[CR] Hallstatt ในม่านหมอกและเงาฝน...สวยจนลืมไม่ลง

ซ่าาาา......ซ่า ซ่า ซ่าาาา ..... เสียงฝนพรำเป็นระยะๆ ในวันที่เราเดินทางมาถึง เมืองมรดกโลกที่ผู้คนรู้จักกันในชื่อว่า Hallstatt

ในใจเราพร่ำคิดเบาๆว่า แล้วฉันจะเที่ยวยังไงล่ะคะ คุณฝนจ๋าา มาตกทำไมวันนี้ นี่เป็นเมืองที่อ่าน review แล้วแบบต้องมาสัมผัสให้ได้เลยน๊าา หนึ่งในเมืองที่ต้องมาเยือนก่อนตาย...ขนาดดนั้น

การเดินทางมายัง Hallstatt หากขับรถมาเอง จะต้องจอดรถไว้ที่ Car park ซึ่งทางเมืองได้จัดสรรไว้ให้ ราคาที่จอดรถ 1 คืน 9€ และนั่งรถของโรงแรมเข้าไปยังเมือง ซึ่งจริงๆ สามารถเดินจากที่จอดรถไปก็ได้ ไม่ไกลเท่าไร พอได้เมื่อยนิดหน่อย

ในทริปครั้งนี้ เราได้จองที่พักผ่าน Booking ไว้ที่โรงแรม Seehotel Grüner Baum ซึ่งเมื่อถึงที่จอดรถ ก็ขึ้น Shuttle bus ของโรงแรมมายังที่พัก จัดแจง Check in เรียบร้อย ฝากของไว้ที่ front แล้วจึงออกมาเดินชมบรรยากาศเมืองมรดกโลก ให้เห็นกับตา

บรรยากาศในวันนั้น ออกครึ้มๆ มีเมฆและฝนตกพรำๆ พอให้เปียกนิดหน่อย แต่ก็สามารถเดินเล่นได้ ซึ่งแน่นอนจุดแรกที่เดินไปชม เป็นจุด signature point ของการมาเยือนที่นี่ ใครมาต้องมาถ่ายรูปเป็นหลักฐานว่า ฉันมาแล้วนะ ^^

จากโรงแรมที่พักเดินไปยังจุดถ่ายรูป ใช้เวลาไม่นานมา ระยะทางไม่ถึง 1 กิโลเมตร ในระหว่างที่เดินไป ก็ชื่นชมกับความงามของบ้านเรือนที่นั่น ซึ่งเป็นบ้านของผู้คนที่อาศัยอยู่จริงๆ ไม่ได้เน้นทำธุรกิจอะไรเท่าไรนัก สภาพบ้านเรือนมีเอกลักษณ์ชัดเจนและคงไว้ซึ่งการเป็นเมืองเก่าที่ดู Classic ...ช่างน่าชื่นชม


เมื่อเดินไปถึงจุด View point ก็พบผู้คนมากมายทีเดียวที่มารอถ่ายรูป ณ จุดๆนี้ เมืองนี้เป็นเมืองที่เราพบนักท่องเที่ยวชาวเอเชียค่อนข้างมาก จึงอาจจะดูวุ่นวายบ้างนิดหน่อย แต่ก็ดูมีสีสันดีทีเดียว ใช้เวลารอสักพัก ก็ได้โอกาสในการใช้กล้องตัวเก่ง เจ้า Fuji XM-1 กับกล้องมือถือ VIVO ในการเก็บภาพสวยๆ มาฝาก



ถือเป็นโชคดีในวันฝนพรำ ซึ่งเมฆหมอกลงได้ง่าย .... ฝนทำให้เมืองดูเปียกๆ ถ่ายรูปออกมาแล้วดูขรึม ประกอบกับม่านหมอกที่ทยอยออกมา ในช่วงที่อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเล็กน้อย เป็น Background ให้การถ่ายรูปในครั้งนี้ มีความสวยงามและดูลึกลับ น่าค้นหายิ่งนัก

"นี่มันมุมถ่ายภาพยนตร์ ประมาณ ฉากที่นางเอกกำลัง คิดถึงพระเอก ชัดๆ ... จินตนาการกันไปค่า"


ถ่ายรูปจนพอใจ ก็เดินสูดอากาศบริสุทธิ์ เข้าปอดเฮือกใหญ่ ให้ปอดได้ชุ่มฉ่ำกันไป แล้วก็เดินไปสำรวจอีกฟากของเมือง เก็บภาพไว้เชยชม



เดินเล่นสักพัก พอหิวเราก็เริ่มมองหาร้านอาหารเพื่อเพิ่มพลังกันสักหน่อย .... คือไม่รู้ว่าด้วยฝนตก หรือเริ่มมืด ร้านรวงต่างๆดูไม่ค่อยเปิดเท่าไร จนเราไปเจอร้านหนึ่งดูน่าสนใจ ก็เลยลองแวะกัน

เข้าไปข้างใน บรรยากาศร้านน่ารักๆตามสไตล์ยุโรป อาหารในเมนูดูเยอะ.....แต่ๆ แต่พี่อ่านมะออก >//< ดีว่าเหมือนมีภาษาอังกฤษตัวเล็กๆให้ด้วย (เฮ้ออ...รอดตาย)

อาหารที่สั่งไป (จำชื่อไม่ได้) บอกได้เลยว่า อร่อย...ร้านนี้ฝากท้องได้เลย ราคา rate ปกติของร้านอาหาร เมนูหลักประมาณ 10€ กว่าๆ และบริการน่ารัก >> Recommend จ้ะ  แต่จำชื่อร้านไม่ได้ ลองดูรูปได้จ้า เผื่อใครไป


เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนนน ..... กลับไปนอนดีกว่า เตรียมพลังงานไว้ลุยสำหรับพรุ่งนี้  z z Z Z .. Z z Z นานานอน

-----------------------------------------------------------------------------------------------------
Good Morning !!!        ซ่าาาาาๆๆ ซ่าาา ซ่าา ..... ฝนตกอีกแล้วว แหม่..เที่ยววันดีจริงๆ T^T

แต่สักพักฝนก็หยุด....ให้โอกาสนักท่องเที่ยวตาดำๆได้ออกเดินเล่นอีกครั้ง ในตอนเช้าเรากิน breakfast buffet ของทางโรงแรม จนอิ่มหนำสำราญใจ ...จากนั้นดูแผนที่ท่องเที่ยวของเมืองว่าจะไปไหนกันต่อดี

Hallstatt ถือว่าเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านเหมืองเกลือ เป็นแหล่งผลิตเกลือที่โด่งดัง ทำให้มีเหมืองเกลือเป็นแหล่งท่องเที่ยว และเป็นแหล่งเรียนรู้การผลิตเกลือไปด้วยในตัว โดยการไปที่เหมืองเกลือมีให้เลือก 2 ทาง คือ โดยสารรถรางขึ้นไป และเดินเท้า...เบาๆไม่กี่กิโลเมตร (ตามที่เขาว่าน่ะนะ)

ไอ่เราก็คนจริง....ขึ้นรถรางมันจะง่ายเกิ๊นน แล้วไง.....เดินสิครัช อย่ารีรอ เดินย่อยอาหารไปด้วย ดู Healthy สุดๆ

ว่าแล้วก็ออกเดินทาง เดินแบบมึนๆ ไปตามทางที่คิดว่าน่าจะพาเราขึ้นเขาไปได้ ซึ่งจะค่อยๆเลาะลาดชันขึ้นไปเรื่อยๆ การเดินครั้งนี้ เป็นการ Trekking เบาๆ (เบา...แน่นะ) ให้พอหืดขึ้นคอ และขาสั่น โดยในการเดินทางจะมี Station คอยบอกว่าเราเดินถึงจุดไหนแล้ว และในแต่ละ station จะมีการบันทึกเรื่องราวไว้ให้อ่านในบอร์ด ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ของเหมืองเกลือ อ่านแล้วได้ความรู้พอสมควร (เอ่อ แต่จำมาเล่าไม่ได้จริงๆ)

**รางวัลของคนกล้าเดิน คือ ภาพทิวทัศน์ระหว่างทางที่สวย เป็น Top view ของ Hallstatt แถมยังได้เดินผ่านน้ำตกของเมืองแบบใกล้ชิดด้วย ได้สัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด เห็นต้นไม้ใบหญ้า เห็ด มอสส์ เฟิร์น น่ารักๆเต็มไปหมด

#TIP : ใส่รองเท้าผ้าใบที่เหมาะกับการเดินบนทางที่เป็นดิน เนินลาดชัด ซึ่งอาจจะเจอฝนตกด้วยนะจ๊ะ กันลื่น กันล้มไว้หน่อยก็ดี เสื้อโค๊ทกันฝน หากมีก็อย่าลืมพกไปค่า








ที่เค้าบอกว่า "ยิ่งสูง....ยิ่งหนาว" เนี่ย อิฉันจะขอเถียงก็วันนี้ล่ะ ยิ่งเดินขึ้นสูงก็ยิ่งร้อน....จนต้องถอดเสื้อกันหนาวออกทีเดียว ตั้งแต่มาออสเตรีย เหงื่อเพิ่งออกซึมๆก็วันนี้ล่ะ  เดินกี่กิโลเมตรไม่แน่ใจ แต่เก็บภาพไว้ มาดูกัน


เห็นเมืองข้างล่างลิบๆ นั่นไหมคะ ..... นั่นล่ะฮะ ท่านผู้ชม เดินเพียงไปกี่ (ร้อย) ก้าว ก็ถึงจุดถ่ายรูปยอดฮิต อีกจุดหนึ่งของ Hallstatt เป็นเสมือนหัวเรือพุ่งออกไปลอยอยู่เหนือทะเลสาบ เวลาถ่ายรูปออกมาก็จะมี Background เป็นทะเลสาบและท้องฟ้าที่สวยงาม ดูไปดูมา ราวกับว่าอยู่บนหัวเรือไททานิค


ใช้เวลาถ่ายรูปอยู่ตรงนั้นสักพัก พอร่างกายเริ่มมีสติรู้ตัวว่าหนาว (-_-'') ก็ได้เวลาที่เราจะต้องจรลีจากลา ลงสู่พื้นดิน สรุป คือ ไปไม่ถึงเหมือง เพราะต้องเดินต่อไปอีก ซึ่งดูจากเวลาและร่างกายแล้ว บอกเลยว่า "ถอยดีกว่า..ไม่อาวว ดีกว่า" จากนั้นก็เดินกลับด้วยความจำยอม ทีแรกว่าจะกลับโดยรถราง แต่หาที่ซื้อตั๋วไม่เจอ >//<

ขาลงนี่ถึงถึงกะขาสั่นเบาๆ แต่พอเดินไปเจอหมอกสวยๆ ก้อลืมสั่นไปเลย คือ ในระหว่างที่เดิน มีหมอกลงจัดมากอยู่ช่วงหนึ่ง เหมือนกับ อยู่กลางก้อนเมฆ พูดได้คำเดียวว่า ฟินนนน... พยายามถ่ายรูปกับหมอก แต่พอมันอยู่รอบตัวนี่ ถ่ายไงก็ไม่สวย ก็เลยเก็บไว้ในความทรงจำแทน





ตอนแรกที่เจอฝนตกที่นี่ ก็คิดเตลิดไปก่อนว่า แย่แหงมๆ เที่ยวคงไม่สนุก ถ่ายรูปคงไม่สวย ... ที่ไหนได้ มองไปทางไหนก็สวย อากาศก็ไม่ร้อน มีม่านหมอกมาให้ถ่ายรูปเป็น option เสริมอีกต่างหาก

#จริงๆแล้ว เที่ยวที่ไหน เที่ยวหน้าไหน ช่วงไหน ทุกที่ก็คงมีจุดที่สวยในมุมที่ต่างกัน เพียงแค่เราเปิดใจยอมรับ มองมุมใหม่ อะไรๆก็สวยงามได้เสมอ

รีวิว โรงแรม Seehotel Grüner Baum



#ทำเลและความสวยงาม : ทำเลดีมาก ถือว่าอยู่ใจกลางเมือง Hallstatt ไปมาสะดวก เป็นจุดกลางๆของแหล่งท่องเที่ยว ตัวโรงแรมมีความสวยงามและสีโดดเด่น อยู่ติดริมทะเลสาบ บรรยากาศดี การตกแต่งในโรงแรมสวย ดูดี


#การบริการ : Front ให้บริการเยี่ยม ให้คำแนะนำในการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี มีรับฝากของในกรณีไปถึงก่อนเวลา check in, ในโรงแรมมีห้องซาวน่าให้ใช้บริการด้วย ซึ่งสามารถแจ้งที่ front ได้เช่นกัน หลังเช็คอิน จะมีเสริฟ์เค้กและช็อคโกแลตให้ 1 ครั้งด้วย (แต่ ช็อคโกแลตไม่อร่อย หรือรสชาดไม่คุ้นปากเราเท่าไร)

#ความสะดวกสบายของห้องพัก : ความสบายของห้องพักดีมาก เตียงนอนใหญ่ ที่นอน หมอน ผ้าห่ม ดี๊ดี มีความนิ่มมาก อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน


#ความคุ้มค่าของราคา : อยู่ในเกณฑ์ดี หากพิจารณาจากทำเลและอื่นๆประกอบกันก็โอเค แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องทำเล ว่าต้องบรรยากาศดีมากนัก โรงแรมนี้อาจจะไม่เหมาะ เพราะราคาถือว่าสูงเหมือนกัน ราคาตอนที่ไป คืนละ 165€ ประมาณ 6,645 บาท

#อาหารเช้า : ดี แต่ไม่ได้ดีเลิศ ความหลากหลายของอาหารอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางสูง รสชาดนี่พูดยากแฮะ เพราะลิ้นเราไม่ชินกะอาหารเค้า

โดยรวม ความพึงพอใจอยู่ในระดับดี เหมาะสมกับราคาที่จ่ายไป หากครั้งหน้ามาเที่ยว ไม่ซีเรียสเรื่องทำเล อาจจะหาที่ถูกกว่านี้ จะได้เอาเงินส่วนต่างไปเป็นค่าเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้เพิ่มจ้าา

รีวิว Day1 >> http://ppantip.com/topic/35695079 ขับรถเที่ยวเยอรมัน "สะกิดเส้นทางในฝัน München-Tegernsee-Wallgau-Grainau"
รีวิว Day2 >> http://ppantip.com/topic/35698685 ขับรถเที่ยวเยอรมัน "Zugspitze-Königssee ธรรมชาติช่างสรรค์สร้าง"
รีวิว Day4 >> http://ppantip.com/topic/35712220 อยากรู้จักเมืองใหญ่ในฝัน ให้ไปเจอกันที่ "Salzburg"
ชื่อสินค้า:   ladiestraveller.wordpress.com
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่