ยิ่งกาลเวลาผ่านไป ผู้หญิงจำนวนมากขึ้นก็ต้องทนทุกข์ทรมานกับคำว่า “เธอควรจะลดน้ำหนักได้แล้ว!”
แต่จริงๆ แล้วความผอมเพรียวราวกับนางแบบนั้นสำคัญไฉน? เพราะ “รูปร่างในอุดมคติ” ของผู้หญิง ไม่ได้เหมือนกันทุกยุคทุกสมัยหรอกนะ!!
ผู้หญิงต้องคู่กับความสวยความงาม แน่นอนว่าผู้หญิงย่อมอยาก ‘สวย’ ตามบริบทที่สังคมกำหนด เพราะนอกจากจะได้รับความชื่นชมแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
แล้วต้องสวยเท่าไหร่ถึงจะพอ?
คงเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย เพราะดูเหมือนว่า ‘ค่านิยม’ ของสังคมนั้นจะขยันเปลี่ยนแปลงเหลือเกิน แล้วถ้าหากเกิดในยุคก่อนๆ ผู้หญิงจะต้อง ‘สวย’ ในแบบไหนกันล่ะ?
มาชม “ความงามในอุดมคติ” ของสาวๆ เมื่อ 100 ปีก่อนกันดีกว่า
ยุค 1910: The Gibson Girl
ชื่อนี้ถูกตั้งขึ้นตามนักวาดภาพ Charles Gibson ในยุคนี้หญิงสาวจะต้องมีเอวที่คอดมากๆ จากการสวมชุดคอร์เซ็ตเพื่อรัดทรวดทรง มันดูอึดอัดและทรมานใช่ไหม? ใช่ มันทรมานเกินจะบรรยายเลยล่ะ
ยุค 1920: สาวน้อย
เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากว่าหลังจากอึดอัดกับชุดรัดๆ ในยุคก่อนหน้าแล้ว บรรดาหญิงสาวจะอยากสวมชุดหลวมๆ ผ้าลื่นๆ ใส่สบายดูบ้าง ค่านิยมของผู้หญิงในยุคนี้คือ ‘แบน’ สุดๆ พวกเธอต้องไม่มีสะโพก ไม่มีหน้าอก ดูไปแล้วก็เหมือนเด็กผู้ชายมากกว่าหญิงสาว ยุคนี้เป็นยุคแห่งการเรียกร้องสิทธิสตรี และการแต่งตัวของพวกเธอก็สะท้อนให้เห็นว่าพวกเธอมีความเท่าเทียมกับเพศชายเช่นกัน
ยุค 1930: ทรวดทรงองค์เอว
นี่คือภาพของซุปตาร์ชื่อดังในสมัยนั้น Mae West และ Jean Harlow และจากข้อมูลในนิตยสารชื่อดัง Photoplay ผู้หญิงในอุดมคติสมัยนั้นต้อง “มีส่วนโค้งเว้า” และดู “กลมกลึง” สุดๆ
ยุค 1940: ผู้หญิงแข็งแรง!
ในระหว่างและหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้หญิงต้องเข้ามามีบทบาทในการทำงานมากขึ้น รวมทั้งงานที่ใช้แรงงานและพละกำลัง พวกเธอจึงต้องมีรูปร่างที่ “แข็งแรง” และไม่ผอมแห้งแรงน้อย มีกล้ามนิดๆ ก็จะสวยงามตามสมัย และหุ่นแบบนักแสดงหญิงชื่อดัง Betty Grable ในภาพด้านบนก็ถูกเรียกว่า “เรียวขาเงินล้าน”
ยุค 1950: หยุดก่อน…ความอวบอั๋นกลับมาแล้ว
ความอ่อนหวานแบบเฟมินีนได้กลับมาทวงบัลลังก์อีกในยุคนี้ ผู้หญิงจะต้องมีหน้าอกและสะโพกเพื่อให้ดูสมกับเป็นผู้หยิ๊งผู้หญิงสุดๆ สาวๆ ต้องมีหุ่นชวนฝันแบบดาราชื่อดังอย่าง Elizabeth Taylor, Marilyn Monroe และ Dorothy Dandridge
ยุค 1960: ผอมแห้งแรงน้อย (หรือติดยานะ!?)
สาวอวบต้องหลบไปอีกครั้ง แต่คราวนี้คือค่านิยมความผอมแบบสุดติ่ง นางแบบตัวเล็กอย่าง Twiggy, Jean Seberg และ Jane Birkin ในชุดเดรสตัวเล็กราวกับตุ๊กตาคือเทรนด์สุดล้ำนำสมัยแห่งวงการแฟชั่น และถ้าหากว่าคุณไม่ได้เกิดมาพร้อมหุ่นผอมบางแบบพวกเธอล่ะก็ หมอมีตัวช่วย!! แอมเฟตามีนหรือยาบ้านั่นเอง อุ๊ปส์ ไม่ดีนะสาวๆ
ยุค 1970: ผอมเพรียว
ความผอมยังคงเป็นกระแสนิยม แต่คราวนี้ค่อยยังชั่วขึ้นมาบ้าง เหล่านางแบบอย่าง Farrah Fawcett และ Beverly Johnson ต่างก็มีหุ่นที่ผอมเพรียว แต่ไม่ได้ดูผอมแห้งแรงน้อย ออกจะไปทางนักกีฬาที่ออกกำลังกายอย่างหนัก แต่ต้องไม่มีกล้ามใหญ่ๆ หรือมีไขมันนะ! พวกเธอก็ยังคงความผอมสุดๆ เพื่อให้ดูแขนขาเรียวเพรียวสวยนั่นเอง
ยุค 1980: ออกกำลังกายกันหน่อย
กีฬาอย่างแอโรบิค เต้นแจ๊ส และวิ่งจ็อกกิ้งนั้นได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ผู้คนหันมาให้ความสนใจกับสุขภาพและร่างกายที่แข็งแรง กิจการฟิตเนสก็เปิดแข่งกันราวกับบ้าคลั่ง (คุ้นๆ นะยุคนี้) แต่ผู้หญิงที่ออกกำลังกายอย่างหนักแน่นอนว่ายังคงผอมเพรียว และเน้นไปที่ช่วงขาที่สวยงามสุดๆ จากการคาร์ดิโออย่างหนักหน่วง
ยุค 1990: ผอมแห้งแบบติดยา (อีกแล้วหรอ!?)
แนวเพลงแบบกรันจ์กลายเป็นกระแสนิยมในวงการบันเทิงอย่างแพร่หลาย หุ่นผอมเก้งก้างที่เข้ากันดีกับแนวเพลงนี้ก็กลายมาเป็นค่านิยมอีกครั้ง เหล่านางแบบต้องผอมสวยแบบ ‘ขี้ยา’ นิดๆ Kate Moss นางแบบชื่อดังก็ช่างผอมจับใจเวลาอยู่บนรันเวย์ แต่ในยุคนั้นก็มีกระแสต่อต้านเบาๆ เช่นกัน นักร้องดัง Sir Mix-A-Lot พยายามชักจูงให้สาวๆ หันไปโฟกัสกับสะโพกเด้งๆ ด้วยเพลง “Baby Got Back” อันโด่งดังของเขา
ยุค 2000: สาวนักกีฬากลับมาแล้ว
ผู้หญิงในยุคนี้ต้องแข็งแรงและดูเป็นนักกีฬากันสุดๆ พวกเธอต้องสวยดูดีไร้ไขมันในชุดบิกินี แต่ขณะเดียวกันก็สามารถล้มคุณได้ด้วยกล้ามแขนอันแข็งแรง ค่านิยมสวยหุ่นดีพร้อมความฟิตแบบนักกีฬานี้เกิดมาเพื่อต่อต้านกระแสผอมแห้งแรงน้อยในยุคก่อนหน้านั่นเอง
ยุค 2010: ก้น สะโพก และก้น!
ค่านิยมหุ่นดีของสาวๆ ยุคปัจจุบันสังเกตได้จากความพยายามของเหล่านักร้องเซเลบชื่อดังอย่าง Kim Kardashian หรือ Nicky Ninaj ที่ต่างก็อยากโชว์สะโพกที่ใหญ่เวอร์วังอลังการกันทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ว่ากินจนอวบอั๋นเพื่อให้มีสะโพกใหญ่ๆ หรอกนะ แต่ต้องออกกำลังกายจนมีหน้าท้องแบนราบและสควอทจนก้นเด้งขึ้นมาต่างหากล่ะ และถ้าการออกกำลังอย่างหนักไม่ช่วยอะไร ศัลยกรรมพลาสติกก็สามารถช่วยคุณได้ในพริบตาเดียว
หลังจากชม ‘ค่านิยม’ ในอุดมคติของสาวๆ แต่ละยุคสมัยแล้วก็บอกได้คำเดียวว่าเพลีย เพราะช่างขยันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเดี๋ยวผอมเดี๋ยวอวบกันจนตามไม่ทัน
ดังนั้นสาวๆ อย่าไปเครียดกับการคุมอาหาร ออกกำลังกายบ้างแต่พอดีก็เพียงแล้ว เพราะผู้หญิงทุกคนน่ะ มีความสวยในแบบของตัวเองกันทั้งนั้น!
ที่มา: buzzfeed
บทความจาก meekhao.com/history/ideal-beauty-history
สวยพอรึยัง?? ประวัติศาสตร์ “ความสวยในอุดมคติ” ของสาวๆ แต่ละยุคสมัย
แต่จริงๆ แล้วความผอมเพรียวราวกับนางแบบนั้นสำคัญไฉน? เพราะ “รูปร่างในอุดมคติ” ของผู้หญิง ไม่ได้เหมือนกันทุกยุคทุกสมัยหรอกนะ!!
ผู้หญิงต้องคู่กับความสวยความงาม แน่นอนว่าผู้หญิงย่อมอยาก ‘สวย’ ตามบริบทที่สังคมกำหนด เพราะนอกจากจะได้รับความชื่นชมแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
แล้วต้องสวยเท่าไหร่ถึงจะพอ?
คงเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย เพราะดูเหมือนว่า ‘ค่านิยม’ ของสังคมนั้นจะขยันเปลี่ยนแปลงเหลือเกิน แล้วถ้าหากเกิดในยุคก่อนๆ ผู้หญิงจะต้อง ‘สวย’ ในแบบไหนกันล่ะ?
มาชม “ความงามในอุดมคติ” ของสาวๆ เมื่อ 100 ปีก่อนกันดีกว่า
ยุค 1910: The Gibson Girl
ชื่อนี้ถูกตั้งขึ้นตามนักวาดภาพ Charles Gibson ในยุคนี้หญิงสาวจะต้องมีเอวที่คอดมากๆ จากการสวมชุดคอร์เซ็ตเพื่อรัดทรวดทรง มันดูอึดอัดและทรมานใช่ไหม? ใช่ มันทรมานเกินจะบรรยายเลยล่ะ
ยุค 1920: สาวน้อย
เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากว่าหลังจากอึดอัดกับชุดรัดๆ ในยุคก่อนหน้าแล้ว บรรดาหญิงสาวจะอยากสวมชุดหลวมๆ ผ้าลื่นๆ ใส่สบายดูบ้าง ค่านิยมของผู้หญิงในยุคนี้คือ ‘แบน’ สุดๆ พวกเธอต้องไม่มีสะโพก ไม่มีหน้าอก ดูไปแล้วก็เหมือนเด็กผู้ชายมากกว่าหญิงสาว ยุคนี้เป็นยุคแห่งการเรียกร้องสิทธิสตรี และการแต่งตัวของพวกเธอก็สะท้อนให้เห็นว่าพวกเธอมีความเท่าเทียมกับเพศชายเช่นกัน
ยุค 1930: ทรวดทรงองค์เอว
นี่คือภาพของซุปตาร์ชื่อดังในสมัยนั้น Mae West และ Jean Harlow และจากข้อมูลในนิตยสารชื่อดัง Photoplay ผู้หญิงในอุดมคติสมัยนั้นต้อง “มีส่วนโค้งเว้า” และดู “กลมกลึง” สุดๆ
ยุค 1940: ผู้หญิงแข็งแรง!
ในระหว่างและหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้หญิงต้องเข้ามามีบทบาทในการทำงานมากขึ้น รวมทั้งงานที่ใช้แรงงานและพละกำลัง พวกเธอจึงต้องมีรูปร่างที่ “แข็งแรง” และไม่ผอมแห้งแรงน้อย มีกล้ามนิดๆ ก็จะสวยงามตามสมัย และหุ่นแบบนักแสดงหญิงชื่อดัง Betty Grable ในภาพด้านบนก็ถูกเรียกว่า “เรียวขาเงินล้าน”
ยุค 1950: หยุดก่อน…ความอวบอั๋นกลับมาแล้ว
ความอ่อนหวานแบบเฟมินีนได้กลับมาทวงบัลลังก์อีกในยุคนี้ ผู้หญิงจะต้องมีหน้าอกและสะโพกเพื่อให้ดูสมกับเป็นผู้หยิ๊งผู้หญิงสุดๆ สาวๆ ต้องมีหุ่นชวนฝันแบบดาราชื่อดังอย่าง Elizabeth Taylor, Marilyn Monroe และ Dorothy Dandridge
ยุค 1960: ผอมแห้งแรงน้อย (หรือติดยานะ!?)
สาวอวบต้องหลบไปอีกครั้ง แต่คราวนี้คือค่านิยมความผอมแบบสุดติ่ง นางแบบตัวเล็กอย่าง Twiggy, Jean Seberg และ Jane Birkin ในชุดเดรสตัวเล็กราวกับตุ๊กตาคือเทรนด์สุดล้ำนำสมัยแห่งวงการแฟชั่น และถ้าหากว่าคุณไม่ได้เกิดมาพร้อมหุ่นผอมบางแบบพวกเธอล่ะก็ หมอมีตัวช่วย!! แอมเฟตามีนหรือยาบ้านั่นเอง อุ๊ปส์ ไม่ดีนะสาวๆ
ยุค 1970: ผอมเพรียว
ความผอมยังคงเป็นกระแสนิยม แต่คราวนี้ค่อยยังชั่วขึ้นมาบ้าง เหล่านางแบบอย่าง Farrah Fawcett และ Beverly Johnson ต่างก็มีหุ่นที่ผอมเพรียว แต่ไม่ได้ดูผอมแห้งแรงน้อย ออกจะไปทางนักกีฬาที่ออกกำลังกายอย่างหนัก แต่ต้องไม่มีกล้ามใหญ่ๆ หรือมีไขมันนะ! พวกเธอก็ยังคงความผอมสุดๆ เพื่อให้ดูแขนขาเรียวเพรียวสวยนั่นเอง
ยุค 1980: ออกกำลังกายกันหน่อย
กีฬาอย่างแอโรบิค เต้นแจ๊ส และวิ่งจ็อกกิ้งนั้นได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ผู้คนหันมาให้ความสนใจกับสุขภาพและร่างกายที่แข็งแรง กิจการฟิตเนสก็เปิดแข่งกันราวกับบ้าคลั่ง (คุ้นๆ นะยุคนี้) แต่ผู้หญิงที่ออกกำลังกายอย่างหนักแน่นอนว่ายังคงผอมเพรียว และเน้นไปที่ช่วงขาที่สวยงามสุดๆ จากการคาร์ดิโออย่างหนักหน่วง
ยุค 1990: ผอมแห้งแบบติดยา (อีกแล้วหรอ!?)
แนวเพลงแบบกรันจ์กลายเป็นกระแสนิยมในวงการบันเทิงอย่างแพร่หลาย หุ่นผอมเก้งก้างที่เข้ากันดีกับแนวเพลงนี้ก็กลายมาเป็นค่านิยมอีกครั้ง เหล่านางแบบต้องผอมสวยแบบ ‘ขี้ยา’ นิดๆ Kate Moss นางแบบชื่อดังก็ช่างผอมจับใจเวลาอยู่บนรันเวย์ แต่ในยุคนั้นก็มีกระแสต่อต้านเบาๆ เช่นกัน นักร้องดัง Sir Mix-A-Lot พยายามชักจูงให้สาวๆ หันไปโฟกัสกับสะโพกเด้งๆ ด้วยเพลง “Baby Got Back” อันโด่งดังของเขา
ยุค 2000: สาวนักกีฬากลับมาแล้ว
ผู้หญิงในยุคนี้ต้องแข็งแรงและดูเป็นนักกีฬากันสุดๆ พวกเธอต้องสวยดูดีไร้ไขมันในชุดบิกินี แต่ขณะเดียวกันก็สามารถล้มคุณได้ด้วยกล้ามแขนอันแข็งแรง ค่านิยมสวยหุ่นดีพร้อมความฟิตแบบนักกีฬานี้เกิดมาเพื่อต่อต้านกระแสผอมแห้งแรงน้อยในยุคก่อนหน้านั่นเอง
ยุค 2010: ก้น สะโพก และก้น!
ค่านิยมหุ่นดีของสาวๆ ยุคปัจจุบันสังเกตได้จากความพยายามของเหล่านักร้องเซเลบชื่อดังอย่าง Kim Kardashian หรือ Nicky Ninaj ที่ต่างก็อยากโชว์สะโพกที่ใหญ่เวอร์วังอลังการกันทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ว่ากินจนอวบอั๋นเพื่อให้มีสะโพกใหญ่ๆ หรอกนะ แต่ต้องออกกำลังกายจนมีหน้าท้องแบนราบและสควอทจนก้นเด้งขึ้นมาต่างหากล่ะ และถ้าการออกกำลังอย่างหนักไม่ช่วยอะไร ศัลยกรรมพลาสติกก็สามารถช่วยคุณได้ในพริบตาเดียว
หลังจากชม ‘ค่านิยม’ ในอุดมคติของสาวๆ แต่ละยุคสมัยแล้วก็บอกได้คำเดียวว่าเพลีย เพราะช่างขยันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเดี๋ยวผอมเดี๋ยวอวบกันจนตามไม่ทัน
ดังนั้นสาวๆ อย่าไปเครียดกับการคุมอาหาร ออกกำลังกายบ้างแต่พอดีก็เพียงแล้ว เพราะผู้หญิงทุกคนน่ะ มีความสวยในแบบของตัวเองกันทั้งนั้น!
ที่มา: buzzfeed
บทความจาก meekhao.com/history/ideal-beauty-history