ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และอัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอนที่ 61 โจฮันเนสเบิร์ก เมืองหลวงด้านตุลาการ พริทอเรีย เมืองหลวงด้านการบริหาร
https://www.youtube.com/watch?v=J-Kh4NerIaI&index=66&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk
เวลา 20.00 น. เราให้คนขับรถส่งเราที่ Park Station ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถตู้ เขาเดินไปส่งเราตรงทางลง แล้วบอกว่า ข้างล่างมีศูนย์อาหาร สถานีรถบัสอยู่ซ้ายมือ เขาจะยืนดูจนกว่า จะแน่ใจว่าเราปลอดภัย
พอเราเข้าไปที่สถานีรถบัส รปภ.สาวก็รี่มาหาเรา แล้วบอกว่า ที่ที่เราเข้าไปเป็นที่อันตราย เธอถามว่า เราจะไปไหน
เราบอกว่า เราไม่ได้จองที่พัก เราอยากหาที่อยู่ที่ปลอดภัย ก่อนที่จะถึงตอนเช้า เพื่อไปพริทอเรีย และ ถามหาโรงแรมราคาถูก
เธอบอกว่า เธอจะพาเราไป อยู่ใกล้ๆ ชื่อ Formula 1 แต่พอไปถึง มันชื่อ Park Station Inn เธอบอกว่า มันเปลี่ยนแค่ชื่อ ทุกอย่าง เหมือนเดิม
พอถึงโรงแรม ป้าบอกให้เธอกลับได้ เธอบอกว่า ไม่กลับ ป้าเอาเงินยัดใส่มือ 50 รันด์ เธอดีใจ กระโดดกอด แล้วเดินออกไป
ค่าโรงแรมคืนละ 394 รันด์ มี เตียงใหญ่ 1 เตียง เตียงเล็ก 1 เตียง ไม่มีห้องน้ำ แต่มีอ่างล้างหน้า ต้องออกไปอาบน้ำข้างนอก ใช้เน็ตได้เฉพาะล็อบบี้ ป้าจึงรีบส่งข้อความให้ลูกที่เพิ่งกลับจากอินโดฯ ส่งหมายเลขอีมี่ไอโฟนให้ เพื่อไปแจ้งความก่อนขึ้นเครื่องบินในวันพรุ่งนี้
ขณะที่รีบโพสต์เฟสบุ๊ก พนง.ต้อนรับก็มาชวนคุย จนไม่เป็นอันทำงาน เพราะมีแขกของโรงแรม ถูกฉกของ จนจนท.ตร.พามาส่ง พนง.ชายบอกว่า เขาเตือนแล้วว่าอย่าออกไป มันอันตราย แต่พวกเขาและเธอไม่เชื่อ พนง.หญิง ก็มาคุยเรื่องการระวังรักษาสิ่งของเวลาอยู่ข้างนอก โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน ต้องไม่เอาออกมาล่อตาโจร เป็นอันขาด
ป้าถามว่า แล้วทางจนท.บ้านเมืองไม่มีมาตรการมาจัดการปัญหาเหล่านี้เลยหรือ พนง.ชายบอกว่า ไม่เห็นว่า จะมีมาตรการอะไร ส่วนพนง.หญิงบอกว่า พวกวัยรุ่นไม่เรียนหนังสือ ไม่ทำมาหากิน มาสิงอยู่แถวนี้
ป้าถามว่า พวกไร้บ้านใช่ไหม คำตอบ คือ ไม่ใช่ พวกเขามีบ้าน แต่พ่อแม่ไม่ดูแล😣😣😣😣
วันพฤหัสบดีที่ 18 ส.ค. เวลา 05.30 น. ออกจากที่พัก Park Station Inn ไปที่สถานี Gautrain ซื้อตั๋วคนละ 70 รันด์ ไป Pretoria คนที่ขึ้นรถแบบนี้ได้ เป็นคนอีกระดับหนึ่ง เหมือนคัดกรองไม่ให้คนที่มีเงินน้อยใช้บริการ
จากโจฮันเนสเบิร์ก ถึง พริทอเรีย ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ก่อนถึงพริทอเรีย 2 สถานี มีนักเรียนโรงเรียนสตรีขึ้นมา 3 คน 2 คน อยู่เกรด 9 =ม.3 อีกคนหนึ่งอยู่เกรด 11= ม.5ที่อัฟริกาใต้เรียนเท่าเมืองไทย มี 12 ชั้น ทรงผมนักเรียนคงไม่ได้บังคับ 3 คน 3 แบบ แต่เครื่องแบบเป็นกระโปรงสั้นทรงเอ กับ เสื้อสูทแขนยาวสีกรมท่า ใส่ถุงเท้ายาว หรือ กางเกงเล้กกี้ สีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว
แบบที่ถักเปียเต็มหัวเป็นแบบที่ฮิตที่สุด อยันดา ที่ภูเขาโต๊ะ บอกว่า ตอนถักจะแสบมาก เพราะดึงแรง เราจึงเห็นว่า สตรีอัฟริกันที่อายุเพิ่มขึ้น มักจะหน้าผากสูง กลม วาว เห็นชัดมาก เพราะดึงแรงตลอดเวลา ใช้เวลาถักตั้งแต่ 2-4 ชม. ต่อครั้ง แต่ก็คุ้ม เพราะอยู่ได้นานหลายเดือน
สถานีถัดไป มีนักเรียนผิวขาวไม่ได้ใส่เครื่องแบบขึ้นมา นักเรียนหญิงคนหนึ่งขึ้นมานั่งข้างหนุ่มน้อย ท่าทางเป็นลูกครึ่งที่นั่งเสียบหูฟัง ตรงข้ามกับเรา เขา และ เธอ ทักทาย โดยการกอดกัน แล้วก็คุยกันเรื่อง การทำการบ้าน การอ่านหนังสือ
ตอนแรกเราคิดว่า นักเรียนจะลงสถานีเดียวกับเรา แต่ไม่มีใครขยับตอนที่รถถึงสถานี และจอดนานเป็น 10 นาที แสดงว่า โรงเรียนอยู่สถานีสุดท้าย คือ Hatfield
รปภ. เห็นเราถ่ายรูป และเขียนรายการสถานที่ที่จะไป โดยไม่ได้รีบออกจากชานชาลา ก็เดินมาหา ถามว่า เราจะไปไหน พอบอกว่า Church Square กับ ทำนียบประธานาธิบดี เขาก็ชี้ทิศ และอธิบายเส้นทาง อย่างมีความสุข และบอกว่า ทำเนียบประธานาธิบดีเรียกว่า Union Buildings
เราไปตามทางที่เขาบอก เขาบอกว่า เดินออกจากสถานี ข้ามถนน ตรงไปเรื่อยๆ และ เริ่มต้นการท่องเที่ยวถัดจาก Robot ตอนแรกป้าก็สงสัยว่า Robot คือ อะไร สงสัยมาตั้งแต่ เคปทาวน์แล้ว พอเดินไป เห็นแยกไฟแดง มีเสาเหมือนหุ่นยนต์ ก็เดาเอาว่า น่าจะใช่ เพราะมันไม่ต้องใช้คนก็เปลี่ยนสัญญาณเองได้ ตรงจุดนั้นเป็นศูนย์ราชการ จัตุรัส อนุสาวรีย์ กับ พิพิธภัณฑ์
มองลงเนินเห็นอยู่ไกลๆ คือ Church Square โบสถ์ และสถานที่ราชการ กับธนาคาร และศูนย์การค้า พอเลี้ยวขวา เดินไปตามถนนคนเดินและขึ้นเขาไปอีกประมาณ 2 กม. ก็เจอสวนสาธารณะ มองไปบนเขาทางซ้ายลิบๆ คือ ทำเนียบประธานาธิบดี 2 อาคารคู่ มีอนุสาวรีย์ Nelson Mandela ยืนกางแขน แบมืออยู่กลางลานด้านหน้า
เราคิดว่า ขึ้นไปไม่ได้ จึงถ่ายรูปอยู่ในรั้วของสวนสาธารณะ จนกระทั่งเห็นหนุ่มคนหนึ่ง ออกกำลังกายเดินผ่านรั้วเข้ามาในสวน จึงลองเดินออกไปนอกรั้ว แล้วเดินขึ้นไปที่ลาน หน้าอนุสาวรีย์ ที่นั่น นอกจากไม่หวงถ่ายรูปแล้ว รปภ. หนุ่มสาวยังยินดีถ่ายรูปกับเราด้วย
ก่อนลงจากลาน เราถามหาสถานีตำรวจ กับ รถประจำทางไปสถานี พริทอเรีย แต่เราแวะสถานีตำรวจก่อน ซึ่งก็พบว่า ใช้ระเบียบเหมือนเมืองไทย คือ ของหายในเขตสน.ไหนให้แจ้งความที่นั่น แต่จ่า Lepuru น่ารักมาก
เหมือนร้อยเวรบางคนในเมืองไทย ที่พอรู้ว่า เราไม่ได้ติดใจจะเอาของคืน เราแค่ต้องการหลักฐานประกอบการทำอะไรสักอย่าง เขาแนะนำว่า หายตรงไหน เมื่อไร ไม่ต้องสนใจ ให้แจ้งว่า หายในเขตพื้นที่โรงพักนั่นแหละ และ ไม่ต้องระบุว่าใครเอาไป ให้บอกว่า หาย
กว่าจะเขียนเสร็จ ใช้เวลา 2 ชม. จ่าสาวมาแซวว่า รับอยู่คดีเดียว ป้าคิดว่า จะได้สำเนากลับบ้าน พอเซ็นชื่อเสร็จ เขาบอกว่า อีก 1-2 ชม. ให้โทรมาขอเลขที่คดี ตกลงเสียเวลาเพื่อหาความรู้ในโรงพักต่างเมืองแท้ๆ เพราะถ้าเรามีเบอร์โทรติดต่อกลับ เขาจะโทรมาบอกเรา แต่พอเราไม่มีเบอร์ เขาก็ให้เบอร์เรามา แล้วให้เราโทรกลับ
เราเดินกลับสถานี ซื้อตั๋วไปสนามบิน จึงได้รู้ว่า ตั๋วรถไฟไปสนามบินที่โจฮันเนสเบิร์ก แพงพอๆ กับ เซา เปาโล เขาขอตั๋วใบเดิม เอาไปเติมเงินแล้วบอกราคา ตอนแรกป้าคิดว่า ฟังผิด จึงยังไม่จ่ายเงิน จนเขาพูดอีกครั้งว่า 348 ป้าจึงควักเงินให้ 😑😑😑😑😑
ได้เงินทอนเป็นเหรียญอีกแล้ว ต้องเดินออกไปหาที่ใช้ให้หมด กลับเข้ามาในสถานี เจอนักเรียนชายตัวเล็กกลุ่มใหญ่ ป้าขอถ่ายรูปด้วย เด็กๆ ดีใจ กันใหญ่ ป้าแวะห้องน้ำ ให้ลุงเข้าชานชาลาไปก่อน เจอรปภ. คนเดิม ได้ยินเขาคุยกับลุงเสียงดัง
รถออกจากสถานีเวลา 13.45 น. ได้ยินเสียงเหมือนไฟช็อต แล้วเครื่องปรับอากาศก็หยุดทำงาน พอรถใกล้ถึงสถานี ที่ 1 ได้ยินเสียงประกาศ และตัววิ่งบนจอ ว่า สถานีหน้า คือ Hatfield ให้ผู้โดยสารทุกคนลงจากรถ ป้าเหวอเลย...บอกลุงว่า สงสัยเราขึ้นผิดด้านอีกละมั้ง
ลุงบอกว่า รปภ. บอกให้เราขึ้นด้านนี้ ลองถาม ผู้โดยสาร ชาย หญิง ที่นั่งอีกด้านของตัวรถ ว่า รถไปสนามบินใช่ไหม คำตอบ คือ ใช่ แต่ประกาศผิด เป็นแบบนั้นอีก 1 สถานี แล้วจอก็ดับ ไปอีก 2 สถานี🙄🙄🙄🙄 ถ้าเป็นเครื่องบิน คงยุ่งกันใหญ่
ทีนี้ เราต้องระวังตัว เช็คสถานีกันเอง ว่า ถึงที่ที่จะต้องลงต่อรถ หรือ ยัง แต่ผู้โดยสารชายน่ารักมาก พอใกล้จะถึง เขาให้ผู้โดยสารที่ขึ้นมาใหม่ ที่นั่งด้านนอก บอกให้เราเตรียมตัว แต่ เมื่อถึงสถานี เสียงกับจอที่ดับไป 2 สถานี ก็มาทั้งบนจอ และเสียง ทันเวลาพอดี 😄😄😄😄😄
เขาชี้ด้านที่จะลงจากรถ ซึ่งเป็นด้านตรงข้ามกับตอนขึ้น พอลงจากรถ ชานชาลาก็อยู่ตรงหน้า คนอื่นๆ ลากกระเป๋าลงมายืนรออยู่เต็มไปหมด
เพราะหลงจนผวา ลุงให้ป้าเช็ค ว่า ใช่ หรือ ไม่ สตรีผิวขาว ตอบว่า ใช่ แล้วเธอก็หัวเราะ ยืนรอ 7 นาที รถก็มา ป้าขึ้นไปนั่ง คู่กับนักธุรกิจ ค้าแร่ควอร์ซ จากเหมืองที่อัฟริกาใต้ และ ตองก้าได้คุยกัน เขารวยมาก เคยมากทม. 2 ครั้ง และจีนด้วย
ป้าจึงแซวว่า เขาเอาเงินไปเก็บไว้ในดิน เหรอ เขาบอกว่า ในธนาคารใหญ่ เขาให้ดูรูปที่เขาถ่ายกับหินเป็นกระสอบ ป้าบอกว่า เขารวยเงินมากมาย ตรงข้ามกับคน ทางเหนือของโมซัมบิก มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ แต่ไม่มีเงิน ไม่รู้ว่า เวลาเจ็บป่วย จะทำอย่างไร เขาบอกว่า มันเป็นเวลาที่ยากลำบาก
เขามีบ้านอยู่ใกล้สถานีก่อนถึงสนามบิน บอกว่า สะดวกในการเดินทาง ขับรถเอง เหนื่อย และรถติด ป้าสงสัยว่า คนที่ไปไม่ถึงสนามบิน ต้องจ่ายค่าโดยสารเท่าไรกันนะ🙄🙄🙄🙄
พอถึงสนามบิน ก็มองหาคนช่วยโทรถาม หมายเลขคดี แต่สาวในสนามบินบอกว่า ในสนามบินไม่อนุญาต ให้ใช้มือถือ ให้ป้าขอให้จนท.ปชส.ช่วยโทรให้ เขาบอกให้ป้าไปซื้อบัตรโทรศัพท์ แล้วใช้โทรศัพท์สาธารณะ
ลุงบอกว่า เลิกคิดเถอะ ถ้าอยากให้โกหกนัก ก็ไปแจ้งความที่เมืองไทย เคลมได้ หรือ ไม่ได้ เงินก็เข้าบริษัทไอโฟนอยู่ดี เพราะเราก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ไม่ใช่ได้มาฟรี แต่ป้า สงสารความรู้สึก จ่า Lepuru ที่อุตส่าห์ช่วย แล้วเหมือนไม่ได้ทำอะไร ต่อไปเมื่อมีคดีแบบนี้ เขาก็ไม่อยากทำให้อีก ตอนนี้กำลังมองหา คนใจดีอยู่🙂🙂🙂🙂
มีผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งข้างๆ ท่าทางจะเป็นคนแถวนั้น ป้าเห็นเธอถือโทรศัพท์ 2 จี ลองถาม และขอความช่วยเหลือ เธอส่งโทรศัพท์ให้ และบอกว่า เธอจะไปซื้อ บัตรเอไทม์ ให้ป้ารอ เธอรอรับเงิน แต่ลุงไม่ให้ ตอนนี้ ลุงเก็บเงินอัฟริกาใต้คืนไปหมดแล้ว
ป้าบอกว่า ลุงไม่ให้ เขาบอกว่า ช่างมันเถอะ เธอทำหน้าผิดหวัง ป้าถามว่า เธอจะไปไหน เครื่องออกตอนกี่โมง เธอบอกว่า เธอไม่ได้ไปไหน มีคนโทรเรียกให้มารับจ้างเขียน แต่ดูเหมือนว่า จะไม่มีใครจ้างแล้ว ป้าจะจ้างเธอไหม
ป้าก็งง...อาชีพแบบนี้ก็มีด้วย เขียนอะไร จ้างทำไม ด้วยความกลัวว่า อาจตกเป็นเหยื่อ ป้าจึงเดินไปดูจอ เห็นเวลาขึ้นบนจอ เป็นเวลาที่ลูกเพิ่งส่งให้ จากเมลที่ไม่ได้อยู่ในเครื่อง เร็วกว่าเดิม 55 นาที เดินเลยไปดูที่ที่จะเช็คอิน แวะเข้าห้องน้ำ แล้วเดินกลับมาตามลุงไปเช็คอิน
ขณะรอเช็คอิน เจอน้องอร มีบริษัททัวร์ และรถตู้ในโจฮันเนสเบิร์ก มาส่งน้องอีกคนหนึ่ง ยังไม่ได้ถามชื่อ เพราะน้องเดินไปเช็คอินก่อน ป้าทักน้องอรก่อน เพราะเห็นตอนน้องยืนคุยกัน เดาเอาว่า เป็นคนไทย พอน้องอรออกไปแล้ว จึงนึกได้ว่า ลืมขอความช่วยเหลือ แต่ก็มีความหวัง ที่จะไม่ทำให้เสียชื่อคนไทย ว่ารับปากแล้ว ไม่รับผิดชอบ เพราะได้ไอดีไลน์ ของน้องอรมา
เช็คอินแล้วเข้าไปที่รอขึ้นเครื่องเลย คนที่อยู่ช่องก่อนหน้า เข้าแถวดักเต็มไปหมด เราคิดว่า มันตัน จึงต่อแถวบ้าง พอยืนสักครู่ เห็นมีคนเดินแซงไป ได้ยินจนท.เรียก ชื่อปลายทางที่อื่น จึงดูท่าที แหงนมองไปข้างหน้า ตรงนั้นเป็นช่อง A2 ของเราเป็น A0 จึงชวนลุงออกจากแถว ไปที่ช่องของเรา มีคนรออยู่บ้างแล้ว
ผู้โดยสารทุกคน ถูกกักบริเวณในที่ที่ไม่มีห้องน้ำ ถ้าใครปวดมาก ต้องเดินกลับไปนอกจุดเช็คอิน😣😣😣😣
ด้านในไม่มีน้ำดื่ม ไม่มีร้านขายของ ดูราวกับว่า เป็นสนามบินเซี่ยงไฮ้ แต่หนักกว่ามาก...เมื่อใกล้เวลา พนง.มาเรียกเลขที่ 33-45 ไปก่อน ก็ดีจะได้ไม่ต้องมีการขวางทางกัน
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐ เม็กฯ เมกากลาง เมกาใต้ อัฟริกา 26ประเทศ74วัน ตอน61โจฮันเนสเบิร์ก พริทอเรีย อัฟริกาใต้
https://www.youtube.com/watch?v=J-Kh4NerIaI&index=66&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk
เวลา 20.00 น. เราให้คนขับรถส่งเราที่ Park Station ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถตู้ เขาเดินไปส่งเราตรงทางลง แล้วบอกว่า ข้างล่างมีศูนย์อาหาร สถานีรถบัสอยู่ซ้ายมือ เขาจะยืนดูจนกว่า จะแน่ใจว่าเราปลอดภัย
พอเราเข้าไปที่สถานีรถบัส รปภ.สาวก็รี่มาหาเรา แล้วบอกว่า ที่ที่เราเข้าไปเป็นที่อันตราย เธอถามว่า เราจะไปไหน
เราบอกว่า เราไม่ได้จองที่พัก เราอยากหาที่อยู่ที่ปลอดภัย ก่อนที่จะถึงตอนเช้า เพื่อไปพริทอเรีย และ ถามหาโรงแรมราคาถูก
เธอบอกว่า เธอจะพาเราไป อยู่ใกล้ๆ ชื่อ Formula 1 แต่พอไปถึง มันชื่อ Park Station Inn เธอบอกว่า มันเปลี่ยนแค่ชื่อ ทุกอย่าง เหมือนเดิม
พอถึงโรงแรม ป้าบอกให้เธอกลับได้ เธอบอกว่า ไม่กลับ ป้าเอาเงินยัดใส่มือ 50 รันด์ เธอดีใจ กระโดดกอด แล้วเดินออกไป
ค่าโรงแรมคืนละ 394 รันด์ มี เตียงใหญ่ 1 เตียง เตียงเล็ก 1 เตียง ไม่มีห้องน้ำ แต่มีอ่างล้างหน้า ต้องออกไปอาบน้ำข้างนอก ใช้เน็ตได้เฉพาะล็อบบี้ ป้าจึงรีบส่งข้อความให้ลูกที่เพิ่งกลับจากอินโดฯ ส่งหมายเลขอีมี่ไอโฟนให้ เพื่อไปแจ้งความก่อนขึ้นเครื่องบินในวันพรุ่งนี้
ขณะที่รีบโพสต์เฟสบุ๊ก พนง.ต้อนรับก็มาชวนคุย จนไม่เป็นอันทำงาน เพราะมีแขกของโรงแรม ถูกฉกของ จนจนท.ตร.พามาส่ง พนง.ชายบอกว่า เขาเตือนแล้วว่าอย่าออกไป มันอันตราย แต่พวกเขาและเธอไม่เชื่อ พนง.หญิง ก็มาคุยเรื่องการระวังรักษาสิ่งของเวลาอยู่ข้างนอก โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน ต้องไม่เอาออกมาล่อตาโจร เป็นอันขาด
ป้าถามว่า แล้วทางจนท.บ้านเมืองไม่มีมาตรการมาจัดการปัญหาเหล่านี้เลยหรือ พนง.ชายบอกว่า ไม่เห็นว่า จะมีมาตรการอะไร ส่วนพนง.หญิงบอกว่า พวกวัยรุ่นไม่เรียนหนังสือ ไม่ทำมาหากิน มาสิงอยู่แถวนี้
ป้าถามว่า พวกไร้บ้านใช่ไหม คำตอบ คือ ไม่ใช่ พวกเขามีบ้าน แต่พ่อแม่ไม่ดูแล😣😣😣😣
วันพฤหัสบดีที่ 18 ส.ค. เวลา 05.30 น. ออกจากที่พัก Park Station Inn ไปที่สถานี Gautrain ซื้อตั๋วคนละ 70 รันด์ ไป Pretoria คนที่ขึ้นรถแบบนี้ได้ เป็นคนอีกระดับหนึ่ง เหมือนคัดกรองไม่ให้คนที่มีเงินน้อยใช้บริการ
จากโจฮันเนสเบิร์ก ถึง พริทอเรีย ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ก่อนถึงพริทอเรีย 2 สถานี มีนักเรียนโรงเรียนสตรีขึ้นมา 3 คน 2 คน อยู่เกรด 9 =ม.3 อีกคนหนึ่งอยู่เกรด 11= ม.5ที่อัฟริกาใต้เรียนเท่าเมืองไทย มี 12 ชั้น ทรงผมนักเรียนคงไม่ได้บังคับ 3 คน 3 แบบ แต่เครื่องแบบเป็นกระโปรงสั้นทรงเอ กับ เสื้อสูทแขนยาวสีกรมท่า ใส่ถุงเท้ายาว หรือ กางเกงเล้กกี้ สีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว
แบบที่ถักเปียเต็มหัวเป็นแบบที่ฮิตที่สุด อยันดา ที่ภูเขาโต๊ะ บอกว่า ตอนถักจะแสบมาก เพราะดึงแรง เราจึงเห็นว่า สตรีอัฟริกันที่อายุเพิ่มขึ้น มักจะหน้าผากสูง กลม วาว เห็นชัดมาก เพราะดึงแรงตลอดเวลา ใช้เวลาถักตั้งแต่ 2-4 ชม. ต่อครั้ง แต่ก็คุ้ม เพราะอยู่ได้นานหลายเดือน
สถานีถัดไป มีนักเรียนผิวขาวไม่ได้ใส่เครื่องแบบขึ้นมา นักเรียนหญิงคนหนึ่งขึ้นมานั่งข้างหนุ่มน้อย ท่าทางเป็นลูกครึ่งที่นั่งเสียบหูฟัง ตรงข้ามกับเรา เขา และ เธอ ทักทาย โดยการกอดกัน แล้วก็คุยกันเรื่อง การทำการบ้าน การอ่านหนังสือ
ตอนแรกเราคิดว่า นักเรียนจะลงสถานีเดียวกับเรา แต่ไม่มีใครขยับตอนที่รถถึงสถานี และจอดนานเป็น 10 นาที แสดงว่า โรงเรียนอยู่สถานีสุดท้าย คือ Hatfield
รปภ. เห็นเราถ่ายรูป และเขียนรายการสถานที่ที่จะไป โดยไม่ได้รีบออกจากชานชาลา ก็เดินมาหา ถามว่า เราจะไปไหน พอบอกว่า Church Square กับ ทำนียบประธานาธิบดี เขาก็ชี้ทิศ และอธิบายเส้นทาง อย่างมีความสุข และบอกว่า ทำเนียบประธานาธิบดีเรียกว่า Union Buildings
เราไปตามทางที่เขาบอก เขาบอกว่า เดินออกจากสถานี ข้ามถนน ตรงไปเรื่อยๆ และ เริ่มต้นการท่องเที่ยวถัดจาก Robot ตอนแรกป้าก็สงสัยว่า Robot คือ อะไร สงสัยมาตั้งแต่ เคปทาวน์แล้ว พอเดินไป เห็นแยกไฟแดง มีเสาเหมือนหุ่นยนต์ ก็เดาเอาว่า น่าจะใช่ เพราะมันไม่ต้องใช้คนก็เปลี่ยนสัญญาณเองได้ ตรงจุดนั้นเป็นศูนย์ราชการ จัตุรัส อนุสาวรีย์ กับ พิพิธภัณฑ์
มองลงเนินเห็นอยู่ไกลๆ คือ Church Square โบสถ์ และสถานที่ราชการ กับธนาคาร และศูนย์การค้า พอเลี้ยวขวา เดินไปตามถนนคนเดินและขึ้นเขาไปอีกประมาณ 2 กม. ก็เจอสวนสาธารณะ มองไปบนเขาทางซ้ายลิบๆ คือ ทำเนียบประธานาธิบดี 2 อาคารคู่ มีอนุสาวรีย์ Nelson Mandela ยืนกางแขน แบมืออยู่กลางลานด้านหน้า
เราคิดว่า ขึ้นไปไม่ได้ จึงถ่ายรูปอยู่ในรั้วของสวนสาธารณะ จนกระทั่งเห็นหนุ่มคนหนึ่ง ออกกำลังกายเดินผ่านรั้วเข้ามาในสวน จึงลองเดินออกไปนอกรั้ว แล้วเดินขึ้นไปที่ลาน หน้าอนุสาวรีย์ ที่นั่น นอกจากไม่หวงถ่ายรูปแล้ว รปภ. หนุ่มสาวยังยินดีถ่ายรูปกับเราด้วย
ก่อนลงจากลาน เราถามหาสถานีตำรวจ กับ รถประจำทางไปสถานี พริทอเรีย แต่เราแวะสถานีตำรวจก่อน ซึ่งก็พบว่า ใช้ระเบียบเหมือนเมืองไทย คือ ของหายในเขตสน.ไหนให้แจ้งความที่นั่น แต่จ่า Lepuru น่ารักมาก
เหมือนร้อยเวรบางคนในเมืองไทย ที่พอรู้ว่า เราไม่ได้ติดใจจะเอาของคืน เราแค่ต้องการหลักฐานประกอบการทำอะไรสักอย่าง เขาแนะนำว่า หายตรงไหน เมื่อไร ไม่ต้องสนใจ ให้แจ้งว่า หายในเขตพื้นที่โรงพักนั่นแหละ และ ไม่ต้องระบุว่าใครเอาไป ให้บอกว่า หาย
กว่าจะเขียนเสร็จ ใช้เวลา 2 ชม. จ่าสาวมาแซวว่า รับอยู่คดีเดียว ป้าคิดว่า จะได้สำเนากลับบ้าน พอเซ็นชื่อเสร็จ เขาบอกว่า อีก 1-2 ชม. ให้โทรมาขอเลขที่คดี ตกลงเสียเวลาเพื่อหาความรู้ในโรงพักต่างเมืองแท้ๆ เพราะถ้าเรามีเบอร์โทรติดต่อกลับ เขาจะโทรมาบอกเรา แต่พอเราไม่มีเบอร์ เขาก็ให้เบอร์เรามา แล้วให้เราโทรกลับ
เราเดินกลับสถานี ซื้อตั๋วไปสนามบิน จึงได้รู้ว่า ตั๋วรถไฟไปสนามบินที่โจฮันเนสเบิร์ก แพงพอๆ กับ เซา เปาโล เขาขอตั๋วใบเดิม เอาไปเติมเงินแล้วบอกราคา ตอนแรกป้าคิดว่า ฟังผิด จึงยังไม่จ่ายเงิน จนเขาพูดอีกครั้งว่า 348 ป้าจึงควักเงินให้ 😑😑😑😑😑
ได้เงินทอนเป็นเหรียญอีกแล้ว ต้องเดินออกไปหาที่ใช้ให้หมด กลับเข้ามาในสถานี เจอนักเรียนชายตัวเล็กกลุ่มใหญ่ ป้าขอถ่ายรูปด้วย เด็กๆ ดีใจ กันใหญ่ ป้าแวะห้องน้ำ ให้ลุงเข้าชานชาลาไปก่อน เจอรปภ. คนเดิม ได้ยินเขาคุยกับลุงเสียงดัง
รถออกจากสถานีเวลา 13.45 น. ได้ยินเสียงเหมือนไฟช็อต แล้วเครื่องปรับอากาศก็หยุดทำงาน พอรถใกล้ถึงสถานี ที่ 1 ได้ยินเสียงประกาศ และตัววิ่งบนจอ ว่า สถานีหน้า คือ Hatfield ให้ผู้โดยสารทุกคนลงจากรถ ป้าเหวอเลย...บอกลุงว่า สงสัยเราขึ้นผิดด้านอีกละมั้ง
ลุงบอกว่า รปภ. บอกให้เราขึ้นด้านนี้ ลองถาม ผู้โดยสาร ชาย หญิง ที่นั่งอีกด้านของตัวรถ ว่า รถไปสนามบินใช่ไหม คำตอบ คือ ใช่ แต่ประกาศผิด เป็นแบบนั้นอีก 1 สถานี แล้วจอก็ดับ ไปอีก 2 สถานี🙄🙄🙄🙄 ถ้าเป็นเครื่องบิน คงยุ่งกันใหญ่
ทีนี้ เราต้องระวังตัว เช็คสถานีกันเอง ว่า ถึงที่ที่จะต้องลงต่อรถ หรือ ยัง แต่ผู้โดยสารชายน่ารักมาก พอใกล้จะถึง เขาให้ผู้โดยสารที่ขึ้นมาใหม่ ที่นั่งด้านนอก บอกให้เราเตรียมตัว แต่ เมื่อถึงสถานี เสียงกับจอที่ดับไป 2 สถานี ก็มาทั้งบนจอ และเสียง ทันเวลาพอดี 😄😄😄😄😄
เขาชี้ด้านที่จะลงจากรถ ซึ่งเป็นด้านตรงข้ามกับตอนขึ้น พอลงจากรถ ชานชาลาก็อยู่ตรงหน้า คนอื่นๆ ลากกระเป๋าลงมายืนรออยู่เต็มไปหมด
เพราะหลงจนผวา ลุงให้ป้าเช็ค ว่า ใช่ หรือ ไม่ สตรีผิวขาว ตอบว่า ใช่ แล้วเธอก็หัวเราะ ยืนรอ 7 นาที รถก็มา ป้าขึ้นไปนั่ง คู่กับนักธุรกิจ ค้าแร่ควอร์ซ จากเหมืองที่อัฟริกาใต้ และ ตองก้าได้คุยกัน เขารวยมาก เคยมากทม. 2 ครั้ง และจีนด้วย
ป้าจึงแซวว่า เขาเอาเงินไปเก็บไว้ในดิน เหรอ เขาบอกว่า ในธนาคารใหญ่ เขาให้ดูรูปที่เขาถ่ายกับหินเป็นกระสอบ ป้าบอกว่า เขารวยเงินมากมาย ตรงข้ามกับคน ทางเหนือของโมซัมบิก มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ แต่ไม่มีเงิน ไม่รู้ว่า เวลาเจ็บป่วย จะทำอย่างไร เขาบอกว่า มันเป็นเวลาที่ยากลำบาก
เขามีบ้านอยู่ใกล้สถานีก่อนถึงสนามบิน บอกว่า สะดวกในการเดินทาง ขับรถเอง เหนื่อย และรถติด ป้าสงสัยว่า คนที่ไปไม่ถึงสนามบิน ต้องจ่ายค่าโดยสารเท่าไรกันนะ🙄🙄🙄🙄
พอถึงสนามบิน ก็มองหาคนช่วยโทรถาม หมายเลขคดี แต่สาวในสนามบินบอกว่า ในสนามบินไม่อนุญาต ให้ใช้มือถือ ให้ป้าขอให้จนท.ปชส.ช่วยโทรให้ เขาบอกให้ป้าไปซื้อบัตรโทรศัพท์ แล้วใช้โทรศัพท์สาธารณะ
ลุงบอกว่า เลิกคิดเถอะ ถ้าอยากให้โกหกนัก ก็ไปแจ้งความที่เมืองไทย เคลมได้ หรือ ไม่ได้ เงินก็เข้าบริษัทไอโฟนอยู่ดี เพราะเราก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ไม่ใช่ได้มาฟรี แต่ป้า สงสารความรู้สึก จ่า Lepuru ที่อุตส่าห์ช่วย แล้วเหมือนไม่ได้ทำอะไร ต่อไปเมื่อมีคดีแบบนี้ เขาก็ไม่อยากทำให้อีก ตอนนี้กำลังมองหา คนใจดีอยู่🙂🙂🙂🙂
มีผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งข้างๆ ท่าทางจะเป็นคนแถวนั้น ป้าเห็นเธอถือโทรศัพท์ 2 จี ลองถาม และขอความช่วยเหลือ เธอส่งโทรศัพท์ให้ และบอกว่า เธอจะไปซื้อ บัตรเอไทม์ ให้ป้ารอ เธอรอรับเงิน แต่ลุงไม่ให้ ตอนนี้ ลุงเก็บเงินอัฟริกาใต้คืนไปหมดแล้ว
ป้าบอกว่า ลุงไม่ให้ เขาบอกว่า ช่างมันเถอะ เธอทำหน้าผิดหวัง ป้าถามว่า เธอจะไปไหน เครื่องออกตอนกี่โมง เธอบอกว่า เธอไม่ได้ไปไหน มีคนโทรเรียกให้มารับจ้างเขียน แต่ดูเหมือนว่า จะไม่มีใครจ้างแล้ว ป้าจะจ้างเธอไหม
ป้าก็งง...อาชีพแบบนี้ก็มีด้วย เขียนอะไร จ้างทำไม ด้วยความกลัวว่า อาจตกเป็นเหยื่อ ป้าจึงเดินไปดูจอ เห็นเวลาขึ้นบนจอ เป็นเวลาที่ลูกเพิ่งส่งให้ จากเมลที่ไม่ได้อยู่ในเครื่อง เร็วกว่าเดิม 55 นาที เดินเลยไปดูที่ที่จะเช็คอิน แวะเข้าห้องน้ำ แล้วเดินกลับมาตามลุงไปเช็คอิน
ขณะรอเช็คอิน เจอน้องอร มีบริษัททัวร์ และรถตู้ในโจฮันเนสเบิร์ก มาส่งน้องอีกคนหนึ่ง ยังไม่ได้ถามชื่อ เพราะน้องเดินไปเช็คอินก่อน ป้าทักน้องอรก่อน เพราะเห็นตอนน้องยืนคุยกัน เดาเอาว่า เป็นคนไทย พอน้องอรออกไปแล้ว จึงนึกได้ว่า ลืมขอความช่วยเหลือ แต่ก็มีความหวัง ที่จะไม่ทำให้เสียชื่อคนไทย ว่ารับปากแล้ว ไม่รับผิดชอบ เพราะได้ไอดีไลน์ ของน้องอรมา
เช็คอินแล้วเข้าไปที่รอขึ้นเครื่องเลย คนที่อยู่ช่องก่อนหน้า เข้าแถวดักเต็มไปหมด เราคิดว่า มันตัน จึงต่อแถวบ้าง พอยืนสักครู่ เห็นมีคนเดินแซงไป ได้ยินจนท.เรียก ชื่อปลายทางที่อื่น จึงดูท่าที แหงนมองไปข้างหน้า ตรงนั้นเป็นช่อง A2 ของเราเป็น A0 จึงชวนลุงออกจากแถว ไปที่ช่องของเรา มีคนรออยู่บ้างแล้ว
ผู้โดยสารทุกคน ถูกกักบริเวณในที่ที่ไม่มีห้องน้ำ ถ้าใครปวดมาก ต้องเดินกลับไปนอกจุดเช็คอิน😣😣😣😣
ด้านในไม่มีน้ำดื่ม ไม่มีร้านขายของ ดูราวกับว่า เป็นสนามบินเซี่ยงไฮ้ แต่หนักกว่ามาก...เมื่อใกล้เวลา พนง.มาเรียกเลขที่ 33-45 ไปก่อน ก็ดีจะได้ไม่ต้องมีการขวางทางกัน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น