ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และอัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอนที่ 57 เมื่อไอโฟน ถูกฉก ทั้งภาพถ่าย และวิดีโอ ก็หายไปหมด ที่สถานีรถบัส บูมฟอนเทน อัฟริกาใต้
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
เรานั่งรถกลับไปบูมฟอนเทน แล้วไปหาข้อมูลไป มาปูโต เมืองหลวงของโมซัมบิก เราได้ข้อมูลจากเน็ตที่ไม่เคลียร์ ไม่แน่ใจว่า เราจะเข้าได้ไหม แต่เราก็ตัดสินใจ ซื้อตั๋วไปโมซัมบิก โดยไปต่อรถที่โจฮันเนสเบิร์ก รถจะออก เวลา 00.15 น. ก่อนซื้อตั๋ว บังเอิญลุงเห็นว่าที่เสาข้างนอกมีปลั๊กตัวเมีย 3 รู กลม โต อยู่ ป่าไม่อยากกดดันมาก จึงไปหาซื้อปลั๊กตัวผู้มาให้ ในราคา 35 รันด์ ลุงก็จัดการเรื่องชาร์จแบ็ตไป ป้าก็ไปซื้อตั๋ว
ในขณะที่รออยู่ก็เอาอาหารออกมากิน แล้วป้าก็ไปห้องน้ำ มีค่าเข้าห้องน้ำ 2 รันด์ จ่ายเหรียญ 5 ทอนมา 2 แล้วบอกว่า ออกมาค่อยเอาอีก 1 แล้วคนเก็บเงินก็ยืนเฝ้าว่า เมื่อไรจะออก ในห้องน้ำต้องคอยกัน มี 2 ห้อง ไม่มีล็อคทั้งคู่ ชักโครกก็ต้องกดลูกยางกันเอาเอง
พอทุกคนออกหมด คนเฝ้าก็ล็อคประตู
ขณะที่นั่งคุยกันอยู่ก็มีหนุ่มผิวดำ ในเสื้อแจ็คเก็ตสีแดง ที่เคยเดินผ่านมาครั้งหนึ่งแล้ว เดินผ่านเราไป และเห็นสายชาร์จแกว่ง ลุงบอกว่า ไอโฟน หายไปแล้ว ป้าบอกให้วิ่งตาม ป้ายืนเฝ้าซัมซุง ลุงเงอะงะ ป้าบอกรูปพรรณของหนุ่มนั่น แต่ไม่ทันแล้ว
พอบอกรปภ.สาว เธอบอกว่า เธอบอกแล้วว่าอย่าให้คนข้างนอกเข้ามา เธอเป็นผู้หญิงคนเดียว ทำอะไรไม่ได้ ป้าจึงเดินตามเธอไป ขอให้เธอลงบันทึกประจำวัน พอดีรปภ.ชายเข้ามา เขาให้ป้าพาไปจุดที่ของหาย เขาบอกว่า ที่ตรงนี้ไม่ควรมาชาร์จไฟ ควรไปใช้ในห้องของบริษัทที่เราจะเดินทาง
ตอนแรกเขาทำท่าว่าจะพาเราไปแจ้งความ แต่พอเราเผลอ เขาก็ปิดไฟห้องทำงาน และหายตัวไป เราจึงเดินหาสถานีตำรวจกันเอง แต่ตำรวจบอกให้เราเอาเครื่องมาเปิดหาอีมี่...อ้าว! เครื่องหายไปแล้ว จะเอาเครื่องที่ไหนมาเปิด...นับว่า เราโชคร้ายจริงๆ เพราะเลขที่อีมี่อยู่บ้าน ลูกคนหนึ่งอยู่ญี่ปุ่น อีกคนอยู่อินโดฯ มีแต่บ้าน ไม่มีคนอยู่ จึงไม่สามารถบอกเลขอีมี่ได้ ตำรวจจึงไม่รับแจ้งความ บอกว่า ให้ไปแจ้งความเมื่อถึงไทยแล้ว....
เรื่องของหายนี่เราเคยมีประสบการณ์แล้ว ตำรวจจะถามเราว่า ของหายที่ไหน ถ้าไม่ได้หายในเขตพื้นที่ เขาจะไม่รับแจ้งความ เราจึงบอกว่า เราขอแค่ใบรับรองว่า เราแจ้งความไว้ที่บูมฟอนเทน แล้วเอาไปทำให้สมบูรณ์ที่กทม. เพราะเรามีประกัน และโจรเอาไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะมันมีรหัส เอาไปก็ต้องเอาไปโยนทิ้ง ช่างก็แก้ให้ไม่ได้....พวกเธอก็ไม่ยอมรับแจ้งความอยู่ดี
พวกเธออยากมีโอกาสเดินทางแบบเราบ้าง จึงถามเราว่า ทำไมเราจึงมีเงินมาเที่ยวไกลๆ ใช้ของแพงๆ เราจึงบอกว่า เราทำงานหนัก และเราก็ไม่ได้เที่ยวแบบที่ใช้เงินเยอะ กว่าเราจะออกเดินทางแต่ละทริป เราทำการบ้านกันนานทีเดียว และเราซื้อของใช้ที่จำเป็น ไอโฟน คือทเครื่องมือที่เราใช้ถ่ายภาพ และบันทึกวิดีโอ เพราะเราไม่รู้ว่า แต่ละที่ที่เราไป เราจะมีโอกาสไปเยือนอีกหรือไม่
ป้าขอร้องให้ลุงเลิกบันทึกวิดีโอ เพราะถ้าเครื่องนี้หน่วยความจำเต็มอีก ก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว...ป้ารู้ว่า ลุงเสียใจ และเสียความรู้สึกมาก แต่ เราก็คงทำได้แค่นี้
เราก็ได้แต่ตีค่าเครื่องเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ ทั้งค่าเครื่องและค่าประกัน😣😣😣😣😣
ในขณะที่เรานั่งอยู่ ก็ได้ยินเสียงรถหวอ ที่ร้านขายของที่มีคนเล่นสนุ้กเกอร์กันอยู่...ที่บูมฟอนเท่น สนุ้กเกอร์ เป็นกีฬายอดฮิตจริงๆ เราเห็นที่ท่ารถไปมาเซโร และกลางเมือง มีร้านเปิดมากมาย แต่ละร้านมีคนเต็ม ถ้าลุงมีคนชอบเล่นแบบนี้อยู่ใกล้ๆ คงมีความสุขมาก เพราะที่บ้านลุงเล่นอยู่คนเดียว แล้วก็ว่าให้ป้า ว่า ไม่ไปเล่นเป็นเพื่อน😉😉😉😉
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา คนก็ฮือกันออกมายืนดูอีก แต่ป้าติดพันกับการพิมพ์อยู่ จึงไม่ได้ออกไปดู ช่างมันเถอะ เรื่องของเรา ไม่เห็นมีใครช่วยได้
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐ เม็กฯ เมกากลาง เมกาใต้ อัฟริกา 26ประเทศ74วัน ตอน57 ไอโฟนถูกฉก ที่สถานีรถบัอัฟริกาใต้
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
เรานั่งรถกลับไปบูมฟอนเทน แล้วไปหาข้อมูลไป มาปูโต เมืองหลวงของโมซัมบิก เราได้ข้อมูลจากเน็ตที่ไม่เคลียร์ ไม่แน่ใจว่า เราจะเข้าได้ไหม แต่เราก็ตัดสินใจ ซื้อตั๋วไปโมซัมบิก โดยไปต่อรถที่โจฮันเนสเบิร์ก รถจะออก เวลา 00.15 น. ก่อนซื้อตั๋ว บังเอิญลุงเห็นว่าที่เสาข้างนอกมีปลั๊กตัวเมีย 3 รู กลม โต อยู่ ป่าไม่อยากกดดันมาก จึงไปหาซื้อปลั๊กตัวผู้มาให้ ในราคา 35 รันด์ ลุงก็จัดการเรื่องชาร์จแบ็ตไป ป้าก็ไปซื้อตั๋ว
ในขณะที่รออยู่ก็เอาอาหารออกมากิน แล้วป้าก็ไปห้องน้ำ มีค่าเข้าห้องน้ำ 2 รันด์ จ่ายเหรียญ 5 ทอนมา 2 แล้วบอกว่า ออกมาค่อยเอาอีก 1 แล้วคนเก็บเงินก็ยืนเฝ้าว่า เมื่อไรจะออก ในห้องน้ำต้องคอยกัน มี 2 ห้อง ไม่มีล็อคทั้งคู่ ชักโครกก็ต้องกดลูกยางกันเอาเอง
พอทุกคนออกหมด คนเฝ้าก็ล็อคประตู
ขณะที่นั่งคุยกันอยู่ก็มีหนุ่มผิวดำ ในเสื้อแจ็คเก็ตสีแดง ที่เคยเดินผ่านมาครั้งหนึ่งแล้ว เดินผ่านเราไป และเห็นสายชาร์จแกว่ง ลุงบอกว่า ไอโฟน หายไปแล้ว ป้าบอกให้วิ่งตาม ป้ายืนเฝ้าซัมซุง ลุงเงอะงะ ป้าบอกรูปพรรณของหนุ่มนั่น แต่ไม่ทันแล้ว
พอบอกรปภ.สาว เธอบอกว่า เธอบอกแล้วว่าอย่าให้คนข้างนอกเข้ามา เธอเป็นผู้หญิงคนเดียว ทำอะไรไม่ได้ ป้าจึงเดินตามเธอไป ขอให้เธอลงบันทึกประจำวัน พอดีรปภ.ชายเข้ามา เขาให้ป้าพาไปจุดที่ของหาย เขาบอกว่า ที่ตรงนี้ไม่ควรมาชาร์จไฟ ควรไปใช้ในห้องของบริษัทที่เราจะเดินทาง
ตอนแรกเขาทำท่าว่าจะพาเราไปแจ้งความ แต่พอเราเผลอ เขาก็ปิดไฟห้องทำงาน และหายตัวไป เราจึงเดินหาสถานีตำรวจกันเอง แต่ตำรวจบอกให้เราเอาเครื่องมาเปิดหาอีมี่...อ้าว! เครื่องหายไปแล้ว จะเอาเครื่องที่ไหนมาเปิด...นับว่า เราโชคร้ายจริงๆ เพราะเลขที่อีมี่อยู่บ้าน ลูกคนหนึ่งอยู่ญี่ปุ่น อีกคนอยู่อินโดฯ มีแต่บ้าน ไม่มีคนอยู่ จึงไม่สามารถบอกเลขอีมี่ได้ ตำรวจจึงไม่รับแจ้งความ บอกว่า ให้ไปแจ้งความเมื่อถึงไทยแล้ว....
เรื่องของหายนี่เราเคยมีประสบการณ์แล้ว ตำรวจจะถามเราว่า ของหายที่ไหน ถ้าไม่ได้หายในเขตพื้นที่ เขาจะไม่รับแจ้งความ เราจึงบอกว่า เราขอแค่ใบรับรองว่า เราแจ้งความไว้ที่บูมฟอนเทน แล้วเอาไปทำให้สมบูรณ์ที่กทม. เพราะเรามีประกัน และโจรเอาไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะมันมีรหัส เอาไปก็ต้องเอาไปโยนทิ้ง ช่างก็แก้ให้ไม่ได้....พวกเธอก็ไม่ยอมรับแจ้งความอยู่ดี
พวกเธออยากมีโอกาสเดินทางแบบเราบ้าง จึงถามเราว่า ทำไมเราจึงมีเงินมาเที่ยวไกลๆ ใช้ของแพงๆ เราจึงบอกว่า เราทำงานหนัก และเราก็ไม่ได้เที่ยวแบบที่ใช้เงินเยอะ กว่าเราจะออกเดินทางแต่ละทริป เราทำการบ้านกันนานทีเดียว และเราซื้อของใช้ที่จำเป็น ไอโฟน คือทเครื่องมือที่เราใช้ถ่ายภาพ และบันทึกวิดีโอ เพราะเราไม่รู้ว่า แต่ละที่ที่เราไป เราจะมีโอกาสไปเยือนอีกหรือไม่
ป้าขอร้องให้ลุงเลิกบันทึกวิดีโอ เพราะถ้าเครื่องนี้หน่วยความจำเต็มอีก ก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว...ป้ารู้ว่า ลุงเสียใจ และเสียความรู้สึกมาก แต่ เราก็คงทำได้แค่นี้
เราก็ได้แต่ตีค่าเครื่องเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ ทั้งค่าเครื่องและค่าประกัน😣😣😣😣😣
ในขณะที่เรานั่งอยู่ ก็ได้ยินเสียงรถหวอ ที่ร้านขายของที่มีคนเล่นสนุ้กเกอร์กันอยู่...ที่บูมฟอนเท่น สนุ้กเกอร์ เป็นกีฬายอดฮิตจริงๆ เราเห็นที่ท่ารถไปมาเซโร และกลางเมือง มีร้านเปิดมากมาย แต่ละร้านมีคนเต็ม ถ้าลุงมีคนชอบเล่นแบบนี้อยู่ใกล้ๆ คงมีความสุขมาก เพราะที่บ้านลุงเล่นอยู่คนเดียว แล้วก็ว่าให้ป้า ว่า ไม่ไปเล่นเป็นเพื่อน😉😉😉😉
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา คนก็ฮือกันออกมายืนดูอีก แต่ป้าติดพันกับการพิมพ์อยู่ จึงไม่ได้ออกไปดู ช่างมันเถอะ เรื่องของเรา ไม่เห็นมีใครช่วยได้