จากที่เคยมาตั้งกระทู้คราวที่แล้ว ที่บอกว่าพี่เลี้ยงเด็ก เมื่อเลิกจ้างแล้วยังมาวุ่นวายกับเด็ก ขอต่ออีกภาค 2 นะ แค่อยากระบายว่าอะไรนักหนา พี่เลี้ยงมีอิทธิพลเหนือแม่ขนาดนั้นเลยหรือ
เมื่อพ่ออนุญาตให้เขามาเยี่ยมเด็ก เราก็บอกใจตัวเองว่า อดทน อย่าเผลอระเบิดอะไรออกไป เพราะความไม่พอใจคราวที่แล้วยังค้างคาอยู่ และพยายามเลี่ยงไม่ให้เขามาเยี่ยมน้อง ก่อนจะมาเขาคุยไลน์กับแม่ค่ะ บอกว่าจะมาเยี่ยมน้องนะ เราปฏิเสธไปอย่างนิ่มๆว่าช่วงนี้งานยุ่งจะไปเปิดเทอม แต่อีก 2 วันต่อมาเขาได้โทรบอกพ่อน้องว่าจะมาเยี่ยมนะ กำลังเดินทาง เหมือนมัดมือชกเลย ทำให้เราปฏิเสธไม่ลง ส่วนพ่อน้องบอกว่า ช่วงนี้งานยุ่งนะ แต่เขาก็ดึงดันจะมา แม่เลยถามพ่อกลับไปว่า ทำไมเขาไม่ติดต่อกับแม่โดยตรง ในเมื่อแม่เคยสนิทกับเขาและเป็นนายจ้างเขามาก่อน (คือช่วงที่เขาเลี้ยงน้อง พ่ออยู่กทม.ค่ะ) พ่อไม่ตอบ ความขุ่นเคืองในใจเริ่มมากขึ้น
เมื่อเขามาถึงเขาก็เล่นกับน้อง น้องก็เล่นด้วยกัน เปิดโทรศัพท์ให้กันเล่นทันที ซึ่งปกติเราจะควบคุมน้องเรื่องการเล่นของพวกนี้ เกมส์ไม่เคยสอนเลย แต่เขา สอนน้องเล่นเกมส์ พ่อเลยแอบมาดักว่า หยุดเล่นเกมส์ เอาการบ้านขึ้นมาทำ ก็ยอมทำตามโดยดี แต่พฤติกรรมน้องเริ่มเปลี่ยนไป หลังจากนั้นน้องไม่ยอมทำอะไรตามที่เคยทำ เช่น ไปอาบน้ำ ไปกินข้าว เล่นแต่โทรศัพท์ พูดยังไงก็ไม่ทำ เมื่อพ่อแม่ดุ เขาก็วิ่งไปหาพี่เลี้ยงทันที พ่อแม่เริ่มแตะต้องอะไรไม่ได้ หายใจเข้าออก เริ่มมีแต่เขา เพราะเขาตามใจ ตามใจจนเสียคน ซึ่งเราเคยพูดกันก่อนหน้านี้หลายครั้งว่า ถ้ารักน้อง อย่าปล่อยให้น้องเสียคน ควรสอนให้ทำแต่สิ่งดีๆ เขารับทราบมาตลอด แต่สังเกตว่า เขาแกล้งทำแต่ต่อหน้า ลับหลังเขาก็แอบทำ ซึ่งสังเกตจากพฤติกรรมลูกที่แสดงออกมา ระหว่างที่อยู่ด้วยกัน เราได้ยินเขาพูดกับเด็กว่า “พรุ่งนี้จะพาไปเที่ยวนะ” เมื่อได้ยินดังนั้น เรารีบพูดดักทันที่ว่า พรุ่งนี้จะต้องไปทำงานและจะเอาน้องไปด้วย เขาก็รับรู้และบอกน้องว่าอดไปเที่ยวเลย แต่......
ตื่นเช้าขึ้นมา ลูกรีบรุดไปที่ห้องเขา ไปเล่นกัน แม่เรียกยังไงก็ไม่ตอบรับ เราจึงเปิดประตูห้องเข้าไป เร่งให้ลูกไปอาบน้ำ เตรียมตัวออกไปทำงานกับแม่ ปกติลูกจะชอบไปเพราะติดพี่ชายลูกของอามาก บางครั้งร้องไห้หาพี่ชายด้วยซ้ำ แต่วันนี้ลูกย้ำคำเดิมว่า “หนูไม่ไปกับแม่ หนูจะไปเที่ยวกับป้า” จบข่าวในเมื่อเมื่อคืนดักแล้วว่าไม่ให้ไป แม่เลยพูดตรงๆเลยว่ายังไงก็ไม่ให้ไป เมื่อได้ยินดังนั้น เขาแอบไปคุยกับพ่อที่หลังบ้าน แต่พ่อก็พูดออกมาคำเดียวกันว่า “ไม่ อนุญาตให้พาน้องไปเที่ยว” พร้อมกับชวนเขาไปที่ทำงานด้วยกัน แต่เขาไม่ยอมไป บอกว่าจะรออยู่ที่บ้าน
จากนั้นเราเปิดฉากทะเลาะกับสามีเพราะความขุ่นเคืองมันเก็บไม่อยู่ และตกลงกันว่าต่อไปอย่ารับปากให้เขามาอีก มันไม่ถูกต้อง จริงอยู่คิดถึงน้อง แต่ทำไมมาเยี่ยมกันจ้องแต่จะลากกันออกไปข้างนอก อยากไปเที่ยวเราก็พาไป ไปด้วยกันก็ได้ ทำไมต้องแยกเด็กออกจากพ่อแม่ แล้วไปเที่ยวกันตามลำพัง เวลาไปก็ไปทีข้ามวัน อย่างคราวที่แล้ว เขาก็รอจังหวะเราออกไปข้างนอก พาน้องเก็บของ เก็บเสื่อ ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า จนเกือบเย็นค่อยกลับมา โทรเรียกให้กลับก็ไม่กลับ จนเราต้องไปตาม หากพ่อจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ลูกเราจะเสียคนนะ สิ่งที่เรากลัวคือโตขึ้นเมื่อเด็กต่อต้านกับพ่อแม่ เด็กจะแอบหนีไปหาเค้าทันที จริงอยู่เขาอยากมีลูก เขาเคยเลี้ยงมา แต่เขาควรจะเกรงใจพ่อแม่บ้าง ทำอะไรไม่เคยขออนุญาต เมื่อเด็กเสียคนมาเราเป็นคนรับผิดชอบเต็มๆ จริงอยู่กับพี่เลี้ยงคนนี้เราไม่ได้พึ่งพาเขาแค่การเลี้ยงลูก ตลอดเวลาที่เราอยู่ที่นั่นเขาช่วยเหลือเราทุกอย่าง แต่หากคบกันต่อไปแล้วลูกเราเป็นอย่างนี้ มันคุ้มไหม แค่อยากระบาย
พี่เลี้ยงที่เลิกจ้างแล้วยังมาวุ่นวายกับเด็ก และชอบพาเด็กออกไปข้างนอกประจำ
เมื่อพ่ออนุญาตให้เขามาเยี่ยมเด็ก เราก็บอกใจตัวเองว่า อดทน อย่าเผลอระเบิดอะไรออกไป เพราะความไม่พอใจคราวที่แล้วยังค้างคาอยู่ และพยายามเลี่ยงไม่ให้เขามาเยี่ยมน้อง ก่อนจะมาเขาคุยไลน์กับแม่ค่ะ บอกว่าจะมาเยี่ยมน้องนะ เราปฏิเสธไปอย่างนิ่มๆว่าช่วงนี้งานยุ่งจะไปเปิดเทอม แต่อีก 2 วันต่อมาเขาได้โทรบอกพ่อน้องว่าจะมาเยี่ยมนะ กำลังเดินทาง เหมือนมัดมือชกเลย ทำให้เราปฏิเสธไม่ลง ส่วนพ่อน้องบอกว่า ช่วงนี้งานยุ่งนะ แต่เขาก็ดึงดันจะมา แม่เลยถามพ่อกลับไปว่า ทำไมเขาไม่ติดต่อกับแม่โดยตรง ในเมื่อแม่เคยสนิทกับเขาและเป็นนายจ้างเขามาก่อน (คือช่วงที่เขาเลี้ยงน้อง พ่ออยู่กทม.ค่ะ) พ่อไม่ตอบ ความขุ่นเคืองในใจเริ่มมากขึ้น
เมื่อเขามาถึงเขาก็เล่นกับน้อง น้องก็เล่นด้วยกัน เปิดโทรศัพท์ให้กันเล่นทันที ซึ่งปกติเราจะควบคุมน้องเรื่องการเล่นของพวกนี้ เกมส์ไม่เคยสอนเลย แต่เขา สอนน้องเล่นเกมส์ พ่อเลยแอบมาดักว่า หยุดเล่นเกมส์ เอาการบ้านขึ้นมาทำ ก็ยอมทำตามโดยดี แต่พฤติกรรมน้องเริ่มเปลี่ยนไป หลังจากนั้นน้องไม่ยอมทำอะไรตามที่เคยทำ เช่น ไปอาบน้ำ ไปกินข้าว เล่นแต่โทรศัพท์ พูดยังไงก็ไม่ทำ เมื่อพ่อแม่ดุ เขาก็วิ่งไปหาพี่เลี้ยงทันที พ่อแม่เริ่มแตะต้องอะไรไม่ได้ หายใจเข้าออก เริ่มมีแต่เขา เพราะเขาตามใจ ตามใจจนเสียคน ซึ่งเราเคยพูดกันก่อนหน้านี้หลายครั้งว่า ถ้ารักน้อง อย่าปล่อยให้น้องเสียคน ควรสอนให้ทำแต่สิ่งดีๆ เขารับทราบมาตลอด แต่สังเกตว่า เขาแกล้งทำแต่ต่อหน้า ลับหลังเขาก็แอบทำ ซึ่งสังเกตจากพฤติกรรมลูกที่แสดงออกมา ระหว่างที่อยู่ด้วยกัน เราได้ยินเขาพูดกับเด็กว่า “พรุ่งนี้จะพาไปเที่ยวนะ” เมื่อได้ยินดังนั้น เรารีบพูดดักทันที่ว่า พรุ่งนี้จะต้องไปทำงานและจะเอาน้องไปด้วย เขาก็รับรู้และบอกน้องว่าอดไปเที่ยวเลย แต่......
ตื่นเช้าขึ้นมา ลูกรีบรุดไปที่ห้องเขา ไปเล่นกัน แม่เรียกยังไงก็ไม่ตอบรับ เราจึงเปิดประตูห้องเข้าไป เร่งให้ลูกไปอาบน้ำ เตรียมตัวออกไปทำงานกับแม่ ปกติลูกจะชอบไปเพราะติดพี่ชายลูกของอามาก บางครั้งร้องไห้หาพี่ชายด้วยซ้ำ แต่วันนี้ลูกย้ำคำเดิมว่า “หนูไม่ไปกับแม่ หนูจะไปเที่ยวกับป้า” จบข่าวในเมื่อเมื่อคืนดักแล้วว่าไม่ให้ไป แม่เลยพูดตรงๆเลยว่ายังไงก็ไม่ให้ไป เมื่อได้ยินดังนั้น เขาแอบไปคุยกับพ่อที่หลังบ้าน แต่พ่อก็พูดออกมาคำเดียวกันว่า “ไม่ อนุญาตให้พาน้องไปเที่ยว” พร้อมกับชวนเขาไปที่ทำงานด้วยกัน แต่เขาไม่ยอมไป บอกว่าจะรออยู่ที่บ้าน
จากนั้นเราเปิดฉากทะเลาะกับสามีเพราะความขุ่นเคืองมันเก็บไม่อยู่ และตกลงกันว่าต่อไปอย่ารับปากให้เขามาอีก มันไม่ถูกต้อง จริงอยู่คิดถึงน้อง แต่ทำไมมาเยี่ยมกันจ้องแต่จะลากกันออกไปข้างนอก อยากไปเที่ยวเราก็พาไป ไปด้วยกันก็ได้ ทำไมต้องแยกเด็กออกจากพ่อแม่ แล้วไปเที่ยวกันตามลำพัง เวลาไปก็ไปทีข้ามวัน อย่างคราวที่แล้ว เขาก็รอจังหวะเราออกไปข้างนอก พาน้องเก็บของ เก็บเสื่อ ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า จนเกือบเย็นค่อยกลับมา โทรเรียกให้กลับก็ไม่กลับ จนเราต้องไปตาม หากพ่อจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ลูกเราจะเสียคนนะ สิ่งที่เรากลัวคือโตขึ้นเมื่อเด็กต่อต้านกับพ่อแม่ เด็กจะแอบหนีไปหาเค้าทันที จริงอยู่เขาอยากมีลูก เขาเคยเลี้ยงมา แต่เขาควรจะเกรงใจพ่อแม่บ้าง ทำอะไรไม่เคยขออนุญาต เมื่อเด็กเสียคนมาเราเป็นคนรับผิดชอบเต็มๆ จริงอยู่กับพี่เลี้ยงคนนี้เราไม่ได้พึ่งพาเขาแค่การเลี้ยงลูก ตลอดเวลาที่เราอยู่ที่นั่นเขาช่วยเหลือเราทุกอย่าง แต่หากคบกันต่อไปแล้วลูกเราเป็นอย่างนี้ มันคุ้มไหม แค่อยากระบาย