คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 35
เราเชื่อว่า ถ้าพม่ามีกษัตริย์ที่มีทศพิธราชธรรม เหมือน รัชกาลที่ ๙ ของไทย ปัญหาชนกลุ่มน้อยจะไม่มีเลย หรือเหลือน้อยมาก
เพราะกษัตริย์อย่างพระองค์ท่าน สามารถหลอมหัวใจชนเผ่าต่างๆ ให้เป็นหนึ่งเดียว
แต่พม่าโชคร้ายที่มีกษัตริย์องค์สุดท้าย ที่สนใจแต่เรื่องตนเองไม่มีความสามารถในการบริหาร มองการสั้น หลงตัวเอง เลยคิดต่อสู้กับอังกฤษ
ทำให้สถาบันกษัตริย์ในพม่าต้องสูญสิ้นไป น่าเสียดายจริงๆ
เราเคยไปเที่ยวพม่าหลายครั้ง ตกหลุมรักพม่ามากมาย ก็ได้แต่หวังว่า ในอนาคตพม่าจะสามารถเป็นปึกแผ่น หมดปัญหาชนกลุ่มน้อยในที่สุด
แม้จะดูว่าไม่ค่อยมีหวัง เพราะทหารใช้ความรุนแรงในการปราบปรามพวกที่แข็งข้อ โดยไม่คำนึงถึงจิตใจพวกเขาเลย
ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลใจให้ทหารหันมาใช้วิธีการปกครองของในหลวง ปกครองด้วยความรัก คนพม่าจะได้มีความสุขเสียที
เพราะกษัตริย์อย่างพระองค์ท่าน สามารถหลอมหัวใจชนเผ่าต่างๆ ให้เป็นหนึ่งเดียว
แต่พม่าโชคร้ายที่มีกษัตริย์องค์สุดท้าย ที่สนใจแต่เรื่องตนเองไม่มีความสามารถในการบริหาร มองการสั้น หลงตัวเอง เลยคิดต่อสู้กับอังกฤษ
ทำให้สถาบันกษัตริย์ในพม่าต้องสูญสิ้นไป น่าเสียดายจริงๆ
เราเคยไปเที่ยวพม่าหลายครั้ง ตกหลุมรักพม่ามากมาย ก็ได้แต่หวังว่า ในอนาคตพม่าจะสามารถเป็นปึกแผ่น หมดปัญหาชนกลุ่มน้อยในที่สุด
แม้จะดูว่าไม่ค่อยมีหวัง เพราะทหารใช้ความรุนแรงในการปราบปรามพวกที่แข็งข้อ โดยไม่คำนึงถึงจิตใจพวกเขาเลย
ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลใจให้ทหารหันมาใช้วิธีการปกครองของในหลวง ปกครองด้วยความรัก คนพม่าจะได้มีความสุขเสียที
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
เรื่องพระมหากษัตริย์นั้นผ่านไปแล้วก็ผ่านไปเถอะ หันมาเอาเรื่องการรวมใจชนกลุ่มน้อยต่างๆให้มารักคำว่าเมียนมาร์จะดีกว่านะ
ทุกวันนี้ก็มาถูกทางแล้วนะ แต่รัฐบาลทหารพม่ายังเน้นแต่การใช้กำลังบังคับกดดัน ไม่เน้นทางการเมืองให้เกิดความรักชาติเลย
เข้าใจอยู่นะว่าในเมียนมาร์มีหลายกลุ่ม แต่การจะกลืนชาติคนอื่นด้วยบังคับให้เป็น"พม่า"ไม่มีทางสำเร็จหรอก มีแต่จะเกิดการต่อต้าน มันควรจะปล่อยให้เขามีอัตลักษณ์ในแบบของเขาตามธรรมชาติแล้วปลูกฝังความเป็นชาติเดียวกันจะดีกว่ามั้ย
ชาติในปัจจุบันนี้ไม่ควรนิยามง่ายๆ ว่าเกิดจาก"เชื้อเดียวกัน" หรือ "เผ่าเดียวกัน" แต่มันควรนิยามใหม่ว่า ชาติเกิดจาก"เชื่อเหมือนกัน" ถึงจะเข้ากับความเป็นไปของโลก
นึกถึงการสร้างบริษัทมหาชนเอาไว้นะ
บริษัทมหาชนเป็นบริษัทที่ใครๆ ก็ซื้อหุ้นได้ พนักงานในบริษัทก็มาจากต่างเชื้อต่างถิ่น หากบริษัทสร้างผลกำไรให้ผู้ถือหุ้นและเลี้ยงพนักงานดีๆ บริษัทนี้ก็จะเจริญเติบโต ผู้ถือหุ้นก็จะไม่หนีไปไหน พนักงานก็เกิดความรักความภูมิใจในบริษัท เวลาใครถามพนักงานว่าเป็นคนของบริษัทไหน พนักงานเหล่านั้นก็จะบอกว่าเป็นคนของบริษัทนั้นเองโดยไม่ต้องมีใครมาบังคับ
อย่างในเมืองไทยคนเป็นใหญ่ทางเศรษฐกิจคือคนไทยเชื้อสายจีน แต่คนไทยเชื้อสายจีนก็ไม่ได้ถือตัวว่าไม่ใช่คนไทย และคนไทยเชื้อสายอื่นก็ไม่ได้แบ่งแยกว่าคนไทยเชื้อสายจีนไม่ใช่คนไทยด้วยเหมือนกัน ที่เป็นอย่างเพราะทางไทยไม่ได้ให้น้ำหนักกับเรื่องเชื้อชาติมากกว่าสัญชาติ ทางไทยถือว่าไม่ว่าท่านจะมาจากไหน มีเชื้ออะไร หากได้สัญชาติไทยให้ถือว่าเป็นคนไทย มีสิทธิ์ มีศักดิ์ มีเสียงเสมอกัน
ส่วนเรื่องพุทธกับมุสลิมขอเว้นไว้ไม่ก้าวล่วงนะ เข้าใจว่าทางพม่ามีศรัทธาแรงกล้าอยากจะรักษาพระศาสนาให้จวบจนสิ้นพุทธกาล แต่พระศาสนาของเราก็ไม่พ้นพระไตรลักษณ์ เกิดมาแล้วก็ย่อมตั้งอยู่ดับไปเหมือนกับธรรมอื่นๆ การไปอ้างพระศาสนาไปทำเขา แต่จะทำให้พระศาสนามัวหมองเปล่าๆ
ทุกวันนี้ก็มาถูกทางแล้วนะ แต่รัฐบาลทหารพม่ายังเน้นแต่การใช้กำลังบังคับกดดัน ไม่เน้นทางการเมืองให้เกิดความรักชาติเลย
เข้าใจอยู่นะว่าในเมียนมาร์มีหลายกลุ่ม แต่การจะกลืนชาติคนอื่นด้วยบังคับให้เป็น"พม่า"ไม่มีทางสำเร็จหรอก มีแต่จะเกิดการต่อต้าน มันควรจะปล่อยให้เขามีอัตลักษณ์ในแบบของเขาตามธรรมชาติแล้วปลูกฝังความเป็นชาติเดียวกันจะดีกว่ามั้ย
ชาติในปัจจุบันนี้ไม่ควรนิยามง่ายๆ ว่าเกิดจาก"เชื้อเดียวกัน" หรือ "เผ่าเดียวกัน" แต่มันควรนิยามใหม่ว่า ชาติเกิดจาก"เชื่อเหมือนกัน" ถึงจะเข้ากับความเป็นไปของโลก
นึกถึงการสร้างบริษัทมหาชนเอาไว้นะ
บริษัทมหาชนเป็นบริษัทที่ใครๆ ก็ซื้อหุ้นได้ พนักงานในบริษัทก็มาจากต่างเชื้อต่างถิ่น หากบริษัทสร้างผลกำไรให้ผู้ถือหุ้นและเลี้ยงพนักงานดีๆ บริษัทนี้ก็จะเจริญเติบโต ผู้ถือหุ้นก็จะไม่หนีไปไหน พนักงานก็เกิดความรักความภูมิใจในบริษัท เวลาใครถามพนักงานว่าเป็นคนของบริษัทไหน พนักงานเหล่านั้นก็จะบอกว่าเป็นคนของบริษัทนั้นเองโดยไม่ต้องมีใครมาบังคับ
อย่างในเมืองไทยคนเป็นใหญ่ทางเศรษฐกิจคือคนไทยเชื้อสายจีน แต่คนไทยเชื้อสายจีนก็ไม่ได้ถือตัวว่าไม่ใช่คนไทย และคนไทยเชื้อสายอื่นก็ไม่ได้แบ่งแยกว่าคนไทยเชื้อสายจีนไม่ใช่คนไทยด้วยเหมือนกัน ที่เป็นอย่างเพราะทางไทยไม่ได้ให้น้ำหนักกับเรื่องเชื้อชาติมากกว่าสัญชาติ ทางไทยถือว่าไม่ว่าท่านจะมาจากไหน มีเชื้ออะไร หากได้สัญชาติไทยให้ถือว่าเป็นคนไทย มีสิทธิ์ มีศักดิ์ มีเสียงเสมอกัน
ส่วนเรื่องพุทธกับมุสลิมขอเว้นไว้ไม่ก้าวล่วงนะ เข้าใจว่าทางพม่ามีศรัทธาแรงกล้าอยากจะรักษาพระศาสนาให้จวบจนสิ้นพุทธกาล แต่พระศาสนาของเราก็ไม่พ้นพระไตรลักษณ์ เกิดมาแล้วก็ย่อมตั้งอยู่ดับไปเหมือนกับธรรมอื่นๆ การไปอ้างพระศาสนาไปทำเขา แต่จะทำให้พระศาสนามัวหมองเปล่าๆ
เมียนมาร์กับวันที่ไร้พระมหากษัตริย์
+
ผมชื่อว่า Maung Tein Seim (ปัจจุบันคือ U Hpyak Hcee) ผมมาจากเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ บรรพบุรุษฝ่ายพ่อเป็นขุนนางในราชสำนักของพระเจ้าเมงดง บรรพบุรุษฝ่ายแม่เป็นพราหมณ์เชื้อสายเบงกอล ประมาณ 2 ปีก่อน ผมได้อ่านเรื่องราวในอดีตของเมียนมาร์ที่คนไทยเป็นผู้เขียน เกิดความสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับบรรพบุรุษของตัวเอง แต่เวลานั้นไม่ได้คิดอะไรมากมาย จนกระทั่งผ่านมา 2 ปีแล้ว หรือพูดให้ถูกกว่านี้คือ 2 ปีที่ผ่านมา ผมอ่านข่าวของเมียนมาร์แล้วเกิดความสลดใจบางอย่าง ข่าวบางเรื่องเป็นเรื่องที่มุสลิมกับชาวพุทธทะเลาะกัน ข่าวบางเรื่องเป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างเมียนมาร์กับชนเผ่าต่างๆ ข่าวบางเรื่องก็เป็นเหตุการณ์ขัดแย้งกันเองของชาวพุทธเมียนมาร์ หันมามองดูประเทศไทยแล้ว เกิดความสลดใจ เพราะประเทศไทย แทบไม่เคยมีความขัดแย้งระหว่างชนเผ่าหรือเชื้อชาติ ไม่มีความขัดแย้งทางศาสนา จะมีอย่างมากที่สุดก็เพียงแค่แนวคิดทางการเมืองเท่านั้น
+
อดนึกถึงสมัยที่เมียนมาร์ยังมีราชวงศ์เป็นผู้นำประเทศไม่ได้ ความขัดแย้งภายนอกระหว่างศาสนาไม่มี ความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติก็ไม่ค่อยมีให้เห็น (แม้ว่าจะมีเรื่องว่า มอญเคยก่อกบฎก็ตาม) แต่น่าเสียดายที่เราไม่สามารถระงับความขัดแย้งภายในได้ ทำให้เราค่อยๆสิ้นแผ่นดินจนกระทั่งเสียเอกราชในปี 1885 หรือ 131 ปีที่แล้ว อังกฤษใช้กลวิธีในเอื้อชนเผ่าหนึ่งและกดขี่อีกชนเผ่าหนึ่ง และเป็นผู้สร้างปัญหาให้กับเมียนมาร์จนถึงวันนี้ ปัญหาต่างๆในเมียนมาร์ที่หลายๆท่านได้เห็นในสื่อไทย ก็ล้วนมาจากความเจ้าเล่ห์ของอังกฤษทั้งสิ้น
+
ผมไม่สามารถมั่นใจเต็มร้อยว่าหากเมียนมาร์ยังมีพระมหากษัตริย์แล้ว ปัญหาต่างๆจะมีหรือลดลงกว่านี้ได้หรือไม่ แต่จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ทำให้เชื่อว่า ในยุคที่เมียนมาร์ยังมีพระมหากษัตริย์ ทุกศาสนา ทุกเผ่า ต่างยินยอมอยู่ใต้อำนาจเมียนมาร์ทั้งนั้น โดยเฉพาะสมัย 3 มหาราช คือ พระเจ้าอนุรุทธ พระเจ้าบาเยงนอง และ พระเจ้าอลองพญา และอีกเหตุผลหนึ่ง ก็เพราะว่า เมียนมาร์ในยุคปัจจุบัน หากจากยุคนั้นมาประมาณ 131 ปีแล้ว ความคิดของคนในยุคอดีตและปัจจุบัน อาจจะเปลี่ยนไปได้เพราะสถานการณ์และประวัติศาสตร์ในยุคต่อมา
+
เป็นที่เสียดายว่า เจ้าฟ้าชายกะนอง ถูกลอบปลงพระชนม์เสียก่อน มิฉะนั้นแล้ว เมียร์มาร์ก็คงสามารถรักษาเอกราช รักษาราชวงศ์ และทำให้ความสามัคคีของคนในชาติเปลี่ยนแปลงไปได้ แต่อยากจะรู้จริงๆว่าจะมีชาวเมียนมาร์กี่คน ที่คิดเหมือนผม เพราะพระมหากษัตริย์ของเมียนมาร์ ถนัดแต่เรื่องรบและการปกครองด้วยกำลัง มากกว่าทศพิธราชธรรมเหมือนพระมหากษัตริย์ไทย หากความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นของผม คือ อยากให้เมียนมาร์ ฟื้นฟูสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นมาและมีพระมหากษัตริย์ที่ปกครองด้วยทศพิธราชธรรม เพราะเมียนมาร์ในทุกวันนี้ เหมือนจะเดินหน้าแต่กลับถอยหลังเข้าไป