)
จนท : เอามือเช็ดเสื้อให้แห้งๆแล้วสแกนลายนิ้วมือค่ะ
ผม : //สแกนลายนิ้วมือ (ปกติแล้วจนท.จะบอกให้อ่านประกาศ แต่ระหว่างที่ผมยืนรอเจ้าหน้าที่พิมพ์ๆผมอ่านไปแล้ว จนท.คงเห็นว่าผมอ่านแล้ว ฮาๆ)
จนท : เชิญนั่งรอก่อนนะคะ คิวจะไม่เหมือนกับนักศึกษาคนอื่นนะคะ นักศึกษาที่มาวันนี้work and travelหมดเลยค่ะ
ผมก็ เอ๊ะ - -" ใช้เวลาไม่ถึง2นาทีมั้งครับ ทำไมไม่อยากรู้อะไรเกี่ยวกับผมหน่อยเลยเหรอ ผมก็ไม่ได้ตกใจอะไร แต่งงๆนิดหน่อย แต่ก็เอาเถอะ ไปนั่งรอเรียกสัมภาษณ์สักประมาณเกือบๆครึ่งชั่วโมงครับ
ด่านที่3 - สัมภาษณ์กับกงสุลอเมริกัน ด่านนี้ก็จะตัดสินว่าเราจะได้หรือไม่ได้วีซ่านะครับ คนสัมภาษณ์จะเป็นชาวอเมริกัน(เหรอ?) เรียกว่ากงสุลสัญชาติอเมริกันดีกว่าครับ
มีช่องให้สัมภาษณ์4ช่องครับ ช่อง10 11 12 13 ช่อง10เป็นชายผิวสี หน้าตายิ้มแย้ม ช่อง11เป็นชายผิวขาว ยืนสัมภาษณ์ คุยตลกด้วยครับ ช่อง12เป็นชายasianวัยกลางคน หน้าเคร่งขรึม ช่อง13เป็นหญิงasianผิวแทน ค่อนข้างเข้มงวดครับ
ระหว่างที่ต่อแถวรอก็ยืนฟังคนข้างหน้าสัมภาษณ์ ส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษาไปwork and travel ก็ไม่ค่อยมีอะไร ผ่านกันทุกคน แต่ช่อง13เป็นนศ.ผู้หญิง โดนปฎิเสธวีซ่าครับ เท่าที่จับใจความได้ก็ประมาณ Sorry, I can't give you a visa because .....(ฟังไม่ถนัดครับ). You should study hard and try again next year. ผมก็ ฮึ่มมม น่าสงสารแฮะ แต่เหมือนเค้าตอบคำถามไม่ชัดเจน statementไม่หนักด้วยมั้งครับ
ทีนี้ผมยืนอยู่หัวแถวแล้ว ก็ลุ้นว่าช่องไหนจะสัมภาษณ์เสร็จก่อน ปรากฎว่าเป็นช่อง13ครับ
ผม : สวัสดีครับ
กงสุล : ซาหวาดดีค่า
กงสุล : ปายทามอารายที่อเมรีกาค้า
ผม : (พูดไทยชัดครับแต่ผมฟังไม่ค่อยถนัด เลยตอบเป็นอังกฤษครับ) I haven't made any specific plan.. I may visit New York and surrounding cities.
กงสุล : Oh, your English is great. So.. How long will you be there ka?
ผม : As a medical student, I've very limited holiday... just 2.5 to 3 weeks.
กงสุล : (พลิกดูใบรับรอง) Ohhh, you're a med stud from.... (ชื่อมหาลัย) woww great medical school.
ผม : (ยิ้ม) Thank you.
กงสุล : What do your parents do?
ผม : My father is a lawyer and my mother takes care of small apartment business, but my aunt will pay for this trip.
กงสุล : Why your aunt?
ผม : It was a deal with my aunt that if I could get into medical school she would pay for one expensive trip, and I choose to go to the US.
กงสุล : Why the US?
ผม : ... Because it's far away.. (555) I've tried to go out of Asia several times but you know...
กงสุล : (555) Okay, I see, what does your aunt do?
ผม : My aunt is a general manager at xxxxx, the company where her husband works as an executive director.
กงสุล : Is that their own company?
ผม : No, they've been working for the company for about 30 years..
กงสุล : The company is about...
ผม : Electronic devices.
กงสุล : May I see your aunt's statement?
ผม : (กำลังค้นแฟ้ม)
กงสุล : It doesn't matter. (ยิ้มให้)
ผม : (อ่าววว ไม่ดูแล้วเรอะ)
กงสุล : Do you have any relatives in the US?
ผม : No,.... there's one but I do not personally know him, he's my friend's uncle who is now a citizen. He works as a medical doctor in NY and owns a house in Queens. In short, he's an uncle of my friend who's going with me too.
กงสุล : I see, you're going there with your friend and you may stay at your friend's uncle house?
ผม : Yes, my friend was there once to visit his uncle.
กงสุล : You're in a great med school.
กงสุล : Congratulations, your visa is approved.
ผม : Thank you so much
(กำลังจะเดินออกมา เฮ้ยย ลืมถามว่าได้กี่ปี ถามไงให้ไม่น่าเกลียดดีนะ...)
ผม : Sorry, I'm also a member of International Federation of Medical Student's Association, and in the next 3 years.. if I have a chance, there'll be a kind of.. seminar held in the US. Do I..
กงสุล : (ตัดบทที่ผมกำลังจะพูด) You don't.
ผม : (ตกใจมาก ให้single entryตรูหรอออ จ่ายไปตั้ง5000T__T)
กงสุล : (ยิ้ม) You don't have to come here again, I've already issued a 10-year multiple visa for you. Have a nice trip!!
ผม : Thank youuuuuuuuuuuuuuuu~~~
แล้วก็เอาใบฟ้าไปซื้อซองจดหมายที่ไปรษณีย์ จ่าหน้าซองถึงตัวเองแล้วเอาซองไปคืนไปรษณีย์ เดินออกจากสถานฑูตด้วยความสบายใจ~ ตอนนี้ได้รับเล่มคืนแล้วครับ วีซ่าติดมาเรียบร้อย หมดอายุปี2023 ดีใจมากครับ
หมายเหตุ - จขกท.อายุ18ครับ เพิ่งเรียนจบปี1 ในpassportมีวีซ่าญี่ปุ่น2ใบ เกาหลี1ครั้ง(ไปแลกเปลี่ยน) สิงคโปร์2ครั้ง ฮ่องกง มาเก๊า คาดว่าวีซ่าญี่ปุ่นน่าจะมีผลต่อการพิจราณาเช่นกัน
ใครที่จะไปขอผมก็แนะนำให้ตอบตามความจริงนะครับ ควรกรอกDS160เอง ถึงผมจะไม่ค่อยโดนถามอะไรเท่าไร แต่สำหรับคนอื่นก็โดนถามกันละเอียดพอสมควร ตอบคำถามให้ชัดเจนและตรงประเด็นนะครับ ผมก็ไม่รู้จะแนะนำอะไรยังไงเพราะผมก็โดนถามมานิดเดียว แต่เท่าที่ดูถ้าเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานก็สัมภาษณ์เข้มงวดกันมากครับ ช่อง11กงสุลเป็นชายผิวขาวดูใจดีก็มีไม่ให้ผ่านเหมือนกันครับ เชื่อว่ากงสุลแต่ละท่านถึงจะบุคลิกต่างกันpersonal appearanceต่างกัน แต่ก็ถูกtrained(เขียนทับศัพท์ไม่ถูกครับขอโทษด้วย)มาเหมือนๆกัน มาตรฐานเดียวกันแหละครับ
ถ้าเขียนวกไปวนมา หรือเขียนไม่รู้เรื่อง หรือไร้สาระเยอะ หรืออะไรก็ตาม ต้องขอโทษด้วยนะครับ ทักษะภาษาไทยย่ำแย่มากๆ แต่ยังไงก็ยินดีที่ได้เอามาแชร์ครับ
แชร์ประสบการณ์ขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาครับ
ผมได้คิวตอน13.30 แต่ไปก่อนเวลาประมาณ1ชั่วโมง เจ้าหน้าที่เสื้อเขียวมาตรวจเอกสารแล้วให้เข้าได้เลยครับ พอยามเปิดประตูก็ฝากของแล้วก็รับกุญแจมาครับ
ข้างในจะมี3ด่านนะครับ
ด่านแรก - เจ้าหน้าที่จะจัดเอกสารใส่แฟ้มให้ครับ ของผมเจ้าหน้าที่หยิบpassport ใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่า และใบรับรองจากมหาลัย จากนั้นก็ยื่นใบสีฟ้าให้เรามากรอก เสร็จแล้วก็ใส่ไปในแฟ้ม ถ้าวีซ่าผ่านเราก็เอาใบสีฟ้านี่มายื่นให้ไปรษณีย์แล้วจ่ายตังครับ
ด่านที่2 - ตรวจเอกสารและสัมภาษณ์กับคนไทย วันที่ผมไปข้างนอกเปิด5ช่องครับ ข้างนอก3ช่อง ข้างในห้องแอร์(ห้องเดียวกับที่สัมภาษณ์กับกงสุลอเมริกัน)อีก2ช่อง ผมได้เข้าไปข้างในครับ ระหว่างรอคิวก็ยืนฟังคนข้างหน้า เจ้าหน้าที่ไทยสัมภาษณ์แบบเจาะจิกขุดคุ้ยมาก ผมฟังแล้วก็เตรียมตอบไปด้วย คำถามที่ได้ยินประมาณว่า
-ไปทำอะไร
-ไปที่ไหน
-ไปกับใคร
-ไปเมื่อไร
-ออกค่าใช้จ่ายเองรึเปล่า
-ทำไมคนนี้ถึงออกค่าใช้จ่ายให้
-ทำงานอะไร
-เงินเดือนเท่าไร
-ทำงานมากี่ปีแล้ว
-มีคนรู้จักอยู่ที่อเมริการึเปล่า
-ญาติพี่น้องอยู่อเมริการึเปล่า
-ทำไมใบรับรองไม่มีประทับตรา
-เคยขอวีซ่าอเมริกามาก่อนไหม
-เคยถูกปฎิเสธวีซ่าไหม
-ฯลฯ
แต่ละคนจะโดนสัมภาษณ์ประมาณ5-7นาทีครับ เจ้าหน้าที่ผู้หญิงก็จะหน้าดุๆเหวี่ยงๆหน่อย ยังไงก็ตอบให้ตรงคำถามและตรงประเด็นนะครับ สัมภาษณ์ตรงนี้มีผลต่อการได้วีซ่าแน่ๆครับ ทีนี้ลองอ่านของผมดูนะครับ
ผม : สวัสดีครับ (ยกมือไหว้&ยิ้ม)
จนท : สวัสดีค่ะ
ผม : (ยื่นแฟ้มที่ด่านที่1จัดไว้ให้)
จนท : (ยิงbarcodeที่DS160 พลิกไปดูใบรับรอง)
จนท : มีเวลาไปเที่ยวหรอคะ (ยิ้มกลับมาให้แบบงงๆ)
ผม : ยังเรียนอยู่ช่วงpre-clinicครับ ยังพอมีเวลาบ้าง
จนท : ปิดเทอมนานเท่าไรคะ
ผม : ปิดเทอมใหญ่ก็ประมาณ.. 3สัปดาห์ครับ (สงสารตัวเองจัง)
จนท : เอามือเช็ดเสื้อให้แห้งๆแล้วสแกนลายนิ้วมือค่ะ
ผม : //สแกนลายนิ้วมือ (ปกติแล้วจนท.จะบอกให้อ่านประกาศ แต่ระหว่างที่ผมยืนรอเจ้าหน้าที่พิมพ์ๆผมอ่านไปแล้ว จนท.คงเห็นว่าผมอ่านแล้ว ฮาๆ)
จนท : เชิญนั่งรอก่อนนะคะ คิวจะไม่เหมือนกับนักศึกษาคนอื่นนะคะ นักศึกษาที่มาวันนี้work and travelหมดเลยค่ะ
ผมก็ เอ๊ะ - -" ใช้เวลาไม่ถึง2นาทีมั้งครับ ทำไมไม่อยากรู้อะไรเกี่ยวกับผมหน่อยเลยเหรอ ผมก็ไม่ได้ตกใจอะไร แต่งงๆนิดหน่อย แต่ก็เอาเถอะ ไปนั่งรอเรียกสัมภาษณ์สักประมาณเกือบๆครึ่งชั่วโมงครับ
ด่านที่3 - สัมภาษณ์กับกงสุลอเมริกัน ด่านนี้ก็จะตัดสินว่าเราจะได้หรือไม่ได้วีซ่านะครับ คนสัมภาษณ์จะเป็นชาวอเมริกัน(เหรอ?) เรียกว่ากงสุลสัญชาติอเมริกันดีกว่าครับ
ระหว่างที่ต่อแถวรอก็ยืนฟังคนข้างหน้าสัมภาษณ์ ส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษาไปwork and travel ก็ไม่ค่อยมีอะไร ผ่านกันทุกคน แต่ช่อง13เป็นนศ.ผู้หญิง โดนปฎิเสธวีซ่าครับ เท่าที่จับใจความได้ก็ประมาณ Sorry, I can't give you a visa because .....(ฟังไม่ถนัดครับ). You should study hard and try again next year. ผมก็ ฮึ่มมม น่าสงสารแฮะ แต่เหมือนเค้าตอบคำถามไม่ชัดเจน statementไม่หนักด้วยมั้งครับ
ทีนี้ผมยืนอยู่หัวแถวแล้ว ก็ลุ้นว่าช่องไหนจะสัมภาษณ์เสร็จก่อน ปรากฎว่าเป็นช่อง13ครับ
ผม : สวัสดีครับ
กงสุล : ซาหวาดดีค่า
กงสุล : ปายทามอารายที่อเมรีกาค้า
ผม : (พูดไทยชัดครับแต่ผมฟังไม่ค่อยถนัด เลยตอบเป็นอังกฤษครับ) I haven't made any specific plan.. I may visit New York and surrounding cities.
กงสุล : Oh, your English is great. So.. How long will you be there ka?
ผม : As a medical student, I've very limited holiday... just 2.5 to 3 weeks.
กงสุล : (พลิกดูใบรับรอง) Ohhh, you're a med stud from.... (ชื่อมหาลัย) woww great medical school.
ผม : (ยิ้ม) Thank you.
กงสุล : What do your parents do?
ผม : My father is a lawyer and my mother takes care of small apartment business, but my aunt will pay for this trip.
กงสุล : Why your aunt?
ผม : It was a deal with my aunt that if I could get into medical school she would pay for one expensive trip, and I choose to go to the US.
กงสุล : Why the US?
ผม : ... Because it's far away.. (555) I've tried to go out of Asia several times but you know...
กงสุล : (555) Okay, I see, what does your aunt do?
ผม : My aunt is a general manager at xxxxx, the company where her husband works as an executive director.
กงสุล : Is that their own company?
ผม : No, they've been working for the company for about 30 years..
กงสุล : The company is about...
ผม : Electronic devices.
กงสุล : May I see your aunt's statement?
ผม : (กำลังค้นแฟ้ม)
กงสุล : It doesn't matter. (ยิ้มให้)
ผม : (อ่าววว ไม่ดูแล้วเรอะ)
กงสุล : Do you have any relatives in the US?
ผม : No,.... there's one but I do not personally know him, he's my friend's uncle who is now a citizen. He works as a medical doctor in NY and owns a house in Queens. In short, he's an uncle of my friend who's going with me too.
กงสุล : I see, you're going there with your friend and you may stay at your friend's uncle house?
ผม : Yes, my friend was there once to visit his uncle.
กงสุล : You're in a great med school.
กงสุล : Congratulations, your visa is approved.
ผม : Thank you so much
ผม : Sorry, I'm also a member of International Federation of Medical Student's Association, and in the next 3 years.. if I have a chance, there'll be a kind of.. seminar held in the US. Do I..
กงสุล : (ตัดบทที่ผมกำลังจะพูด) You don't.
ผม : (ตกใจมาก ให้single entryตรูหรอออ จ่ายไปตั้ง5000T__T)
กงสุล : (ยิ้ม) You don't have to come here again, I've already issued a 10-year multiple visa for you. Have a nice trip!!
ผม : Thank youuuuuuuuuuuuuuuu~~~
แล้วก็เอาใบฟ้าไปซื้อซองจดหมายที่ไปรษณีย์ จ่าหน้าซองถึงตัวเองแล้วเอาซองไปคืนไปรษณีย์ เดินออกจากสถานฑูตด้วยความสบายใจ~ ตอนนี้ได้รับเล่มคืนแล้วครับ วีซ่าติดมาเรียบร้อย หมดอายุปี2023 ดีใจมากครับ
หมายเหตุ - จขกท.อายุ18ครับ เพิ่งเรียนจบปี1 ในpassportมีวีซ่าญี่ปุ่น2ใบ เกาหลี1ครั้ง(ไปแลกเปลี่ยน) สิงคโปร์2ครั้ง ฮ่องกง มาเก๊า คาดว่าวีซ่าญี่ปุ่นน่าจะมีผลต่อการพิจราณาเช่นกัน
ใครที่จะไปขอผมก็แนะนำให้ตอบตามความจริงนะครับ ควรกรอกDS160เอง ถึงผมจะไม่ค่อยโดนถามอะไรเท่าไร แต่สำหรับคนอื่นก็โดนถามกันละเอียดพอสมควร ตอบคำถามให้ชัดเจนและตรงประเด็นนะครับ ผมก็ไม่รู้จะแนะนำอะไรยังไงเพราะผมก็โดนถามมานิดเดียว แต่เท่าที่ดูถ้าเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานก็สัมภาษณ์เข้มงวดกันมากครับ ช่อง11กงสุลเป็นชายผิวขาวดูใจดีก็มีไม่ให้ผ่านเหมือนกันครับ เชื่อว่ากงสุลแต่ละท่านถึงจะบุคลิกต่างกันpersonal appearanceต่างกัน แต่ก็ถูกtrained(เขียนทับศัพท์ไม่ถูกครับขอโทษด้วย)มาเหมือนๆกัน มาตรฐานเดียวกันแหละครับ
ถ้าเขียนวกไปวนมา หรือเขียนไม่รู้เรื่อง หรือไร้สาระเยอะ หรืออะไรก็ตาม ต้องขอโทษด้วยนะครับ ทักษะภาษาไทยย่ำแย่มากๆ แต่ยังไงก็ยินดีที่ได้เอามาแชร์ครับ