มาขอความอนุเคราะห์ช่วยมาแบ่งปันรีวิวหนังสือที่เกี่ยวกับพระองค์ท่านและราชวงศ์
.
หรือหนังสือพระราชนิพนธ์ของพระองค์ท่านค่ะ
.
เนื่องจากวางแผนว่าจะไปงานสัปดาห์หนังสือฯ คาดว่าจะซื้อหนังสือเกี่ยวกับพระองค์ท่านทั้งหมดเลยค่ะ
.
หากมีภาพปกหนังสือด้วยจักเป็นพระคุณอย่างยิ่งค่ะ จะได้ตามหาง่ายขึ้น
.
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
.
.
.
ขอนำเนื้อหาจาก Soimilk ที่อ่านเจอ มาเป็นแนวทางให้กับผู้ที่แวะเข้ามาในกระทู้นี้นะคะ
ต้นฉบับ
http://soimilk.com/city-living/news/8-king-bhumibol-writings
.
8 หนังสือพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระอัจริยภาพรอบด้าน โดยหนึ่งในนั้นก็คือด้านภาษาและวรรณกรรม เราจึงรวบรวมผลงานพระราชนิพนธ์ของพระองค์มาให้ทุกคนได้รู้จักกัน ช่วงนี้ยังมีงานหนังสืออยู่ด้วย หากเจอผลงานของพระองค์ท่านก็อย่าลืมซื้อมาอ่านและเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันนะ :')
เมื่อข้าพเจ้าจากสยามมาสู่สวิทเซอร์แลนด์ พ.ศ. 2489
หนังสือพระราชนิพนธ์ลำดับแรกของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งบันทึกเรื่องราวส่วนพระองค์ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินเพื่อกลับไปศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกครั้งหลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์ เปรียบเสมือนบันทึกประจำวันหรือไดอารี่ของพระองค์เลยล่ะ
นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ (แปล) พ.ศ. 2537
หนังสือเล่มนี้พระองค์ทรงแปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษเรื่อง A Man Called Intrepid บทประพันธ์ยอดนิยมของ William Stevenson บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการสืบสวนราชการลับในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ของนายอินทร์ โดยพระองค์ใช้เวลาแปลถึง 3 ปี และรายได้จากการจำหน่ายนั้นก็พระราชทานให้กับมูลนิธิชัยพัฒนาอีกด้วย
ติโต (แปล) พ.ศ. 2537
ผลงานการแปลเรื่องที่ 2 ของพระองค์ โดยทรงแปลจากต้นฉบับเรื่อง Tito ของ Phyllis Auty เพื่อศึกษาชีวิตของติโต นายกรัฐมนตรีคอมมิวนิสต์คนแรกและผู้ก่อตั้งประเทศยูโกสลาเวีย โดยในเล่มนี้พระองค์ทรงเลือกใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและมีโวหารเปรียบเทียบอีกด้วย
พระมหาชนก พ.ศ. 2539
หนังสือพระราชนิพนธ์เรื่องนี้มี 2 ภาษา (ไทยและอังกฤษ) ซึ่งพระองค์ได้ทรงสืบค้นเรื่องราวของพระมหาชนกในพระไตรปิฎกและทรงแปลด้วยพระองค์เอง โดยมีการดัดแปลงนิดๆ หน่อยๆ ให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ทรงโปรดฯ ให้จัดพิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2539 เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองกาญจนาภิเษกแห่งรัชกาล ภายในหนังสือมีภาพวาดฝีพระหัตถ์ของพระองค์เอง รวมถึงภาพประกอบโดยศิลปินที่มีชื่อเสียงอีกหลากหลายท่าน
พระมหาชนก ฉบับการ์ตูน พ.ศ. 2542
นอกเหนือจาก พระมหาชนก ในฉบับปกติ พระองค์ยังทรงโปรดฯ ให้จัดพิมพ์หนังสือในแบบฉบับการ์ตูนเพื่อให้เด็กและเยาวชนเข้าใจง่ายขึ้น โดยได้ ชัย ราชวัตร มาวาดภาพประกอบลายเส้นที่แสดงถึงความเป็นไทย อีกทั้งยังมีฉบับอักษรเบรลล์เพื่อผู้พิการทางสายตาอีกด้วย
เรื่องทองแดง พ.ศ. 2545
เรื่อง ทองแดง (The Story of Tongdaeng) เป็นหนังสือพระราชนิพนธ์อีกเล่มที่มี 2 ภาษาในเล่มเดียว (ไทยและอังกฤษ) เรื่องราวของ "คุณทองแดง" สุนัขทรงเลี้ยงตัวโปรดของพระองค์ โดยหนังสือเล่มนี้สร้างความประทับใจให้กับผู้อ่านอย่างมากถึงกับว่าเป็นหนึ่งในหนังสือที่ขายดีที่สุดในปี พ.ศ. 2545 เหตุผลคงหนีไม่พ้นความน่ารัก ความกตัญญู และความจงรักภักดีของคุณทองแดง รวมถึงการถ่ายทอดเรื่องราวอย่างยอดเยี่ยมของพระองค์นั่นเอง
เรื่องทองแดง ฉบับการ์ตูน พ.ศ. 2547
เรื่อง ทองแดง ฉบับการ์ตูนก็เป็นโครงเรื่องเดียวกันกับหนังสือพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ. 2545 แต่ได้จัดพิมพ์อีกครั้งในรูปแบบการ์ตูนที่มีลายเส้นแบบไทย ทำให้เข้าใจง่าย น่ารัก และน่าสะสมมากยิ่งขึ้น
พระราชดำรัส
ผลงานการแปลพระราชดำรัสจากวันเฉลิมพระชนพรรษาของพระองค์เองในทุกๆ ปี จากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดยเริ่มจากวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2532 ซึ่งเป็นเรื่องน้ำและสิ่งแวดล้อม และได้รับความสนใจอย่างมากจากสหประชาชาติ ส่งผลให้วันที่ 4 ธันวาของทุกปีเป็น "วันสิ่งแวดล้อมไทย" อีกด้วย
[ช่วยมาแบ่งปัน Review] หนังสือเกี่ยวกับในหลวง(ร.๙) ที่ควรมีไว้บนชั้นหนังสือที่บ้านหน่อยค่ะ
.
หรือหนังสือพระราชนิพนธ์ของพระองค์ท่านค่ะ
.
เนื่องจากวางแผนว่าจะไปงานสัปดาห์หนังสือฯ คาดว่าจะซื้อหนังสือเกี่ยวกับพระองค์ท่านทั้งหมดเลยค่ะ
.
หากมีภาพปกหนังสือด้วยจักเป็นพระคุณอย่างยิ่งค่ะ จะได้ตามหาง่ายขึ้น
.
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
.
.
.
ขอนำเนื้อหาจาก Soimilk ที่อ่านเจอ มาเป็นแนวทางให้กับผู้ที่แวะเข้ามาในกระทู้นี้นะคะ
ต้นฉบับ http://soimilk.com/city-living/news/8-king-bhumibol-writings
.
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระอัจริยภาพรอบด้าน โดยหนึ่งในนั้นก็คือด้านภาษาและวรรณกรรม เราจึงรวบรวมผลงานพระราชนิพนธ์ของพระองค์มาให้ทุกคนได้รู้จักกัน ช่วงนี้ยังมีงานหนังสืออยู่ด้วย หากเจอผลงานของพระองค์ท่านก็อย่าลืมซื้อมาอ่านและเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันนะ :')
หนังสือพระราชนิพนธ์ลำดับแรกของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งบันทึกเรื่องราวส่วนพระองค์ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินเพื่อกลับไปศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกครั้งหลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์ เปรียบเสมือนบันทึกประจำวันหรือไดอารี่ของพระองค์เลยล่ะ
หนังสือเล่มนี้พระองค์ทรงแปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษเรื่อง A Man Called Intrepid บทประพันธ์ยอดนิยมของ William Stevenson บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการสืบสวนราชการลับในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ของนายอินทร์ โดยพระองค์ใช้เวลาแปลถึง 3 ปี และรายได้จากการจำหน่ายนั้นก็พระราชทานให้กับมูลนิธิชัยพัฒนาอีกด้วย
ผลงานการแปลเรื่องที่ 2 ของพระองค์ โดยทรงแปลจากต้นฉบับเรื่อง Tito ของ Phyllis Auty เพื่อศึกษาชีวิตของติโต นายกรัฐมนตรีคอมมิวนิสต์คนแรกและผู้ก่อตั้งประเทศยูโกสลาเวีย โดยในเล่มนี้พระองค์ทรงเลือกใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและมีโวหารเปรียบเทียบอีกด้วย
หนังสือพระราชนิพนธ์เรื่องนี้มี 2 ภาษา (ไทยและอังกฤษ) ซึ่งพระองค์ได้ทรงสืบค้นเรื่องราวของพระมหาชนกในพระไตรปิฎกและทรงแปลด้วยพระองค์เอง โดยมีการดัดแปลงนิดๆ หน่อยๆ ให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ทรงโปรดฯ ให้จัดพิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2539 เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองกาญจนาภิเษกแห่งรัชกาล ภายในหนังสือมีภาพวาดฝีพระหัตถ์ของพระองค์เอง รวมถึงภาพประกอบโดยศิลปินที่มีชื่อเสียงอีกหลากหลายท่าน
นอกเหนือจาก พระมหาชนก ในฉบับปกติ พระองค์ยังทรงโปรดฯ ให้จัดพิมพ์หนังสือในแบบฉบับการ์ตูนเพื่อให้เด็กและเยาวชนเข้าใจง่ายขึ้น โดยได้ ชัย ราชวัตร มาวาดภาพประกอบลายเส้นที่แสดงถึงความเป็นไทย อีกทั้งยังมีฉบับอักษรเบรลล์เพื่อผู้พิการทางสายตาอีกด้วย
เรื่อง ทองแดง (The Story of Tongdaeng) เป็นหนังสือพระราชนิพนธ์อีกเล่มที่มี 2 ภาษาในเล่มเดียว (ไทยและอังกฤษ) เรื่องราวของ "คุณทองแดง" สุนัขทรงเลี้ยงตัวโปรดของพระองค์ โดยหนังสือเล่มนี้สร้างความประทับใจให้กับผู้อ่านอย่างมากถึงกับว่าเป็นหนึ่งในหนังสือที่ขายดีที่สุดในปี พ.ศ. 2545 เหตุผลคงหนีไม่พ้นความน่ารัก ความกตัญญู และความจงรักภักดีของคุณทองแดง รวมถึงการถ่ายทอดเรื่องราวอย่างยอดเยี่ยมของพระองค์นั่นเอง
เรื่อง ทองแดง ฉบับการ์ตูนก็เป็นโครงเรื่องเดียวกันกับหนังสือพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ. 2545 แต่ได้จัดพิมพ์อีกครั้งในรูปแบบการ์ตูนที่มีลายเส้นแบบไทย ทำให้เข้าใจง่าย น่ารัก และน่าสะสมมากยิ่งขึ้น
ผลงานการแปลพระราชดำรัสจากวันเฉลิมพระชนพรรษาของพระองค์เองในทุกๆ ปี จากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดยเริ่มจากวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2532 ซึ่งเป็นเรื่องน้ำและสิ่งแวดล้อม และได้รับความสนใจอย่างมากจากสหประชาชาติ ส่งผลให้วันที่ 4 ธันวาของทุกปีเป็น "วันสิ่งแวดล้อมไทย" อีกด้วย