คิดดูแล้วคนไทยก็คงจะเป็นแบบสื่อนอกกล่าวไว้แหละค่ะ
เพราะคนไทยไม่ชอบพวกหมิ่นสถาบันที่พรรคเดโมแครตหนุนจริงๆ
แต่ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ถูกใจแบบปธน.คนก่อนๆอีกแหละ ระยะหลังๆ ปธน.ของสหรัฐ ไม่ค่อยถูกใจคนไทยนัก ด้วยเรื่องของการเมืองที่มาบีบบังคับและจ้องหาผลประโยชน์จากไทย และแสดงออกทางการเมืองโจ่งแจ้งว่าเลือกข้าง โดยเฉพาะที่ส่งฑูต มาแต่ละคน คนไทยอยากไล่กลับทั้งนั้น
แล้วคุณคิดแบบที่สื่อบอกไหมคะ......?
ตามข่าวค่ะ
ชาแนลนิวส์เอเชีย - สื่อของสิงคโปร์รายงานในวันอังคาร(1พ.ค.) อ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลไทยตั้งคำถามเกี่ยวกับประชาธิปไตยในสหรัฐฯจากการรณรงค์หาเสียงที้ก้าวร้าวและมีปัญหากว่าแต่ก่อน ขณะเดียวกันก็แสดงท่าทีสนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากรีพับลิกัน เนื่องจากไม่พอใจที่ทำเนียบขาวภายใต้การนำของเดโมแครตมักแแทรกแซงกิจการภายในของไทยและยังให้การสนับสนุนพวกหมิ่นสถาบันเบื้องสูงด้วย
ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่าสหรัฐฯเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของไทยมานานหลายทศรรษ และสถานทูตอเมริกาในกรุงเทพฯ ก็เป็นหนึ่งในสถานทูตสหรัฐฯที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามการตัดสินใจประณามเหตุรัฐประหารไทยในปี 2014 ของวอชินตัน ได้กัดเซาะความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายและผลักให้กรุงเทพฯหันหน้าเข้าหาปักกิ่งมากขึ้น ซึ่งนับตั้งแต่นั้นวคามสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆและแน่นแฟ้นที่สุดเท่าที่เคยมีมา
สื่อของสิงคโปร์แห่งนี้ระบุว่าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อมวลชนไทย และนักสังเกตการณ์ในรัฐบาลเชื่อว่าแนวทางของการหาเสียงได้ก่อคำถามเกี่ยวกับประชาธิปไตยในสหรัฐฯ
"ผมคิดว่าการหาเสียงก้าวร้าวขึ้น มีปัญหากว่าเดิมและก่อความกังวลแก่ผู้คนจำนวนมาก" ชาแนลนิวส์เอเชียอ้างความเห็นของรองศาสตราจารย์ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของรัฐบาลไทย "มันไม่ใช่ต้นแบบที่โลกสามารถดำเนินการตามอย่างได้อีกแล้ว ในอดีต ประเทศกำลังพัฒนาหรือประชาธิปไตยที่กำลังพัฒนา คิดว่าสหรัฐฯควรเป็นต้นแบบลำดับต้นๆที่ต้องดำเนินรอยตาม แต่มันไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว ซึ่งดูได้จากมิติของการหาเสียงในครั้งนี้"
รายงานของชาแนลนิวส์เอเชีย ระบุต่อไปว่าคนไทยชาตินิยมและพวกอนุรักษ์นิยมที่สนับสนุนรัฐบาลททหาร ได้กล่าวหาสหรัฐฯแทรกแซงกิจการการเมืองของไทย ซึ่งบางส่วนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหารในทำเนียบขาว
"สหรัฐฯจำเป็นต้องพูดและทำให้สอดคล้องกัน อย่างเช่นกรณีที่พวกเขาให้การสนับสนุนพวกละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไทยที่อยู่ในสหรัฐฯ หรือสนับสนุนเอ็นจีโอที่มีเป้าหมายทำลายประเทศไทยและรัฐบาล หรือกรณีที่สถานทูตของพวกเขาเคลื่อนไหวติดต่อกับคนในพื้นที่ที่นี่" นายไพศาล พืชมงคล ที่ปรึกษาของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี บอกกับชาแนลนิวส์เอเชีย
"ผมคิดว่าถ้าทรัมป์ชนะ เราคิดว่ามันจะชัดเจนกว่า ซึ่งดีกว่าในประเด็นนี้ แต่หากคลินตันชนะ สิ่งต่างๆก็ยังคงไม่ชัดเจน" นายไพศาลกล่าว
ชาแนลนิวส์เอเชีย ได้อ้างความเห็นของนายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า "คนไทยจำนวนมากอยากเห็นการเป็นอิสระจากสหรัฐฯ หรือสหรัฐฯออกไปจากภูมิภาค หยุดทำตัวเป็นตำรวจโลก"
"สหรัฐฯภายใต้ทรัมป์อาจทำแบบนั้น แต่มันจะนำมาซึ่งความไร้เสถียรภาพใหญ่หลวง และบางทีความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าและความขัดแย้ง" เขากล่าว "ภายใต้คลินตัน เราจะได้เห็นการสานต่อโอบามา ปักหมุดคืนสมดุลเอเชีย ภายใต้การยับยั้งชั่งใจมากขึ้น เธอจะต้องยับยั้งชั่งใจเพราะว่าเหล่าผู้สนับสนุนเบอร์นี แซนเดอร์ส ต้องการเห็นอเมริกาให้ความสำคัญกับตนเอง เช่นเดียวกับผู้สนับสนุนทรัมป์ ที่ต้องการเห็นอเมริกาหันมาดูแลตนเอง"
http://m.manager.co.th/Around/detail/9590000109429
((มาลาริน)) คุณเลือกทรัมป์หรือเปล่า..? สื่อนอกอ้างรบ.ไทยอยากเห็นทรัมป์เป็นปธน.สหรัฐฯไม่พอใจรบ.เดโมแครตหนุนพวกหมิ่นสถาบัน
เพราะคนไทยไม่ชอบพวกหมิ่นสถาบันที่พรรคเดโมแครตหนุนจริงๆ
แต่ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ถูกใจแบบปธน.คนก่อนๆอีกแหละ ระยะหลังๆ ปธน.ของสหรัฐ ไม่ค่อยถูกใจคนไทยนัก ด้วยเรื่องของการเมืองที่มาบีบบังคับและจ้องหาผลประโยชน์จากไทย และแสดงออกทางการเมืองโจ่งแจ้งว่าเลือกข้าง โดยเฉพาะที่ส่งฑูต มาแต่ละคน คนไทยอยากไล่กลับทั้งนั้น
แล้วคุณคิดแบบที่สื่อบอกไหมคะ......?
ตามข่าวค่ะ
ชาแนลนิวส์เอเชีย - สื่อของสิงคโปร์รายงานในวันอังคาร(1พ.ค.) อ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลไทยตั้งคำถามเกี่ยวกับประชาธิปไตยในสหรัฐฯจากการรณรงค์หาเสียงที้ก้าวร้าวและมีปัญหากว่าแต่ก่อน ขณะเดียวกันก็แสดงท่าทีสนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากรีพับลิกัน เนื่องจากไม่พอใจที่ทำเนียบขาวภายใต้การนำของเดโมแครตมักแแทรกแซงกิจการภายในของไทยและยังให้การสนับสนุนพวกหมิ่นสถาบันเบื้องสูงด้วย
ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่าสหรัฐฯเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของไทยมานานหลายทศรรษ และสถานทูตอเมริกาในกรุงเทพฯ ก็เป็นหนึ่งในสถานทูตสหรัฐฯที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามการตัดสินใจประณามเหตุรัฐประหารไทยในปี 2014 ของวอชินตัน ได้กัดเซาะความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายและผลักให้กรุงเทพฯหันหน้าเข้าหาปักกิ่งมากขึ้น ซึ่งนับตั้งแต่นั้นวคามสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆและแน่นแฟ้นที่สุดเท่าที่เคยมีมา
สื่อของสิงคโปร์แห่งนี้ระบุว่าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อมวลชนไทย และนักสังเกตการณ์ในรัฐบาลเชื่อว่าแนวทางของการหาเสียงได้ก่อคำถามเกี่ยวกับประชาธิปไตยในสหรัฐฯ
"ผมคิดว่าการหาเสียงก้าวร้าวขึ้น มีปัญหากว่าเดิมและก่อความกังวลแก่ผู้คนจำนวนมาก" ชาแนลนิวส์เอเชียอ้างความเห็นของรองศาสตราจารย์ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของรัฐบาลไทย "มันไม่ใช่ต้นแบบที่โลกสามารถดำเนินการตามอย่างได้อีกแล้ว ในอดีต ประเทศกำลังพัฒนาหรือประชาธิปไตยที่กำลังพัฒนา คิดว่าสหรัฐฯควรเป็นต้นแบบลำดับต้นๆที่ต้องดำเนินรอยตาม แต่มันไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว ซึ่งดูได้จากมิติของการหาเสียงในครั้งนี้"
รายงานของชาแนลนิวส์เอเชีย ระบุต่อไปว่าคนไทยชาตินิยมและพวกอนุรักษ์นิยมที่สนับสนุนรัฐบาลททหาร ได้กล่าวหาสหรัฐฯแทรกแซงกิจการการเมืองของไทย ซึ่งบางส่วนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหารในทำเนียบขาว
"สหรัฐฯจำเป็นต้องพูดและทำให้สอดคล้องกัน อย่างเช่นกรณีที่พวกเขาให้การสนับสนุนพวกละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไทยที่อยู่ในสหรัฐฯ หรือสนับสนุนเอ็นจีโอที่มีเป้าหมายทำลายประเทศไทยและรัฐบาล หรือกรณีที่สถานทูตของพวกเขาเคลื่อนไหวติดต่อกับคนในพื้นที่ที่นี่" นายไพศาล พืชมงคล ที่ปรึกษาของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี บอกกับชาแนลนิวส์เอเชีย
"ผมคิดว่าถ้าทรัมป์ชนะ เราคิดว่ามันจะชัดเจนกว่า ซึ่งดีกว่าในประเด็นนี้ แต่หากคลินตันชนะ สิ่งต่างๆก็ยังคงไม่ชัดเจน" นายไพศาลกล่าว
ชาแนลนิวส์เอเชีย ได้อ้างความเห็นของนายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า "คนไทยจำนวนมากอยากเห็นการเป็นอิสระจากสหรัฐฯ หรือสหรัฐฯออกไปจากภูมิภาค หยุดทำตัวเป็นตำรวจโลก"
"สหรัฐฯภายใต้ทรัมป์อาจทำแบบนั้น แต่มันจะนำมาซึ่งความไร้เสถียรภาพใหญ่หลวง และบางทีความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าและความขัดแย้ง" เขากล่าว "ภายใต้คลินตัน เราจะได้เห็นการสานต่อโอบามา ปักหมุดคืนสมดุลเอเชีย ภายใต้การยับยั้งชั่งใจมากขึ้น เธอจะต้องยับยั้งชั่งใจเพราะว่าเหล่าผู้สนับสนุนเบอร์นี แซนเดอร์ส ต้องการเห็นอเมริกาให้ความสำคัญกับตนเอง เช่นเดียวกับผู้สนับสนุนทรัมป์ ที่ต้องการเห็นอเมริกาหันมาดูแลตนเอง"
http://m.manager.co.th/Around/detail/9590000109429