ถึงแม้จะทำด้วยเจตนาดีตามคำบอกของเจ้าของกิจกรรม
มีเหตุผลหลายอย่างที่คิดว่าไม่เหมาะสมค่ะ เช่น
-ด้านสถานที่ที่ทำกิจกรรม ควรอยู่ในที่ทางที่เหมาะสม ควรจัดในที่ส่วนตัวของสถาบัน หรือตามห้างมากกว่าค่ะ
-ด้านสถานการณ์ การแสดงออกแบบนี้ในเวลานี้ไม่เข้ากับสถานการณ์เลย เป็นการแสดงที่แปลกๆค่ะ
-ด้านวัฒนธรรมไทย การกอดควรแสดงต่อคนที่เราควรแสดงการกอดมากกว่าการทำกิจกรรม ควรออกจากใจ
-ด้านสุขอนามัย คนยืนให้กอดและคนกอดคงเปื้อนเหงื่อ และเชื้อโรคอะไรบ้าง คิดแล้วส่ายหน้าเลยค่ะ
-ด้านความปลอดภัย จะเกิดอะไรขึ้น เพราะเราไม่รู้จักเลยว่าใครที่มากอดเราเป็นอย่างไร
-ฯลฯ
คิดดีๆนำไปใช้ในเวลาดีๆและเหมาะสมก็คงจะดี ลองคิดทบทวนใหม่นะคะ..
มีข่าวให้อ่านค่ะ
เพจเฟซบุ๊ก Drag Diesel Thailand ได้มีการแชร์รูปภาพ ชาย-หญิง ใส่เสื้อดำ ยืนถือป้ายกระดาษ หน้ากระทรวงกลาโหม เยื้องศาลหลักเมือง มีข้อความระบุว่ากิจกรรม “กอดฟรี เพราะพ่ออยากให้รักกัน” โดยทางเพจผู้แชร์ภาพดังกล่าวอธิบายเพิ่มเติมว่า กิจกรรมดังกล่าว เป็นการให้ชายกอดชาย หญิงกอดหญิง เท่านั้นเจ้าของกิจกรรม “Free Hug” โพสต์ FaceBook แจงกรณีดราม่า ชี้ แค่ต้องการปลอมใจคนไทยเท่านั้น
ผู้ใช้ Facebook “Teerawat Pinpanichakarn” โพสต์ชี้แจงกรณีดราม่าโซเชียลเกี่ยวกับกิจกรรม free hug โดยเล่าว่า ตนคือคนที่เริ่มต้นกิจกรรมนี้ โดยมีความคิดกับเพื่อนว่า จะทำกิจกรรม Free hug กัน เพื่อปลอบประโลมใจคนไทยที่กำลังเศร้าใจกันอยู่ และได้มีการเริ่มต้นกิจกรรม ที่สยามสแควร์ ในวันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา ผลตอบรับค่อนข้างดี จึงผมตัดสินใจว่า จะไปทำกิจกรรมนี้ที่สนามหลวง ซึ่งได้เริ่มทำกิจกรรมนี้ในวันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม และผลตอบรับก็ออกมาดีมาก
ทั้งนี้ การทำกิจกรรมนั้น ตนเองจะพยายามสอดแทรกทุกคนว่า อย่าลืมกลับไปกอดคนที่บ้าน เพราะผมไม่ได้ต้องการให้เขามากอดตนเท่านั้น ตนอยากให้คนที่ได้รับสารนี้ นำความรู้สึกดี ๆ ไปส่งต่อคนในครอบครัว ญาติมิตร และคนรอบตัว
อย่างไรก็ตาม เรื่องดราม่าเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม ตนได้นัดกับน้องที่เห็นรูปดราม่ามาเจอกันเพื่อไหว้พ่อหลวง และตนเองก็ได้ทำกิจกรรม free hug หลังจากนั้น ตนจึงชวนให้ลองทำกิจกรรมดูว่ารู้สึกยังไง โดยที่น้องยืนอยู่เพียง 3 นาทีเท่านั้น ก่อนจะแยกจากกัน และในวันที่ 24 ตุลาคม ตนก็ไปทำกิจกรรม free hug เช่นเดิม แต่ครั้งนี้เมื่อทำกิจกรรม ตนถูกเชิญตัวโดยเจ้าหน้าที่ทางการให้ไปให้ปากคำที่กองอำนวยการ
โดยตนขอยืนยันว่า กิจกรรมนี้ไม่มีจุดประสงค์แอบแฝงแต่อย่างใด แค่ต้องการส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ให้กำลังใจด้วยการกอด เหมือนสิ่งที่พ่อสอน ท่านไม่ได้สอนให้เรารักท่าน แต่ท่านสอนให้เรา รักและสามัคคีกัน ตนจึงอันเชิญคำสอนนั้นมาเขียน เพื่อที่จะบอกถึงความตั้งใจว่า ตนอยากเป็นส่วนหนึ่งที่อยากทำให้คนไทยได้รักกันตามพระดำริของท่าน ซึ่งมันสอดคล้องกับกิจกรรม free hug ที่เน้นการส่งต่อความรักและกำลังใจต่อกัน
ทั้งนี้ หนึ่งในนักศึกษาผู้จัดกิจกรรม ระบุว่า ก่อนหน้านี้ได้เปิดดูเว็บไซต์ชื่อดังเว็บหนึ่ง แล้วเห็นคลิปวีดีโอจากประเทศแถบยุโรป มีกิจกรรมให้เข้าสวมกอดบุคคลที่ยืนถือป้าย ฟรีกอด หรือ free hug เพื่อให้ผู้ที่กำลังโศกเศร้าเสียใจ เกิดความสบายใจ มากขึ้นด้วยภาษากาย ซึ่งกลุ่มเพื่อน ๆ เห็นพ้องกันว่า อยากทำกิจกรรมดังกล่าวบริเวณสนามหลวง
ด้าน พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด รักษาราชการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า สำหรับกิจกรรม กอดฟรีบริเวณ ท้องสนามหลวง เพื่อแสดงความรักกันนั้น ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า น่าจะมีกิจกรรมที่เหมาะที่ควร หรือน่าทำมากกว่านี้
อยากให้ข้อคิดแก่เยาวชนทุกคนว่า ทุกกิจกรรมที่ทำ นอกจากเกิดจากเจตนาที่ดีแล้ว ต้องพิจารณาว่ากิจกรรมเหล่านั้นเหมาะสม และสมควรแก่กาลเทศะด้วย เพราะหากกิจกรรมนั้นไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมอันดีงาม หรือไม่เหมาะสมกับห้วงเวลาขณะนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการแสดงความอาลัยของชาวไทยทุกคน ความตั้งใจดีนั้นก็อาจจะไม่ได้รับคำชื่นชม
http://news.mthai.com/hot-news/social-news/528070.html
((มาลาริน)) ความเหมาะสมทั้งสถานที่ ทั้งสถานการณ์นี้......ภาษากาย กอดฟรีจะดีหรือคะ...?
มีเหตุผลหลายอย่างที่คิดว่าไม่เหมาะสมค่ะ เช่น
-ด้านสถานที่ที่ทำกิจกรรม ควรอยู่ในที่ทางที่เหมาะสม ควรจัดในที่ส่วนตัวของสถาบัน หรือตามห้างมากกว่าค่ะ
-ด้านสถานการณ์ การแสดงออกแบบนี้ในเวลานี้ไม่เข้ากับสถานการณ์เลย เป็นการแสดงที่แปลกๆค่ะ
-ด้านวัฒนธรรมไทย การกอดควรแสดงต่อคนที่เราควรแสดงการกอดมากกว่าการทำกิจกรรม ควรออกจากใจ
-ด้านสุขอนามัย คนยืนให้กอดและคนกอดคงเปื้อนเหงื่อ และเชื้อโรคอะไรบ้าง คิดแล้วส่ายหน้าเลยค่ะ
-ด้านความปลอดภัย จะเกิดอะไรขึ้น เพราะเราไม่รู้จักเลยว่าใครที่มากอดเราเป็นอย่างไร
-ฯลฯ
คิดดีๆนำไปใช้ในเวลาดีๆและเหมาะสมก็คงจะดี ลองคิดทบทวนใหม่นะคะ..
มีข่าวให้อ่านค่ะ
เพจเฟซบุ๊ก Drag Diesel Thailand ได้มีการแชร์รูปภาพ ชาย-หญิง ใส่เสื้อดำ ยืนถือป้ายกระดาษ หน้ากระทรวงกลาโหม เยื้องศาลหลักเมือง มีข้อความระบุว่ากิจกรรม “กอดฟรี เพราะพ่ออยากให้รักกัน” โดยทางเพจผู้แชร์ภาพดังกล่าวอธิบายเพิ่มเติมว่า กิจกรรมดังกล่าว เป็นการให้ชายกอดชาย หญิงกอดหญิง เท่านั้นเจ้าของกิจกรรม “Free Hug” โพสต์ FaceBook แจงกรณีดราม่า ชี้ แค่ต้องการปลอมใจคนไทยเท่านั้น
ผู้ใช้ Facebook “Teerawat Pinpanichakarn” โพสต์ชี้แจงกรณีดราม่าโซเชียลเกี่ยวกับกิจกรรม free hug โดยเล่าว่า ตนคือคนที่เริ่มต้นกิจกรรมนี้ โดยมีความคิดกับเพื่อนว่า จะทำกิจกรรม Free hug กัน เพื่อปลอบประโลมใจคนไทยที่กำลังเศร้าใจกันอยู่ และได้มีการเริ่มต้นกิจกรรม ที่สยามสแควร์ ในวันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา ผลตอบรับค่อนข้างดี จึงผมตัดสินใจว่า จะไปทำกิจกรรมนี้ที่สนามหลวง ซึ่งได้เริ่มทำกิจกรรมนี้ในวันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม และผลตอบรับก็ออกมาดีมาก
ทั้งนี้ การทำกิจกรรมนั้น ตนเองจะพยายามสอดแทรกทุกคนว่า อย่าลืมกลับไปกอดคนที่บ้าน เพราะผมไม่ได้ต้องการให้เขามากอดตนเท่านั้น ตนอยากให้คนที่ได้รับสารนี้ นำความรู้สึกดี ๆ ไปส่งต่อคนในครอบครัว ญาติมิตร และคนรอบตัว
อย่างไรก็ตาม เรื่องดราม่าเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม ตนได้นัดกับน้องที่เห็นรูปดราม่ามาเจอกันเพื่อไหว้พ่อหลวง และตนเองก็ได้ทำกิจกรรม free hug หลังจากนั้น ตนจึงชวนให้ลองทำกิจกรรมดูว่ารู้สึกยังไง โดยที่น้องยืนอยู่เพียง 3 นาทีเท่านั้น ก่อนจะแยกจากกัน และในวันที่ 24 ตุลาคม ตนก็ไปทำกิจกรรม free hug เช่นเดิม แต่ครั้งนี้เมื่อทำกิจกรรม ตนถูกเชิญตัวโดยเจ้าหน้าที่ทางการให้ไปให้ปากคำที่กองอำนวยการ
โดยตนขอยืนยันว่า กิจกรรมนี้ไม่มีจุดประสงค์แอบแฝงแต่อย่างใด แค่ต้องการส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ให้กำลังใจด้วยการกอด เหมือนสิ่งที่พ่อสอน ท่านไม่ได้สอนให้เรารักท่าน แต่ท่านสอนให้เรา รักและสามัคคีกัน ตนจึงอันเชิญคำสอนนั้นมาเขียน เพื่อที่จะบอกถึงความตั้งใจว่า ตนอยากเป็นส่วนหนึ่งที่อยากทำให้คนไทยได้รักกันตามพระดำริของท่าน ซึ่งมันสอดคล้องกับกิจกรรม free hug ที่เน้นการส่งต่อความรักและกำลังใจต่อกัน
ทั้งนี้ หนึ่งในนักศึกษาผู้จัดกิจกรรม ระบุว่า ก่อนหน้านี้ได้เปิดดูเว็บไซต์ชื่อดังเว็บหนึ่ง แล้วเห็นคลิปวีดีโอจากประเทศแถบยุโรป มีกิจกรรมให้เข้าสวมกอดบุคคลที่ยืนถือป้าย ฟรีกอด หรือ free hug เพื่อให้ผู้ที่กำลังโศกเศร้าเสียใจ เกิดความสบายใจ มากขึ้นด้วยภาษากาย ซึ่งกลุ่มเพื่อน ๆ เห็นพ้องกันว่า อยากทำกิจกรรมดังกล่าวบริเวณสนามหลวง
ด้าน พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด รักษาราชการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า สำหรับกิจกรรม กอดฟรีบริเวณ ท้องสนามหลวง เพื่อแสดงความรักกันนั้น ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า น่าจะมีกิจกรรมที่เหมาะที่ควร หรือน่าทำมากกว่านี้
อยากให้ข้อคิดแก่เยาวชนทุกคนว่า ทุกกิจกรรมที่ทำ นอกจากเกิดจากเจตนาที่ดีแล้ว ต้องพิจารณาว่ากิจกรรมเหล่านั้นเหมาะสม และสมควรแก่กาลเทศะด้วย เพราะหากกิจกรรมนั้นไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมอันดีงาม หรือไม่เหมาะสมกับห้วงเวลาขณะนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการแสดงความอาลัยของชาวไทยทุกคน ความตั้งใจดีนั้นก็อาจจะไม่ได้รับคำชื่นชม
http://news.mthai.com/hot-news/social-news/528070.html