เธอเธอเดือนตุลาคมเราจะไปโอมานนะ
เพื่อนถามว่าจะไปทำอะไร ร้อนก็ร้อน อาหารการกินก็ไม่น่าจะเหมาะกับเราๆ
วันนี้กลับมาแล้วจ้า อยากจะบอกทุกคนว่า อุ๊ต๊ะ! ดีกว่าที่คิด ทุกสิ่งดีงาม โลเคชั่นสวย เหมาะแก่การถ่ายภาพอย่างแรง
สาวๆ คนไหนอยากได้ที่สวยๆในการถ่ายภาพตามมาเลยค่ะ กระทู้นี้เราจะโพสทั้งรูปวิวและรูปคนนะจ๊ะเพราะอยากชี้จุดเป็น Reference ให้สาวๆ จูงมือแฟนหนุ่มไปแล้วบอกว่าตรงนี้ค่ะคุณ เราอยากได้รูปแบบเน้
ทริปของเรา6วัน 5คืน สนนราคาอยู่ที่ 25,000 บาท กินอยู่อย่างราชา เดินทางสะดวกนอนหลับสบาย หอบอุปกรณ์ได้เต็มที่ ถ้าใครอยากประหยัดงบหาโรงแรมราคาเบาๆ กินง่ายนอนง่าย 15,000 บาท รวมทุกอย่างก็ไปได้นะคะ
แรงจูงใจที่อยากเขียนรีวิวนี้เพราะว่าช่วงเดินทาง เราก็เที่ยวไปถ่ายรูปไป อัพ FB ไป มีเพื่อนๆ หลังไมค์มาเยอะมากว่า เฮ้ยยยย แกรูปสวยอ่ะ ที่ไหน ไปยากมั้ย แพงป่าวเนี่ย ไปสายการบินอะไร แล้วบ้านเมืองเขามันน่ากลัวมั้ย ซึ่งคำถามเหล่านี้ก็เป็นคำถามที่เราสงสัยกันตั้งแต่หาข้อมูลทำแผนการเดินทางละ หาข้อมูลยากเหมือนกัน ต้องไปหารีวิวต่างประเทศอ่านเพิ่มกลับมาก็เลยอยากมาแชร์ค่ะ
รูปส่วนใหญ่ใช้กล้อง Sony Nex 5T กล้องคู่ใจ จิ๋วแต่แจ๋ว & Lens fix 50mm f1.8 & Lens Cannon 10-18
อุปกรณ์พร้อม ชุดพร้อม แล้วไปกันเลยค่ะ
โอมาน หรือ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Sultanate of Oman มีภูมิประเทศหลากหลาย ทำให้มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเหมาะกับการถ่ายรูป ถ่ายรูปวิวก็สวย ถ่ายรูปคนก็ดีงาม
โปรแกรมการเดินทาง และเส้นทางการขับรถของเรา
สายการบิน :
เราเดินทางด้วยสายการบิน Air Asia X ตั๋วเครื่องบินไปกลับ 7,500 บาท (ราคาโปร) เป็นเครื่องบินแอร์บัส ลำใหญ่ แต่เนื่องจากเป็นเส้นทางเพิ่งเปิดใหม่ไม่นานคนบนเครื่องค่อนข้างน้อยเพื่อนบอกว่าให้รีบไปถ้าคนน้อยแบบนี้ เดี๋ยว Air Asia จะเลิกบินซะก่อน
เครื่องบินบินเฉพาะวันอังคาร พฤหัส และเสาร์นะคะ
ไปช่วงไหนดี :
เดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ถือเป็นหน้าหนาวของเค้าประมาณ 20-30 องศา ซึ่งเหมาะแก่การท่องเที่ยวมากๆค่ะ ถ้าข้ามไปถึงพฤษภาคมอากาศจะค่อนข้างร้อนประมาณ 40องศา กันเลยทีเดียว
การเดินทาง :
โอมานเป็นประเทศที่มีประชากรน้อย รถสาธารณะไม่ค่อยมี เดินทางโดยแทกซี่ก็แพง หรือถ้าเช่ารถแล้วจ้างคนขับก็แพงอีก ดังนั้นแบบประหยัดสุดคือให้เช่ารถขับเองค่ะ แต่ต้องสร้างความคุ้นเคยนิดนึงเพราะที่นั่นรถพวงมาลัยซ้ายขับรถชิดขวา ให้ลองขับวนๆในสนามบินสักรอบก่อนออกถนนนะคะ
การเช่ารถ:
เราเช่ารถผ่าน Rental cars เราเลือกใช้บริการ Budget ได้นิสสัน ซันนี่ สีขาว รถค่อนข้างใหม่ เพิ่งวิ่งมาประมาณสี่หมื่นกิโลเอง ค่าเช่ารถ 5วัน 6,500 บาท (รวมค่าประกันแบบ Full protection) ซึ่งทำการจองล่วงหน้าแล้วปรินท์ใบจองถือมาติดต่อที่เคาน์เตอร์เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด สามารถรับรถและคืนรถที่สนามบินได้เลย เคาน์เตอร์เช่ารถอยู่ทางขวามือก่อนประตูทางออกในการเช่ารถสามารถระบุคนขับได้สองคนคือคนขับหลักและคนขับรอง ซึ่งคนขับหลักต้องเตรียมบัตรเครดิตสำหรับใช้มัดจำรถ ค่ามัดจำ 150-500 OMR ค่าน้ำมันตลอดการเดินทางพันกว่ากิโลของเรา 1,500 บาท
ใบขับขี่:
สามารถใช้ใบขับขี่ประเทศไทยได้ปกติ
ถนนในโอมาน:
โอมานถนนหนทางดีมาก กว้างขวาง ไม่มีหลุมบ่อ การเดินทางระหว่างเมืองใหญ่จะเป็นถนน 4-6 เลน เลยค่ะ แต่จะมีป้ายบอกตลอดทางว่าให้วิ่งได้ความเร็วเท่าไหร่ มีตั้งแต่ 80 100 และ 120 ให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดนะคะ ที่นั่นไม่มีด่านตำรวจโผล่มาระหว่างทาง (แบบว่าแดดร้อนแรงคงตั้งไม่ไหว) แต่จะมีเครื่องตรวจจับความเร็วตลอดทาง เราจะมาเสียค่าปรับตอนคืนรถแทนค่ะ
ถนนในโอมานถ้าเมืองใหญ่ๆ จะเป็นไฟแดง แต่ถ้าเมืองเล็กหน่อยจะใช้วงเวียนเป็นหลักเวลากลับรถก็จะใช้วิธีวนวงเวียนให้รถในวงเวียนไปก่อน
Google Map ที่นั่นค่อนข้างแม่น Mark จุดแล้วให้นำทางได้เลยค่ะ เปิดใช้มุมมองแบบ Satellite จะได้เห็นทางแยกและทางเลี้ยวชัดเจนขึ้น
การใช้ Internet
แนะนำให้ซื้อซิมที่สนามบิน จะมีเคาน์เตอร์ขายตรงทางออกเลยค่ะ เห็นง่ายมาก ค่าย Ooredoo ราคา 5 OMR ใช้ได้ 7 วัน 3GB มีค่าซิมอีก 2 OMR รวมทั้งหมด 7 OMR ถ้าหมดก็เติมเงินได้ตลอดค่ะ ใช้ FB และเข้าเว็บไซด์ต่างๆ ได้ตามปกติ แต่ถ้าจะใช้ Line ต้องลง App เพิ่มนะคะ ชื่อว่า “Betternet”
ที่พัก
จองผ่าน Agoda และ Booking เลือกอันที่รีวิวดีๆ ได้เลยค่ะ โรงแรมที่เราเลือกนอนคืนละ 2,000 ถือว่าถูกและดีมาก ห้องกว้างขวางมีระบบน้ำร้อนน้ำเย็นที่สำคัญไหลแรงมาก มีอาหารเย็นและอาหารเช้า
ปลั๊กไฟ
ระบบไฟฟ้าของโอมานคือ 220 โวลต์ และระบบโทรทัศน์ เครื่องเสียง คอมพิวเตอร์ต่างๆ ก็สามารถเข้ากับเมืองไทยได้ที่ต่างกันคือในโอมานใช้ปลั๊กไฟแบบสามตาเป็นเหลี่ยมๆต้องพก Adaptor ไปด้วยนะคะ ส่วนเราอุปกรณ์เยอะ เอาไปทั้ง Adaptor และปลั๊กพ่วงค่ะ
Visa
ที่นี่ใช้ Visa on arrival ลงจากเครื่องปุ๊บเดินตามๆ เค้าไปตรงที่ทำวีซ่า ราคา 5 OMR อยู่ได้ 10 วัน หลังจากนั้นก็เดินไปตรง ตม. ได้เลย ตม. ก็ไม่ถามอะไรมากนะคะ ส่วนใหญ่จะถามแค่ว่าอยู่กี่วัน แล้วตรวจสอบข้อมูลจากคอมพิวเตอร์แล้วก็ปั๊ม ผ่านจ้า
เวลาที่โอมาน
เวลาช้ากว่าเรา 3 ชั่วโมง ไปวันแรกๆ นี่ตื่นตีสามทุกวันจ้า.. คนโอมานทำงาน 08.00 – 14.30 และอีกรอบ 17.00 – 20.00 เค้ากินข้าวเย็นตอนสองทุ่มครึ่งนะคะ
อัตราแลกเปลี่ยน
92 THB = 1 OMR (Omani Rial)
ค่าครองชีพ
อาหารการกินที่นี่ไม่แพงเท่าญี่ปุ่นแต่ก็ไม่ถูกมากนักนะคะ ราคาประมาณเซ็ทละ 1 OMR บางมื้อทานแซนวิชไก่ง่ายๆ อันนึงก็ไม่กี่สิบบาท ผักผลไม้ราคาไม่แพง หลายชนิดราคาถูกกว่าบ้านเรา น้ำเปล่าขวดเล็ก 10 บาท ขวดใหญ่ 1 ลิตร 15 บาท
อาหารการกิน
ข้าวเค้าจะเป็นข้าวเม็ดยาว ๆ เวลาสั่งอาหารพวก Grill ต่างๆ เค้าจะให้เลือกว่าเสริฟพร้อมข้าวหรือแป้งนาน (Naan) เป็นแผ่นแป้งคล้ายแป้งโรตี แป้งจะเป็นแผ่นแบนๆ แล้วทำกลวงๆตรงกลาง ซึ่งเราเองก็เป็นคนไทยแท้ๆ ไม่รู้วิธีกินที่ถูกต้อง แอบมองโต๊ะข้างๆแล้วทำตาม ฉีกแป้งคลี่ตรงกลางออกเอาเนื้อ หรือไก่ ที่เราสั่งมาใส่เข้าไป ห่อๆ ราดน้ำจิ้ม อร่อยดีงาม รสชาติเครื่องเทศไม่แรงอยู่รอดได้โดยไม่คิดถึงอาหารไทยล่ะ
ของมึนเมา
เนื่องจากโอมานนับถือศาสนาอิสลาม คนโอมานจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์เพราะขัดกับหลักศาสนา แต่ชาวเราที่ไปเที่ยวแล้วอยากดื่ม สามารถซื้อได้ที่ดิวตี้ฟรีในสนามบินมัสกัต ซึ่งจะมีมุมนึงสำหรับ Non Muslim Only แต่เค้าจะจำกัดสิทธิ์ในการซื้อนะคะ คนละ 1 ขวด แต่บางโรงแรมก็มีขายสำหรับนักท่องเที่ยว สบายใจได้มีเมาแน่นอนค่ะ
การแต่งกาย
คนโอมานแต่งกายด้วยชุดประจำชาติ ผู้หญิงปิดหน้าปิดตามิดชิด ไม่ค่อยออกมาเดินตามท้องถนน สำหรับ
นักท่องเที่ยวใส่ขาสั้นเค้าก็ไม่ว่าอะไรแต่เวลาเดินถนนเราแอบรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย ดูไม่ค่อยสุภาพ ใส่กระโปรงหรือกางเกงขายาวไปดีกว่าค่ะ
สาวๆฟังทางนี้
ที่นั่นแดดแรงเตรียมอุปกรณ์กันแดดไปให้พร้อมนะคะ ทั้งครีมกันแดด เสื้อคลุม หมวก ผ้าปิดหน้า แม้หน้าหนาวแดดก็แรงค่ะ กลางวันร้อนเพราะแดด พอแดดหมดเท่านั้นแหละหนาววววว ดังนั้น เช้าๆและกลางคืนจะอากาศเย็นค่ะ โดยเฉพาะที่ทะเลทรายและบนภูเขาสูงกลางคืนจะหนาวมากเตรียมเสื้อคลุมกันหนาวไปด้วยนะคะ
ห้องน้ำระหว่างทาง
ปั๊มเค้ามีห้องน้ำให้นะคะแต่ว่าเค้าจะล๊อคกุญแจไว้ต้องขอกุญแจจากปั้มค่ะ ส่วนใหญ่จะมีแค่หญิงห้องชายห้องไม่ยิ่งใหญ่เหมือนปั๊มบ้านเรา
บ้านเมืองเค้าเป็นยังไง
ขอบอกว่ารู้สึกปลอดภัยมาก ไม่น่ากลัวเลยค่ะ ผู้คนน่ารักมีน้ำใจ ขากลับเพื่อนเราอยากดื่มแป๊บซี่แต่เงินเหลือไม่พอ ขาดไป 10 บาท หนุ่มโอมานบอกว่า Don’t worry กดแป๊บซี่ให้ 1 แก้ว น่ารักจริงๆ และขอบอกเลยว่า 6 วันที่อยู่ที่โอมาน ไม่เคยโดนฟันหัวแบะเลยแม้แต่ครั้งเดียว น่าจะเพราะคนที่นี่เค้าเคร่งมาก
Let Go!!
เช้าวันแรก
สมาชิกพร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง เดินทางด้วยสายการบิน Airasia X เครื่องบิน Airbus 330 ที่นั่ง ไม่แคบนะ ตามมาตรฐานชั้น Eco เลย นั่งเพลินๆ ไปเกือบหกชัวโมงก็ถึงสนามบินมัสกัต ทำวีซ่า on arrival ผ่าน ตม.รับกระเป๋าและรับรถเช่า รถเช่าควรจองล่วงหน้านะคะ เพราะมีคนไม่จองมาแล้ว Walk-in ปรากฏว่ารถหมดค่ะ ต้องเดินหากันไป ส่วนเรารับรถแล้วก็วนไปหนึ่งรอบ พร้อมแล้วก็เดินทางเข้าที่พัก เช็คอิน พักผ่อนเอาแรงพรุ่งนี้การผจญภัยจะเริ่มขึ้นจริงๆ ละ
เช้าวันที่สอง
ออกจากโรงแรม 8.00น. แวะเติมน้ำมันให้เต็มถัง (มีอยู่แล้วครึ่งถังเติมอีกครึ่งถัง 4OR เองจ้า) มุ่งหน้าสู่เมือง SUR กันเลยค่ะ ระหว่างทาง หาอาหารกินค่อนข้างยาก มื้อเที่ยงเราแวะเมือง Quriyat อยู่ฝั่งซ้ายมือจำต้องวนวงเวียนเข้าไป มีร้านเปิดแค่สองร้านเป็นพวกเบอร์เกอร์ กับแป้งโรตีม้วนๆ เลือกได้ว่าห่อเนื้อหรือไก่ ออกแนวคล้ายๆ(คนที่นี่เรียกเป็นแซนวิช แต่ให้นึกถึงเคบับค่ะ) แซนวิช ถ้าจะให้ดีคืนก่อนหน้าหาซื้อเสบียงตุนไว้ก่อนดีกว่าค่ะ
ระหว่างทาง เราแวะกันที่ Sink Hole เป็นหลุมที่มีน้ำสีเขียวมรกต สวยมาก ต้องเดินลงไปข้างล่าง สามารถเล่นน้ำได้ แต่เราขอบาย ถ่ายรูปอย่างเดียว ที่นี่แดดค่อนข้างแรง อากาศร้อน เห็นฝรั่งเล่นน้ำกันสนุกสนาน ถ้ามีเวลาได้โดดน้ำเหมือนเค้าบ้างน่าจะดี
ขับรถกันต่อ เข้าเขต SUR เราสามารถขับรถเลียบชายหาด วิวสองข้างทางดีงามมาก ซ้ายเป็นทะเล ขวามือเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ สีขาว มีภูเขาเป็นฉากหลัง พวกเราจอดถ่ายรูปกันเป็นระยะ ภาพมุมสูงจากจุดชมวิวของเมือง SUR ถ่ายบนป้อมปราการเมือง ขับรถข้ามสะพานอ้อมวนขวาไปด้านหลังของป้อมจะมีทางรถขึ้นมาได้ประมาณครึ่งนึง จอดรถตรงลานจอดแล้วเดินขึ้นต่ออีกนิด วิวข้างบนนี้สวยมากค่ะ เราไปกันตั้งแต่ 16.30 กดชัตเตอร์รัวๆ รอแสงทไวไลท์ รอชมพระอาทิตย์ตกดิน ถ่ายวิวก็ได้ ถ่ายคนก็ดี ^^
พิกัดถ่ายรูป
[CR] 1,000 กิโล ที่ OMAN สัมผัสวิถีชีวิตชาวตะวันออกกลาง ขี่อูฐ นอนแค้มป์ในทะเลทราย ชมหุบเขายิ่งใหญ่
เพื่อนถามว่าจะไปทำอะไร ร้อนก็ร้อน อาหารการกินก็ไม่น่าจะเหมาะกับเราๆ
วันนี้กลับมาแล้วจ้า อยากจะบอกทุกคนว่า อุ๊ต๊ะ! ดีกว่าที่คิด ทุกสิ่งดีงาม โลเคชั่นสวย เหมาะแก่การถ่ายภาพอย่างแรง สาวๆ คนไหนอยากได้ที่สวยๆในการถ่ายภาพตามมาเลยค่ะ กระทู้นี้เราจะโพสทั้งรูปวิวและรูปคนนะจ๊ะเพราะอยากชี้จุดเป็น Reference ให้สาวๆ จูงมือแฟนหนุ่มไปแล้วบอกว่าตรงนี้ค่ะคุณ เราอยากได้รูปแบบเน้
ทริปของเรา6วัน 5คืน สนนราคาอยู่ที่ 25,000 บาท กินอยู่อย่างราชา เดินทางสะดวกนอนหลับสบาย หอบอุปกรณ์ได้เต็มที่ ถ้าใครอยากประหยัดงบหาโรงแรมราคาเบาๆ กินง่ายนอนง่าย 15,000 บาท รวมทุกอย่างก็ไปได้นะคะ
แรงจูงใจที่อยากเขียนรีวิวนี้เพราะว่าช่วงเดินทาง เราก็เที่ยวไปถ่ายรูปไป อัพ FB ไป มีเพื่อนๆ หลังไมค์มาเยอะมากว่า เฮ้ยยยย แกรูปสวยอ่ะ ที่ไหน ไปยากมั้ย แพงป่าวเนี่ย ไปสายการบินอะไร แล้วบ้านเมืองเขามันน่ากลัวมั้ย ซึ่งคำถามเหล่านี้ก็เป็นคำถามที่เราสงสัยกันตั้งแต่หาข้อมูลทำแผนการเดินทางละ หาข้อมูลยากเหมือนกัน ต้องไปหารีวิวต่างประเทศอ่านเพิ่มกลับมาก็เลยอยากมาแชร์ค่ะ
รูปส่วนใหญ่ใช้กล้อง Sony Nex 5T กล้องคู่ใจ จิ๋วแต่แจ๋ว & Lens fix 50mm f1.8 & Lens Cannon 10-18
โอมาน หรือ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Sultanate of Oman มีภูมิประเทศหลากหลาย ทำให้มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเหมาะกับการถ่ายรูป ถ่ายรูปวิวก็สวย ถ่ายรูปคนก็ดีงาม
สายการบิน :
เราเดินทางด้วยสายการบิน Air Asia X ตั๋วเครื่องบินไปกลับ 7,500 บาท (ราคาโปร) เป็นเครื่องบินแอร์บัส ลำใหญ่ แต่เนื่องจากเป็นเส้นทางเพิ่งเปิดใหม่ไม่นานคนบนเครื่องค่อนข้างน้อยเพื่อนบอกว่าให้รีบไปถ้าคนน้อยแบบนี้ เดี๋ยว Air Asia จะเลิกบินซะก่อน
เครื่องบินบินเฉพาะวันอังคาร พฤหัส และเสาร์นะคะ
ไปช่วงไหนดี :
เดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ถือเป็นหน้าหนาวของเค้าประมาณ 20-30 องศา ซึ่งเหมาะแก่การท่องเที่ยวมากๆค่ะ ถ้าข้ามไปถึงพฤษภาคมอากาศจะค่อนข้างร้อนประมาณ 40องศา กันเลยทีเดียว
การเดินทาง :
โอมานเป็นประเทศที่มีประชากรน้อย รถสาธารณะไม่ค่อยมี เดินทางโดยแทกซี่ก็แพง หรือถ้าเช่ารถแล้วจ้างคนขับก็แพงอีก ดังนั้นแบบประหยัดสุดคือให้เช่ารถขับเองค่ะ แต่ต้องสร้างความคุ้นเคยนิดนึงเพราะที่นั่นรถพวงมาลัยซ้ายขับรถชิดขวา ให้ลองขับวนๆในสนามบินสักรอบก่อนออกถนนนะคะ
การเช่ารถ:
เราเช่ารถผ่าน Rental cars เราเลือกใช้บริการ Budget ได้นิสสัน ซันนี่ สีขาว รถค่อนข้างใหม่ เพิ่งวิ่งมาประมาณสี่หมื่นกิโลเอง ค่าเช่ารถ 5วัน 6,500 บาท (รวมค่าประกันแบบ Full protection) ซึ่งทำการจองล่วงหน้าแล้วปรินท์ใบจองถือมาติดต่อที่เคาน์เตอร์เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด สามารถรับรถและคืนรถที่สนามบินได้เลย เคาน์เตอร์เช่ารถอยู่ทางขวามือก่อนประตูทางออกในการเช่ารถสามารถระบุคนขับได้สองคนคือคนขับหลักและคนขับรอง ซึ่งคนขับหลักต้องเตรียมบัตรเครดิตสำหรับใช้มัดจำรถ ค่ามัดจำ 150-500 OMR ค่าน้ำมันตลอดการเดินทางพันกว่ากิโลของเรา 1,500 บาท
ใบขับขี่:
สามารถใช้ใบขับขี่ประเทศไทยได้ปกติ
ถนนในโอมาน:
โอมานถนนหนทางดีมาก กว้างขวาง ไม่มีหลุมบ่อ การเดินทางระหว่างเมืองใหญ่จะเป็นถนน 4-6 เลน เลยค่ะ แต่จะมีป้ายบอกตลอดทางว่าให้วิ่งได้ความเร็วเท่าไหร่ มีตั้งแต่ 80 100 และ 120 ให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดนะคะ ที่นั่นไม่มีด่านตำรวจโผล่มาระหว่างทาง (แบบว่าแดดร้อนแรงคงตั้งไม่ไหว) แต่จะมีเครื่องตรวจจับความเร็วตลอดทาง เราจะมาเสียค่าปรับตอนคืนรถแทนค่ะ
ถนนในโอมานถ้าเมืองใหญ่ๆ จะเป็นไฟแดง แต่ถ้าเมืองเล็กหน่อยจะใช้วงเวียนเป็นหลักเวลากลับรถก็จะใช้วิธีวนวงเวียนให้รถในวงเวียนไปก่อน
Google Map ที่นั่นค่อนข้างแม่น Mark จุดแล้วให้นำทางได้เลยค่ะ เปิดใช้มุมมองแบบ Satellite จะได้เห็นทางแยกและทางเลี้ยวชัดเจนขึ้น
การใช้ Internet
แนะนำให้ซื้อซิมที่สนามบิน จะมีเคาน์เตอร์ขายตรงทางออกเลยค่ะ เห็นง่ายมาก ค่าย Ooredoo ราคา 5 OMR ใช้ได้ 7 วัน 3GB มีค่าซิมอีก 2 OMR รวมทั้งหมด 7 OMR ถ้าหมดก็เติมเงินได้ตลอดค่ะ ใช้ FB และเข้าเว็บไซด์ต่างๆ ได้ตามปกติ แต่ถ้าจะใช้ Line ต้องลง App เพิ่มนะคะ ชื่อว่า “Betternet”
ที่พัก
จองผ่าน Agoda และ Booking เลือกอันที่รีวิวดีๆ ได้เลยค่ะ โรงแรมที่เราเลือกนอนคืนละ 2,000 ถือว่าถูกและดีมาก ห้องกว้างขวางมีระบบน้ำร้อนน้ำเย็นที่สำคัญไหลแรงมาก มีอาหารเย็นและอาหารเช้า
ปลั๊กไฟ
ระบบไฟฟ้าของโอมานคือ 220 โวลต์ และระบบโทรทัศน์ เครื่องเสียง คอมพิวเตอร์ต่างๆ ก็สามารถเข้ากับเมืองไทยได้ที่ต่างกันคือในโอมานใช้ปลั๊กไฟแบบสามตาเป็นเหลี่ยมๆต้องพก Adaptor ไปด้วยนะคะ ส่วนเราอุปกรณ์เยอะ เอาไปทั้ง Adaptor และปลั๊กพ่วงค่ะ
Visa
ที่นี่ใช้ Visa on arrival ลงจากเครื่องปุ๊บเดินตามๆ เค้าไปตรงที่ทำวีซ่า ราคา 5 OMR อยู่ได้ 10 วัน หลังจากนั้นก็เดินไปตรง ตม. ได้เลย ตม. ก็ไม่ถามอะไรมากนะคะ ส่วนใหญ่จะถามแค่ว่าอยู่กี่วัน แล้วตรวจสอบข้อมูลจากคอมพิวเตอร์แล้วก็ปั๊ม ผ่านจ้า
เวลาที่โอมาน
เวลาช้ากว่าเรา 3 ชั่วโมง ไปวันแรกๆ นี่ตื่นตีสามทุกวันจ้า.. คนโอมานทำงาน 08.00 – 14.30 และอีกรอบ 17.00 – 20.00 เค้ากินข้าวเย็นตอนสองทุ่มครึ่งนะคะ
อัตราแลกเปลี่ยน
92 THB = 1 OMR (Omani Rial)
ค่าครองชีพ
อาหารการกินที่นี่ไม่แพงเท่าญี่ปุ่นแต่ก็ไม่ถูกมากนักนะคะ ราคาประมาณเซ็ทละ 1 OMR บางมื้อทานแซนวิชไก่ง่ายๆ อันนึงก็ไม่กี่สิบบาท ผักผลไม้ราคาไม่แพง หลายชนิดราคาถูกกว่าบ้านเรา น้ำเปล่าขวดเล็ก 10 บาท ขวดใหญ่ 1 ลิตร 15 บาท
อาหารการกิน
ข้าวเค้าจะเป็นข้าวเม็ดยาว ๆ เวลาสั่งอาหารพวก Grill ต่างๆ เค้าจะให้เลือกว่าเสริฟพร้อมข้าวหรือแป้งนาน (Naan) เป็นแผ่นแป้งคล้ายแป้งโรตี แป้งจะเป็นแผ่นแบนๆ แล้วทำกลวงๆตรงกลาง ซึ่งเราเองก็เป็นคนไทยแท้ๆ ไม่รู้วิธีกินที่ถูกต้อง แอบมองโต๊ะข้างๆแล้วทำตาม ฉีกแป้งคลี่ตรงกลางออกเอาเนื้อ หรือไก่ ที่เราสั่งมาใส่เข้าไป ห่อๆ ราดน้ำจิ้ม อร่อยดีงาม รสชาติเครื่องเทศไม่แรงอยู่รอดได้โดยไม่คิดถึงอาหารไทยล่ะ
ของมึนเมา
เนื่องจากโอมานนับถือศาสนาอิสลาม คนโอมานจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์เพราะขัดกับหลักศาสนา แต่ชาวเราที่ไปเที่ยวแล้วอยากดื่ม สามารถซื้อได้ที่ดิวตี้ฟรีในสนามบินมัสกัต ซึ่งจะมีมุมนึงสำหรับ Non Muslim Only แต่เค้าจะจำกัดสิทธิ์ในการซื้อนะคะ คนละ 1 ขวด แต่บางโรงแรมก็มีขายสำหรับนักท่องเที่ยว สบายใจได้มีเมาแน่นอนค่ะ
การแต่งกาย
คนโอมานแต่งกายด้วยชุดประจำชาติ ผู้หญิงปิดหน้าปิดตามิดชิด ไม่ค่อยออกมาเดินตามท้องถนน สำหรับ
นักท่องเที่ยวใส่ขาสั้นเค้าก็ไม่ว่าอะไรแต่เวลาเดินถนนเราแอบรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย ดูไม่ค่อยสุภาพ ใส่กระโปรงหรือกางเกงขายาวไปดีกว่าค่ะ
สาวๆฟังทางนี้
ที่นั่นแดดแรงเตรียมอุปกรณ์กันแดดไปให้พร้อมนะคะ ทั้งครีมกันแดด เสื้อคลุม หมวก ผ้าปิดหน้า แม้หน้าหนาวแดดก็แรงค่ะ กลางวันร้อนเพราะแดด พอแดดหมดเท่านั้นแหละหนาววววว ดังนั้น เช้าๆและกลางคืนจะอากาศเย็นค่ะ โดยเฉพาะที่ทะเลทรายและบนภูเขาสูงกลางคืนจะหนาวมากเตรียมเสื้อคลุมกันหนาวไปด้วยนะคะ
ห้องน้ำระหว่างทาง
ปั๊มเค้ามีห้องน้ำให้นะคะแต่ว่าเค้าจะล๊อคกุญแจไว้ต้องขอกุญแจจากปั้มค่ะ ส่วนใหญ่จะมีแค่หญิงห้องชายห้องไม่ยิ่งใหญ่เหมือนปั๊มบ้านเรา
บ้านเมืองเค้าเป็นยังไง
ขอบอกว่ารู้สึกปลอดภัยมาก ไม่น่ากลัวเลยค่ะ ผู้คนน่ารักมีน้ำใจ ขากลับเพื่อนเราอยากดื่มแป๊บซี่แต่เงินเหลือไม่พอ ขาดไป 10 บาท หนุ่มโอมานบอกว่า Don’t worry กดแป๊บซี่ให้ 1 แก้ว น่ารักจริงๆ และขอบอกเลยว่า 6 วันที่อยู่ที่โอมาน ไม่เคยโดนฟันหัวแบะเลยแม้แต่ครั้งเดียว น่าจะเพราะคนที่นี่เค้าเคร่งมาก
เช้าวันแรก
สมาชิกพร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง เดินทางด้วยสายการบิน Airasia X เครื่องบิน Airbus 330 ที่นั่ง ไม่แคบนะ ตามมาตรฐานชั้น Eco เลย นั่งเพลินๆ ไปเกือบหกชัวโมงก็ถึงสนามบินมัสกัต ทำวีซ่า on arrival ผ่าน ตม.รับกระเป๋าและรับรถเช่า รถเช่าควรจองล่วงหน้านะคะ เพราะมีคนไม่จองมาแล้ว Walk-in ปรากฏว่ารถหมดค่ะ ต้องเดินหากันไป ส่วนเรารับรถแล้วก็วนไปหนึ่งรอบ พร้อมแล้วก็เดินทางเข้าที่พัก เช็คอิน พักผ่อนเอาแรงพรุ่งนี้การผจญภัยจะเริ่มขึ้นจริงๆ ละ
เช้าวันที่สอง
ออกจากโรงแรม 8.00น. แวะเติมน้ำมันให้เต็มถัง (มีอยู่แล้วครึ่งถังเติมอีกครึ่งถัง 4OR เองจ้า) มุ่งหน้าสู่เมือง SUR กันเลยค่ะ ระหว่างทาง หาอาหารกินค่อนข้างยาก มื้อเที่ยงเราแวะเมือง Quriyat อยู่ฝั่งซ้ายมือจำต้องวนวงเวียนเข้าไป มีร้านเปิดแค่สองร้านเป็นพวกเบอร์เกอร์ กับแป้งโรตีม้วนๆ เลือกได้ว่าห่อเนื้อหรือไก่ ออกแนวคล้ายๆ(คนที่นี่เรียกเป็นแซนวิช แต่ให้นึกถึงเคบับค่ะ) แซนวิช ถ้าจะให้ดีคืนก่อนหน้าหาซื้อเสบียงตุนไว้ก่อนดีกว่าค่ะ
ระหว่างทาง เราแวะกันที่ Sink Hole เป็นหลุมที่มีน้ำสีเขียวมรกต สวยมาก ต้องเดินลงไปข้างล่าง สามารถเล่นน้ำได้ แต่เราขอบาย ถ่ายรูปอย่างเดียว ที่นี่แดดค่อนข้างแรง อากาศร้อน เห็นฝรั่งเล่นน้ำกันสนุกสนาน ถ้ามีเวลาได้โดดน้ำเหมือนเค้าบ้างน่าจะดี
ขับรถกันต่อ เข้าเขต SUR เราสามารถขับรถเลียบชายหาด วิวสองข้างทางดีงามมาก ซ้ายเป็นทะเล ขวามือเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ สีขาว มีภูเขาเป็นฉากหลัง พวกเราจอดถ่ายรูปกันเป็นระยะ ภาพมุมสูงจากจุดชมวิวของเมือง SUR ถ่ายบนป้อมปราการเมือง ขับรถข้ามสะพานอ้อมวนขวาไปด้านหลังของป้อมจะมีทางรถขึ้นมาได้ประมาณครึ่งนึง จอดรถตรงลานจอดแล้วเดินขึ้นต่ออีกนิด วิวข้างบนนี้สวยมากค่ะ เราไปกันตั้งแต่ 16.30 กดชัตเตอร์รัวๆ รอแสงทไวไลท์ รอชมพระอาทิตย์ตกดิน ถ่ายวิวก็ได้ ถ่ายคนก็ดี ^^
พิกัดถ่ายรูป