เรื่องสั้นเรื่องนี้แต่งไว้ตั้งแต่วันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาค่ะ เพิ่งได้เอามาลง อยากให้ลองอ่านกันดูนะคะ
ฝากช่องทางติดตามทางอื่นไว้ด้วยนะคะ :
https://my.dek-d.com/bavaree
ขอบคุณมากๆค่ะ
ปล.ขอลบกระทู้เดิมแล้วมาตั้งใหม่นะคะ เพราะกระทู้เดิมตั้งผิดเป็นกระทู้รีวิวค่ะ
........................
........................
........................
“แฮปปี้วาเลนไทน์ค่ะหมอ”
เสียงใสของพี่นิ่ม..พี่พยาบาลรุ่นเก๋าหุ่นอวบอั๋นทักขึ้นอย่างแจ่มใสเมื่อผมก้าวเท้าเข้าไปในหอผู้ป่วย
“แฮปปี้วาเลนไทน์คร้าบบบพี่”
ผมทักกลับไปด้วยความสดชื่นพอกัน
“วันนี้มีนัดไหมคะ นัดกับใครเอ่ย” พี่พยาบาลสุดสวยยังหยอกไม่หยุด พร้อมทำหน้าตาอยากรู้อยากเห็นสุดฤทธิ์
“พี่ว่างไหมละครับ” ผมตอบกลับไปพร้อมสายตาหวานเยิ้มที่สุดเท่าที่จะทำได้
“แหนะ..อย่ามาหลอกคนแก่ พี่มีนัดแล้วจ้ะ เสียใจด้วยนะหมอ ถ้าจะนัดพี่วันวาเลนไทน์ต้องจองคิวล่วงหน้าเป็นปีจ้ะ”
ผมหัวเราะเสียงดัง
14 กุมภาพันธ์ … วันวาเลนไทน์ … เริ่มต้นด้วยความสดใสซาบซ่าจริงๆ
วันวาเลนไทน์…วันที่อาจจะสำคัญต่อใครหลายๆคน หลายๆคู่…แต่สำหรับผม มันก็คือวันๆหนึ่งที่ผมยังคงต้องมาราวด์คนไข้แต่เช้าก่อนรีบไปออกตรวจผู้ป่วยที่ตึกผู้ป่วยนอก และรีบกลับมาราวด์เย็นเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือวันนี้โซโล่เวรยาวไปจนถึงพรุ่งนี้เช้า ก่อนเข้าวงจรชีวิตนรกอีกครั้ง และหลุดพ้นเข้าสู่นิพพาน … คือหลับเป็นตาย…ในเย็นวันรุ่งขึ้น
นี่ล่ะครับ … ชีวิตแพทย์อย่างพวกเรา
ทำไมวันนี้ผมต้องอยู่เวรหรอครับ
คำตอบง่ายนิดเดียวครับ…เพราะผม ‘โสด’ ไงครับ!!
‘โสด’ …. เป็นคำสั้นๆที่ทรงพลังทำให้ทุกคนลงความเห็นก่อนจัดเวรเดือนกุมภาพันธ์ว่าผมเท่านั้นต้องอยู่เวรวันวาเลนไทน์!
“เรามีนัดกับพี่บ๊อบล่ะ” แก้วตาสาวหน้าหวานพูดอ่อยๆ แต่เต็มไปด้วยความไม่อยากอยู่เวรวันแห่งความรัก
“ไม่ต้องพูดไรมากมั้ง … เหมาะสุดแล้ว..โสด..เดี๋ยวกูมีปัญหากับน้องตาล” ป๊อป..เพื่อนยากพูดตัดรอนอย่างไม่ไยดี พร้อมเน้นเสียงที่คำว่า ‘โสด’ อย่างน่าหมั่นไส้ที่สุด
ตอนนี้เหลือผม…ธีร์…และหวาน ผมเหลือบไปมองสองคนที่เหลือนั่งจับมือกันแน่นแล้วได้แต่ถอนใจ
เชรี่ย!...คนโสดก็มีหัวใจนะเว้ย! …
ผมล่ะอยากตะโกนประโยคนี้ไปให้ลั่นห้องพักแพทย์จริงๆ มันน่าน้อยใจในวาสนาอันน้อยนิดของผมยิ่งนัก
ผมเริ่มราวด์คนไข้บนวอร์ดหรือหอผู้ป่วยแต่เช้าตรู่เหมือนเดิม ดูว่าวันนี้คนไข้ผมจะน่ารักทุกคน…คืออาการคงที่และดีขึ้นกันทั้งนั้น ช่างน่ารักจริงๆ ผมให้แวนซ์บอยและสก๊อยเกิร์ลกลับบ้าน 3 คน … แหม่ๆ แต่ละคนหน้าตาระรื่นผิดกับตอนมานอนโรงพยาบาลเลยนะเนี่ย สก๊อยเกิร์ลเตียง 5 ประคองแวนซ์บอยเตียง 6 หน้าตายังบวมเยินทั้งคู่ แขนขามีรอยถลอกประปราย แต่ตาเป็นประกาย..สุขสันต์วันวาเลนไทน์กลับบ้านพร้อมกัน ฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งน่าเอ็นดู๊…น่าเอ็นดู ไอคนโสดอย่างผมเห็นแล้วอดอมยิ้มหัวใจคันยิบๆไม่ได้
ก่อนออกไปผมหันไปเห็น ‘สา’ สาวตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มอายุประมาณยี่สิบกว่าๆเดินถือดอกกุหลาบเข้ามาในหอผู้ป่วย
‘สา’ … เป็นเมียของ
‘ อ๊อด’ ซึ่งนอนอยู่ในห้องพิเศษที่มีแค่สองห้องของหอผู้ป่วยที่ผมต้องราวด์เดือนนี้
อ๊อด…เข้าโรงพยาบาลด้วยเรื่องกระดูกต้นคอหักเนื่องจากกระโดดลงมาจากตึกสูง 3 ชั้นหลังจากวิ่งหนีตำรวจจับยาบ้า!...ฟังประวัติแล้วดูโชกโชนไหมครับ… ส่งผลให้แขนขาอ่อนแรงทั้งสี่รยางค์ ขยับได้แค่ศีรษะ รู้ตัวดีแต่ขยับแขนขาไม่ได้ ทุกวันนี้หายใจเองได้หลังเจาะคอ ไม่ต้องใช้ออกซิเจน ทานอาหารเองได้ พูดคุยได้ อ๊อดนอนที่หอผู้ป่วยเรามายาวนานนับเดือนจนกว่าอาการจะดีคงที่ในขนาดนี้ ในช่วงแรกสาก็มาดูแลอาบน้ำ เช็ดตัว เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้ตลอด ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป สาเองก็ต้องกลับไปทำงานเพื่อหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ สาทำงานเป็นแม่บ้านโรงแรมในช่วงกลางวัน และจะมาดูแลอ๊อดในช่วงเย็นและกลางคืน ช่วงหลังๆ สาเริ่มหายหน้าไปมากขึ้น…ผมเพิ่งมารู้เมื่อไม่กี่วันนี้เองจากพี่พยาบาลสุดสวยประจำหอผู้ป่วยของผมว่าสาต้องไปทำงานเพิ่มเพื่อหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว และเป็นค่าเล่าเรียนของลูกสาว ครับ..ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกัน 1 คนน่ารักน่าชังวัยสามขวบซึ่งจะต้องเข้าโรงเรียนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้เอง
ไม่รู้ใครน่าสงสารกว่ากัน! แต่ตราบใดที่ชีวิตยังมี ก็ต้องดิ้นกันไป
ผมมองดอกกุหลาบสีแดงสดในมือสาก่อนส่งยิ้มให้สาบางๆ
บางครั้ง…
‘ความรัก’ …ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราเดินต่อไปได้
ช่วงกลางวันผมสิงสถิตอยู่ที่ตึกผู้ป่วยนอก แม้คนไข้ยังเยอะตามสไตล์โรงพยาบาลรัฐบาล และได้กินข้าวเที่ยงตอนบ่ายโมงกว่าตามเคย แต่แค่เห็นคุณตาเดินจูงมือคุณยายมานั่งรอตรวจด้านหน้าด้วยกัน…หัวใจก็
‘อุ่น’ ขึ้นมาทันที
หลังจากตรวจคนไข้ที่ตึกผู้ป่วยนอกเสร็จ ผมก็กลับขึ้นมาบนหอผู้ป่วยในอีกครั้งเพื่อเคลียร์งานที่ค้างไว้ทั้งหลาย และราวด์ผู้ป่วยรอบเย็นก่อนเริ่มต้นเข้าสู่การอยู่เวรหลังสี่โมงครึ่งในวันแห่งความรักวันนี้
สิ่งที่ผมคาดหวัง….เวรนอน! สบายๆ นอนเล่นเกมส์มือถือเก็บผัก จับโปเกมอนได้สบายใจ ค่ำๆดูหนังรักประชดชีวิตสักเรื่องก่อนสวดมนต์และเข้านอนก่อนเที่ยงคืน พร้อมตื่นขึ้นมาในอรุณรุ่งของพรุ่งนี้ด้วยความสดชื่น
ไม่รู้มีใครเคยบอกไว้ …
ชีวิตจริงมักไม่เป็นอย่างในฝัน
ก้าวเท้าเข้าหอผู้ป่วยปุ๊ป… ผมก็เห็นความโกลาหลวุ่นวายของทั้งวอร์ด…แมร่งงงงง!!!
“หมอมาแล้ว ไม่ต้องโทรแล้วพี่นิ่ม”
เสียงน้องพยาบาลน้องใหม่ตะโกนบอกพี่นิ่มที่กำลังหยิบโทรศัพท์ไร้สายของหอผู้ป่วยเพื่อโทรตามผม
ผมรีบวิ่งเข้าไปห้องพิเศษที่กลุ่มคุณพยาบาลชุดขาวกำลังชุลมุนกัน
“คนไข้ arrest หมอ!!!!”
Happy Valentine's day ... สุขสันต์วันแห่งความรัก
ฝากช่องทางติดตามทางอื่นไว้ด้วยนะคะ : https://my.dek-d.com/bavaree
ขอบคุณมากๆค่ะ
ปล.ขอลบกระทู้เดิมแล้วมาตั้งใหม่นะคะ เพราะกระทู้เดิมตั้งผิดเป็นกระทู้รีวิวค่ะ
........................
........................
........................
“แฮปปี้วาเลนไทน์ค่ะหมอ”
เสียงใสของพี่นิ่ม..พี่พยาบาลรุ่นเก๋าหุ่นอวบอั๋นทักขึ้นอย่างแจ่มใสเมื่อผมก้าวเท้าเข้าไปในหอผู้ป่วย
“แฮปปี้วาเลนไทน์คร้าบบบพี่”
ผมทักกลับไปด้วยความสดชื่นพอกัน
“วันนี้มีนัดไหมคะ นัดกับใครเอ่ย” พี่พยาบาลสุดสวยยังหยอกไม่หยุด พร้อมทำหน้าตาอยากรู้อยากเห็นสุดฤทธิ์
“พี่ว่างไหมละครับ” ผมตอบกลับไปพร้อมสายตาหวานเยิ้มที่สุดเท่าที่จะทำได้
“แหนะ..อย่ามาหลอกคนแก่ พี่มีนัดแล้วจ้ะ เสียใจด้วยนะหมอ ถ้าจะนัดพี่วันวาเลนไทน์ต้องจองคิวล่วงหน้าเป็นปีจ้ะ”
ผมหัวเราะเสียงดัง
14 กุมภาพันธ์ … วันวาเลนไทน์ … เริ่มต้นด้วยความสดใสซาบซ่าจริงๆ
วันวาเลนไทน์…วันที่อาจจะสำคัญต่อใครหลายๆคน หลายๆคู่…แต่สำหรับผม มันก็คือวันๆหนึ่งที่ผมยังคงต้องมาราวด์คนไข้แต่เช้าก่อนรีบไปออกตรวจผู้ป่วยที่ตึกผู้ป่วยนอก และรีบกลับมาราวด์เย็นเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือวันนี้โซโล่เวรยาวไปจนถึงพรุ่งนี้เช้า ก่อนเข้าวงจรชีวิตนรกอีกครั้ง และหลุดพ้นเข้าสู่นิพพาน … คือหลับเป็นตาย…ในเย็นวันรุ่งขึ้น
นี่ล่ะครับ … ชีวิตแพทย์อย่างพวกเรา
ทำไมวันนี้ผมต้องอยู่เวรหรอครับ
คำตอบง่ายนิดเดียวครับ…เพราะผม ‘โสด’ ไงครับ!!
‘โสด’ …. เป็นคำสั้นๆที่ทรงพลังทำให้ทุกคนลงความเห็นก่อนจัดเวรเดือนกุมภาพันธ์ว่าผมเท่านั้นต้องอยู่เวรวันวาเลนไทน์!
“เรามีนัดกับพี่บ๊อบล่ะ” แก้วตาสาวหน้าหวานพูดอ่อยๆ แต่เต็มไปด้วยความไม่อยากอยู่เวรวันแห่งความรัก
“ไม่ต้องพูดไรมากมั้ง … เหมาะสุดแล้ว..โสด..เดี๋ยวกูมีปัญหากับน้องตาล” ป๊อป..เพื่อนยากพูดตัดรอนอย่างไม่ไยดี พร้อมเน้นเสียงที่คำว่า ‘โสด’ อย่างน่าหมั่นไส้ที่สุด
ตอนนี้เหลือผม…ธีร์…และหวาน ผมเหลือบไปมองสองคนที่เหลือนั่งจับมือกันแน่นแล้วได้แต่ถอนใจ
เชรี่ย!...คนโสดก็มีหัวใจนะเว้ย! …
ผมล่ะอยากตะโกนประโยคนี้ไปให้ลั่นห้องพักแพทย์จริงๆ มันน่าน้อยใจในวาสนาอันน้อยนิดของผมยิ่งนัก
ผมเริ่มราวด์คนไข้บนวอร์ดหรือหอผู้ป่วยแต่เช้าตรู่เหมือนเดิม ดูว่าวันนี้คนไข้ผมจะน่ารักทุกคน…คืออาการคงที่และดีขึ้นกันทั้งนั้น ช่างน่ารักจริงๆ ผมให้แวนซ์บอยและสก๊อยเกิร์ลกลับบ้าน 3 คน … แหม่ๆ แต่ละคนหน้าตาระรื่นผิดกับตอนมานอนโรงพยาบาลเลยนะเนี่ย สก๊อยเกิร์ลเตียง 5 ประคองแวนซ์บอยเตียง 6 หน้าตายังบวมเยินทั้งคู่ แขนขามีรอยถลอกประปราย แต่ตาเป็นประกาย..สุขสันต์วันวาเลนไทน์กลับบ้านพร้อมกัน ฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งน่าเอ็นดู๊…น่าเอ็นดู ไอคนโสดอย่างผมเห็นแล้วอดอมยิ้มหัวใจคันยิบๆไม่ได้
ก่อนออกไปผมหันไปเห็น ‘สา’ สาวตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มอายุประมาณยี่สิบกว่าๆเดินถือดอกกุหลาบเข้ามาในหอผู้ป่วย
‘สา’ … เป็นเมียของ ‘ อ๊อด’ ซึ่งนอนอยู่ในห้องพิเศษที่มีแค่สองห้องของหอผู้ป่วยที่ผมต้องราวด์เดือนนี้
อ๊อด…เข้าโรงพยาบาลด้วยเรื่องกระดูกต้นคอหักเนื่องจากกระโดดลงมาจากตึกสูง 3 ชั้นหลังจากวิ่งหนีตำรวจจับยาบ้า!...ฟังประวัติแล้วดูโชกโชนไหมครับ… ส่งผลให้แขนขาอ่อนแรงทั้งสี่รยางค์ ขยับได้แค่ศีรษะ รู้ตัวดีแต่ขยับแขนขาไม่ได้ ทุกวันนี้หายใจเองได้หลังเจาะคอ ไม่ต้องใช้ออกซิเจน ทานอาหารเองได้ พูดคุยได้ อ๊อดนอนที่หอผู้ป่วยเรามายาวนานนับเดือนจนกว่าอาการจะดีคงที่ในขนาดนี้ ในช่วงแรกสาก็มาดูแลอาบน้ำ เช็ดตัว เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้ตลอด ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป สาเองก็ต้องกลับไปทำงานเพื่อหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ สาทำงานเป็นแม่บ้านโรงแรมในช่วงกลางวัน และจะมาดูแลอ๊อดในช่วงเย็นและกลางคืน ช่วงหลังๆ สาเริ่มหายหน้าไปมากขึ้น…ผมเพิ่งมารู้เมื่อไม่กี่วันนี้เองจากพี่พยาบาลสุดสวยประจำหอผู้ป่วยของผมว่าสาต้องไปทำงานเพิ่มเพื่อหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว และเป็นค่าเล่าเรียนของลูกสาว ครับ..ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกัน 1 คนน่ารักน่าชังวัยสามขวบซึ่งจะต้องเข้าโรงเรียนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้เอง
ไม่รู้ใครน่าสงสารกว่ากัน! แต่ตราบใดที่ชีวิตยังมี ก็ต้องดิ้นกันไป
ผมมองดอกกุหลาบสีแดงสดในมือสาก่อนส่งยิ้มให้สาบางๆ
บางครั้ง…‘ความรัก’ …ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราเดินต่อไปได้
ช่วงกลางวันผมสิงสถิตอยู่ที่ตึกผู้ป่วยนอก แม้คนไข้ยังเยอะตามสไตล์โรงพยาบาลรัฐบาล และได้กินข้าวเที่ยงตอนบ่ายโมงกว่าตามเคย แต่แค่เห็นคุณตาเดินจูงมือคุณยายมานั่งรอตรวจด้านหน้าด้วยกัน…หัวใจก็ ‘อุ่น’ ขึ้นมาทันที
หลังจากตรวจคนไข้ที่ตึกผู้ป่วยนอกเสร็จ ผมก็กลับขึ้นมาบนหอผู้ป่วยในอีกครั้งเพื่อเคลียร์งานที่ค้างไว้ทั้งหลาย และราวด์ผู้ป่วยรอบเย็นก่อนเริ่มต้นเข้าสู่การอยู่เวรหลังสี่โมงครึ่งในวันแห่งความรักวันนี้
สิ่งที่ผมคาดหวัง….เวรนอน! สบายๆ นอนเล่นเกมส์มือถือเก็บผัก จับโปเกมอนได้สบายใจ ค่ำๆดูหนังรักประชดชีวิตสักเรื่องก่อนสวดมนต์และเข้านอนก่อนเที่ยงคืน พร้อมตื่นขึ้นมาในอรุณรุ่งของพรุ่งนี้ด้วยความสดชื่น
ไม่รู้มีใครเคยบอกไว้ … ชีวิตจริงมักไม่เป็นอย่างในฝัน
ก้าวเท้าเข้าหอผู้ป่วยปุ๊ป… ผมก็เห็นความโกลาหลวุ่นวายของทั้งวอร์ด…แมร่งงงงง!!!
“หมอมาแล้ว ไม่ต้องโทรแล้วพี่นิ่ม”
เสียงน้องพยาบาลน้องใหม่ตะโกนบอกพี่นิ่มที่กำลังหยิบโทรศัพท์ไร้สายของหอผู้ป่วยเพื่อโทรตามผม
ผมรีบวิ่งเข้าไปห้องพิเศษที่กลุ่มคุณพยาบาลชุดขาวกำลังชุลมุนกัน
“คนไข้ arrest หมอ!!!!”