ต่อจากกระทู้ที่แล้วนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Me Myself : ญี่ปุ่นตามใจฉัน ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/35352353
Me Myself : ญี่ปุ่นตามใจฉัน ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/35387458
Day 4 : ชิราคาวาโกะ ไม่ไปไม่รู๊วว ว
25 มิถุนายน 2016
วันนี้ก็ได้ฤกษ์อำลาเกียวโตตามกำหนดการที่วางไว้ เพื่อย้ายถิ่นไปนอนหมู่บ้านมรดกโลก
เช้านี้เราออกจากเกียวโตเพื่อมุ่งหน้าหมู่บ้านชิราคาวาโกะ สำหรับการเดินทางนั้นคือ เรานั่งชินคันเซนมาประมาณ 55 นาที มาลงเมืองนาโงย่า และจับรถไฟด่วนพิเศษ Ltd. Express View Hida อีกประมาณ 150 นาที ก็ถึงเมืองทาคายาม่า (Takayama) การเดินทางต่อเมื่อมาถึงทาคายาม่าคือการจับบัส เพื่อมาลงที่หมู่บ้านมรดกโลกอีกไม่เกิน 60 นาทีก็จะถึงเป้าหมายของเราในวันนี้
ปล. เพราะทุกคนที่ต้องการมาเที่ยวที่นี่ต้องนั่งบัสจากทาคายาม่า ถ้าไม่นั่งก็แค่มีรถยนต์ส่วนตัว
สำหรับราคาตั๋วรถบัสจากทาคายาม่ามาหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ตกอยู่ที่ขาร่ะ 2,210 เยน
เมื่อมาถึงเราก็รีบจัดการเดินหาที่พักที่เราจองไว้ ซึ่งต้องเดินผ่านตัวหมู่บ้านทะลุออกไปตามถนน
เจอบ้านคนตลอดทาง
ถึงที่พักจัดการเช็คอินอะไรเสร็จ ฝนก็ตกทันทีเราเลยนั่งรอสักพักค่อยเดินออกมาเที่ยวในหมู่บ้าน โดยเดินย้อนกลับ
สำหรับที่พักนะครับ ชื่อว่า Guest House Ant Hut ผมได้เขียนรีวิวไว้แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/35707868
ดอกไม้ที่นี่ขึ้นได้ขึ้นดี แบบไม่ต้องดูแลอะไรมาก
เดินมาสักพักเรากำลังจะข้ามสะพาน เรยหันไปมองย้อนทางที่เราเดินมา เจอมุมนี้เข้าแล้วชอบทันที
ผ่านบ้านคนตอนเดินผ่านครั้งแรก
บรรยากาศดูเหงาๆ แต่มันพิเศษกว่า ที่นี่แปลกๆ พอฝนตกคนหายเข้าบ้านกันหมด ถ้าเป็นบ้านเราหรอ ยังออกมาใส่เสื้อฝนหลากสีแว๊นกันไปนู่นนี่
อารมณ์เหงาแบบนี้ได้ฟิลล์ถ่ายรูปมาก แต่รอบนี้แบกขาตั้งกล้องมานะเว้ย 555 5
หมอกเอยก็ลงเอาๆ อุณหภูมิตอนมาถึงหมู่บ้านประมาณ 19 องศา พอฝนตกก็ลดลงไปเป็น 17 องศา จากนั้นเราก้อรีบเดินย้อนไปในตัวหมู่บ้านเพื่อเข้าไปถ่ายรูปในหมู่บ้านจริงๆ สักที
ตามรูปแบบของบ้านที่หลังคาชันถึง 60 องศา มีลักษณะคล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน หลังคาที่สูงใหญ่และหนานี้ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับหิมะจำนวนมหาศาลที่ตกในฤดูหนาวได้เป็นอย่างดี
มุมนี้วิวดี เมฆน่ากลัวจัง แต่อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ
อยากได้ภาพขณะเดิน แต่ออกมาดีสุดได้แค่นี้ ฝนตกนี่ก้อดีอย่าง ไม่มีใครเดินตัดหน้าเราเวลาเราถ่ายรูป แต่วิ่งไปวิ่งมาเหนื่อยมาก และเปียกมากเช่นกัน
ฝนยังคงตกต่อเนื่อง รองเท้านี่เปียกน้ำซึมเข้าไปถึงถุงเท้า = ='
เดินมาเรื่อยๆ เลาะมาซอยในหมู่บ้าน เหย มุมนี้สวยจัง
ขึ้นตะไคร้น้ำ และวัชพืชหมดแล้นน น แต่หลังคายังใช้งานได้ดี ที่นี่เค้าห้ามสูบบุหรี่ เพราะตัวบ้านเป็นวัสดุที่ติดไฟง่ายนะจ๊ะ
เอากะเราสิ 55 5 ชอบจิงจัง นี่ถ้ามีเพื่อนมาด้วยจิงมันคงบ่นเราว่าจะถ่ายไรหนักหนา 55 5 แต่ฟิลล์มันให้อ่ะ เข้าจ๊ายยย ย
หันมองรอบๆ เจอต้นนี้ นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นต้นอะไร แต่มันขึ้นดอกเหมือนขนมสายไหมที่ขายตามงานวัด สวยดี
เดินต่อสักพักเจอคนกำลังตัดหญ้า นี่เจอแล้วหนึ่งคน 55 5 ตลอดทางที่เดินมานึกว่าหมู่บ้านร้าง
รถไว้บรรทุกของขนาดเล็ก ไม่รู้ว่ารถอะไรแต่ขอเรียกว่า ตุ๊กๆ เปิดประทุนแล้วกัน คนที่นี่ขับกันซิ่งมาก คงคิดว่าตัวเองเป็น ไบรอัน โอ คอนเนอร์ จาก Fast & Furius 5555 5
เจอหุ่นไล่กา น่ารักน่าชัง
หลังเล็กๆ ก็มี แต่เหมือนห้องเก็บของ
นี่เป็นร้านค้านะฮะๆ แต่เค้าปิดร้านกันหมดแล้ว ก็บอกแล้วว่าที่นี่แปลก เก็บร้านไม่พอ ไม่ออกมาคุยกันนั่งคุยกันหน้าบ้านเหมือนบ้านเรา
ไอติม หรือ Soft Cream มีขายทุกที่จริงๆ ร้านปิดแล้วนะจ๊ะ
และอากาศก็เย็นลงเรื่อยๆ เราเลยรีบเดินกลับที่พัก คืนนั้นลดต่ำสุดถึง 12 องศา สั่นแง๊กๆ
ปล. เราไม่ได้ขึ้นไปถ่ายรูปที่จุดชมวิว เพราะฝนยังตกต่อเนื่อง และพระอาทิตย์เริ่มตก กลัวไม่กล้าขึ้นไปคนเดียว
[CR] Me Myself : ชิราคาวาโกะในวันที่ฝนตก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Day 4 : ชิราคาวาโกะ ไม่ไปไม่รู๊วว ว
25 มิถุนายน 2016
วันนี้ก็ได้ฤกษ์อำลาเกียวโตตามกำหนดการที่วางไว้ เพื่อย้ายถิ่นไปนอนหมู่บ้านมรดกโลก
เช้านี้เราออกจากเกียวโตเพื่อมุ่งหน้าหมู่บ้านชิราคาวาโกะ สำหรับการเดินทางนั้นคือ เรานั่งชินคันเซนมาประมาณ 55 นาที มาลงเมืองนาโงย่า และจับรถไฟด่วนพิเศษ Ltd. Express View Hida อีกประมาณ 150 นาที ก็ถึงเมืองทาคายาม่า (Takayama) การเดินทางต่อเมื่อมาถึงทาคายาม่าคือการจับบัส เพื่อมาลงที่หมู่บ้านมรดกโลกอีกไม่เกิน 60 นาทีก็จะถึงเป้าหมายของเราในวันนี้
ปล. เพราะทุกคนที่ต้องการมาเที่ยวที่นี่ต้องนั่งบัสจากทาคายาม่า ถ้าไม่นั่งก็แค่มีรถยนต์ส่วนตัว
สำหรับราคาตั๋วรถบัสจากทาคายาม่ามาหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ตกอยู่ที่ขาร่ะ 2,210 เยน
เมื่อมาถึงเราก็รีบจัดการเดินหาที่พักที่เราจองไว้ ซึ่งต้องเดินผ่านตัวหมู่บ้านทะลุออกไปตามถนน
เจอบ้านคนตลอดทาง
ถึงที่พักจัดการเช็คอินอะไรเสร็จ ฝนก็ตกทันทีเราเลยนั่งรอสักพักค่อยเดินออกมาเที่ยวในหมู่บ้าน โดยเดินย้อนกลับ
สำหรับที่พักนะครับ ชื่อว่า Guest House Ant Hut ผมได้เขียนรีวิวไว้แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดอกไม้ที่นี่ขึ้นได้ขึ้นดี แบบไม่ต้องดูแลอะไรมาก
เดินมาสักพักเรากำลังจะข้ามสะพาน เรยหันไปมองย้อนทางที่เราเดินมา เจอมุมนี้เข้าแล้วชอบทันที
ผ่านบ้านคนตอนเดินผ่านครั้งแรก
บรรยากาศดูเหงาๆ แต่มันพิเศษกว่า ที่นี่แปลกๆ พอฝนตกคนหายเข้าบ้านกันหมด ถ้าเป็นบ้านเราหรอ ยังออกมาใส่เสื้อฝนหลากสีแว๊นกันไปนู่นนี่
อารมณ์เหงาแบบนี้ได้ฟิลล์ถ่ายรูปมาก แต่รอบนี้แบกขาตั้งกล้องมานะเว้ย 555 5
หมอกเอยก็ลงเอาๆ อุณหภูมิตอนมาถึงหมู่บ้านประมาณ 19 องศา พอฝนตกก็ลดลงไปเป็น 17 องศา จากนั้นเราก้อรีบเดินย้อนไปในตัวหมู่บ้านเพื่อเข้าไปถ่ายรูปในหมู่บ้านจริงๆ สักที
ตามรูปแบบของบ้านที่หลังคาชันถึง 60 องศา มีลักษณะคล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน หลังคาที่สูงใหญ่และหนานี้ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับหิมะจำนวนมหาศาลที่ตกในฤดูหนาวได้เป็นอย่างดี
มุมนี้วิวดี เมฆน่ากลัวจัง แต่อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ
อยากได้ภาพขณะเดิน แต่ออกมาดีสุดได้แค่นี้ ฝนตกนี่ก้อดีอย่าง ไม่มีใครเดินตัดหน้าเราเวลาเราถ่ายรูป แต่วิ่งไปวิ่งมาเหนื่อยมาก และเปียกมากเช่นกัน
ฝนยังคงตกต่อเนื่อง รองเท้านี่เปียกน้ำซึมเข้าไปถึงถุงเท้า = ='
เดินมาเรื่อยๆ เลาะมาซอยในหมู่บ้าน เหย มุมนี้สวยจัง
ขึ้นตะไคร้น้ำ และวัชพืชหมดแล้นน น แต่หลังคายังใช้งานได้ดี ที่นี่เค้าห้ามสูบบุหรี่ เพราะตัวบ้านเป็นวัสดุที่ติดไฟง่ายนะจ๊ะ
เอากะเราสิ 55 5 ชอบจิงจัง นี่ถ้ามีเพื่อนมาด้วยจิงมันคงบ่นเราว่าจะถ่ายไรหนักหนา 55 5 แต่ฟิลล์มันให้อ่ะ เข้าจ๊ายยย ย
หันมองรอบๆ เจอต้นนี้ นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นต้นอะไร แต่มันขึ้นดอกเหมือนขนมสายไหมที่ขายตามงานวัด สวยดี
เดินต่อสักพักเจอคนกำลังตัดหญ้า นี่เจอแล้วหนึ่งคน 55 5 ตลอดทางที่เดินมานึกว่าหมู่บ้านร้าง
รถไว้บรรทุกของขนาดเล็ก ไม่รู้ว่ารถอะไรแต่ขอเรียกว่า ตุ๊กๆ เปิดประทุนแล้วกัน คนที่นี่ขับกันซิ่งมาก คงคิดว่าตัวเองเป็น ไบรอัน โอ คอนเนอร์ จาก Fast & Furius 5555 5
เจอหุ่นไล่กา น่ารักน่าชัง
หลังเล็กๆ ก็มี แต่เหมือนห้องเก็บของ
นี่เป็นร้านค้านะฮะๆ แต่เค้าปิดร้านกันหมดแล้ว ก็บอกแล้วว่าที่นี่แปลก เก็บร้านไม่พอ ไม่ออกมาคุยกันนั่งคุยกันหน้าบ้านเหมือนบ้านเรา
ไอติม หรือ Soft Cream มีขายทุกที่จริงๆ ร้านปิดแล้วนะจ๊ะ
และอากาศก็เย็นลงเรื่อยๆ เราเลยรีบเดินกลับที่พัก คืนนั้นลดต่ำสุดถึง 12 องศา สั่นแง๊กๆ
ปล. เราไม่ได้ขึ้นไปถ่ายรูปที่จุดชมวิว เพราะฝนยังตกต่อเนื่อง และพระอาทิตย์เริ่มตก กลัวไม่กล้าขึ้นไปคนเดียว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น