ขอเล่าคร่าวๆ ไว้เป็นไอเดียสำหรับใครที่กำลังวางแผนนะครับ
ผมตัดสินใจไปถวายสักการะในวันที่ ๒ ของการเปิดให้เข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท (๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๙)
ตื่นตี ๓ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ตี ๔ กว่าๆ
นั่งแท็กซี่ไปลงที่ถนนราชดำนิน บริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์
เดินไปจนถึงหางแถว ที่สนามหลวงฝั่งตรงข้ามศาลฏีกา เกือบๆ ตี ๕
แน่นอนว่ามีคนมาต่อแถวอยู่ก่อนแล้ว และก็มีมากด้วย
แต่การมาถึงในเวลานี้ ก็ค่อนข้างมั่นใจได้ครับ ว่าได้เข้าแน่ๆ
จากนั้น เดินเข้าเครื่องสแกน ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสัมภาระ
(ในนั้นมีขนมปังเซเว่น เค้กกล้วยหอมเซเว่น ทิชชู ทิชชูเปียก หนังสืออ่านเล่น และเพาเวอร์แบงค์)
จากนั้น เดินไปต่อที่หางแถวด้านใน ซึ่งอยู่บริเวณสนามหลวงฝั่งตรงข้ามหอประชุมใหญ่ของแหล่งศึกษาร่มเย็นเด่นริมสายชล (ธรรมศาสตร์) ครับ
จากนี้ แถวก็จะเคลื่อนไปเรื่อยๆ
๐๖.๐๕ น. สำหรับเวลาเช้าแบบนี้ อากาศค่อนข้างเป็นใจ
แถวจะเคลื่อนไปเรื่อยๆครับ เพราะตอนเช้ามืดแบบนี้ ก็เริ่มมีกลุ่มแรกๆ ได้เข้าไปถวายสักการะแล้ว
ตลอดทางที่แถวเคลื่อนไป มีอาสาสมัครแจกข้าว น้ำ ลูกอม ยาดม ทิชชู ตลอดจนมารับขยะไปทิ้งตลอดครับ
ไม่ต้องห่วงครับ พี่ๆน้องๆไม่ยอมให้เราลำบากแน่นอน
๐๖.๔๙ น. ยิ้มสู้..
๐๗.๕๗ น. ถึงจะเตรียมขนมปังมาอย่างดี และก็กินไปจนหมด
แต่พอแถวมาถึงหน้าเต๊นท์หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร
พี่ๆทหารเดินแจกโจ๊กกันไปมา จนผมพลอยได้รับมา 1 ถ้วย.. อร่อยจริงๆครับ
อาหารพระราชทาน ไม่ใช่แค่ของกินกันตาย แต่เป็นของดี ของอร่อย เหมือนตั้งใจทำมาให้จริงๆ
ประทับใจมากๆครับ จนต้องซูมรูปดู เพื่อจะได้อ้างชื่อหน่วยงานได้อย่างเต็มๆ
สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณครับ
๐๘.๓๕ น. ผ่านบริเวณให้บริการเปลี่ยนเสื้อผ้า
๐๙.๔๑ น. แถวช่วงผมได้ออกจากสนามหลวง เข้าไปเต๊นท์หน้ามหาวิทยาลัยศิลปากร มีเก้าอี้ให้นั่งรอ
จุดนี้ เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ปิดเครื่องมือสื่อสาร รวมทั้งห้ามถ่ายภาพจากนี้ไปครับ
ขณะเดียวกัน จุดนี้ เจ้าหน้าที่ก็จะเริ่มเช็คเครื่องแต่งกาย แต่ ณ เวลานั้น ก็ไม่พบว่าใครมีปัญหาจนถึงขั้นเข้าไม่ได้นะครับ
๑๐.๐๑ น. ในที่สุด ก็ได้เข้าไปในพระบรมมหาราชวังแล้วครับ ผ่านทางประตูวิเศษไชยศรี
พอเข้าไปด้านใน ก็จะเริ่มได้ยินเสียงพระพิธีธรรมแบบชัดเจนละครับ
นาทีนี้ เศร้าสุดเลยครับ เหมือนว่าเราใกล้ที่จะได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทแล้ว
ใกล้มากกว่าครั้งไหนๆ สำหรับคนที่ได้แค่เห็นท่านผ่านกระจกรถพระที่นั่ง
การสวรรคตของในหลวงดูเป็นเรื่องจริงขึ้นมามากกว่าทุกครั้งที่เรารู้สึก มากกว่าทุกครั้งที่เราดูข่าวทางโทรทัศน์
๑๐.๐๕ น. ตั้งแถวหน้าพระที่นั่งจักรีฯ ครับ จุดนี้หลายๆท่านเริ่มยกกล้องขึ้นถ่ายรูปพระที่นั่งดุสิตฯ กันแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น แถวก็เคลื่อนเข้าไปภายในพระที่นั่งดุสิตฯครับ ซึ่งไม่จบแค่นั้น
ภายในบริเวณพระที่นั่งดุสิตฯ เจ้าหน้าที่จะแจกถุงดำสำหรับให้ใส่รองเท้าและถุงเท้า
นั่นคือ เราจะต้องเดินเท้าเปล่าขึ้นพระที่นั่งไปถวายสักการะครับ (คนใส่ถุงน่องรอดตัวไปครับ)
โปรดดูแลสภาพเท้าท่านมาให้ดีครับ
เราจะต้องนั่งรอ ยืนรอบริเวณนี้อีกราวๆ ๑ ชั่วโมงครึ่งจึงได้ขึ้นไปถวายสักการะครับ
ตอนถวายสักการะ เจ้าหน้าที่จะจัดแถวให้ไปนั่งกันกับพื้นหน้าพระบรมโกศ และบอกสัญญานให้กราบ
จากนั้นจะมีเวลาสักสิบกว่าวินาทีในการเก็บภาพจำ และเดินออกจากพระที่นั่งฯ
เวลาไม่กี่วินาทีที่ว่านี้ ยากจะมองให้ได้ครบจริงๆครับ พระบรมโกศ เครื่องราชกกุธภัณฑ์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ฉัตร 9 ชั้นเบื้องบน พวงมาลา รวมถึงพระเก้าอี้สมเด็จพระบรมฯ สมเด็จพระเทพฯ และทูลกระหม่อม)
ออกจากพระที่นั่งดุสิตฯมา จะได้รับรูปพระบรมโกศ ถุงข้าว 'พอเพียง' ยาหม่องน้ำ พัด และน้ำจากดอยคำ (รอบผมเป็นน้ำกระเจี๊ยบ)
ออกมาทางประตูเทวาภิรมย์ ก็เป็นเวลา เที่ยงกว่าๆละครับ
นับจากตี ๕ จนถึงเวลานี้ ก็ ๗ ชั่วโมงครับ
แต่เราจะกลับไปแบบที่เราไม่ใช่คนเดิมครับ
จาก ๗ ชั่วโมงที่เราได้อยู่ในบรรยากาศของความรัก ความจงรักภักดี ความหวังดี ความเสียสละ ความศรัทธา ฯลฯ
น้องๆนักเรียน นิสิต นักศึกษา พี่ๆทหาร พี่ๆตำรวจ พี่ๆเจ้าหน้าที่ต่างๆ และทุกๆคนที่มามีส่วนร่วมในการอำนวยความสะดวก ทั้งหมดทั้งปวงคือความรักที่มีอยู่จริง และสัมผัสได้ของเราที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 และต่อเราคนไทยด้วยกันเอง
กลับจากงานนี้ไป เราจะรู้สึก feel good ไปตลอดทาง เผลอขอบคุณแท็กซี่ที่ยอมไปส่งที่สยาม ขอบคุณพนักงานเซเว่นที่อุ่นอาหารให้ และรู้สึกว่าเราจะต้องดีขึ้นกว่าเดิม
หวังว่ากระทู้นี้จะพอทำให้ท่านที่กำลังวางแผนไปถวายสักการะได้เห็นภาพมากขึ้น และเลิกกังวลจนไม่ได้ไปสักทีนะครับ
สวัสดี
แบ่งปันประสบการณ์: ตี ๕ - เที่ยงวัน ๗ ชั่วโมงกับการถวายสักการะ พระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙
ผมตัดสินใจไปถวายสักการะในวันที่ ๒ ของการเปิดให้เข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท (๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๙)
ตื่นตี ๓ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ตี ๔ กว่าๆ
นั่งแท็กซี่ไปลงที่ถนนราชดำนิน บริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์
เดินไปจนถึงหางแถว ที่สนามหลวงฝั่งตรงข้ามศาลฏีกา เกือบๆ ตี ๕
แน่นอนว่ามีคนมาต่อแถวอยู่ก่อนแล้ว และก็มีมากด้วย
แต่การมาถึงในเวลานี้ ก็ค่อนข้างมั่นใจได้ครับ ว่าได้เข้าแน่ๆ
จากนั้น เดินเข้าเครื่องสแกน ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสัมภาระ
(ในนั้นมีขนมปังเซเว่น เค้กกล้วยหอมเซเว่น ทิชชู ทิชชูเปียก หนังสืออ่านเล่น และเพาเวอร์แบงค์)
จากนั้น เดินไปต่อที่หางแถวด้านใน ซึ่งอยู่บริเวณสนามหลวงฝั่งตรงข้ามหอประชุมใหญ่ของแหล่งศึกษาร่มเย็นเด่นริมสายชล (ธรรมศาสตร์) ครับ
จากนี้ แถวก็จะเคลื่อนไปเรื่อยๆ
๐๖.๐๕ น. สำหรับเวลาเช้าแบบนี้ อากาศค่อนข้างเป็นใจ
แถวจะเคลื่อนไปเรื่อยๆครับ เพราะตอนเช้ามืดแบบนี้ ก็เริ่มมีกลุ่มแรกๆ ได้เข้าไปถวายสักการะแล้ว
ตลอดทางที่แถวเคลื่อนไป มีอาสาสมัครแจกข้าว น้ำ ลูกอม ยาดม ทิชชู ตลอดจนมารับขยะไปทิ้งตลอดครับ
ไม่ต้องห่วงครับ พี่ๆน้องๆไม่ยอมให้เราลำบากแน่นอน
๐๖.๔๙ น. ยิ้มสู้..
๐๗.๕๗ น. ถึงจะเตรียมขนมปังมาอย่างดี และก็กินไปจนหมด
แต่พอแถวมาถึงหน้าเต๊นท์หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร
พี่ๆทหารเดินแจกโจ๊กกันไปมา จนผมพลอยได้รับมา 1 ถ้วย.. อร่อยจริงๆครับ
อาหารพระราชทาน ไม่ใช่แค่ของกินกันตาย แต่เป็นของดี ของอร่อย เหมือนตั้งใจทำมาให้จริงๆ
ประทับใจมากๆครับ จนต้องซูมรูปดู เพื่อจะได้อ้างชื่อหน่วยงานได้อย่างเต็มๆ
สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณครับ
๐๘.๓๕ น. ผ่านบริเวณให้บริการเปลี่ยนเสื้อผ้า
๐๙.๔๑ น. แถวช่วงผมได้ออกจากสนามหลวง เข้าไปเต๊นท์หน้ามหาวิทยาลัยศิลปากร มีเก้าอี้ให้นั่งรอ
จุดนี้ เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ปิดเครื่องมือสื่อสาร รวมทั้งห้ามถ่ายภาพจากนี้ไปครับ
ขณะเดียวกัน จุดนี้ เจ้าหน้าที่ก็จะเริ่มเช็คเครื่องแต่งกาย แต่ ณ เวลานั้น ก็ไม่พบว่าใครมีปัญหาจนถึงขั้นเข้าไม่ได้นะครับ
๑๐.๐๑ น. ในที่สุด ก็ได้เข้าไปในพระบรมมหาราชวังแล้วครับ ผ่านทางประตูวิเศษไชยศรี
พอเข้าไปด้านใน ก็จะเริ่มได้ยินเสียงพระพิธีธรรมแบบชัดเจนละครับ
นาทีนี้ เศร้าสุดเลยครับ เหมือนว่าเราใกล้ที่จะได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทแล้ว
ใกล้มากกว่าครั้งไหนๆ สำหรับคนที่ได้แค่เห็นท่านผ่านกระจกรถพระที่นั่ง
การสวรรคตของในหลวงดูเป็นเรื่องจริงขึ้นมามากกว่าทุกครั้งที่เรารู้สึก มากกว่าทุกครั้งที่เราดูข่าวทางโทรทัศน์
๑๐.๐๕ น. ตั้งแถวหน้าพระที่นั่งจักรีฯ ครับ จุดนี้หลายๆท่านเริ่มยกกล้องขึ้นถ่ายรูปพระที่นั่งดุสิตฯ กันแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น แถวก็เคลื่อนเข้าไปภายในพระที่นั่งดุสิตฯครับ ซึ่งไม่จบแค่นั้น
ภายในบริเวณพระที่นั่งดุสิตฯ เจ้าหน้าที่จะแจกถุงดำสำหรับให้ใส่รองเท้าและถุงเท้า
นั่นคือ เราจะต้องเดินเท้าเปล่าขึ้นพระที่นั่งไปถวายสักการะครับ (คนใส่ถุงน่องรอดตัวไปครับ)
โปรดดูแลสภาพเท้าท่านมาให้ดีครับ
เราจะต้องนั่งรอ ยืนรอบริเวณนี้อีกราวๆ ๑ ชั่วโมงครึ่งจึงได้ขึ้นไปถวายสักการะครับ
ตอนถวายสักการะ เจ้าหน้าที่จะจัดแถวให้ไปนั่งกันกับพื้นหน้าพระบรมโกศ และบอกสัญญานให้กราบ
จากนั้นจะมีเวลาสักสิบกว่าวินาทีในการเก็บภาพจำ และเดินออกจากพระที่นั่งฯ
เวลาไม่กี่วินาทีที่ว่านี้ ยากจะมองให้ได้ครบจริงๆครับ พระบรมโกศ เครื่องราชกกุธภัณฑ์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ฉัตร 9 ชั้นเบื้องบน พวงมาลา รวมถึงพระเก้าอี้สมเด็จพระบรมฯ สมเด็จพระเทพฯ และทูลกระหม่อม)
ออกจากพระที่นั่งดุสิตฯมา จะได้รับรูปพระบรมโกศ ถุงข้าว 'พอเพียง' ยาหม่องน้ำ พัด และน้ำจากดอยคำ (รอบผมเป็นน้ำกระเจี๊ยบ)
ออกมาทางประตูเทวาภิรมย์ ก็เป็นเวลา เที่ยงกว่าๆละครับ
นับจากตี ๕ จนถึงเวลานี้ ก็ ๗ ชั่วโมงครับ
แต่เราจะกลับไปแบบที่เราไม่ใช่คนเดิมครับ
จาก ๗ ชั่วโมงที่เราได้อยู่ในบรรยากาศของความรัก ความจงรักภักดี ความหวังดี ความเสียสละ ความศรัทธา ฯลฯ
น้องๆนักเรียน นิสิต นักศึกษา พี่ๆทหาร พี่ๆตำรวจ พี่ๆเจ้าหน้าที่ต่างๆ และทุกๆคนที่มามีส่วนร่วมในการอำนวยความสะดวก ทั้งหมดทั้งปวงคือความรักที่มีอยู่จริง และสัมผัสได้ของเราที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 และต่อเราคนไทยด้วยกันเอง
กลับจากงานนี้ไป เราจะรู้สึก feel good ไปตลอดทาง เผลอขอบคุณแท็กซี่ที่ยอมไปส่งที่สยาม ขอบคุณพนักงานเซเว่นที่อุ่นอาหารให้ และรู้สึกว่าเราจะต้องดีขึ้นกว่าเดิม
หวังว่ากระทู้นี้จะพอทำให้ท่านที่กำลังวางแผนไปถวายสักการะได้เห็นภาพมากขึ้น และเลิกกังวลจนไม่ได้ไปสักทีนะครับ
สวัสดี