ก่อนอื่นต้องกล่าวคำว่าสวัสดีค่ะ เราเด็ก work work work work work 2016 #ขุ่นแม่ริฮันน่าก็มา
เราจะมาเล่าประสบการณ์ work and travel 2016 ที่ผ่านมาในเมืองเดลาแวร์ เพราะก่อนไปเราหากระทู้รีวิวเมืองนี้ยากมาก
หลังจากที่ซุ่มอ่านประสบการณ์เวิคในพันทิปมาแล้วนับไม่ถ้วน ไม่ต่ำกว่าสิบกระทู้แน่นอน
เราหาข้อมูลเกี่ยวกับการไปเวิคครั้งนี้เยอะมากกกกกกกกกกกก เพราะเราเก็บตังและออกค่าใช้จ่ายเอง
ทำงานเก็บเงินไปเอง เพราะฉะนั้นทุกขั้นตอนเราพิถีพิถันในการเลือกมาก
ทุกอย่างทำคนเดียวหมด เริ่มตั้งแต่ตะเวนไปคุยกับเอเจ้นซี่ ทำลิสรายชื่ออกมาเป็นตาราง excel เปรียบเทียบราคา
รวมไปถึงการหาตั๋วเครื่องบิน ก็ทำเป็นตาราง list ออกมาในสายการบินที่สนใจ
เราจะข้ามขั้นตอนพวกนี้ไปนะคะ ถ้าสนใจมีคนเขียนรีวิวไว้เยอะแยะมาก หรือถามเราหลังไมค์มาก็ได้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/groups/1935929569973210/
สำหรับคนที่มีคำถามเราจะบอกว่าเรายินดีตอบมากๆ เพราะเราเข้าใจตอนเราจะไปเราทักไปถามคนที่เคยไปหลายคนมากๆ ๆๆ
วันนี้เรามีประสบการณ์แล้วเราก็จะมาเล่าสู่กันฟัง
อะเริ่มได้และ เกริ่นซะ
เราไปกับ iFour work and travel ฝั่งสปอนเซอร์จากอเมริกาคือ interexchange
ซึ่งสนง.ใหญ่ตั้งอยู่ใน nyc เราชอบตรงที่ interexchange ขอบมีกิจกรรมให้ทำนู่นนี่นั่น แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมสักที
ก่อนอื่นก็จะมีการสัมภาษณ์ภาษาอังกษกับพี่ที่ไอโฟ แล้วก็เข้าระบบ ทำ resume อัดวีดีโอ
เราเลือกงาน/งานเลือกเรา มันจะเป็นระบบที่ให้เราเข้าไปเลือกว่าอยากทำงานรัฐไหน แนวไหน มีเยอะมากๆ
ในขณะเดียวกันนายจ้างก็จะเข้ามาเลือกเราได้เช่นกัน
ส่วนเราได้งานที่คิดว่ามันแปลกมากๆไม่เหมือนใคร คืองาน เพ้นเฮนน่า!! ที่รัฐ Delaware เราไปคนเดียว แต่มีเพื่อนเอเจ้นซี่เดียวกันไปอีก 2 คน
EP1. –อย่าซื้อซิมในสนามบิน-
ง่าว เป็นคำนาม แปลว่าโง่
เริ่มกันด้วยบทเรียนที่ไม่มีวันลืม
เราไปเวิคที่รัฐ Delaware อั่นแหนะ ไม่รู้อะดิรัฐอะไรว่ะ เราไปที่เมือง Rehoboth beach
ซึ่งเป็นบีชที่ popular มากช่วงซัมเมอร์ แล้วก็Tax free มี outlet เยอะมาก ช้อปมันส์มาก
ซึ่งสนามบินที่ใกล้คือฟิลาดิเฟีย แต่เราไปลงที่ JFK เพราะอยากเที่ยวนิวยอร์คก่อนไปทำงาน
เลยทำการจองที่พักผ่าน Air bnb เสร็จสรรพตัดบัตรเรียบร้อย
เราออกเดินทางโดยสายการบิน Korean Air วันที่ 20 May 00:10 stop ที่อินชอน 2 ชั่วโมงครึ่ง
โดยเราคิดว่าเออเดินทาง ประมาณ 22 ชม ก็จะถึงนิวยอร์ค 21 May 11:20
ก็ทำการจองที่พักโดยไม่ได้เช็คตั๋วเครื่องบินอีกครั้ง จองที่พักแบบนาทีสุดท้ายไปวันที่ 21 May
ตัดภาพมาขณะรอเปลี่ยนเครื่องที่อินชอน มีผู้โดยสารไทยสองคนคุยกัน
A: เนี่ย เดี๊ยวพอเราไปถึงนิวยอร์คนะ เราก็จะไปถึงเวลาประมาณนี้เลย (เวลาที่อินชอนประมานสิบโมงเช้าของวันที่ 20 May)
B: เออ เวลาที่นู่นมันช้ากว่าเรา!@##$*%()(%(@^*(0
หลังจากประโยคคำว่าช้ากว่าเรา ตอนนั้นหูได้ดับ หัวได้ชา ขาไม่รู้สึกไปแล้ว Shipหายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ตอนนั้นอีกสิบนาที Boarding ขึ้นเครื่อง อีนี่ตั้งสติอยู่ประมาณสองนาที ทบทวนทุกสิ่ง ทบทวนทุกอย่าง……
คว้ากระเป๋าเป้สีดำล้วงหยิบแฟ้มเอกสารมาเปิดอ่านเพื่อความชัวร์
ในใจตอนนั้นยังแอบคิดว่าอีสองคนนั้นมันมั่วอยู่ ผ่าง!!!!!!! กางกระดาษออกมา “Arrival 20 MAY 11:20” ค่ะลูก
ดู๊วววววววววว สรุปเราเองนี่แหละจ่ะที่มั่ว
ซูมภาพมาที่ลูกกะตาเบิกผ่าง! คว้าโทรศัพท์มาเชื่อมต่อไวไฟฟรีของสนามบินให้ไวที่สุด
เพราะตอนนี้ทุกคนเริ่มต่อแถว boarding กันแล้ว เราเลยทำการหาที่พักให้ไวที่สุด สรุปหาไม่ได้!!!
ตอนนั้นรนมาก ทำไรไม่ได้ ไลน์ไปบอกเพื่อนที่ไปถึงก่อนแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เราจำวันไปถึงผิด เราเลยตัดสินใจทำการยกเลิกการจองของ air bnb โชคดีมากที่รีฟันเงินได้
จากนั้นเราก็เลยทำการจอง Airport pickup ของบริษัท E-point ซึ่งตอนที่เราทำเวลาในอเมริกาคือเวลาประมานสองทุ่ม
เราจองผ่านออนไลน์ จึงไม่มีการตอบกลับมาว่าเราจองได้หรือไม่ได้ทันที ต้องรอ แต่เราไม่มีเวลารอแล้ว
เราต้องขึ้นเครื่องแล้วววววว ทุกขั้นตอนที่เราทำ เราทำในขณะที่รอ Boarding ขึ้นเครื่อง มีเวลาไม่มาก กดดันและตึงเครียดสุดๆ
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถึงแล้วจะไปยังไงต่อ เพราะแผนมันพังยุ่งเหยิงตั้งแต่จำวันผิดแล้ว
สรุปตลอดทั้งไฟท์บินสิบสี่ชั่วโมงนั้นไม่มีความสุขเลย ปะปนไปด้วยความทุกข์ของการหมดหวัง
ไม่รู้เลยว่าไปถึงสนามบินแล้วจะไปไหน ไปยังไงต่อ เราเดินทางเองคนเดียวไปต่างประเทศคนเดียวครั้งแรก
มีทั้งความกลัวและตื่นตระหนกกับความสับเพร่าไม่ดูวันที่ ไม่ดูวันที่ได้อย่างไง!!!!!!!!
ยังๆ ยังไม่จบ หลังจากผ่าน ตม.หน้าโหด พูดจากวนๆ ออกมาแล้ว เราก็พยายามหาไวไฟเพื่อจะติดต่อ Airport pickup ที่เราจองไป
สรุป Terminal เราไม่มีไวไฟ!! เลยเดินไปเดินมา เห็นกลุ่มเด็กเวิคจากประเทศอะไรสักประเทศกลุ่มใหญ่ๆนั่งรออะไรกันสักอย่าง
เราเลยเดินไปเนียนๆรวมกับเค้า เพราะคิดว่าเค้าต้องมารอ airport pickup แน่ๆ
แล้วเราก็เห็นคนใส่เสื้อยืด E-point สีขาวเดินตรงมา พูดอะไรไม่รู้เร็วมากฟังไม่ทัน
หูชั้นยังปรับสภาพจากภาษาเกาหลีบนเครื่องยังไม่ทัน แล้วทุกคนก็เข้าแถวเพื่อเดินไปขึ้นรถ เราก็เดินตามไป
ลากกระเป๋าใบใหญ่สองใบ รวมกันเกือบสี่สิบโล ขึ้นรถตู้ ทุกคนนั่งในรถตู้เรียบร้อย แอร์ร้อนมาก นั่งอัดกันเกินสิบห้าคน
ปัญหาคือมีคนนึงที่ไม่พอ รถมันเต็มแล้ว มันแบบเบียดกันมากๆ มากจิงๆแก แล้วบางคนก็เต่าเหม็นอะ เราขมคอเลย
คนขับเลยทำการเช็คชื่อ ผ่าง!!!! ไม่มีชื่อช้านนนน!!!! ยังไง ยังไง มันจะเป็นไปได้ยังไงงงงงงงง ชั้นเลยโชว์ว่าชั้นกดจองละนะ
สรุปนางตอกกลับมาว่า “ใช่ เธอจองแล้ว แต่กับอีกบริษัทนึง” ....................
ตึ่ง ตึ่ง ตึ่ง เสียใจด้วยค่ะ คุณไม่ได้ไปต่อ เดินลงมาเอากระเป๋าหลังรถ กลับเข้า terminal ไปซะดีๆ
ตอนนั้นทั้งโกรธตัวเอง ทั้งหงุดหงิด ทั้งสับสน ทั้งอาย สารพัด ติดต่อใครก็ไม่ได้ ไม่รู้จะไปไหน
กระเป๋าก็ทั้งใหญ่ทั้งหนัก โกรธตัวเองแบกมาทำไมมั้งบ้าน นึกว่าจะมาอยู่เป็นปี แบกมาทำไมข้าวสารอะ ที่นี่เค้าก็ปลูกข้าวไม่รู้เหรอ
บ่นกับตัวเองรัวๆ เราเลยตัดสินใจเดินไปที่ร้านขายซิมการ์ดในเทอมินอล ได้ซิมมาในราคาเก้าสิบกว่าเหรียญ
ย้ำ เก้าสิบกว่าเหรียญรวม tax แล้ว เปิดมาเป็น2g เราถามว่าทำไมมันขึ้นแบบนี้
คนขายบอกว่าเพราะอยู่ใน terminal เลยสัญญาณไม่ค่อยมี มีนี่ก็เชื่อจ่ะ สรุป 2g อยู่ยังงั้นเป็นเดือนๆ
เคืองมาก จำใจซื้อเพราะหมดหนทางแล้วจ้าาาา
ใส่ซิมไปปุ๊บ แจ้งเตือนสารพัดก็เด้งขึ้นมา แต่มีแจ้งเตือนนึงจากอีเมลของเจ้าของบ้าน
ส่งมาบอกว่าเค้าอยู่รอรับเราที่ JFK นะ เราเลยโทรไปตามที่เค้าส่งเบอร์ติดต่อมา
สรุป เรากับเจ้าของบ้านเดินสวนกันไปมาอยู่ในเทอมินอลเกือบสองชั่วโมงแล้ว! โอ้ยยยยยยย ดีใจจจจจจจจจจจ มีคนมา Save my life แล้ว!!!!
และเราก็นั่งรถไปไปที่ Rehoboth beach ใช้เวลาประมาณ 4 hours ก็ถึง
และแล้ว ชีวิตที่ลืมไม่ลงก้ได้เกิดขึ้น ณ บัด นาวววว
Ep 2 – นายจ้างอินเดีย-
ที่ทำงานเราเป็นร้านขายเสื้อผ้าและจิวเวอร์รี่ ติดทะเล Rehoboth beach จะออกแนวประมาณหาดครอบครัว
คนที่มาเที่ยวส่วนใหญ่จะมาจากรัฐใกล้ๆ Maryland, Virginia, Washington DC, New York , new jersey บลาๆ
ช่วงซัมเมอร์จะคึกคักมากกกกกกก รายได้หลักของร้านมาจากเฮนน่า ฟรีแฮนด้วยจ้า ซึ่งเป็นอะไรที่ทิปดีมาก รวมไปถึง Hair wrap
ที่ร้านเราทำแพงมาก inch ละ 3 ดอล แล้วผมแต่ละคนที่มาทำ ยาวๆทั้งนั้น เป็น 10inch นั้นแหละคูณเข้าไป
ส่วนมากจะเป็นเด็กตัวเล็กๆมาทำ ซึ่งทิปก็จะดีตรงที่พ่อแม่เด็กชอบให้ ตกวันนึงถ้าทำทั้งวันก็ได้ประมาณ 30-50 เหรียญ
(เฉพาะทิปรายคน ไม่รวมกันแล้วหาร)
อันนี้ตัวอย่างในสมุด ลายนี้ประมานสามสิบห้าเหรียญ
WAT2016 ไป Work กัน....Where is Delaware?
เราจะมาเล่าประสบการณ์ work and travel 2016 ที่ผ่านมาในเมืองเดลาแวร์ เพราะก่อนไปเราหากระทู้รีวิวเมืองนี้ยากมาก
หลังจากที่ซุ่มอ่านประสบการณ์เวิคในพันทิปมาแล้วนับไม่ถ้วน ไม่ต่ำกว่าสิบกระทู้แน่นอน
เราหาข้อมูลเกี่ยวกับการไปเวิคครั้งนี้เยอะมากกกกกกกกกกกก เพราะเราเก็บตังและออกค่าใช้จ่ายเอง
ทำงานเก็บเงินไปเอง เพราะฉะนั้นทุกขั้นตอนเราพิถีพิถันในการเลือกมาก
ทุกอย่างทำคนเดียวหมด เริ่มตั้งแต่ตะเวนไปคุยกับเอเจ้นซี่ ทำลิสรายชื่ออกมาเป็นตาราง excel เปรียบเทียบราคา
รวมไปถึงการหาตั๋วเครื่องบิน ก็ทำเป็นตาราง list ออกมาในสายการบินที่สนใจ
เราจะข้ามขั้นตอนพวกนี้ไปนะคะ ถ้าสนใจมีคนเขียนรีวิวไว้เยอะแยะมาก หรือถามเราหลังไมค์มาก็ได้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สำหรับคนที่มีคำถามเราจะบอกว่าเรายินดีตอบมากๆ เพราะเราเข้าใจตอนเราจะไปเราทักไปถามคนที่เคยไปหลายคนมากๆ ๆๆ
วันนี้เรามีประสบการณ์แล้วเราก็จะมาเล่าสู่กันฟัง
อะเริ่มได้และ เกริ่นซะ
เราไปกับ iFour work and travel ฝั่งสปอนเซอร์จากอเมริกาคือ interexchange
ซึ่งสนง.ใหญ่ตั้งอยู่ใน nyc เราชอบตรงที่ interexchange ขอบมีกิจกรรมให้ทำนู่นนี่นั่น แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมสักที
ก่อนอื่นก็จะมีการสัมภาษณ์ภาษาอังกษกับพี่ที่ไอโฟ แล้วก็เข้าระบบ ทำ resume อัดวีดีโอ
เราเลือกงาน/งานเลือกเรา มันจะเป็นระบบที่ให้เราเข้าไปเลือกว่าอยากทำงานรัฐไหน แนวไหน มีเยอะมากๆ
ในขณะเดียวกันนายจ้างก็จะเข้ามาเลือกเราได้เช่นกัน
ส่วนเราได้งานที่คิดว่ามันแปลกมากๆไม่เหมือนใคร คืองาน เพ้นเฮนน่า!! ที่รัฐ Delaware เราไปคนเดียว แต่มีเพื่อนเอเจ้นซี่เดียวกันไปอีก 2 คน
EP1. –อย่าซื้อซิมในสนามบิน-
ง่าว เป็นคำนาม แปลว่าโง่
เริ่มกันด้วยบทเรียนที่ไม่มีวันลืม
เราไปเวิคที่รัฐ Delaware อั่นแหนะ ไม่รู้อะดิรัฐอะไรว่ะ เราไปที่เมือง Rehoboth beach
ซึ่งเป็นบีชที่ popular มากช่วงซัมเมอร์ แล้วก็Tax free มี outlet เยอะมาก ช้อปมันส์มาก
ซึ่งสนามบินที่ใกล้คือฟิลาดิเฟีย แต่เราไปลงที่ JFK เพราะอยากเที่ยวนิวยอร์คก่อนไปทำงาน
เลยทำการจองที่พักผ่าน Air bnb เสร็จสรรพตัดบัตรเรียบร้อย
เราออกเดินทางโดยสายการบิน Korean Air วันที่ 20 May 00:10 stop ที่อินชอน 2 ชั่วโมงครึ่ง
โดยเราคิดว่าเออเดินทาง ประมาณ 22 ชม ก็จะถึงนิวยอร์ค 21 May 11:20
ก็ทำการจองที่พักโดยไม่ได้เช็คตั๋วเครื่องบินอีกครั้ง จองที่พักแบบนาทีสุดท้ายไปวันที่ 21 May
ตัดภาพมาขณะรอเปลี่ยนเครื่องที่อินชอน มีผู้โดยสารไทยสองคนคุยกัน
A: เนี่ย เดี๊ยวพอเราไปถึงนิวยอร์คนะ เราก็จะไปถึงเวลาประมาณนี้เลย (เวลาที่อินชอนประมานสิบโมงเช้าของวันที่ 20 May)
B: เออ เวลาที่นู่นมันช้ากว่าเรา!@##$*%()(%(@^*(0
หลังจากประโยคคำว่าช้ากว่าเรา ตอนนั้นหูได้ดับ หัวได้ชา ขาไม่รู้สึกไปแล้ว Shipหายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ตอนนั้นอีกสิบนาที Boarding ขึ้นเครื่อง อีนี่ตั้งสติอยู่ประมาณสองนาที ทบทวนทุกสิ่ง ทบทวนทุกอย่าง……
คว้ากระเป๋าเป้สีดำล้วงหยิบแฟ้มเอกสารมาเปิดอ่านเพื่อความชัวร์
ในใจตอนนั้นยังแอบคิดว่าอีสองคนนั้นมันมั่วอยู่ ผ่าง!!!!!!! กางกระดาษออกมา “Arrival 20 MAY 11:20” ค่ะลูก
ดู๊วววววววววว สรุปเราเองนี่แหละจ่ะที่มั่ว
ซูมภาพมาที่ลูกกะตาเบิกผ่าง! คว้าโทรศัพท์มาเชื่อมต่อไวไฟฟรีของสนามบินให้ไวที่สุด
เพราะตอนนี้ทุกคนเริ่มต่อแถว boarding กันแล้ว เราเลยทำการหาที่พักให้ไวที่สุด สรุปหาไม่ได้!!!
ตอนนั้นรนมาก ทำไรไม่ได้ ไลน์ไปบอกเพื่อนที่ไปถึงก่อนแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เราจำวันไปถึงผิด เราเลยตัดสินใจทำการยกเลิกการจองของ air bnb โชคดีมากที่รีฟันเงินได้
จากนั้นเราก็เลยทำการจอง Airport pickup ของบริษัท E-point ซึ่งตอนที่เราทำเวลาในอเมริกาคือเวลาประมานสองทุ่ม
เราจองผ่านออนไลน์ จึงไม่มีการตอบกลับมาว่าเราจองได้หรือไม่ได้ทันที ต้องรอ แต่เราไม่มีเวลารอแล้ว
เราต้องขึ้นเครื่องแล้วววววว ทุกขั้นตอนที่เราทำ เราทำในขณะที่รอ Boarding ขึ้นเครื่อง มีเวลาไม่มาก กดดันและตึงเครียดสุดๆ
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถึงแล้วจะไปยังไงต่อ เพราะแผนมันพังยุ่งเหยิงตั้งแต่จำวันผิดแล้ว
สรุปตลอดทั้งไฟท์บินสิบสี่ชั่วโมงนั้นไม่มีความสุขเลย ปะปนไปด้วยความทุกข์ของการหมดหวัง
ไม่รู้เลยว่าไปถึงสนามบินแล้วจะไปไหน ไปยังไงต่อ เราเดินทางเองคนเดียวไปต่างประเทศคนเดียวครั้งแรก
มีทั้งความกลัวและตื่นตระหนกกับความสับเพร่าไม่ดูวันที่ ไม่ดูวันที่ได้อย่างไง!!!!!!!!
ยังๆ ยังไม่จบ หลังจากผ่าน ตม.หน้าโหด พูดจากวนๆ ออกมาแล้ว เราก็พยายามหาไวไฟเพื่อจะติดต่อ Airport pickup ที่เราจองไป
สรุป Terminal เราไม่มีไวไฟ!! เลยเดินไปเดินมา เห็นกลุ่มเด็กเวิคจากประเทศอะไรสักประเทศกลุ่มใหญ่ๆนั่งรออะไรกันสักอย่าง
เราเลยเดินไปเนียนๆรวมกับเค้า เพราะคิดว่าเค้าต้องมารอ airport pickup แน่ๆ
แล้วเราก็เห็นคนใส่เสื้อยืด E-point สีขาวเดินตรงมา พูดอะไรไม่รู้เร็วมากฟังไม่ทัน
หูชั้นยังปรับสภาพจากภาษาเกาหลีบนเครื่องยังไม่ทัน แล้วทุกคนก็เข้าแถวเพื่อเดินไปขึ้นรถ เราก็เดินตามไป
ลากกระเป๋าใบใหญ่สองใบ รวมกันเกือบสี่สิบโล ขึ้นรถตู้ ทุกคนนั่งในรถตู้เรียบร้อย แอร์ร้อนมาก นั่งอัดกันเกินสิบห้าคน
ปัญหาคือมีคนนึงที่ไม่พอ รถมันเต็มแล้ว มันแบบเบียดกันมากๆ มากจิงๆแก แล้วบางคนก็เต่าเหม็นอะ เราขมคอเลย
คนขับเลยทำการเช็คชื่อ ผ่าง!!!! ไม่มีชื่อช้านนนน!!!! ยังไง ยังไง มันจะเป็นไปได้ยังไงงงงงงงง ชั้นเลยโชว์ว่าชั้นกดจองละนะ
สรุปนางตอกกลับมาว่า “ใช่ เธอจองแล้ว แต่กับอีกบริษัทนึง” ....................
ตึ่ง ตึ่ง ตึ่ง เสียใจด้วยค่ะ คุณไม่ได้ไปต่อ เดินลงมาเอากระเป๋าหลังรถ กลับเข้า terminal ไปซะดีๆ
ตอนนั้นทั้งโกรธตัวเอง ทั้งหงุดหงิด ทั้งสับสน ทั้งอาย สารพัด ติดต่อใครก็ไม่ได้ ไม่รู้จะไปไหน
กระเป๋าก็ทั้งใหญ่ทั้งหนัก โกรธตัวเองแบกมาทำไมมั้งบ้าน นึกว่าจะมาอยู่เป็นปี แบกมาทำไมข้าวสารอะ ที่นี่เค้าก็ปลูกข้าวไม่รู้เหรอ
บ่นกับตัวเองรัวๆ เราเลยตัดสินใจเดินไปที่ร้านขายซิมการ์ดในเทอมินอล ได้ซิมมาในราคาเก้าสิบกว่าเหรียญ
ย้ำ เก้าสิบกว่าเหรียญรวม tax แล้ว เปิดมาเป็น2g เราถามว่าทำไมมันขึ้นแบบนี้
คนขายบอกว่าเพราะอยู่ใน terminal เลยสัญญาณไม่ค่อยมี มีนี่ก็เชื่อจ่ะ สรุป 2g อยู่ยังงั้นเป็นเดือนๆ
เคืองมาก จำใจซื้อเพราะหมดหนทางแล้วจ้าาาา
ใส่ซิมไปปุ๊บ แจ้งเตือนสารพัดก็เด้งขึ้นมา แต่มีแจ้งเตือนนึงจากอีเมลของเจ้าของบ้าน
ส่งมาบอกว่าเค้าอยู่รอรับเราที่ JFK นะ เราเลยโทรไปตามที่เค้าส่งเบอร์ติดต่อมา
สรุป เรากับเจ้าของบ้านเดินสวนกันไปมาอยู่ในเทอมินอลเกือบสองชั่วโมงแล้ว! โอ้ยยยยยยย ดีใจจจจจจจจจจจ มีคนมา Save my life แล้ว!!!!
และเราก็นั่งรถไปไปที่ Rehoboth beach ใช้เวลาประมาณ 4 hours ก็ถึง
และแล้ว ชีวิตที่ลืมไม่ลงก้ได้เกิดขึ้น ณ บัด นาวววว
Ep 2 – นายจ้างอินเดีย-
ที่ทำงานเราเป็นร้านขายเสื้อผ้าและจิวเวอร์รี่ ติดทะเล Rehoboth beach จะออกแนวประมาณหาดครอบครัว
คนที่มาเที่ยวส่วนใหญ่จะมาจากรัฐใกล้ๆ Maryland, Virginia, Washington DC, New York , new jersey บลาๆ
ช่วงซัมเมอร์จะคึกคักมากกกกกกก รายได้หลักของร้านมาจากเฮนน่า ฟรีแฮนด้วยจ้า ซึ่งเป็นอะไรที่ทิปดีมาก รวมไปถึง Hair wrap
ที่ร้านเราทำแพงมาก inch ละ 3 ดอล แล้วผมแต่ละคนที่มาทำ ยาวๆทั้งนั้น เป็น 10inch นั้นแหละคูณเข้าไป
ส่วนมากจะเป็นเด็กตัวเล็กๆมาทำ ซึ่งทิปก็จะดีตรงที่พ่อแม่เด็กชอบให้ ตกวันนึงถ้าทำทั้งวันก็ได้ประมาณ 30-50 เหรียญ
(เฉพาะทิปรายคน ไม่รวมกันแล้วหาร)
อันนี้ตัวอย่างในสมุด ลายนี้ประมานสามสิบห้าเหรียญ