ขอคุยเรื่องประเด็นการปิดห้องราชดำเนิน ซักหน่อย อ่านแล้วเห็นความคิดหลายอย่างในประเด็นนี้
ซึ่งหลักๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องความแตกแยก เรื่องอวยนักการเมือง หรือ การจัดตั้งทีมงาน ซึ่งเป็นปัญหาโลกแตกของห้องนี้
เนื้อหาใจความก็ไม่มีอะไรแปลกมาก แต่ที่แปลกคือ คนที่ตอบเม้นที่แหล่ะ ที่เปลี่ยนไปมาก อิชั้นสิงอยู่ห้องนี้มานาน
นานจนจำล๊อคอินทุกคนได้ และเห็นแนวทางการตั้งทู้ ตอบทู้ก็พอจะแยกแยะได้ว่า แนวทางแบบนี้อยู่ข้างไหน
แล้วที่ว่าเปลี่ยนไปคือ ดูๆแล้ว หลายคนตอบแบบมีหลักการมากขึ้น ตอบแบบเป็นตัวตนเป็นความคิด มากกว่าจะตอบแบบ
ตอบโต้หรือเหวี่ยงวีนนะ อิชั้นว่า สังคมราชดำเนิน กำลังเดินมาถูกทางแล้ว หรือแปลว่า อาจมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นกับการเมือง
ในอนาคต เพราะเราเริ่มรู้จักแยกแยะ ใช้สติในการพิมพ์มากขึ้น รวมไปถึงการ แชร์ การแถ แบบผิดๆ ด้วย
อิชั้นว่า สิทธิเสรีภาพของคนก็เป็นอีกเรื่อง ที่ทุกคนควรเคารพ และระลึกไว้เสมอว่า เป็นความเท่าเทียมของทุกฝ่ายที่ควร
ให้ความสำคัญ และยอมรับซึ่งกันและกัน ดังนั้น เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสนอ ความคิดเห็นอะไรขึ้นมา การอ่าน โดยใช้สติ
และวิจารณญาณ และเหตุผลน้ำหนักถูกผิด ยังเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำและควรฝึกใช้จนเป็นนิสัย มัจะนำมาซึ่งการพัฒนา
ความคิด และสังคมในได้ในที่สุด
การเสนอทางออก ของการปิดห้อง ราชดำเนิน อาจเป็นอีกมุม ของคนที่เบื่อหน่าย และไม่คิดว่ายังมีทางออก อีกหลายทาง
ให้คนที่เบื่อ หรือท้อแท้เหล่านั้นเลือกเดินหรือทำ เช่น เลิกเล่นไปเอง ปิดเคอมพ์ เมื่อเบื่อ หาไรทำเมื่อรู้สึกเครียด ฯลฯ
ถ้ายอมรับความจริงกัน ในสังคมไม่ใช่ในเฉพาะพันทิปเท่านั้นที่ขัดแย้ง แตกแยก หรือด่าทอ ใน FB ใน IG ใน Line
หรือ เพจต่างๆ รายการต่างๆ ก็ล้วนแต่แตกแยก ชักจูงชี้นำทั้งนั้น อยู่ที่คนเลือกเสพว่าจะแยกแยะ หรือถูกจริตกับสื่อไหน
หรือเป็นพวกใคร ถือข้างใคร
สังคมไทยถูกกำหนดให้เลือกข้างมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเป็น และก็ยากที่จะทำให้คนไทย เลิกเชื่อหรือเปลี่ยนใจไปได้ง่ายๆ
หากเรามองว่า การเมืองเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เราจะอยู่กับการเมืองแบบมีสติ และใช้มุมมองทางการเมือง กำหนดชะตา
ประเทศได้ เพียงแต่เรา เลือกฝั่งการเมืองให้เป็น และยอมรับกับกฎกติกา ที่มาตามระบบ ระบอบ และเชื่อมั่นกับระบบรัฐสภา
และเชื่อว่า ปชช จะเป็นคนกำหนด นักการเมือง ไม่ใช่นักการเมือง มาจูงจมูกประชาชน อีกต่อไป
อิชั้นเชื่อว่า การยืนอยู่บนหลักการและเหตุผลถูกผิด การหาข้อมูล และ วิเคราะห์ว่า แหล่งอำนาจ ที่มาของแต่ละฝั่ง
มีเป้าประสงค์ตรงไหน นั่นแหล่ะ จะเป็นสมมุติฐานให้เรามองภาพการเมืองวงกว้างได้ไม่ยาก
อย่าไปกลัวว่านักการเมืองจะเข้ามากอบโกย ตราบใดที่ปชช รู้ทัน อย่าไปกลัวนักการเมืองโกง ตราบใดที่ข้าราชการ
ยังโกงกันอยู่ อย่าเชื่อฝั่งตัวเอง แล้วเกลียดอีกฝั่ง โดยไม่รู้ความจริง อย่าปิดตามองด้านนึง แล้วทำเป็นมองไม่เห็นอีกด้านนึง
ทุกอย่างมันมีสองด้านเสมอ อย่าไล่โกง แล้วเอาคนโกงกว่ามาปกครอง อย่าคิดว่าบ้านเมืองสงบสุข แต่ไม่มีโอกาสตรวจสอบ
การทำงาน งบต่างๆที่ละเลงหายไป ล้วนแต่เงินภาษีทั้งนั้น อย่าเชื่อจนกว่าจะเห็นการกระทำที่พิสูจน์ได้
อิชั้น เชื่ออีกแหล่ะว่า ในห้องนี้มีทีมจัดตั้ง ทั้ง 4 ฝ่าย คือ ทั้งแดง เหลือง รัฐบาล และ wm
แต่อิชั้นไม่เชื่อ ว่า ทีมเหล่านี้ จะสามารถสร้างความเชื่อ หรือแรงจูงใจให้ คนอ่านได้มากนัก
( หากคนอ่าน อ่านเกิน 8 บันทัด และรู้จักคิดและตีความ ก่อนออกความเห็น)
สังคมไทย กำลังจะเปลี่ยนจาก gen y ไปเป็น gen x ข้อมูลทั้งหลายทาง โลกอินเตอร์เนตจะขยายมากขึ้น
คนจะเริ่มปรับเปลี่ยนแนวความคิดไปเรื่อยๆ และกรอบความคิดจะถูกแหกฎกออกมาเรื่อยๆ หลักการ propaganda จะไม่ได้ผล
แล้วถ้าเราไม่ปิดใจ ปิดกั้นมากไป ข้อมูลจากฝ่ายจัดตั้งนั่นแหล่ะ เป็นแหล่งความรู้ชั้นดี ที่บางทีเราเองก็คาดไม่ถึง
เพียงแต่อ่านและค้นหาให้เห็นความจริง และเกิดประโยชน์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกตั้งครั้งต่อไป
ไหนๆแล้วขอ เตือนสติคนไทยที่ชอบแบ่งแยก อีกครั้ง โดยเฉพาะคนที่ผูกขาดความรักชาติและ พระเจ้าแผ่นดินไว้กลุ่มเดียว
ถึงตอนนี้ คนไทยยังเสียใจกับการสูญเสียอันใหญ่หลวง ที่ไม่อาจเรียกกลับคืนจากการสิ้นพระชนม์
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ นับเป็นการสูญเสียที่ประเมินค่ามิได้ ว่าหนักหนาแค่ไหน
เราต่างเจ็บปวดและไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้ หากทุกคนรักพระองค์ที่เป็นพ่อของแผ่นดิน
และทุกคนยังอาศัยอยู่บนแผ่นดินเดียวกัน เมื่อเราสิ้นพ่อผู้เป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจแล้ว
แม้จะอยู่ในช่วงโศกเศร้าและอาลัย เรายังมีชาติ มีศาสนา และมีพระราชวงศ์ ให้ยึดเหนี่ยวต่อไป
การสมานฉันท์ และปรองดอง ยามนี้ จึงจำเป็นและสำคัญที่สุด การเดินตามรอยพระปณิธานที่พระองค์ สร้างไว้
จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้คนไทยฝ่าฟันทุกวิกฤติไปได้ เราแบ่งแยกได้ แต่เราจะไม่แตกความสามัคคีของคนในชาติ
ไม่มีใครจะรักคนไทย เท่าคนไทยกันเองหรอก เชื่อเถอะค่ะ
ห้องราชดำเนิน ควรปิดจริงหรือ?..
ซึ่งหลักๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องความแตกแยก เรื่องอวยนักการเมือง หรือ การจัดตั้งทีมงาน ซึ่งเป็นปัญหาโลกแตกของห้องนี้
เนื้อหาใจความก็ไม่มีอะไรแปลกมาก แต่ที่แปลกคือ คนที่ตอบเม้นที่แหล่ะ ที่เปลี่ยนไปมาก อิชั้นสิงอยู่ห้องนี้มานาน
นานจนจำล๊อคอินทุกคนได้ และเห็นแนวทางการตั้งทู้ ตอบทู้ก็พอจะแยกแยะได้ว่า แนวทางแบบนี้อยู่ข้างไหน
แล้วที่ว่าเปลี่ยนไปคือ ดูๆแล้ว หลายคนตอบแบบมีหลักการมากขึ้น ตอบแบบเป็นตัวตนเป็นความคิด มากกว่าจะตอบแบบ
ตอบโต้หรือเหวี่ยงวีนนะ อิชั้นว่า สังคมราชดำเนิน กำลังเดินมาถูกทางแล้ว หรือแปลว่า อาจมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นกับการเมือง
ในอนาคต เพราะเราเริ่มรู้จักแยกแยะ ใช้สติในการพิมพ์มากขึ้น รวมไปถึงการ แชร์ การแถ แบบผิดๆ ด้วย
อิชั้นว่า สิทธิเสรีภาพของคนก็เป็นอีกเรื่อง ที่ทุกคนควรเคารพ และระลึกไว้เสมอว่า เป็นความเท่าเทียมของทุกฝ่ายที่ควร
ให้ความสำคัญ และยอมรับซึ่งกันและกัน ดังนั้น เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสนอ ความคิดเห็นอะไรขึ้นมา การอ่าน โดยใช้สติ
และวิจารณญาณ และเหตุผลน้ำหนักถูกผิด ยังเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำและควรฝึกใช้จนเป็นนิสัย มัจะนำมาซึ่งการพัฒนา
ความคิด และสังคมในได้ในที่สุด
การเสนอทางออก ของการปิดห้อง ราชดำเนิน อาจเป็นอีกมุม ของคนที่เบื่อหน่าย และไม่คิดว่ายังมีทางออก อีกหลายทาง
ให้คนที่เบื่อ หรือท้อแท้เหล่านั้นเลือกเดินหรือทำ เช่น เลิกเล่นไปเอง ปิดเคอมพ์ เมื่อเบื่อ หาไรทำเมื่อรู้สึกเครียด ฯลฯ
ถ้ายอมรับความจริงกัน ในสังคมไม่ใช่ในเฉพาะพันทิปเท่านั้นที่ขัดแย้ง แตกแยก หรือด่าทอ ใน FB ใน IG ใน Line
หรือ เพจต่างๆ รายการต่างๆ ก็ล้วนแต่แตกแยก ชักจูงชี้นำทั้งนั้น อยู่ที่คนเลือกเสพว่าจะแยกแยะ หรือถูกจริตกับสื่อไหน
หรือเป็นพวกใคร ถือข้างใคร
สังคมไทยถูกกำหนดให้เลือกข้างมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเป็น และก็ยากที่จะทำให้คนไทย เลิกเชื่อหรือเปลี่ยนใจไปได้ง่ายๆ
หากเรามองว่า การเมืองเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เราจะอยู่กับการเมืองแบบมีสติ และใช้มุมมองทางการเมือง กำหนดชะตา
ประเทศได้ เพียงแต่เรา เลือกฝั่งการเมืองให้เป็น และยอมรับกับกฎกติกา ที่มาตามระบบ ระบอบ และเชื่อมั่นกับระบบรัฐสภา
และเชื่อว่า ปชช จะเป็นคนกำหนด นักการเมือง ไม่ใช่นักการเมือง มาจูงจมูกประชาชน อีกต่อไป
อิชั้นเชื่อว่า การยืนอยู่บนหลักการและเหตุผลถูกผิด การหาข้อมูล และ วิเคราะห์ว่า แหล่งอำนาจ ที่มาของแต่ละฝั่ง
มีเป้าประสงค์ตรงไหน นั่นแหล่ะ จะเป็นสมมุติฐานให้เรามองภาพการเมืองวงกว้างได้ไม่ยาก
อย่าไปกลัวว่านักการเมืองจะเข้ามากอบโกย ตราบใดที่ปชช รู้ทัน อย่าไปกลัวนักการเมืองโกง ตราบใดที่ข้าราชการ
ยังโกงกันอยู่ อย่าเชื่อฝั่งตัวเอง แล้วเกลียดอีกฝั่ง โดยไม่รู้ความจริง อย่าปิดตามองด้านนึง แล้วทำเป็นมองไม่เห็นอีกด้านนึง
ทุกอย่างมันมีสองด้านเสมอ อย่าไล่โกง แล้วเอาคนโกงกว่ามาปกครอง อย่าคิดว่าบ้านเมืองสงบสุข แต่ไม่มีโอกาสตรวจสอบ
การทำงาน งบต่างๆที่ละเลงหายไป ล้วนแต่เงินภาษีทั้งนั้น อย่าเชื่อจนกว่าจะเห็นการกระทำที่พิสูจน์ได้
อิชั้น เชื่ออีกแหล่ะว่า ในห้องนี้มีทีมจัดตั้ง ทั้ง 4 ฝ่าย คือ ทั้งแดง เหลือง รัฐบาล และ wm
แต่อิชั้นไม่เชื่อ ว่า ทีมเหล่านี้ จะสามารถสร้างความเชื่อ หรือแรงจูงใจให้ คนอ่านได้มากนัก
( หากคนอ่าน อ่านเกิน 8 บันทัด และรู้จักคิดและตีความ ก่อนออกความเห็น)
สังคมไทย กำลังจะเปลี่ยนจาก gen y ไปเป็น gen x ข้อมูลทั้งหลายทาง โลกอินเตอร์เนตจะขยายมากขึ้น
คนจะเริ่มปรับเปลี่ยนแนวความคิดไปเรื่อยๆ และกรอบความคิดจะถูกแหกฎกออกมาเรื่อยๆ หลักการ propaganda จะไม่ได้ผล
แล้วถ้าเราไม่ปิดใจ ปิดกั้นมากไป ข้อมูลจากฝ่ายจัดตั้งนั่นแหล่ะ เป็นแหล่งความรู้ชั้นดี ที่บางทีเราเองก็คาดไม่ถึง
เพียงแต่อ่านและค้นหาให้เห็นความจริง และเกิดประโยชน์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกตั้งครั้งต่อไป
ไหนๆแล้วขอ เตือนสติคนไทยที่ชอบแบ่งแยก อีกครั้ง โดยเฉพาะคนที่ผูกขาดความรักชาติและ พระเจ้าแผ่นดินไว้กลุ่มเดียว
ถึงตอนนี้ คนไทยยังเสียใจกับการสูญเสียอันใหญ่หลวง ที่ไม่อาจเรียกกลับคืนจากการสิ้นพระชนม์
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ นับเป็นการสูญเสียที่ประเมินค่ามิได้ ว่าหนักหนาแค่ไหน
เราต่างเจ็บปวดและไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้ หากทุกคนรักพระองค์ที่เป็นพ่อของแผ่นดิน
และทุกคนยังอาศัยอยู่บนแผ่นดินเดียวกัน เมื่อเราสิ้นพ่อผู้เป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจแล้ว
แม้จะอยู่ในช่วงโศกเศร้าและอาลัย เรายังมีชาติ มีศาสนา และมีพระราชวงศ์ ให้ยึดเหนี่ยวต่อไป
การสมานฉันท์ และปรองดอง ยามนี้ จึงจำเป็นและสำคัญที่สุด การเดินตามรอยพระปณิธานที่พระองค์ สร้างไว้
จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้คนไทยฝ่าฟันทุกวิกฤติไปได้ เราแบ่งแยกได้ แต่เราจะไม่แตกความสามัคคีของคนในชาติ
ไม่มีใครจะรักคนไทย เท่าคนไทยกันเองหรอก เชื่อเถอะค่ะ