จขกท เคยตั้งกระทู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ไปบ้างแล้ว ขอยกยอดมาเพื่อซ้ำในกระทู้นี้นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ส่วนที่ จขกท อยากคุยตอนนี้คือ วิธีการเล่าเรื่องของละครเรื่องนี้ค่ะ
จขกท. จับสังเกตได้หลายอย่าง ซึ่งไม่ทราบว่าเหมือนหรือต่างกับละครหนังปัจจุบันหรือโบราณอย่างไร
เพราะ จขกท ดูซีรีย์เกาหลีไม่มากนัก และจากแดจังกึมไม่เคยดูพีเรียดเกาหลีเลย(ท่านบัณฑิต จขกทนับเป็นการ์ตูน)
ข้อที่ จขกท สังเกตุวิธีของละครเรื่องนี้ ก็คือ
- เน้นการพูดอธิบายเหตุการณ์มาก อันนี้ จขกท ว่ามันก็มีส่วนดี แต่บางทีมันก็แย่นะคะ
ยกตัวอย่างเช่น กฎห้ามนางกำนัลออกจากวังเป็นอันขาด
คือมันไม่มีอะไรให้รู้เลย มารู้ก็อย่างเช่นหลังพระเอกพานางเอกไปทะเล
แล้ว เราดูก็ยังไม่รู้สึกว่ามันสำคัญอะไรหนักหนาขนาดนั้น
ตัวอย่างที่เด็ดขาดข้อนี้คือ อูฮีกับแฮซูสนิทกัน ทุกคนเอ๋อหมดรู้จักกันตอนไหนหรา
- การรวบเวลา อันนี้บ่อยมาก คือบางทีมันก็จำเป็นนะกับเวลายาวๆ แต่มันเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ทั้งที่เรารู้สึกว่า มันมีอะไรค้างคาอยู่นะ ทำให้ความรู้สึกยาวนานของเวลา มันไม่นาน
และเราไม่รู้สึกถึงว่า ตัวละครต้องอดทนกับกาลเวลา คือสามัญสำนึกเรารู้แต่ละครควรแสดงให้เราเห็น
ไม่ใช่มีภาพมีอักษร มีคำพูดแล้วเราก็คิดเอาเอง
- การตัดภาพแสดงการเฉลยข้อความในบทของฉากที่แล้ว
เช่น สมมตินะคะ ลืมแล้วว่าฉากไหนบ้าง เช่น ตัวละครอาจจะพูดว่า แล้วใครกันที่ทำเรื่องนี้ได้
ปุ๊บตัดฉาก จะโชว์คนที่เป็นคีย์ประเด็นของขอ้สงสัยในฉากที่แล้วทันที เป็นฉากถัดมา
- การซูมภาพ จขกท เฉยๆ และชอบดูค่ะ แม้ว่าบางคนจะบ่นอึดอัด แต่เรารู้สึกโฟกัสความรู้สึกดี
แล้วการแต่งหน้าเค้าดีมาก ดวงตาสื่อสารและเล่นการสะท้อนแสงเงามาก
แต่.. บางครั้งมันก็ขำค่ะ คือซูมมาโครมาก ชนิด ตาชัดจมูกเบลอ แก้มชัดตาเบลอ มันฮาน่ะ
- ความอลังการ ลดลงเรื่อยๆ จากฉากแรกๆ ตื่นตามาก ขี่ม้าในทุ่งกว้าง มีโดรนตามภาพเคลื่อนไหว
เงาจันทร์ทาบบนท้องทุ่ง ดวงตะวันกำลังคราส โอ้โห อลังสวยงามที่สุด
พอหลังๆ เอ วังชักเล็ก กองทหารดูน่ารักพอสมตัวพิกล
คนในวังสาวสรรกำนัลในตอนบ้านชายแปดมันโดนไล่ออกหรือเปล่า
- เพิ่ม คนเขียนบท พยายามไม่ทิ้งบท ลากสิ่งที่พูดไว้มาเป็นผลในตอนหลังๆ
ตัวอย่างเช่น ซูเคยพูดปลอบโซวันพังกองหินเรื่องการอภัยและการเข้าใจ
โซพูดซ้ำในตอนเสียใจพลั้งมือวังโย เรื่องการอภัยและการเข้าใจ
สิ่งที่ จขกท อยากแลกเปลี่ยนความเห็นเพิ่ม เพราะรู้สึกถึงวิธีการในละครเรือ่งนี้ ที่แปลกกว่าละครเรื่องอื่น
โดยใช้วิธีการแบบภาพยนต์ค่อนข้างมาก
มีการสร้างเงื่อนไขในต้นเรื่องแล้วนำมามีผลต่อท้ายเรื่อง
มีการซ่อนสัญญลักษณ์ การสื่อความหมายอยู่หลายฉากมากๆ ไ่มใช่แค่การเล่าเรื่องแบบละครปรกติ
สำหรับตอน 18 ที่ผ่านมา จขกท เห็นชัดเจนมากๆอยู่ สามฉาก
1- นิทานกล่อมเพฮา เรื่องหนูน้อยหมวกแดง อันนี้ จขกท รู้สึกชัดเจนว่า นี่คือความในใจของแฮซู
นางเอกก็คงรักพระเอกแหละ แต่เป็นรักเพราะต้องรัก รักเพื่อรอดชีวิต และนางเอกไม่เคยการ์ดตก
ไม่ว่าเมื่อไหร่นางเอกระวังตัวกลัวหมาป่าตัวนี้เสมอ แม้จะพูดว่าเชื่อใจทุกสถานการณ์ก็ตาม
2- ฉากเพฮาจับมือแม่มาแนบหน้าตอนตาย เป็นการสัมผัสจากแม่ครั้งแรกในช่วงเวลาบาดแผลของวังโซ
แสดงออกถึงความต้องการความรักของวังโซอย่างที่สุด
3 - หน้ากาก กับการปกปิด การหลอกลวง การดีลและต่อรอง ทั้งพระเอกนางเอก และ นางร้าย
เลยอยากชวนกันคุยค่ะ
[Moon lovers] กลวิธีเล่าเรื่องแบบภาพยนต์ และนัยยะแฝงเร้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สิ่งที่ จขกท อยากแลกเปลี่ยนความเห็นเพิ่ม เพราะรู้สึกถึงวิธีการในละครเรือ่งนี้ ที่แปลกกว่าละครเรื่องอื่น
โดยใช้วิธีการแบบภาพยนต์ค่อนข้างมาก
มีการสร้างเงื่อนไขในต้นเรื่องแล้วนำมามีผลต่อท้ายเรื่อง
มีการซ่อนสัญญลักษณ์ การสื่อความหมายอยู่หลายฉากมากๆ ไ่มใช่แค่การเล่าเรื่องแบบละครปรกติ
สำหรับตอน 18 ที่ผ่านมา จขกท เห็นชัดเจนมากๆอยู่ สามฉาก
1- นิทานกล่อมเพฮา เรื่องหนูน้อยหมวกแดง อันนี้ จขกท รู้สึกชัดเจนว่า นี่คือความในใจของแฮซู
นางเอกก็คงรักพระเอกแหละ แต่เป็นรักเพราะต้องรัก รักเพื่อรอดชีวิต และนางเอกไม่เคยการ์ดตก
ไม่ว่าเมื่อไหร่นางเอกระวังตัวกลัวหมาป่าตัวนี้เสมอ แม้จะพูดว่าเชื่อใจทุกสถานการณ์ก็ตาม
2- ฉากเพฮาจับมือแม่มาแนบหน้าตอนตาย เป็นการสัมผัสจากแม่ครั้งแรกในช่วงเวลาบาดแผลของวังโซ
แสดงออกถึงความต้องการความรักของวังโซอย่างที่สุด
3 - หน้ากาก กับการปกปิด การหลอกลวง การดีลและต่อรอง ทั้งพระเอกนางเอก และ นางร้าย
เลยอยากชวนกันคุยค่ะ