Apple วางแผนที่จะเพิ่มปริมาณการส่งออก iPhone จากอินเดียอย่างเร่งด่วน เพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนที่กำหนดโดยประธานาธิบดีทรัมป์ หลังผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าราคาของสมาร์ทโฟนยอดนิยมอาจพุ่งทะลุ 2,000 ดอลลาร์ (6.92 หมื่นบาท)
ราคา iPhone 16 อาจพุ่งสูงขึ้นทันที 43% หากนโยบายขึ้นภาษีสินค้าจากจีนของทรัมป์ถูกนำมาบังคับใช้
https://www.facebook.com/share/p/1HoatLb6Q6/
แหล่งข่าวเปิดเผยกับ Wall Street Journal ว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว ขณะที่ Apple พยายามขอการยกเว้นจากภาษีที่เข้มงวด ซึ่งเคยได้รับอนุมัติในช่วงวาระแรกของทรัมป์
รัฐบาลสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรวมเป็น 54% ภายใต้แคมเปญ "วันปลดปล่อย" (Liberation Day) ขณะที่สินค้าจากอินเดียถูกเรียกเก็บภาษีที่อัตรา 26% มาตรการดังกล่าวส่งผลให้ราคาของ iPhone รุ่นใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ดอลลาร์ (3.43 หมื่นบาท) ซึ่งหมายความว่า iPhone รุ่นใหม่ๆ อาจมีราคาสูงถึง 2,300 (7.96 หมื่นบาท) ล่าสุด เมื่อวานนี้ (7 เม.ย.) ทรัมป์ยังขู่ว่าจะเพิ่มภาษีอีก 50% ต่อสินค้าจีน หากปักกิ่งไม่ลดภาษีตอบโต้ 34% ต่อสหรัฐฯ ภายในวันอังคาร (8 เม.ย.)
วัมซี โมฮัน นักวิเคราะห์จาก Bank of America กล่าวกับ WSJ ว่าปีนี้ Apple มีแผนผลิต iPhone ประมาณ 25 ล้านเครื่องในอินเดีย ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 10 ล้านเครื่องจากปกติ หากบริษัทเลือกส่งออก iPhone ที่ผลิตในอินเดียทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ ก็จะสามารถรองรับความต้องการของตลาดสหรัฐฯ ได้ประมาณ 50% ในปีนี้
มาตรการภาษี "Liberation Day" ถูกเรียกว่า "การประกาศอิสรภาพทางเศรษฐกิจ" โดยประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งระบุว่ามาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้บริษัทต่างๆ สร้างฐานการผลิตที่แข็งแกร่งขึ้นในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์แย้งว่าการผลิตในประเทศอาจทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น
ส่วนประกอบหลักของ iPhone ยังคงผลิตในจีนเป็นส่วนใหญ่ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Apple ได้เพิ่มการประกอบอุปกรณ์ต่างๆ ในอินเดีย ซึ่งทำให้บริษัทสามารถระบุอินเดียเป็นประเทศต้นทางของอุปกรณ์เหล่านั้นได้ อย่างไรก็ตาม ฐานการผลิตหลักยังคงอยู่ในจีน ซึ่งเป็นที่ตั้งของพันธมิตรด้านการผลิตอย่าง Foxconn
ขณะเดียวกัน Apple ได้เพิ่มการประกอบ iPad, AirPods และ Apple Watch ในเวียดนาม ซึ่งต้องเผชิญกับอัตราภาษีนำเข้าสูงถึง 46
ทิม คุก ซีอีโอ Apple ให้คำมั่นว่าจะลงทุน 500,000 ล้านดอลลาร์ (17.31 ล้านล้านบาท) หลังมาตรการภาษีของสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจประเทศ พร้อมเดินหน้าขยายการผลิตในสหรัฐฯ ในช่วง 4 ปีข้างหน้า โดยบริษัทเตรียมจ้างพนักงานใหม่ 20,000 คน และตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่ในเมืองฮิวสตัน ซึ่งจะผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI เพื่อรองรับฟีเจอร์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) บนอุปกรณ์อย่าง iPhone
ด้านบริษัทวิจัย Wedbush ระบุในบันทึกล่าสุดว่า หากผู้บริโภคต้องการ iPhone ที่มีราคาสูงถึง 3,500 ดอลลาร์ (1.21 แสนบาท) บริษัทควรพิจารณาการผลิตภายในสหรัฐฯ โดยอาจตั้งฐานการผลิตในรัฐนิวเจอร์ซีย์ เท็กซัส หรือรัฐอื่นๆ
(1 ดอลลาร์ = 34.62 บาท)
ที่มา: New York Post
Iphone ราคาเครื่องละ 120,000 บาท หาก Apple ตั้งฐานการผลิตใน อเมริกา
ราคา iPhone 16 อาจพุ่งสูงขึ้นทันที 43% หากนโยบายขึ้นภาษีสินค้าจากจีนของทรัมป์ถูกนำมาบังคับใช้
https://www.facebook.com/share/p/1HoatLb6Q6/
แหล่งข่าวเปิดเผยกับ Wall Street Journal ว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว ขณะที่ Apple พยายามขอการยกเว้นจากภาษีที่เข้มงวด ซึ่งเคยได้รับอนุมัติในช่วงวาระแรกของทรัมป์
รัฐบาลสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรวมเป็น 54% ภายใต้แคมเปญ "วันปลดปล่อย" (Liberation Day) ขณะที่สินค้าจากอินเดียถูกเรียกเก็บภาษีที่อัตรา 26% มาตรการดังกล่าวส่งผลให้ราคาของ iPhone รุ่นใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ดอลลาร์ (3.43 หมื่นบาท) ซึ่งหมายความว่า iPhone รุ่นใหม่ๆ อาจมีราคาสูงถึง 2,300 (7.96 หมื่นบาท) ล่าสุด เมื่อวานนี้ (7 เม.ย.) ทรัมป์ยังขู่ว่าจะเพิ่มภาษีอีก 50% ต่อสินค้าจีน หากปักกิ่งไม่ลดภาษีตอบโต้ 34% ต่อสหรัฐฯ ภายในวันอังคาร (8 เม.ย.)
วัมซี โมฮัน นักวิเคราะห์จาก Bank of America กล่าวกับ WSJ ว่าปีนี้ Apple มีแผนผลิต iPhone ประมาณ 25 ล้านเครื่องในอินเดีย ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 10 ล้านเครื่องจากปกติ หากบริษัทเลือกส่งออก iPhone ที่ผลิตในอินเดียทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ ก็จะสามารถรองรับความต้องการของตลาดสหรัฐฯ ได้ประมาณ 50% ในปีนี้
มาตรการภาษี "Liberation Day" ถูกเรียกว่า "การประกาศอิสรภาพทางเศรษฐกิจ" โดยประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งระบุว่ามาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้บริษัทต่างๆ สร้างฐานการผลิตที่แข็งแกร่งขึ้นในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์แย้งว่าการผลิตในประเทศอาจทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น
ส่วนประกอบหลักของ iPhone ยังคงผลิตในจีนเป็นส่วนใหญ่ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Apple ได้เพิ่มการประกอบอุปกรณ์ต่างๆ ในอินเดีย ซึ่งทำให้บริษัทสามารถระบุอินเดียเป็นประเทศต้นทางของอุปกรณ์เหล่านั้นได้ อย่างไรก็ตาม ฐานการผลิตหลักยังคงอยู่ในจีน ซึ่งเป็นที่ตั้งของพันธมิตรด้านการผลิตอย่าง Foxconn
ขณะเดียวกัน Apple ได้เพิ่มการประกอบ iPad, AirPods และ Apple Watch ในเวียดนาม ซึ่งต้องเผชิญกับอัตราภาษีนำเข้าสูงถึง 46
ทิม คุก ซีอีโอ Apple ให้คำมั่นว่าจะลงทุน 500,000 ล้านดอลลาร์ (17.31 ล้านล้านบาท) หลังมาตรการภาษีของสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจประเทศ พร้อมเดินหน้าขยายการผลิตในสหรัฐฯ ในช่วง 4 ปีข้างหน้า โดยบริษัทเตรียมจ้างพนักงานใหม่ 20,000 คน และตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่ในเมืองฮิวสตัน ซึ่งจะผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI เพื่อรองรับฟีเจอร์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) บนอุปกรณ์อย่าง iPhone
ด้านบริษัทวิจัย Wedbush ระบุในบันทึกล่าสุดว่า หากผู้บริโภคต้องการ iPhone ที่มีราคาสูงถึง 3,500 ดอลลาร์ (1.21 แสนบาท) บริษัทควรพิจารณาการผลิตภายในสหรัฐฯ โดยอาจตั้งฐานการผลิตในรัฐนิวเจอร์ซีย์ เท็กซัส หรือรัฐอื่นๆ
(1 ดอลลาร์ = 34.62 บาท)
ที่มา: New York Post