ดิฉันทำโน้ตไว้เฉยๆ ค่ะ ยังไม่มีเวลาหาข้อมูลเพิ่ม แต่โพสต์ไว้ในลักษณะ reflection หลังการอ่านนะคะ
โดยรวมแล้วก็รู้สึกแปลกๆ ค่ะ ดิฉันสารภาพตามตรงว่าหนังสือเล่มเล็ก แต่อ่านยากมากค่ะ คือไม่แน่ใจว่าผู้เขียนต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ เพราะในบทความมันมีเนื้อหาที่ขัดแย้งกันเองหลายจุด อยากเสนอให้ผู้เขียนทำสรุปทำนอง abstract ติดไว้แต่ละบทความจะดีมากค่ะ
อันนี้สรุป 8 บรรทัดนะ ว่าหนังสือมีเนื้อหาหลักๆ ว่าอย่างไร
พื้นที่นาดำ --> แหล่งสะสมอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมือง --> ปักหลักทำนาจนเป็นชุมชน --> นำไปสู่การจัดองค์กรการปกครองและเก็บภาษี --> การอพยพมีน้อยลง แต่ยังส่งอิทธิพลภาษาไท-ไตลงมาผ่านการค้า ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17-20 (คนทางด้านล่างเป็นเขมร จีน ลัวะ มอญ แต่ได้รับอิทธิพลภาษาไท-ไตผ่านการค้าจึงพูดไท) --> พุทธศตวรรษที่ 24 ภาษาหยุดนิ่งเพราะมีการกำหนดภาษามาตรฐาน ทำพจนานุกรม ตำราไวยากรณ์ จนนำไปสู่การเข้าใจแบบเหมารวมว่าคนที่พูดภาษาคล้ายกัน (ไท-ไต) เป็นกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกัน
ซึ่งความจริงแล้ว กลุ่มคนที่พูดภาษาไทในภาคกลางอาจจะไม่ใช่คนไท แต่เป็นเขมร จีน ลัวะ มอญ ฯลฯ
นำไปสู่บทสรุปของชื่อหนังสือว่า ความไม่ไทของคนไท
รีวิวผ่านๆ หนังสือ “ความไม่ไทยของคนไทย”
โดยรวมแล้วก็รู้สึกแปลกๆ ค่ะ ดิฉันสารภาพตามตรงว่าหนังสือเล่มเล็ก แต่อ่านยากมากค่ะ คือไม่แน่ใจว่าผู้เขียนต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ เพราะในบทความมันมีเนื้อหาที่ขัดแย้งกันเองหลายจุด อยากเสนอให้ผู้เขียนทำสรุปทำนอง abstract ติดไว้แต่ละบทความจะดีมากค่ะ
อันนี้สรุป 8 บรรทัดนะ ว่าหนังสือมีเนื้อหาหลักๆ ว่าอย่างไร
พื้นที่นาดำ --> แหล่งสะสมอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมือง --> ปักหลักทำนาจนเป็นชุมชน --> นำไปสู่การจัดองค์กรการปกครองและเก็บภาษี --> การอพยพมีน้อยลง แต่ยังส่งอิทธิพลภาษาไท-ไตลงมาผ่านการค้า ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17-20 (คนทางด้านล่างเป็นเขมร จีน ลัวะ มอญ แต่ได้รับอิทธิพลภาษาไท-ไตผ่านการค้าจึงพูดไท) --> พุทธศตวรรษที่ 24 ภาษาหยุดนิ่งเพราะมีการกำหนดภาษามาตรฐาน ทำพจนานุกรม ตำราไวยากรณ์ จนนำไปสู่การเข้าใจแบบเหมารวมว่าคนที่พูดภาษาคล้ายกัน (ไท-ไต) เป็นกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกัน
ซึ่งความจริงแล้ว กลุ่มคนที่พูดภาษาไทในภาคกลางอาจจะไม่ใช่คนไท แต่เป็นเขมร จีน ลัวะ มอญ ฯลฯ
นำไปสู่บทสรุปของชื่อหนังสือว่า ความไม่ไทของคนไท