without you trip
สวัสดีค่าาา เราจะมารีวิวประสบการณ์การไปทริปที่เชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน กับเพื่อนอีก 6 คน
จุดหมายเราคือ อ.เชียงดาว ณ บ้านโฮมสเตย์แม่แมะ โดยเราจะนั่งรถไฟค่ะ ไปกันโลดด
- ขออนุญาติใช้ภาษาวิบัติทางเสียงและภาษาพูดนะคะ -
[15 ชม. ระหว่างอยู่บนเชียงใหม่]
วันที่ 25 ตุลาคม 2559 เวลา 12.30 น.
ก่อนจะไปเราได้ทำการจองที่พักและจองตั๋วรถไฟ
โดยได้ขบวนที่ 109 เป็นรถไฟพัดลมธรรมดาชั้นสองค่ะ
ที่พักที่จะไปมีคุณลุงใจดีชื่อลุงวงษ์ ก่อนจะไปก็ทำการโอนค่าที่พัก
โดยโอนมัดจำก่อน 1,500 ที่พักที่นี่เขาจะคิดหัวละ 750 แต่คุณลุงคิดให้เป็น 650 บาท :- )
บรรยากาศระหว่างเดินทางบนรถไฟ . . .
เพื่อนติดเกม นอนดึกไปหน่อย . . .
ถ้าป้าเป็นคนดีหนังเรื่องนี้ก็คงไม่มันส์เดะ ป้าเป็นแค่วายร้ายยยยย [ เพลงวายร้าย - URBOY TJ ]
เรื่องมีอยู่ว่า. . . กลุ่มของเราเป็นเป้าหมายที่คนเดินเร่ขายของกินเดินมาขายเยอะมาก
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมขายตรงเราบ่อย 55555 แล้วมีป้าขายผัดไทเดินมา
บอกว่า " ผัดไทไหมหนู ป้าจะลงแล้วลูก " ก็จัดไปด้วยความหิวและวาดฝันภาพผัดไทไว้สูงมาก
อาจจะเพราะไม่เคยเดินทางด้วยรถไฟนานแล้วก็ไม่ทราบว่าอาหารเป็นยังไงบ้าง พอเปิดกล่องมา
30 บาทหรอเนี่ยยยยย? ถึงกับฮาขำกันอยู่นาน สักพักได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
" มาม่าโอวิลตินร้อนๆไหมค้าาาาา " ป้าคนเดิมเพิ่มเติมคือเปลี่ยนของขาย ป้านี่วายร้ายจริงๆ ._.
26 ตุลาคม 2559 เวลา 4.30 น.
หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนค่ะ นั่งๆหลับๆตื่นๆนอนๆแล้วความจริงก็มาถึงงงง
เราถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่กันแล้วเจ้าาาา ด้วยเวลา 15 ชม. ไม่เลทแบบที่คิดไว้
แต่ผิดแผนตรงที่คิดว่าจะถึง 6 โมงเช้าเนี่ยแหละค่ะ
พอถึงก็เลยจัดแจงล้างหน้าแปรงฟันซะหน่อย หน้าดำเป็นถ่านเลยค่ะ
อ้อออ สิ่งที่อยากให้ผู้หญิงเตรียมเพื่อความสะดวกสบาย แนะนำว่า
ซื้อทิชชู่เปียกกับทิชชู่ปกติอย่างละสองห่อจะช่วยได้ดีมากเลยเวลาเข้าห้องน้ำบนรถไฟ
ส่วนคนไหนที่ล้างหน้าไม่ใช้โฟมล้างหน้าเนี่ย แนะนำว่าซื้อไว้สักอันเถอะ
เพราะเพื่อนเราเป็นผู้ชายไม่ยอมใช้โฟมล้างหน้า พอไปล้างล้างน้ำหน้าก็ยังดำ
สุดท้ายเลยต้องซื้อโฟมล้างหน้าอยู่ดีค่ะ5555 อย่าลืมเช็ดจมูกด้วยนะ แล้วคุณจะตกใจ!
เราหาทางไปขนส่งช้างเผือก โดยตามปกติเขาก็จะนั่งรถสองแถวแดงกัน ก็ตามนั้นแหละค่ะ
แต่เจ้าแรกคิด 40 บาททีนี้ตอนนั้นยังเล่นตัว เลยเดินวนๆกะจะไปเซเว่น แล้วก็เจอป้าใจดี
พาไปในราคา 25 บาทค่าาา พอไปถึงขนส่ง ปรากฏว่าผิดแผนรอบสองค่ะ รถสองแถวที่จะไปเชียงดาว
ออกเวลาหกโมงกว่าๆ เราเลยต้องนั่งรถทัวร์กันไป ก็รอเวลาขึ้นรถ แล้วก็สลบค่ะ ไม่ได้เก็บภาพเลย..
โลตัสเชียงดาวจะอยู่ตรงข้ามร้านนานาค่ะ
และแล้วคุณลงวงษ์ก็มาค่ะ คุณลุงบอกให้รอ 30 นาที อาจจะเลทแต่ถ้าได้ไปตรงนั้นจะรู้เลยว่า
ทำไมถึงเกิน 30 นาที ทางขึ้นเขาไกลมาก เลี้ยวหลายโค้ง คุณลุงก็เก่งมากเช่นกันนน
คุณลุงจะเรียกตัวเองว่า ป้อค่ะ ป้อหลวงวงษ์ ได้พาเราไปสักการะบูชาแล้วก็ขอให้พระนเรศวรมหาราชคุ้มครองพวกเรา
ระหว่างที่มาพักอยู่ที่เชียงใหม่นี้ จากนั้นก็พาไปถ้ำหลวงเชียงดาวค่ะ
ตอนอยู่ในถ้ำจะมีป้าคนนึงเป็นวิทยากร ป้าน่ารัก ชอบเล่นมุข เอาซะวัยรุ่นอย่างเราตามไม่ทันเลยจ้าา
ป้าเป็นวิทยากรมาตั้งแต่อายุ18 จนตอนนี้50กว่าแล้วววว เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเพราะชมบรรยากาศเพลินไปหน่อย
ก็ถ้าผู้หญิงไปต้องใส่ขายาวนะคะ ถ้าใส่ขาสั้นเขาก็จะมีผ้ามาคลุมให้ 20 บาทค่ะ
ระหว่างเดินทางไปแม่แมะ
แล้วก็ถึงเวลาที่จะเดินทางไปแม่แมะค่ะ พวกเรา 7 คนลุยขึ้นหลังกระบะ นั่งขึ้นไปที่โฮมสเตย์แม่แมะ
ตื่นเต้นมากกกก นานๆจะเที่ยวที5555 ถ่ายรูปถ่ายภูเขา บรรยากาศสวยมากค่ะ
พอขึ้นไปเรื่อยๆสัญญาณเน็ตจะหาย AISเท่านั้นที่จะอยู่กับคุณณณณ
Slow Life ไปเลยค่ะ อยากจะเล่นเน็ตอยากจะแชร์รูปก็ทำไม่ได้5555
แต่จะบอกว่าถ้าพอไปอยู่ที่นู่นแล้วไม่มีอินเทอร์เน็ตก็อยู่ได้
มีเสียงน้ำตกตลอดเวลา อากาศดีมาก ไม่ต้องเปิดพัดลมไม่ต้องมีแอร์
จิบเบียร์ไม่ต้องมีน้ำแข็ง ฟินสุดๆไปเลยค่าาาาา ^0^
อาหารการกินก็ดีค่ะ แม่ๆป้าๆทำอาหารให้ วัตถุดิบทุกอย่างที่นู่นเขาปลูกกันเองทั้งหมดเลยค่ะ
เจ้าซึบะ :- )
ค่าที่พักคืนละ 650 บาท มีมื้ออาหารให้ 2 มื้อค่ะ
ส่วนนี่คือบรรยากาศที่ในพักของเรา เราได้ที่พักชื่อ ไอยเรศ 1 , 2
ป้อหลวงวงษ์ของเราเองงงงง :- )
ส่วนใหญ่จะเจอชาวบ้านสะพายไอแบบนี้ เราเรียกไม่ถูก5555 แต่เขาจะเก็บผลไม้เก็บผัก
แล้วก็มาไว้ที่บ้านต้นไม้(แม่แมะ) ให้ป้าๆแม่ๆทำกับข้าวให้นักท่องเที่ยวที่มาพักทานกัน
เราไปนั่งคุยกับป้าๆเขาบอกอาชีพหลักๆเขาคือเก็บใบชา อาชีพเสริมคือเปิดที่ท่องเที่ยวนี่แหละ
ที่หมู่บ้านแม่แมะมีคนอาศัยอยู่ประมาณ 500 คน มีบ้านหลังคาเรือนทั้งหมดประมาณ 100 หลัง
27 ตุลาคม 2559 เวลา 8.00 น.
หลังจากเมื่อคืนที่จิบเบียร์ก็นอนหลับคนแรกเลยเจ้าาาา หลับสบายและตื่นสายสุดด้วยเจ้าาา
มื้อเช้าเป็นข้าวต้ม น่ากินมากกกก มีข้าวโพดในนั้นด้วยเราไม่เคยกินข้าวต้มแบบนี้ 5555
แต่ที่ชอบคือกระเทียมเจียว หู้ยยยยย พริกน้ำปลาา หูยยยอีก อร่อยอะ.__.
หลังจากนั้นก็เดินทางออกจากที่พักมาแช่น้ำพุร้อนออนเซ็นเหม็นกลิ่นไข่ต้มสุดๆ -.-อื้อหือ
เราไม่ได้ลงเพราะเป็นประจำเดือน แง้ แต่ส้มตำที่นั่นอร่อยมากเลยจ้าาาาาา อย่าลืมไปกินกันนะคะ
ตรงนี้ไม่มีรูปแล้ว หิวโหย ลืมถ่ายอีกแล้ว -.- แล้วคุณลุงวงษ์ก็มาส่งเราที่ท่ารถเชียงดาว
เราก็ขึ้นรถทัวร์ไปลงรถต่อเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพด้วยรถไฟเช่นเดิมเจ้า - -'
โดยตกลงกันว่าจะนั่งรถรอบ 15.30 น. และถึง 5.30 น. แต่ก็เลทนะเจ้าาาาาา เลยถึงเกือบ 7 โมง
.
.
.
ความรู้สึกหลังจากไปทริปนี้เราคิดว่าเหนื่อยกับการนั่งรถไฟมาก
แต่ก็ชอบบรรยากาศรอบๆเช่นกัน ถ้าเจอสิ่งแวดล้อมรอบตัวดีก็จะดีต่อใจมากมาย55555
จริงๆถ้าไม่ติดธุระก็อยากจะอยู่แม่แมะต่ออีกสักคืน คุ้มจริงๆนะ 650 บาท
อ้อ ! ตอนไปเล่นน้ำตกระมัดระวังอย่านั่งไม่ดูที่ดูทางนะคะเพราะเพื่อนเราโดนบุ้งร่าน (มันชื่องี้)
แต่ชาวบ้านเรียกไอ้หาญ มันทิ่มก้นเป็นรอยตัวมันเลย ยึ้ยยย ถ้าใครโดน
แนะนำทายาหม่องแล้วก็โรยแป้งทับไปเลย อย่าไปแกะเกาเท่านี้ก็หายค่ะ คุณลุงวงษ์โดนบ่อยท่านบอกมา :- )
บรรยากาศระหว่างกลับกทม. . . .
เรารักนางงงงงงงงงงงงงงงงง
สุดท้ายเราอยากบอกว่า เราได้มาเชียงใหม่แล้วนะ
ถึงจะไม่ได้เป็นไปตามคำที่บอกว่า
" ไว้นั่งรถไฟไปเชียงใหม่ด้วยกันนะ " . . .
สรุปค่าเสียหาย
ค่าตั๋วรถไฟ 391 ฿
ค่าวินมอไซไปจองตั๋วรถไฟ 25 ฿
ค่ารถมาท่ารถช้างเผือก 25 ฿
ค่ารถทัวร์ 40 ฿
ค่าเข้าถ้ำ 60 ฿
ค่าไกด์ 30 ฿
ค่าที่พัก 650 ฿
ค่ารถลุง 120 ฿
ค่าส้มตำ 40 ฿
ค่ารถเมล์ไปขึ้นรถสองแถว 40 ฿
ค่ารถสองแถว 20 ฿
ค่ารถไฟ 271 ฿
ค่าของฝาก 21 ฿
ค่ากินส่วนตัว 250 ฿ (โดนเต็มๆบนรถไฟจ้า)
รวมเป็นเงิน 1983 ฿
ขอบคุณที่มาฟังข้าเจ้าเวินเว้อเด้อออออออ หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจ้า
[CR] [CR] :: เที่ยวเชียงใหม่ กับชีวิตไร้สัญญาณอินเทอร์เน็ต AT TREE HOUSE (บ้านแม่แมะ) ด้วยงบไม่เกิน 2000 บาท ::
สวัสดีค่าาา เราจะมารีวิวประสบการณ์การไปทริปที่เชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน กับเพื่อนอีก 6 คน
จุดหมายเราคือ อ.เชียงดาว ณ บ้านโฮมสเตย์แม่แมะ โดยเราจะนั่งรถไฟค่ะ ไปกันโลดด
- ขออนุญาติใช้ภาษาวิบัติทางเสียงและภาษาพูดนะคะ -
[15 ชม. ระหว่างอยู่บนเชียงใหม่]
วันที่ 25 ตุลาคม 2559 เวลา 12.30 น.
ก่อนจะไปเราได้ทำการจองที่พักและจองตั๋วรถไฟ
โดยได้ขบวนที่ 109 เป็นรถไฟพัดลมธรรมดาชั้นสองค่ะ
ที่พักที่จะไปมีคุณลุงใจดีชื่อลุงวงษ์ ก่อนจะไปก็ทำการโอนค่าที่พัก
โดยโอนมัดจำก่อน 1,500 ที่พักที่นี่เขาจะคิดหัวละ 750 แต่คุณลุงคิดให้เป็น 650 บาท :- )
บรรยากาศระหว่างเดินทางบนรถไฟ . . .
เพื่อนติดเกม นอนดึกไปหน่อย . . .
ถ้าป้าเป็นคนดีหนังเรื่องนี้ก็คงไม่มันส์เดะ ป้าเป็นแค่วายร้ายยยยย [ เพลงวายร้าย - URBOY TJ ]
เรื่องมีอยู่ว่า. . . กลุ่มของเราเป็นเป้าหมายที่คนเดินเร่ขายของกินเดินมาขายเยอะมาก
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมขายตรงเราบ่อย 55555 แล้วมีป้าขายผัดไทเดินมา
บอกว่า " ผัดไทไหมหนู ป้าจะลงแล้วลูก " ก็จัดไปด้วยความหิวและวาดฝันภาพผัดไทไว้สูงมาก
อาจจะเพราะไม่เคยเดินทางด้วยรถไฟนานแล้วก็ไม่ทราบว่าอาหารเป็นยังไงบ้าง พอเปิดกล่องมา
30 บาทหรอเนี่ยยยยย? ถึงกับฮาขำกันอยู่นาน สักพักได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
" มาม่าโอวิลตินร้อนๆไหมค้าาาาา " ป้าคนเดิมเพิ่มเติมคือเปลี่ยนของขาย ป้านี่วายร้ายจริงๆ ._.
26 ตุลาคม 2559 เวลา 4.30 น.
หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนค่ะ นั่งๆหลับๆตื่นๆนอนๆแล้วความจริงก็มาถึงงงง
เราถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่กันแล้วเจ้าาาา ด้วยเวลา 15 ชม. ไม่เลทแบบที่คิดไว้
แต่ผิดแผนตรงที่คิดว่าจะถึง 6 โมงเช้าเนี่ยแหละค่ะ
พอถึงก็เลยจัดแจงล้างหน้าแปรงฟันซะหน่อย หน้าดำเป็นถ่านเลยค่ะ
อ้อออ สิ่งที่อยากให้ผู้หญิงเตรียมเพื่อความสะดวกสบาย แนะนำว่า
ซื้อทิชชู่เปียกกับทิชชู่ปกติอย่างละสองห่อจะช่วยได้ดีมากเลยเวลาเข้าห้องน้ำบนรถไฟ
ส่วนคนไหนที่ล้างหน้าไม่ใช้โฟมล้างหน้าเนี่ย แนะนำว่าซื้อไว้สักอันเถอะ
เพราะเพื่อนเราเป็นผู้ชายไม่ยอมใช้โฟมล้างหน้า พอไปล้างล้างน้ำหน้าก็ยังดำ
สุดท้ายเลยต้องซื้อโฟมล้างหน้าอยู่ดีค่ะ5555 อย่าลืมเช็ดจมูกด้วยนะ แล้วคุณจะตกใจ!
เราหาทางไปขนส่งช้างเผือก โดยตามปกติเขาก็จะนั่งรถสองแถวแดงกัน ก็ตามนั้นแหละค่ะ
แต่เจ้าแรกคิด 40 บาททีนี้ตอนนั้นยังเล่นตัว เลยเดินวนๆกะจะไปเซเว่น แล้วก็เจอป้าใจดี
พาไปในราคา 25 บาทค่าาา พอไปถึงขนส่ง ปรากฏว่าผิดแผนรอบสองค่ะ รถสองแถวที่จะไปเชียงดาว
ออกเวลาหกโมงกว่าๆ เราเลยต้องนั่งรถทัวร์กันไป ก็รอเวลาขึ้นรถ แล้วก็สลบค่ะ ไม่ได้เก็บภาพเลย..
โลตัสเชียงดาวจะอยู่ตรงข้ามร้านนานาค่ะ
และแล้วคุณลงวงษ์ก็มาค่ะ คุณลุงบอกให้รอ 30 นาที อาจจะเลทแต่ถ้าได้ไปตรงนั้นจะรู้เลยว่า
ทำไมถึงเกิน 30 นาที ทางขึ้นเขาไกลมาก เลี้ยวหลายโค้ง คุณลุงก็เก่งมากเช่นกันนน
คุณลุงจะเรียกตัวเองว่า ป้อค่ะ ป้อหลวงวงษ์ ได้พาเราไปสักการะบูชาแล้วก็ขอให้พระนเรศวรมหาราชคุ้มครองพวกเรา
ระหว่างที่มาพักอยู่ที่เชียงใหม่นี้ จากนั้นก็พาไปถ้ำหลวงเชียงดาวค่ะ
ตอนอยู่ในถ้ำจะมีป้าคนนึงเป็นวิทยากร ป้าน่ารัก ชอบเล่นมุข เอาซะวัยรุ่นอย่างเราตามไม่ทันเลยจ้าา
ป้าเป็นวิทยากรมาตั้งแต่อายุ18 จนตอนนี้50กว่าแล้วววว เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเพราะชมบรรยากาศเพลินไปหน่อย
ก็ถ้าผู้หญิงไปต้องใส่ขายาวนะคะ ถ้าใส่ขาสั้นเขาก็จะมีผ้ามาคลุมให้ 20 บาทค่ะ
ระหว่างเดินทางไปแม่แมะ
แล้วก็ถึงเวลาที่จะเดินทางไปแม่แมะค่ะ พวกเรา 7 คนลุยขึ้นหลังกระบะ นั่งขึ้นไปที่โฮมสเตย์แม่แมะ
ตื่นเต้นมากกกก นานๆจะเที่ยวที5555 ถ่ายรูปถ่ายภูเขา บรรยากาศสวยมากค่ะ
พอขึ้นไปเรื่อยๆสัญญาณเน็ตจะหาย AISเท่านั้นที่จะอยู่กับคุณณณณ
Slow Life ไปเลยค่ะ อยากจะเล่นเน็ตอยากจะแชร์รูปก็ทำไม่ได้5555
แต่จะบอกว่าถ้าพอไปอยู่ที่นู่นแล้วไม่มีอินเทอร์เน็ตก็อยู่ได้
มีเสียงน้ำตกตลอดเวลา อากาศดีมาก ไม่ต้องเปิดพัดลมไม่ต้องมีแอร์
จิบเบียร์ไม่ต้องมีน้ำแข็ง ฟินสุดๆไปเลยค่าาาาา ^0^
อาหารการกินก็ดีค่ะ แม่ๆป้าๆทำอาหารให้ วัตถุดิบทุกอย่างที่นู่นเขาปลูกกันเองทั้งหมดเลยค่ะ
เจ้าซึบะ :- )
ค่าที่พักคืนละ 650 บาท มีมื้ออาหารให้ 2 มื้อค่ะ
ส่วนนี่คือบรรยากาศที่ในพักของเรา เราได้ที่พักชื่อ ไอยเรศ 1 , 2
ป้อหลวงวงษ์ของเราเองงงงง :- )
ส่วนใหญ่จะเจอชาวบ้านสะพายไอแบบนี้ เราเรียกไม่ถูก5555 แต่เขาจะเก็บผลไม้เก็บผัก
แล้วก็มาไว้ที่บ้านต้นไม้(แม่แมะ) ให้ป้าๆแม่ๆทำกับข้าวให้นักท่องเที่ยวที่มาพักทานกัน
เราไปนั่งคุยกับป้าๆเขาบอกอาชีพหลักๆเขาคือเก็บใบชา อาชีพเสริมคือเปิดที่ท่องเที่ยวนี่แหละ
ที่หมู่บ้านแม่แมะมีคนอาศัยอยู่ประมาณ 500 คน มีบ้านหลังคาเรือนทั้งหมดประมาณ 100 หลัง
27 ตุลาคม 2559 เวลา 8.00 น.
หลังจากเมื่อคืนที่จิบเบียร์ก็นอนหลับคนแรกเลยเจ้าาาา หลับสบายและตื่นสายสุดด้วยเจ้าาา
มื้อเช้าเป็นข้าวต้ม น่ากินมากกกก มีข้าวโพดในนั้นด้วยเราไม่เคยกินข้าวต้มแบบนี้ 5555
แต่ที่ชอบคือกระเทียมเจียว หู้ยยยยย พริกน้ำปลาา หูยยยอีก อร่อยอะ.__.
หลังจากนั้นก็เดินทางออกจากที่พักมาแช่น้ำพุร้อนออนเซ็นเหม็นกลิ่นไข่ต้มสุดๆ -.-อื้อหือ
เราไม่ได้ลงเพราะเป็นประจำเดือน แง้ แต่ส้มตำที่นั่นอร่อยมากเลยจ้าาาาาา อย่าลืมไปกินกันนะคะ
ตรงนี้ไม่มีรูปแล้ว หิวโหย ลืมถ่ายอีกแล้ว -.- แล้วคุณลุงวงษ์ก็มาส่งเราที่ท่ารถเชียงดาว
เราก็ขึ้นรถทัวร์ไปลงรถต่อเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพด้วยรถไฟเช่นเดิมเจ้า - -'
โดยตกลงกันว่าจะนั่งรถรอบ 15.30 น. และถึง 5.30 น. แต่ก็เลทนะเจ้าาาาาา เลยถึงเกือบ 7 โมง
.
.
.
ความรู้สึกหลังจากไปทริปนี้เราคิดว่าเหนื่อยกับการนั่งรถไฟมาก
แต่ก็ชอบบรรยากาศรอบๆเช่นกัน ถ้าเจอสิ่งแวดล้อมรอบตัวดีก็จะดีต่อใจมากมาย55555
จริงๆถ้าไม่ติดธุระก็อยากจะอยู่แม่แมะต่ออีกสักคืน คุ้มจริงๆนะ 650 บาท
อ้อ ! ตอนไปเล่นน้ำตกระมัดระวังอย่านั่งไม่ดูที่ดูทางนะคะเพราะเพื่อนเราโดนบุ้งร่าน (มันชื่องี้)
แต่ชาวบ้านเรียกไอ้หาญ มันทิ่มก้นเป็นรอยตัวมันเลย ยึ้ยยย ถ้าใครโดน
แนะนำทายาหม่องแล้วก็โรยแป้งทับไปเลย อย่าไปแกะเกาเท่านี้ก็หายค่ะ คุณลุงวงษ์โดนบ่อยท่านบอกมา :- )
บรรยากาศระหว่างกลับกทม. . . .
เรารักนางงงงงงงงงงงงงงงงง
สุดท้ายเราอยากบอกว่า เราได้มาเชียงใหม่แล้วนะ
ถึงจะไม่ได้เป็นไปตามคำที่บอกว่า " ไว้นั่งรถไฟไปเชียงใหม่ด้วยกันนะ " . . .
สรุปค่าเสียหาย
ค่าตั๋วรถไฟ 391 ฿
ค่าวินมอไซไปจองตั๋วรถไฟ 25 ฿
ค่ารถมาท่ารถช้างเผือก 25 ฿
ค่ารถทัวร์ 40 ฿
ค่าเข้าถ้ำ 60 ฿
ค่าไกด์ 30 ฿
ค่าที่พัก 650 ฿
ค่ารถลุง 120 ฿
ค่าส้มตำ 40 ฿
ค่ารถเมล์ไปขึ้นรถสองแถว 40 ฿
ค่ารถสองแถว 20 ฿
ค่ารถไฟ 271 ฿
ค่าของฝาก 21 ฿
ค่ากินส่วนตัว 250 ฿ (โดนเต็มๆบนรถไฟจ้า)
รวมเป็นเงิน 1983 ฿
ขอบคุณที่มาฟังข้าเจ้าเวินเว้อเด้อออออออ หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจ้า
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น