[CR] "อนุสรณ์สถานแห่งชาติ" อีกหนึ่งความทรงจำกับประวัติศาสตร์ไทย

"อีกหนึ่งสถานที่ดีๆที่ควรไปในวันหยุด"


เริ่มแรกด้วยความตั้งอกตั้งใจที่จะแวะเยี่ยมชมสถานทีแห่งนี้ เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่มักจะขับรถผ่านประจำ แต่ไม่เคยแวะเข้ามาเลย ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้ขับไปส่งพี่ชายที่สนามบินดอนเมือง และแล้วก็ยังผ่านสถานที่นี้อีกครั้ง คุณพ่อจึงถามว่า''ที่นั่นคืออะไร ลองไปดูไหม'' ด้วยความอยากรู้จึงเสริชกูเกิ้ลดู ปรากฏว่าเป็นอีกที่ๆน่าสนใจที่จะเข้าไปเยี่ยมชม อณุสรณ์สถานแห่งชาตินี้มีความใหญ่โตและพื้นที่กว้างขวางมากค่ะ สามารถมองเห็นตึกที่ออกแบบในรูปทรงที่แปลกตาได้อย่างง่ายดาย / เราจึงไม่รอช้ารีบขับเข้าไป เมื่อขับตรงเข้ามาจากประตูใหญ่ก็จะเจอตึกเล็กๆที่เป็นตึกประชาสัมพันธ์ สามารถเข้าไปติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆ ว่าเราจะต้องเริ่มต้นเยี่ยมชมที่ไหนอย่างไรบ้าง พร้อมโบชัวร์แจกฟรีของพิพิธภัณฑ์ อีกทั้งที่นี่ยังมีพี่ๆวิทยากร พร้อมเป็นไกด์นำทางประจำการอยู่ด้วยค่ะ พี่ๆจะแต่งตัวโดยใส่เสื้อโปโลสีเหลืองและกางกางยีนส์ ที่สามารถติดต่อให้นำชมได้ฟรีค่ะ และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชมนะคะ เข้าฟรี!
ป.ล เมื่อเข้ามาในที่ประชาสัมพันธ์ก็อย่าลืมลงทะเบียนการเข้าใช้ เพื่อการเก็บข้อมูลขององค์กรด้วยนะคะ ยิ้ม
โบชัวร์ของพิพิธภัณฑ์ พร้อมกับตึกอาคารประวัติศาสตร์และพิพิธพัณฑ์ทหาร ที่อยู่ด้านหน้าของที่จอดรถ ลงมาก็จะเจอเลยค่ะ

เราเริ่มต้นการเดินทาง(เล็กๆ)ที่ตึกแรก คือตึก ''อาคารภาพปริทัศน์''
ในอาคารแห่งนี้ประกอบไปด้วยภาพวาดจิตรกรรมโดยนักศึกษาจากศิลปากร เป็นแนวยาวล้อมเป็นทรงแปดเหลี่ยมตามผนังอาคาร เมื่อเปิดประตูไปจะพบกับแอร์เย็นช่ำและความเงียบสงบที่เหมือนเพรียบพร้อมให้เราต้องตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็นข้างหน้า ซึ่งความรู้สึกก็เป็นจริงตามนั้น





พี่วิทยากรบอกว่าภาพวาดนี้ใช้งบประมาณ 1 ล้านบาท และใช้เวลา 1ปีเดือนในการวาด ใครที่ถนัดอะไรก็วาดอันนั้นช่วยๆกันวาดไปเรื่อยๆ เป็นภาพจิตรกรรมที่บอกเล่าเรื่องราวของประเทศไทยตั้งแต่สมัยพระมหาธรรมราชาที่ 2 กษัตริย์แห่งองค์สุโขทัย ผ่านเรื่องราวของสงครามไปยังอยุธยา กรุงธนบุรี ไปจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์และกษัตริย์องค์ที่ 9 หรือพ่อหลวงของเราในปัจจุบัน / ฟังพี่วิทยากรอย่างเพลิดเพลินและสนุกกับการเล่าสาระความรู้ปนความตลกที่แทรกไว้ (ในภาพคือคุณพ่อคุณแม่กำลังฟังอย่างใจจดใจจ่อ)






ในส่วนที่ 2 ที่ได้เดินไปต่อข้างๆกันคือตึก ''อาคารประกอบพิธี''
ที่พี่วิทยากรอยากพามาชมก่อนเพื่อความเป็นสิริมลคล ได้สักการะพระพุทธรูปและรูปปั้นของเหล่ากษัตริย์ที่ตั้งเรียงรายอยู่ในห้อง





เดินออกจากตึกอาคารประกอบพิธีแล้วเดินเชื่อมสั้นๆเพื่อเข้าไปในตึก "อาคารประวัติศาสตร์และพิพิธพัณฑ์ทหาร''
ที่ๆรวบรวมความรู้ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญและน่าสนใจ บางสิ่งที่เราไม่เคยเห็นและไม่เคยรู้มาก่อน




และในส่วนห้องข้างๆก่อนจะเดินเข้าพิพิธภัณฑ์นี้จะมีห้องที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับยืน ซึ่งแกะสลักด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี ประดับสวยงามด้วยดอกไม้และโดมกระจกสี สามารถเข้าไปไหว้สักการะและขอพรได้ค่ะ







ตึกนี้จะมีทั้งหมด4ชั้น ในที่นี้พี่วิทยากรพาเดินชมตั้งแต่ชั้นที่ 1 ซึ่งก็คือ ''พิพิธภัณฑ์ทหาร''
ที่รวบรวมเรื่องราวของทหารไทย ไปจนถึงการจำลองการสู้รบในสงครามต่างๆที่ไทยมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยในสมัยก่อน และการเชิดชูเกรียติยศของผู้ที่เสียสละมากมาย พร้อมแทรกเกร็ดความรู้เล็กๆที่น่าสนใจตลอดทาง เมื่อเดินผ่านเข้าไปจะเริ้มต้นพบกับเรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่1 และอีกหลายๆสงครามที่เรียงลำดับเวลาไล่เรี่ยกัน



สงความเกาหลี จำลองทหารไทยไปสู้รบในอากาศที่ติดลบกว่า10องศา





ส่วนหนึ่งของปืนรบที่ประดับอยู่หัวเรือของศตรู





ชั้น 2 ก็จะพบกับ"ห้องพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติจอมทัพไทย"
ที่จัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวต่างๆของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น พระราชประวัต พระราชกรณียกิจ ฉลองพระองค์ของจริง และของใช้ส่วนพระองค์ พี่วิทยากรบอกว่ากองบัญชาการกองทัพไทยได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานให้ยืมมาจัดแสดง




เป็นฉลองพระองค์ที่ทรงไว้ทำงาน ลุยป่า ในต่างจังหวัดหรือถิ่นทุรกันดาร



และข้ามไปชั้นที่ 4 ด้วยความเร่งรีบและบีบคั้นของเวลา พี่วิทยากรพาไปเรียนรู้เกี่ยวกับ ''วิวัฒนาการเครื่องแบบเครื่องหมายยศและส่วนประกอบของเครื่องแบบทหารและตำรวจสมัยก่อนจนถึงปัจจุบัน"


เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก จะพบกับหุ่นขี้ผึ้งที่สวมใส่ชุดเครื่องแบบตั้งแต่ยุคสมัยก่อน ไล่วนมาเรื่อยๆเป็นห้องวงกลม มาจนถึงปัจจุบัน ในรูปนี้คือภาพคนไทยสมัยก่อนในการจำลองชุดนักรบสมัยอยุธยา และสลับกันในแท่นจัดแสดงนั้น มีการแสดงรูปภาพเก่าๆจัดวางในกรอบ จขกทได้ถามพี่วิทยากรว่า"รูปที่ติดผนังเหล่านี้คือรูปเก่าจริงๆใช่ไหมคะ?" พี่วิทยากรตอบว่า"เป็นรูปเก่าจริงๆ บางรูปยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดเลยว่ามาจากที่ไหน หรือภาพวาดบางรูปศิลปินก็ได้เสียชีวิตไปนานมากแล้วครับ" แต่เราจะสังเกตุและสัมผัสกับความเก่าแก่ของภาพเหล่านั้นได้จากการมองเข้าไปชัดๆ จะเห็นร่องรอยที่ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน


ขณะนั้นเองพี่วิทยากรก็ได้เล่าเรื่องการใช้ชีวิตสมัยก่อนคร่าวๆระหว่างเดิน พี่วิทยากรพูดว่า "คุยเรื่องอดีตเพลินๆแล้วมันก็มีความสุขดีนะ(หัวเราะ)" เป็นประโยคสั้นๆที่ฟังแล้วอบอุ่นหัวใจดี ยิ้ม


ข้อแนะนำ


1. ควรมาเที่ยวชมในวันเสาร์-อาทิตย์ เนื่องจากคนค่อนข้างน้อย ที่ตึกจะเปิดแอร์เย็นช่ำ และที่สำคัญคือจะได้รับฟังความรู้จากพี่ๆวิทยากรได้อย่างเต็มที่และเป็นส่วตัวด้วยค่ะ เพราะในวันจันทร์-ศุกร์ ในบางวันจะมีน้องๆเด็กประถม มัธยม หรือมหาวิทยาลัย มาทัศนศึกษากันเป็นจำนวนมาก
2. มีห้องสมุดเปิดให้ใช้บริการได้ฟรี มีแอร์ และน่าสนใจมากสำหรับคนที่ชอบศึกษาในเรื่องประวัติศาสตร์ เพราะที่นี่จะหลักๆจะเก็บรวบรวมหนังสือทางด้านนี้ค่อนข้างมากค่ะ อีกทั้งยังสามารถมาออกกำลังกาย วิ่ง นั่งพักผ่อนหย่อนใจก็ได้ เพราะในอณุสรณ์อันกว้างใหญ่นี้มีมุมน้ำพุและส่วนหย่อมอยู่มาก
ชื่อสินค้า:   อนุสรณ์สถานแห่งชาติ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่