ยกเท้าก้าวเดิน ใช้สองตาและใจซึมซับกับความงามของธรรมชาติ เพียงเท่านี้ คุณจะรู้ว่าความสุขอยู่ไมไกลจากตัวเรา
เนื่องด้วยผมมีอาชีพเป็นครูดำน้ำซึ่งชีวิตประจำวันผมจะใช้เวลาอยู่กับท้องทะเลภายใต้แรงดันของน้ำเป็นประจำ และนี่แหละคือจุดเริ่มต้นของทริปนี้เมื่อผมได้พบกับนักเรียนผู้เป็นแรงบรรดาลใจด้วยคำพูดลอยๆที่ว่า ครูอยู่แต่ที่ลึกทุกวันไม่อยากลองขึ้นที่สูงบ้างเหรอ?
เอาหล่ะสิ หลังจากนั้นการหาข้อมูลก็เริ่มขึ้นซึ่งสุดท้ายก็ตัดสินใจว่า Annapurna base camp นี่แหละคือจุดหมายของทริปนี้ เนื่องจากจากการค้นข้อมูลพบว่าที่นี่คือ Baby trip สำหรับมื่อใหม่หัดเทรค โดยก่อนทริปนี้จะเริ่มขึ้นต้องขอบอกเลยว่าผมผ่านประสบการณ์เดินป่ามาอย่างโชกโชนมากในชีวิต คือขึ้นภูกระดึงแค่ครั้งเดียว!!!! ย้ำอีกครั้งว่าภูกระดึงแค่ครั้งเดียวจริงๆ!! ที่เหลือคือการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมตัวโดยเฉพาะ
เอาหล่ะ ว่าแล้วก็ขอเริ่มต้นทริปโดยการติดต่อไกด์และลูกหาบโดยผมเลือกใช้บริการของทีมงาน www.trekkingforreal.com ซึ่งงานบริการของทีมนี้เรียกว่าสุดยอดประทับใจมากตั้งแต่เริ่มทริปจนกลับถึงไทยใครสนใจก็ลองติดต่อดูได้นะครับ ส่วนสายการบินก็มีหลากหลายตัวเลือกแต่ผมเลือกที่จะเดินทางกับสายการบินไทย ว่าแล้วก็ไปกันเลยพร้อมเพื่อนร่วมทริปอีก 1 คน
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าทริป 575 USD
ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ การบินไทย 16000 บาท
ค่าวีซ่า 900 บาท
ประกันภัยเดินทางต่างประเทศ 2171 บาท
ค่าใช้จ่ายที่เนปาล 8000 บาท
ตารางทริปของเรา
Day 01 Arrived to Nepal Transfer to hotel.
Day 02 Bus to Pokhara.
Day 03 Drive to Nayapul trek to Ulleri 2050m.
Day 04 Trek to Ghorepani 2875m.
Day 05 Early morning Explore Poon hill 3210m and Trek to Tadapani 2660m.
Day 06 Trek to Chomrong 2100m.
Day 07 Trek to Himalayan 2920m.
Day 08 Trek to Machapuchare base camp 3700m.
Day 09 Trek to Annapurna base camp 4130m.
Day 10 Early morning Explore Annapurna view trek to Sinuwa 2300m.
Day 11 Trek to Jhinu danda ( Hot spring)
Day 12 Trek to Nayapul drive to pokhara.overnight hotel.
Day 13 Bus to kathmandu.
Day 14 Free day at Kathmandu.
Day 15 Final Departure.
วันที่ 1 เมื่อเราเดินทางถึงเนปาลก็มีทีมงานมารอรับที่สนามบินและพาไปส่งที่พัก หลังจากเช็คอินเข้าที่พักเรียบร้อยก็รับฟังแผนเกี่ยวกับทริปพร้อมทั้งชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมด จากนั้นไกด์ก็พาเราไปเช่าและซื้ออุปกรณ์ต่างๆที่ยังขาด ซึ่งแน่นอนสิ่งที่เราเช่าก็คือถุงนอนกันหนาวซึ่งบอกเลยว่าจำเป็นอย่างมาก
ย่าน Thamel เป็นจุดเริ่มต้นของนัก trekking เลยก็ว่าได้ หากใครขาดเหลืออุปกรณ์ชิ้นใดสามารถหาซื้อหรือเช่าได้ที่ย่านนี้ (ขอบอกว่าราคาถูกมาก)
วันที่ 2 Bus from Kathmandu to Pokhara
วันนี้เราใช้เวลาทั้งวันไปกับการนั่งรถจากเมือง Kathmandu ไปยังเมือง Pokhara ถ้าอยากได้ความรู้สึกสัมผัสถึงวิถีท้องถิ่นอย่างถ่องแท้ก็นั่งรถบัส หรือถ้าหากมีกำลังจ่ายก็บินไปเถอะครับพี่น้อง
พอเราเดินทางมาถึงเมือง Phokara ไกด์ของเราก็บอกว่าขอเปลี่ยนแผนนิดหน่อยคือเราจะเริ่มเดินกันวันนี้เลย(อุ๊ต๊ะ เอาเลยเหรอเพ่) โดยมีรถมารอรับที่เมือง Phokara ไปส่งที่หมู่บ้าน Nayapul จากนั้นเราก็เริ่มเดินต่อไปยังหมู่บ้าน Birethanti
ใช้เวลาเดินไม่นานเราก็มาถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ จากนั้นก็พักผ่อนเตรียมตัวสำหรับการเดินในวันต่อไป ซึ่งแค่คืนแรกฝนก็ตกต้อนรับพวกเราทั้งคืนเลยทีเดียว เอาหล่ะสิทริปนี้จะได้เจอวิวหลักล้านรึป่าวเอ่ย
วันที่ 3 Trek from Birethanti to Ulleri 2050 m
เช้านี้ตื่นขึ้นมาพร้อมความสดชื่น ก็แน่นอนอนกาศดีซะขนาดนี้ การเดินวันนี้ช่วงเช้าเริ่มต้นการเดินแบบสบายๆเดินชมลำธารและนาข้าว ระหว่างทางเราก็จะพบชาวบ้านนำสัตว์ออกไปเลี้ยงตลอดทาง และสิ่งที่ต้องท่องไว้ในใจคือทุกครั้งที่พบฝูงสัตว์เราต้องหลบชิดฝั่งภูเขาไว้เสมอ
แต่หลังจากทานข้าวเที่ยงเสร็จ เส้นทางที่รอเราอยู่คือบันไดหินแทบจะทั้งหมด เรียกว่าทดสอบกำลังขาและกำลังใจกันไป ว่าแล้วก็ยาวไปๆ เดินๆ แล้วก็เดิน คิดบวกเข้าไว้ เดินเรื่อยๆ อย่าท้อ ฮึบๆ สุดท้ายเราก็เดินมาถึงที่หมู่บ้าน Ulleri ที่ความสูง 2050 ม.
วะ วะ ว๊าววววว น้ำตาจะไหลสิครับพี่น้อง แค่วันที่ 2 ของการเดิน เรามองวิวจากหน้าต่างห้องพักก็สามารถมองเห็นภูเขา Annapurna south และ Hiunchuli ได้แล้ว บอกตามตรงฟิน!!!
วันที่ 4 Trek from Ulleri to Ghorephani 2875 m
ช่วงแรกของการเดินก็ยังคงเป็นบันไดหินแต่ที่พิเศษคือระหว่างทางเดินช่วงแรกคือระหว่างทางมีวิวของภูเขาAnnapurna south ทักทายตลอดและที่สำคัญยอดเขา Machapuchare หรือที่เราเรียกกันว่า Fish tail ได้โผล่จากเมฆมาทักทายเราแล้ว
หลังจากที่ผ่านบันไดหิน เราก็ได้เดินเข้าสู่โซนพื้นที่ป่า รู้สึกร่มรื่นและสดชื่นขึ้นมาทันที เดินท่ามกลางความสดและความเขียวของป่าเขาสลับกับน้ำตกขนาดเล็กตลอดทาง นี่คือเสน่ห์ของการเดินในช่วงปลายฝนต้นหนาวของเนปาล อากาศจะไม่หนาวมาก เรียกว่าเดินกันชิวเลยทีเดียว
เดินสูดกลิ่นอายจากธรรมชาติ พร้อมกับทักทายนักเดินทางด้วยกัน ด้วยคำว่า นมัสเต เรื่อยๆเพื่อเพิ่มแรงใจกันไปตลอดทาง แล้วเราก็เดินทางถึงจุดหมายของเราที่หมู่บ้าน Ghorepani ที่ความสูง 2875 ม คืนนี้ต้องรีบนอนเนื่องจากเช้าตรู่วันพรุ่งนี้เราจะต้องตื่นตี 4 เพื่อขึ้นไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ Poonhil
วันที่ 5 Trek from Ghorepani to Tadapani 2660 m
เช้านี้เราออกเดินทางกันเช้าตรู่เพื่อไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ Poonhil ที่ความสูง 3210 ม ซึ่งบรรยากาศนะเหรอ ขอบอกเลยว่าคนเยอะมาก และก็ต้องผิดหวังนิดๆเพราะอากาศปิดเราจึงไม่สามารถมองเห็นวิวของเทือกเขาหิมาลัยได้ แต่ไม่เป็นไรปรับทัศนคติคิดบวกเข้าไว้ เพราะนี่คือปัจจัยด้านสภาพอากาศที่เราไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่กลับที่พักเก็บกระเป๋าและเดินต่อไปยังจุดหมายต่อไป พร้อมแล้วก็ไปต่อกันเลย…...
ระหว่างทางเราต้องเดินไต่ระดับความสูงผ่านหมู่บ้าน Deurali ที่ความสูง 3100 ม. ซึ่งด้วยความสูงขนาดนี้ทำให้เราเดินค่อนข้างเหนื่อยนิดนึง และวิววันนี้คือการเดินผ่านเขตป่าชื่นชมกับหมอกหนาและความเขียวของป่า เหนื่อยแค่ไหนก็ยังสุขใจนะครัชแหม่ะ
เดินเรื่อยๆ ดูวิวหมอกไปเรื่อยๆ สุดท้ายเราก็เดินมาถึงจุดหมายของเราในวันนี้คือหมู่บ้าน Tadapani ที่ความสูงประมาณ 2660 ม. ซึ่งที่หมู่บ้านนี้หากอากาศเปิดเราจะได้พบกับวิวของเทือกเขาหิมาลัย แต่วันนี้อากาศปิดสิ่งได้พบมีเพียงแค่หมอกฝนและความหนาวเช่นเคย
วันที่ 6 Trek from Tadapani to Chomrong 2100 m
งานเข้าสิครับวันนี้ สิ่งที่เราไม่อยากเจอก็เกิดขึ้น ก็ฝนไงหล่ะครับตกต่อเนื่องตลอดทั้งคืนจนเช้า ทำไงได้ ได้แต่ทำใจแล้วเดินต่อท่ามกลางสายฝนไปยังจุดหมายต่อไป ลักษณะการเดินวันนี้ค่อนข้างสบายมากคือเป็นทางราบลัดเลาะและเป็นทางลงซะส่วนมากไปตามป่าเขา และเช่นเคยสิ่งหลักของกิจกรรมนี้ที่ต้องทำก็คือ เดิน เดิน เดิน และเดิน
เดินลุยฝนมาครึ่งวัน พอช่วงบ่ายฝนก็หยุดตก ขอบคุณสวรรค์
สุดท้ายเราก็มาถึงจุดหมายที่หมู่บ้าน Chomrong ที่ความสูงประมาณ 2100 ม. วันนี้ก็เดินเปียกเละเทะกันทั้งวันเลยทีเดียว มาลุ้นกันต่อว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร (ใครที่จะมาช่วงปลายฝนต้นหนาวก็อย่าลืมพกเสื้อกันฝนหรือร่มมาด้วยนะจ๊ะ)
วันที่ 7 Trek from Chomrong to Himalayan 2920 m
OMG!!!!!! ตื่นเช้าขึ้นมาเอาหล่ะสิ หลังจากฟ้าปิดมา 3 วัน ติด วันนี้ฟ้าเริ่มเปิดแล้วครับทุกท่าน ภูเขา Annapurna south Hiunchuli และ Machapuchare เริมโผล่กลับมาทักทายพวกเราและเหล่านักเดินทางอีกครั้งถึงไม่ชัดมากแต่ก็ทำให้เกิดพลงเพิ่มขึ้น หิมาลัยจ๋าผมเข้าใกล้คุณมากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ ว่าแล้วก็หยิบกระเป๋าและออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นมาอีกทวีคูณ อ้าว ฮึบ ฮึบ ฮึบ
เดินชมวิวลัดเลาะหมู่บ้านผ่านทุ่งนา ชมวิวป่าเขา ลำธารกันไปเรื่อยๆละกันวันนี้ เดินด้วยพลังเต็มเปี่ยม
แต่ปัญหาวันนี้ก็เกิดครับ เนื่องจากเส้นทางนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จึงทำให้บางหมู่บ้านมีที่พักไม่เพียงพอแก่จำนวนนักท่องเที่ยวซึ่งจากแผนเดิมเราจะเดินมาค้างคืนกันที่หมู่บ้าน Dovan แต่ในเมื่อที่พักเต็มเราจึงต้องเดินต่อไปยังหมู่บ้าน Himalayah ที่ความสูง 2920 ม. ก็ตื่นเต้นกันไปสำหรับเรื่องที่พัก ข้อดีของการจ้างไกด์นำทางคือ ไกด์จะสามารถโทรจองที่พักล่วงหน้าให้เราได้ตลอดทั้งเส้นทาง ซึ่งจะง่ายขึ้นมาอีกระดับนึง
[CR] Annapurna Base Camp 4130 ม. ความสูงนี้ไม่ไกลเกินฝัน
ยกเท้าก้าวเดิน ใช้สองตาและใจซึมซับกับความงามของธรรมชาติ เพียงเท่านี้ คุณจะรู้ว่าความสุขอยู่ไมไกลจากตัวเรา
เนื่องด้วยผมมีอาชีพเป็นครูดำน้ำซึ่งชีวิตประจำวันผมจะใช้เวลาอยู่กับท้องทะเลภายใต้แรงดันของน้ำเป็นประจำ และนี่แหละคือจุดเริ่มต้นของทริปนี้เมื่อผมได้พบกับนักเรียนผู้เป็นแรงบรรดาลใจด้วยคำพูดลอยๆที่ว่า ครูอยู่แต่ที่ลึกทุกวันไม่อยากลองขึ้นที่สูงบ้างเหรอ?
เอาหล่ะสิ หลังจากนั้นการหาข้อมูลก็เริ่มขึ้นซึ่งสุดท้ายก็ตัดสินใจว่า Annapurna base camp นี่แหละคือจุดหมายของทริปนี้ เนื่องจากจากการค้นข้อมูลพบว่าที่นี่คือ Baby trip สำหรับมื่อใหม่หัดเทรค โดยก่อนทริปนี้จะเริ่มขึ้นต้องขอบอกเลยว่าผมผ่านประสบการณ์เดินป่ามาอย่างโชกโชนมากในชีวิต คือขึ้นภูกระดึงแค่ครั้งเดียว!!!! ย้ำอีกครั้งว่าภูกระดึงแค่ครั้งเดียวจริงๆ!! ที่เหลือคือการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมตัวโดยเฉพาะ
เอาหล่ะ ว่าแล้วก็ขอเริ่มต้นทริปโดยการติดต่อไกด์และลูกหาบโดยผมเลือกใช้บริการของทีมงาน www.trekkingforreal.com ซึ่งงานบริการของทีมนี้เรียกว่าสุดยอดประทับใจมากตั้งแต่เริ่มทริปจนกลับถึงไทยใครสนใจก็ลองติดต่อดูได้นะครับ ส่วนสายการบินก็มีหลากหลายตัวเลือกแต่ผมเลือกที่จะเดินทางกับสายการบินไทย ว่าแล้วก็ไปกันเลยพร้อมเพื่อนร่วมทริปอีก 1 คน
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าทริป 575 USD
ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ การบินไทย 16000 บาท
ค่าวีซ่า 900 บาท
ประกันภัยเดินทางต่างประเทศ 2171 บาท
ค่าใช้จ่ายที่เนปาล 8000 บาท
ตารางทริปของเรา
Day 01 Arrived to Nepal Transfer to hotel.
Day 02 Bus to Pokhara.
Day 03 Drive to Nayapul trek to Ulleri 2050m.
Day 04 Trek to Ghorepani 2875m.
Day 05 Early morning Explore Poon hill 3210m and Trek to Tadapani 2660m.
Day 06 Trek to Chomrong 2100m.
Day 07 Trek to Himalayan 2920m.
Day 08 Trek to Machapuchare base camp 3700m.
Day 09 Trek to Annapurna base camp 4130m.
Day 10 Early morning Explore Annapurna view trek to Sinuwa 2300m.
Day 11 Trek to Jhinu danda ( Hot spring)
Day 12 Trek to Nayapul drive to pokhara.overnight hotel.
Day 13 Bus to kathmandu.
Day 14 Free day at Kathmandu.
Day 15 Final Departure.
วันที่ 1 เมื่อเราเดินทางถึงเนปาลก็มีทีมงานมารอรับที่สนามบินและพาไปส่งที่พัก หลังจากเช็คอินเข้าที่พักเรียบร้อยก็รับฟังแผนเกี่ยวกับทริปพร้อมทั้งชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมด จากนั้นไกด์ก็พาเราไปเช่าและซื้ออุปกรณ์ต่างๆที่ยังขาด ซึ่งแน่นอนสิ่งที่เราเช่าก็คือถุงนอนกันหนาวซึ่งบอกเลยว่าจำเป็นอย่างมาก
ย่าน Thamel เป็นจุดเริ่มต้นของนัก trekking เลยก็ว่าได้ หากใครขาดเหลืออุปกรณ์ชิ้นใดสามารถหาซื้อหรือเช่าได้ที่ย่านนี้ (ขอบอกว่าราคาถูกมาก)
วันที่ 2 Bus from Kathmandu to Pokhara
วันนี้เราใช้เวลาทั้งวันไปกับการนั่งรถจากเมือง Kathmandu ไปยังเมือง Pokhara ถ้าอยากได้ความรู้สึกสัมผัสถึงวิถีท้องถิ่นอย่างถ่องแท้ก็นั่งรถบัส หรือถ้าหากมีกำลังจ่ายก็บินไปเถอะครับพี่น้อง
พอเราเดินทางมาถึงเมือง Phokara ไกด์ของเราก็บอกว่าขอเปลี่ยนแผนนิดหน่อยคือเราจะเริ่มเดินกันวันนี้เลย(อุ๊ต๊ะ เอาเลยเหรอเพ่) โดยมีรถมารอรับที่เมือง Phokara ไปส่งที่หมู่บ้าน Nayapul จากนั้นเราก็เริ่มเดินต่อไปยังหมู่บ้าน Birethanti
ใช้เวลาเดินไม่นานเราก็มาถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ จากนั้นก็พักผ่อนเตรียมตัวสำหรับการเดินในวันต่อไป ซึ่งแค่คืนแรกฝนก็ตกต้อนรับพวกเราทั้งคืนเลยทีเดียว เอาหล่ะสิทริปนี้จะได้เจอวิวหลักล้านรึป่าวเอ่ย
วันที่ 3 Trek from Birethanti to Ulleri 2050 m
เช้านี้ตื่นขึ้นมาพร้อมความสดชื่น ก็แน่นอนอนกาศดีซะขนาดนี้ การเดินวันนี้ช่วงเช้าเริ่มต้นการเดินแบบสบายๆเดินชมลำธารและนาข้าว ระหว่างทางเราก็จะพบชาวบ้านนำสัตว์ออกไปเลี้ยงตลอดทาง และสิ่งที่ต้องท่องไว้ในใจคือทุกครั้งที่พบฝูงสัตว์เราต้องหลบชิดฝั่งภูเขาไว้เสมอ
แต่หลังจากทานข้าวเที่ยงเสร็จ เส้นทางที่รอเราอยู่คือบันไดหินแทบจะทั้งหมด เรียกว่าทดสอบกำลังขาและกำลังใจกันไป ว่าแล้วก็ยาวไปๆ เดินๆ แล้วก็เดิน คิดบวกเข้าไว้ เดินเรื่อยๆ อย่าท้อ ฮึบๆ สุดท้ายเราก็เดินมาถึงที่หมู่บ้าน Ulleri ที่ความสูง 2050 ม.
วะ วะ ว๊าววววว น้ำตาจะไหลสิครับพี่น้อง แค่วันที่ 2 ของการเดิน เรามองวิวจากหน้าต่างห้องพักก็สามารถมองเห็นภูเขา Annapurna south และ Hiunchuli ได้แล้ว บอกตามตรงฟิน!!!
วันที่ 4 Trek from Ulleri to Ghorephani 2875 m
ช่วงแรกของการเดินก็ยังคงเป็นบันไดหินแต่ที่พิเศษคือระหว่างทางเดินช่วงแรกคือระหว่างทางมีวิวของภูเขาAnnapurna south ทักทายตลอดและที่สำคัญยอดเขา Machapuchare หรือที่เราเรียกกันว่า Fish tail ได้โผล่จากเมฆมาทักทายเราแล้ว
หลังจากที่ผ่านบันไดหิน เราก็ได้เดินเข้าสู่โซนพื้นที่ป่า รู้สึกร่มรื่นและสดชื่นขึ้นมาทันที เดินท่ามกลางความสดและความเขียวของป่าเขาสลับกับน้ำตกขนาดเล็กตลอดทาง นี่คือเสน่ห์ของการเดินในช่วงปลายฝนต้นหนาวของเนปาล อากาศจะไม่หนาวมาก เรียกว่าเดินกันชิวเลยทีเดียว
เดินสูดกลิ่นอายจากธรรมชาติ พร้อมกับทักทายนักเดินทางด้วยกัน ด้วยคำว่า นมัสเต เรื่อยๆเพื่อเพิ่มแรงใจกันไปตลอดทาง แล้วเราก็เดินทางถึงจุดหมายของเราที่หมู่บ้าน Ghorepani ที่ความสูง 2875 ม คืนนี้ต้องรีบนอนเนื่องจากเช้าตรู่วันพรุ่งนี้เราจะต้องตื่นตี 4 เพื่อขึ้นไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ Poonhil
วันที่ 5 Trek from Ghorepani to Tadapani 2660 m
เช้านี้เราออกเดินทางกันเช้าตรู่เพื่อไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ Poonhil ที่ความสูง 3210 ม ซึ่งบรรยากาศนะเหรอ ขอบอกเลยว่าคนเยอะมาก และก็ต้องผิดหวังนิดๆเพราะอากาศปิดเราจึงไม่สามารถมองเห็นวิวของเทือกเขาหิมาลัยได้ แต่ไม่เป็นไรปรับทัศนคติคิดบวกเข้าไว้ เพราะนี่คือปัจจัยด้านสภาพอากาศที่เราไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่กลับที่พักเก็บกระเป๋าและเดินต่อไปยังจุดหมายต่อไป พร้อมแล้วก็ไปต่อกันเลย…...
ระหว่างทางเราต้องเดินไต่ระดับความสูงผ่านหมู่บ้าน Deurali ที่ความสูง 3100 ม. ซึ่งด้วยความสูงขนาดนี้ทำให้เราเดินค่อนข้างเหนื่อยนิดนึง และวิววันนี้คือการเดินผ่านเขตป่าชื่นชมกับหมอกหนาและความเขียวของป่า เหนื่อยแค่ไหนก็ยังสุขใจนะครัชแหม่ะ
เดินเรื่อยๆ ดูวิวหมอกไปเรื่อยๆ สุดท้ายเราก็เดินมาถึงจุดหมายของเราในวันนี้คือหมู่บ้าน Tadapani ที่ความสูงประมาณ 2660 ม. ซึ่งที่หมู่บ้านนี้หากอากาศเปิดเราจะได้พบกับวิวของเทือกเขาหิมาลัย แต่วันนี้อากาศปิดสิ่งได้พบมีเพียงแค่หมอกฝนและความหนาวเช่นเคย
วันที่ 6 Trek from Tadapani to Chomrong 2100 m
งานเข้าสิครับวันนี้ สิ่งที่เราไม่อยากเจอก็เกิดขึ้น ก็ฝนไงหล่ะครับตกต่อเนื่องตลอดทั้งคืนจนเช้า ทำไงได้ ได้แต่ทำใจแล้วเดินต่อท่ามกลางสายฝนไปยังจุดหมายต่อไป ลักษณะการเดินวันนี้ค่อนข้างสบายมากคือเป็นทางราบลัดเลาะและเป็นทางลงซะส่วนมากไปตามป่าเขา และเช่นเคยสิ่งหลักของกิจกรรมนี้ที่ต้องทำก็คือ เดิน เดิน เดิน และเดิน
เดินลุยฝนมาครึ่งวัน พอช่วงบ่ายฝนก็หยุดตก ขอบคุณสวรรค์
สุดท้ายเราก็มาถึงจุดหมายที่หมู่บ้าน Chomrong ที่ความสูงประมาณ 2100 ม. วันนี้ก็เดินเปียกเละเทะกันทั้งวันเลยทีเดียว มาลุ้นกันต่อว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร (ใครที่จะมาช่วงปลายฝนต้นหนาวก็อย่าลืมพกเสื้อกันฝนหรือร่มมาด้วยนะจ๊ะ)
วันที่ 7 Trek from Chomrong to Himalayan 2920 m
OMG!!!!!! ตื่นเช้าขึ้นมาเอาหล่ะสิ หลังจากฟ้าปิดมา 3 วัน ติด วันนี้ฟ้าเริ่มเปิดแล้วครับทุกท่าน ภูเขา Annapurna south Hiunchuli และ Machapuchare เริมโผล่กลับมาทักทายพวกเราและเหล่านักเดินทางอีกครั้งถึงไม่ชัดมากแต่ก็ทำให้เกิดพลงเพิ่มขึ้น หิมาลัยจ๋าผมเข้าใกล้คุณมากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ ว่าแล้วก็หยิบกระเป๋าและออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นมาอีกทวีคูณ อ้าว ฮึบ ฮึบ ฮึบ
เดินชมวิวลัดเลาะหมู่บ้านผ่านทุ่งนา ชมวิวป่าเขา ลำธารกันไปเรื่อยๆละกันวันนี้ เดินด้วยพลังเต็มเปี่ยม
แต่ปัญหาวันนี้ก็เกิดครับ เนื่องจากเส้นทางนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จึงทำให้บางหมู่บ้านมีที่พักไม่เพียงพอแก่จำนวนนักท่องเที่ยวซึ่งจากแผนเดิมเราจะเดินมาค้างคืนกันที่หมู่บ้าน Dovan แต่ในเมื่อที่พักเต็มเราจึงต้องเดินต่อไปยังหมู่บ้าน Himalayah ที่ความสูง 2920 ม. ก็ตื่นเต้นกันไปสำหรับเรื่องที่พัก ข้อดีของการจ้างไกด์นำทางคือ ไกด์จะสามารถโทรจองที่พักล่วงหน้าให้เราได้ตลอดทั้งเส้นทาง ซึ่งจะง่ายขึ้นมาอีกระดับนึง