หรือว่าจะถึงคราววิกฤตซะแล้ว สำหรับ Apple เมื่อพบว่ารายได้รวมของบริษัทในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ตกลงอย่างน่าใจหาย ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2001

โดย Apple ได้เปิดเผยผลประกอบการรวมทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทในปีนี้อยู่ที่ตัวเลข 217 พันล้านเหรียญฯ ซึ่งลดลง 9% จากรายได้ที่เคยทำได้อยู่ที่ 233.7 พันล้านเหรียญฯ เมื่อปี 2015 ถือเป็นครั้งแรกของบริษัทที่มีรายได้ต่อปีลดลงในรอบ 15 ปี

ขณะที่ยอดขาย iPhone ต่อปีนั้นก็ลดลง 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ยอดขายในไตรมาสล่าสุดก็ลดลงเหลือ 46.85 พันล้านเหรียญฯ ถือเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกันของปีที่ Apple เผชิญกับภาวะกำไรที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยหลักนั้นก็หนีไม่พ้นยอดขาย iPhone ที่ลดลง และอาจจะรวมถึงการปรับเปลี่ยนนโยบาย เปลี่ยนดีไซน์ iPhone ใหม่ทุกๆ 3 ปี ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ยอดขาย iPhone ถึงจุดอิ่มตัว เนื่องจากลูกค้าที่ซื้อ iPhone รุ่นก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่ามีความจำเป็นต้องเปลี่ยน อย่างไรก็ตามในปีหน้าก็จะครบรอบ 10 ปีของ iPhone นั้น น่าสนใจเหลือเกินว่าเราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงมากมายที่จะพลิกสถานการณ์ความอิ่มตัวนี้ได้หรือไม่

นับว่าเป็นข่าวที่ไม่น่าตกใจนัก เพราะตั้งแต่ สตีฟ จอบส์ ตายไป Apple ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยพัฒนาไปสักเท่าไร แถมปัจจุบันนี้ค่ายมือถืออื่นๆ ก็พัฒนาศักยภาพมาทัดเทียมกับ Apple แล้ว แถมยังมีค่ายมือถือเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และราคาก็อยู่ในส่วนที่คนทั่วไปสามารถจับต้องได้ ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรที่ยอดขายของ Apple จะลดลง

แหล่งข่าว http://www.atimedesign.com/webdesign/apple-declined-first/