สวัสดีครับ ก่อนอื่นผมขออาลัยของการสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่รักยิ่งของประชาชนชาวไทยทุกท่าน ครับ......
ดังกระทู้ที่ผมตั้งไว้ ตัวผมเองรับรู้ถึงพระราชกรณีกิจของพระองค์แบบจริงๆ จัง ก็เมื่อ ปี 2549 ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีงานฉลอง พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ที่มีการเชิญแขกอาคันตุกะและพระประมุขจากหลายๆ ประเทศมารวมถึงผู้ที่ถูกถ่ายรูปในสมัยที่พระองค์ยังทรงงาน มาร่วมยินดีและร่วมกันถวายพระพร ผมรับรู้เรื่องนี้จากการที่หน่วยงานภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ นั้น ร่วมมือกันถ่ายทอดสารคดีรวมถึงเผยแพร่สื่อต่าง ๆ มากมาย จนในสมัยนั้นเปิดทีวีช่องไหนก็จะเจอเรื่องของพระองค์อยู่ตลอดเวลา ทําให้เราซึมซับเรื่องต่าง ๆ ด้วยความที่เรายังเด็ก จึงเกิดคําถามว่าพระองค์ทรงงานหนักขนาดนี้ได้ยังไง ??? และจะทําไปทําไม ??? ทําแล้วได้อะไรตอบแทน ???
จนกระทั่งวันหนึ่งที่มีประชาชน หน่วยงานภาครัฐ รวมถึง เชื้อพระวงศ์ต่างๆ จํานวนมากพร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองแล้วไปรวมตัวกันที่ลานพระราชวังสวนดุสิต เมื่อพระองค์ท่านปรากฎมา ประชาชนพร้อมใจกันตะโกนอย่างสุดเสียงว่า " ทรงพระเจริญ " สิ่งนี้ก็เริ่มทําให้ผมคิดแล้วว่าทําไม สิ่งที่ท่านทํามาตลอดชีวิตที่พระองค์ยังทรงมีแรงกาย แรงใจอยู่ ผลตอบแทนที่ได้คือประชาชนไม่ทอดทิ้งท่าน การกระทําของพระองค์ได้แสดงให้รู้ว่าพสกนิกรทั่วหล้าทําไมถึงรักท่าน เพราะท่านทรงไม่ทิ้งประชาชน เหมือนที่มีประชาชนท่านเคยตะโกนบอกพระองค์ว่า " พระองค์โปรดอย่าทอดทิ้งประชาชน " พระองค์ขณะนั้น (ผมคิดว่าน่าจะอยู่บนรถ) ได้พูดกับตัวเองว่า " ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะไม่ทิ้งประชาชน "
ผมภูมิใจนะครับที่ได้เกิดทันจนรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ของพระองค์ และภูมิใจที่ได้เกิดทันพอจะเห็นว่าพระองค์มีความสําคัญต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างไรบ้าง
ส่วนเรื่องในอนาคตนั้นอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดตามวันและเวลาครับ แต่สิ่งที่จะไม่ถูกลืมไปจากประวัติศาสตร์ชาติไทยเลย คือ การที่เรามีกษัตริย์ที่ทรงงานหนักมากที่สุดในโลกและทรงเป็นอัครศิลปิน
ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็นครับ
คุณรับรู้พระราชกรณียกิจต่างๆ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงงานและช่วยเหลือพสกนิกรทั่วหล้า เมื่อปีไหน และรู้สึกอย่างไร ??
ดังกระทู้ที่ผมตั้งไว้ ตัวผมเองรับรู้ถึงพระราชกรณีกิจของพระองค์แบบจริงๆ จัง ก็เมื่อ ปี 2549 ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีงานฉลอง พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ที่มีการเชิญแขกอาคันตุกะและพระประมุขจากหลายๆ ประเทศมารวมถึงผู้ที่ถูกถ่ายรูปในสมัยที่พระองค์ยังทรงงาน มาร่วมยินดีและร่วมกันถวายพระพร ผมรับรู้เรื่องนี้จากการที่หน่วยงานภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ นั้น ร่วมมือกันถ่ายทอดสารคดีรวมถึงเผยแพร่สื่อต่าง ๆ มากมาย จนในสมัยนั้นเปิดทีวีช่องไหนก็จะเจอเรื่องของพระองค์อยู่ตลอดเวลา ทําให้เราซึมซับเรื่องต่าง ๆ ด้วยความที่เรายังเด็ก จึงเกิดคําถามว่าพระองค์ทรงงานหนักขนาดนี้ได้ยังไง ??? และจะทําไปทําไม ??? ทําแล้วได้อะไรตอบแทน ???
จนกระทั่งวันหนึ่งที่มีประชาชน หน่วยงานภาครัฐ รวมถึง เชื้อพระวงศ์ต่างๆ จํานวนมากพร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองแล้วไปรวมตัวกันที่ลานพระราชวังสวนดุสิต เมื่อพระองค์ท่านปรากฎมา ประชาชนพร้อมใจกันตะโกนอย่างสุดเสียงว่า " ทรงพระเจริญ " สิ่งนี้ก็เริ่มทําให้ผมคิดแล้วว่าทําไม สิ่งที่ท่านทํามาตลอดชีวิตที่พระองค์ยังทรงมีแรงกาย แรงใจอยู่ ผลตอบแทนที่ได้คือประชาชนไม่ทอดทิ้งท่าน การกระทําของพระองค์ได้แสดงให้รู้ว่าพสกนิกรทั่วหล้าทําไมถึงรักท่าน เพราะท่านทรงไม่ทิ้งประชาชน เหมือนที่มีประชาชนท่านเคยตะโกนบอกพระองค์ว่า " พระองค์โปรดอย่าทอดทิ้งประชาชน " พระองค์ขณะนั้น (ผมคิดว่าน่าจะอยู่บนรถ) ได้พูดกับตัวเองว่า " ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะไม่ทิ้งประชาชน "
ผมภูมิใจนะครับที่ได้เกิดทันจนรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ของพระองค์ และภูมิใจที่ได้เกิดทันพอจะเห็นว่าพระองค์มีความสําคัญต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างไรบ้าง
ส่วนเรื่องในอนาคตนั้นอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดตามวันและเวลาครับ แต่สิ่งที่จะไม่ถูกลืมไปจากประวัติศาสตร์ชาติไทยเลย คือ การที่เรามีกษัตริย์ที่ทรงงานหนักมากที่สุดในโลกและทรงเป็นอัครศิลปิน
ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็นครับ