กระทู้นี้ขอร้องไม่เอาดราม่าประหลาดๆ ไร้สาระจากข้างนอกมาถกนะฮะ ...ใครจะปลูกข้าวดำนา ใครจะรณรงค์ปลดโน่นนี่นั่นแบบไม่มีเหตุผลรองรับ ... ถ้าจะแลกเปลี่ยนกัน เหตุผลและตรรกะกับการเปิดใจแลกเปลี่ยนกัน ...
คือเข้าใจอารมณ์นะฮะว่าวันนี้อารมณ์ห้องศุภฯ กระทู้คงไหลยิ่งกว่าฝนตก ...ถือซะว่ากระทู้ข้าเจ้าเป็นฝายดักความคิดกรองความเห็นกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเกมนี้และภาพรวมที่ผ่านมา 4 นัดแล้ว ..
อนึ่ง ...ตอนนี้ก็ต้องส่งกำลังใจไปยัง "ประทุม" ที่ต้องถึงกับเข้าเฝือกที่คอส่งโรงพยาบาลโดยด่วน ...จังหวะนั้นถึงแม้ผู้เล่นอิรักจะดูไหลตามน้ำไปนิด แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเค้าก็ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาทำร้ายให้ได้ผลขนาดนี้ ...ให้ทำใจว่าเป็นอุบัติเหตุที่ทางเค้าก็ได้รับผลเป็นใบเหลืองไปแล้วเหมือนกัน
- เกมนี้ โค้ชซิโก้ก็ยังใช้ผู้เล่นชุดเดิมด้วยทัศนคติแบบเดิมที่ต้องการเน้นตั้งรับโซนและรุกรัดกุม ...สิ่งที่พวกเราต้องเข้าใจอย่างนึงก่อนว่าทำไมนัดนี้อิรักแตกต่างอย่างมากไปจาก 2 นัดก่อนที่เคยเจอเราในรอบคัดเลือก นั่นเพราะทีมชุดนี้แทบจะต่างจากชุดนั้นทั้งหมด แกนหลักเป็นผู้เล่นชุดดาวรุ่งโอลิมปิกที่มีความกระหายสูง สปิริตทีมดีกว่าชุดนั้น รูปร่างโดยเฉลี่ยก็อยู่ในระดับที่ฟัดกับระดับทีมเอเชียจริงๆ (ชุดนั้นเรียกชุดทีมแตก ผู้เล่นแบ่งฝ่าย งัดกับโค้ช ...แต่ขนาดนั้นเราก็ยังทำได้แค่เสมอเลย) การแก้เกมของเค้าก็ทำมาดีมากเพราะเค้าได้บทเรียนจาก 2 นัดกับเรามาแล้ว ... ถามว่า "เราหละ รู้ตัวหรือเปล่าว่าเค้าไม่ใช่ทีมเดิม เล่นแบบเดิม" ... ดูจากที่โค้ชซิโก้ยังเลือดจัดตัวแบบเดิม ในมุมนึงต้องเข้าใจก่อนว่าเราเองนั้น มีทรัพยากรจำกัดจริงๆ ผู้เล่นเราลงมาทดแทนกันไม่ได้เนียนเท่ากัน ทีมชุดแรกที่ลงมาตลอด 4 นัด โค้ชซิโก้ไม่ได้มองที่ว่าเราจะต้องเข้ารอบ แต่พยายามรักษามาตรฐานให้เราต้านให้ได้ก่อน นั่นจึงอาจจะส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาของทีมด้วยที่เล่นด้วยความระแวงและสับสนในเกมคืนนี้ เรายังยึดติดกับยืนโซน เรายังมีอาการงงงวยว่าเวลาบอลอยู่กับเท้าผู้เล่นคนใดคนหนึ่งของเรา คนที่ไม่มีบอลจะทำอะไรต่อ (การไม่วิ่งทำทางในระยะส่งบอล ไม่เคลื่อนที่เข้าหากัน ทำให้อิรักสามารถเข้าเพรสตัวมีบอลของเราได้สบายๆ ไม่ต้องพะวงเรื่องหลุดตำแหน่งมาไล่เพรส) ...ในขณะที่เวลาต้องกลายเป็นเกมรับ ด้วยการรักษาโซนทำให้เกิดช่องว่างในการสอดเข้าทำของอิรักเต็มไปหมด ...แต่นี่แหละ ความเร็วและแทคติกของบอลระดับเอเชีย ... และ 4 นัดมันก็มากพอที่จะสะกิดให้เราควรจะรู้ตัวได้แล้วว่าการแค่รับโซนไม่ไล่แบบกลัวๆ ไม่ทำความเข้าใจเบสิคฟุตบอลสมัยใหม่ที่ไม่มีผู้เล่นแบบแยกความรับผิดชอบตายตัว ระดับความมุ่งมั่นที่เราเคยภูมิใจนักหนามันกลายเป็นเรื่องเด็กๆ เมื่อต้องเทียบกับความมุ่งมั่นในระดับเดียวกันของทีมไม่มีแต้มเหมือนกันของทีมระดับเอเชีย ...
- ... ลูกที่เสียของเรา ส่วนหนึ่งก็ยังเป็นเรื่องจุดอ่อนเดิมๆ จากฝั่งเดิมๆ .... ถ้าจะโทษนักเตะก็ต้องถามว่าใครเป็นคนคัดให้ลง ถ้าจะโทษคนคัดให้ลงก็ต้องถามว่าเรามีตัวที่รองรับความต้องการจินตนาการในการวางแผนเพียงพอหรือเปล่า ...และถ้าจะโทษว่าตัวเราทำไมไม่พอ ...ก็ต้องย้อนกลับไปยังพื้นฐานบ้านเราก่อนว่าเราอยู่ในระดับไหน มันก็จะสะท้อนไปที่ลีกทุกระดับ สะท้อนไปที่ผลงานระดับเยาวชนทุกระดับ ...สุดท้าย จะแก้ปัญหา ก่อนด่าสาดเสียเทเสียก็ต้องขุดไปให้ถึงแก่นกันก่อน แล้วเริ่มแก้จากตรงนั้น ... ซึ่ง ..."มันต้องใช้เวลา" ... ข้าเจ้าเองก็อึดอัดเหมือนกันกับการจัดตัวและวางแผนการเล่นบางนัดของโค้ชซิโก้ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาไล่ตรรกะและเหตุผลกันแบบนี้ และมันก็จะพบว่าตัวเรากับพัฒนาการระบบการเล่นของเรามันยัง "ตามหลังระดับเอเชีย" จริงๆ ... การเสียประตูจากการขึ้นแล้วลงไม่ทัน การยืนตำแหน่งตัวประกบของกองหลัง (อีก 2 ลูกที่เหลือเราอย่าอะไรกันนักเลยนะ สุดวิสัยไปแล้ว) เหล่านั้น มันไม่ใช่แค่เจ้าโดพลาด หรือเจ้าตั้มยืนพลาด ...แต่มันมาจากพื้นฐานทักษะการเคลื่อนที่ เบสิคการเล่น ระดับความฟิตที่เรายังไม่ถึงพอจริงๆ กับระดับนี้ ... เรามีตัวที่เล่นดีกว่านี้หรือ??? ต่อให้มี ตัวเหล่านั้นมีซักกี่คน และ ..มันจะเข้าขากับชุดตัวหลักที่เป็นแกนของซิโก้มาตั้งแต่ 2013 หรือไม่ ... มองยังไงเรายังก็ยังไม่มีตัวแบบนั้นจริงๆ ...ข้าเจ้าจึงได้แต่อยากจะบอกหลายๆ ท่านว่า "เราต้องอดทนจริงๆ" ...แต่อย่างน้อย เราก็ยังอดทนได้บนความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในปีนี้ และ "มันต้องใช้เวลา" ...รายละเอียดหลายๆ อย่างที่เรายังทำได้ไม่ดีข้าเจ้าว่าไปในกระทู้ก่อนหน้านี้ไปเกือบหมดแล้ว อาจจะแลกเปลี่ยนกันในแบบความเห็นย่อยๆ เพิ่มถ้ามีประเด็นใหม่นะฮะ
- อิรักชุดนี้ ทำให้เห็นว่าจริงๆ แล้ว คีย์แมนนั้น ไม่ใช่แค่อัดนาน ..แต่เป็นลักษณะการเล่นมากกว่า ...เราเล่นกับทีมอาหรับอาจจะมัวพะวงผู้เล่นดังๆ เก่งๆ ...แต่จริงๆ แล้ว เค้าเอาระบบเข้าสู้ เค้าเคลื่อนที่ทุกตัว เพรสเร็ว ทำให้เราคายบอลเสียบอลเร็ว ใช้การโต้กลับเร็ว Cut back หลีกเลี่ยงทำเกมต่อบอลวันทัชในแดนกลาง (แต่ไปทำกันที่ริมฝั่งขวาเราแทน) ...ใช้บอลเปิดเร็วเข้ากลางและเข้าทำทุกจังหวะไม่เสียเวลามาก ...นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอ มันเป็นภาพฉายซ้ำของทีมที่เจอเราในระดับนี้ ...อยู่ที่ทีมงานจะเห็นหรือไม่ จะเอาข้อมูลจุดอ่อนเรากลับไปปรับแก้กับระบบในลีกเรายังไง (แก้ในทีมชาติอาจจะไม่ทันแล้ว) เอาไปปรับกับระดับเยาวชนยังไง ...และจะทำได้ "เมื่อไหร่" ...นี่น่าจะเป็นเป้าหมายจากการเข้ารอบสุดท้ายคัดเลือกเอเชียหนนี้มากกว่าการตั้งเป้าไปบอลโลกที่รัสเซีย ...แต่ยามเป็นเกมรับ ทีมจากอาหรับข้าเจ้าก็ยังมองเห็นภาพเดิมๆ เหมือนกันว่าถอยแบบไปตั้งโซนเหมือนๆ กัน ต่างจากญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ที่จะมีการเพรสชะลอเกมตั้งแต่แดนหน้า ... ข้าเจ้าก็ยังยืนยันคำเดิมแม้นัดนี้เราจะแพ้เยอะว่าเราน่าจะวัดกับทีมจากอาหรับได้แล้ว ถ้าอยากจะตั้งมาตรฐานใหม่เพื่ออยู่ในระดับเอเชีย (ไม่ใช่ตั้งเป้าเน้นแค่จะเป็นที่ 1 อาเซียนเพียงอย่างเดียว เราต้องกล้าลดอายุหรือระดับชั้นผู้เล่นในถ้วยนี้บ้างได้แล้ว)
-
เจ้าปีโป้ ...เด็กคนนี้ถือว่าเป็นมิติใหม่จริงๆ กับทีมชาติเรา ตั้งแต่นัดแรกที่ได้ลงจนวันนี้ ข้าเจ้าก็ยังชอบในความกล้า ความสู้ไม่ถอย (ลงมาแรกๆ อาจจะยังจับจังหวะไม่ดีพอ แต่พอหาเจอแล้วก็ถือว่ามีแวว และประสบการณ์จะทำให้เด็กคนนี้มีความเข้าใจเกมที่มากขึ้น) ... เด็กคนนี้จริงๆ ควรขัดเกลากับลีกในระดับที่ควรจะสูงกว่านี้ ด้วยร่างกาย ด้วยศักยภาพในการพัฒนา ถ้ามีโชคเพียงพอไปเตะตาแมวมองลีกที่ระดับสูงกว่าเรา จะถือว่าเป็นโชคกับทีมชาติไปในตัวด้วย ..
-
โค้ชซิโก้...กับโค้ชเองข้าเจ้าไม่เห็นด้วยกับความเห็นเรื่องการเปลี่ยนโค้ชในเร็ววันนะ ... ข้าเจ้าอยากเห็นเค้าได้แก้ตัว ได้ปรับเปลี่ยน ได้ "สู้" อย่างน้อยๆ จบรอบคัดเลือก 12 ทีมนี้ ... ภาพรวมต้องมองให้จบศึก ไม่มีใครเค้าเปลี่ยนม้ากลางศึกกัน .. อย่างน้อยเค้าก็คือคนที่กล้ารับเผือกร้อนฝ่าดงน้ำลายและกระแสการเมืองสมาคมฯ อย่างต่อเนื่อง ..อาจจะมีฟีดแบคที่หลุดมาบ้างจากหลังบ้าน แต่เราก็ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วยว่าถ้าเป็นเราหละ ต่อให้แกร่งแค่ไหน ต่อให้รู้ว่าต้องเจอกระแสแบบนี้ แต่เราจะคาดหวังให้ทุกคนแกร่งเหมือนกันอย่างที่เราต้องการไม่ได้หรอก ...
-
ประเด็นผู้ตัดสิน ..ใบแดงเราอาจจะดูโหดร้ายจริงๆ แต่ ..เราก็ต้องเข้าใจอย่างนึงว่าการยั่วยุทุกรูปแบบ มันคือการหวังผลให้ใครที่ออก Action ก่อนจะมีโอกาสโดนผลการตัดสินมากกว่า ... แทคติกแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เราต้องมองเป็นเกมๆ ไป จะมัวแต่ติดภาพจากเกมลีกอื่นๆ ที่ลักษณะการตัดสินยืดหยุ่นกว่านี้ไม่ได้ ...เข้าใจว่าเราทำได้อย่างมากคืออุทรณ์ใบแดง แต่ถ้าจะเปลี่ยนผลการตัดสินก็คงเป็นไปไม่ได้ ...ที่อาจจะดูไม่ดีอีกจุดคือจังหวะปะทะที่ทำให้ธนาเจ็บในเขตโทษ ประเด็นนี้สร้างความเสียหายจริงๆ ที่อย่างน้อยๆ ธนาถึงขั้นเจ็บและทำได้แต่เดินกระเผลกในเวลาที่เหลือ ...เราก็ยังมีปัญหากับการตัดสินกับผู้ตัดสินจากจีนแดง แต่ถ้าจะให้ตีโพยตีพายตั้งแง่รังเกียจ มันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะต่อให้ตัดสินดีกว่านี้ ฟอร์มการเล่นเราก็ยังสู้ไม่ได้อยู่ดี
- เกมที่เหลือของเรานั้น ก็คงต้องดูนัดต่อนัดที่จะถึงนี้ก่อน ...15 พ.ย. เกมเหย้ากับออสซี่ เกมนั้นเราอาจจะขาดกรวิทย์แน่ๆ จากใบแดงถ้าอุทรณ์ไม่ผ่าน ประทุมที่ข้าเจ้าไม่คิดว่าจะหายดีทันเกมนั้น ...ผู้เล่นเดียวที่คาดหวังได้ชัดๆ คงเหลือแต่ "ผู้เล่นบนอัฒจรรย์" เรื่องแทคติก ความเปลี่ยนแปลง อยากให้ดูเป็นเรื่องลุ้นๆ ใหม่ๆ จะไปสั่งไปสอนอะไรก็ต้องดูตัวเราเองด้วยว่าเราดีแค่ไหนจะไปโวยวายจนเกินงามอย่างไอ้การแชร์รณรงค์ให้เปลี่ยนโค้ชกลางทัวร์นาเม้นท์ อยากให้วิจารณ์หรือเสนอแนะอย่างสร้างสรรมากกว่า จนกว่าอย่างน้อยๆ จะจบรอบนี้ ...อย่าลืม! ...เราเพิ่งกลับมาเล่นรอบนี้ครั้งแรกในรอบสิบกว่าปี ถ้าอยากจะคาดหวังความเปลี่ยนแปลง อยากให้ลองดูที่ถ้วยเอเชียนคัพมากกว่า ...
.... ย้ำอีกครั้ง ...!! สมาคมชุดนี้เพิ่งเข้ามาทำงานได้จริงๆ ยังไม่ถึง 6 เดือนเต็ม แผนงานต่างๆ ก็ยังทำได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย (เพราะต้องมามัวสางปัญหาจากผู้บริหารชุดเก่า) เราควรมีสติในการคาดหวัง เชียร์อย่างมีตรรกะ ดูบอลอย่างเข้าใจ ...นักบอลก็ยังอยากกลับมาบ้านเจอกำลังใจมากกว่าก้อนหินอยู่นะ ...นึกภาพความสะบักสะบอมในเกมวันนี้แล้วคิดดูว่าพวกเค้าสมควรให้มีคนมานั่งก่นด่าจริงๆ เหรอ ...ภาพประทุมเข้าเฝือกคอนอนบนเตียง ภาพธนาโดนตัดข้อเท้าแต่ต้องกัดฟันทนเดินกดดันในสนามเป็นสิบๆ นาที ใจก็เจ็บที่ช่วยไม่ได้ ข้อเท้าก็แปล๊บๆ ตลอดทุกย่างก้าว ..แต่จะให้ทิ้งเพื่อนออกไปปฐมพยาบาลข้างสนามให้เสียกำลังใจจากจำนวนผู้เล่นที่จะลดลงก็ทำไม่ได้ ... เขาเหล่านี้ สมควรกลับมาเจอเสียงก่นด่าตอนลงจากเครื่องจริงๆ เหรอ (อย่างน้อยประทุมต้องกลับทีหลังเพราะต้องอยู่ดูอาการต่อคืนนี้ ส่วนคนที่เหลือต้องกลับเลยเพราะค่อนทีมต้องกลับมาเล่นนัดชิงลีกคัพเสาร์นี้) ...บอลเรายังไม่ถึงกับห่วยให้ด่า แค่มาตรฐานเราต้องใช้เวลาในการปรับขึ้นไปอยู่ ...
บทสรุปนัดที่สี่ Iraq 4-0 ไทย FIFA World Cup Asian Qualifiers ...
กระทู้นี้ขอร้องไม่เอาดราม่าประหลาดๆ ไร้สาระจากข้างนอกมาถกนะฮะ ...ใครจะปลูกข้าวดำนา ใครจะรณรงค์ปลดโน่นนี่นั่นแบบไม่มีเหตุผลรองรับ ... ถ้าจะแลกเปลี่ยนกัน เหตุผลและตรรกะกับการเปิดใจแลกเปลี่ยนกัน ...
คือเข้าใจอารมณ์นะฮะว่าวันนี้อารมณ์ห้องศุภฯ กระทู้คงไหลยิ่งกว่าฝนตก ...ถือซะว่ากระทู้ข้าเจ้าเป็นฝายดักความคิดกรองความเห็นกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเกมนี้และภาพรวมที่ผ่านมา 4 นัดแล้ว ..
อนึ่ง ...ตอนนี้ก็ต้องส่งกำลังใจไปยัง "ประทุม" ที่ต้องถึงกับเข้าเฝือกที่คอส่งโรงพยาบาลโดยด่วน ...จังหวะนั้นถึงแม้ผู้เล่นอิรักจะดูไหลตามน้ำไปนิด แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเค้าก็ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาทำร้ายให้ได้ผลขนาดนี้ ...ให้ทำใจว่าเป็นอุบัติเหตุที่ทางเค้าก็ได้รับผลเป็นใบเหลืองไปแล้วเหมือนกัน
- เกมนี้ โค้ชซิโก้ก็ยังใช้ผู้เล่นชุดเดิมด้วยทัศนคติแบบเดิมที่ต้องการเน้นตั้งรับโซนและรุกรัดกุม ...สิ่งที่พวกเราต้องเข้าใจอย่างนึงก่อนว่าทำไมนัดนี้อิรักแตกต่างอย่างมากไปจาก 2 นัดก่อนที่เคยเจอเราในรอบคัดเลือก นั่นเพราะทีมชุดนี้แทบจะต่างจากชุดนั้นทั้งหมด แกนหลักเป็นผู้เล่นชุดดาวรุ่งโอลิมปิกที่มีความกระหายสูง สปิริตทีมดีกว่าชุดนั้น รูปร่างโดยเฉลี่ยก็อยู่ในระดับที่ฟัดกับระดับทีมเอเชียจริงๆ (ชุดนั้นเรียกชุดทีมแตก ผู้เล่นแบ่งฝ่าย งัดกับโค้ช ...แต่ขนาดนั้นเราก็ยังทำได้แค่เสมอเลย) การแก้เกมของเค้าก็ทำมาดีมากเพราะเค้าได้บทเรียนจาก 2 นัดกับเรามาแล้ว ... ถามว่า "เราหละ รู้ตัวหรือเปล่าว่าเค้าไม่ใช่ทีมเดิม เล่นแบบเดิม" ... ดูจากที่โค้ชซิโก้ยังเลือดจัดตัวแบบเดิม ในมุมนึงต้องเข้าใจก่อนว่าเราเองนั้น มีทรัพยากรจำกัดจริงๆ ผู้เล่นเราลงมาทดแทนกันไม่ได้เนียนเท่ากัน ทีมชุดแรกที่ลงมาตลอด 4 นัด โค้ชซิโก้ไม่ได้มองที่ว่าเราจะต้องเข้ารอบ แต่พยายามรักษามาตรฐานให้เราต้านให้ได้ก่อน นั่นจึงอาจจะส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาของทีมด้วยที่เล่นด้วยความระแวงและสับสนในเกมคืนนี้ เรายังยึดติดกับยืนโซน เรายังมีอาการงงงวยว่าเวลาบอลอยู่กับเท้าผู้เล่นคนใดคนหนึ่งของเรา คนที่ไม่มีบอลจะทำอะไรต่อ (การไม่วิ่งทำทางในระยะส่งบอล ไม่เคลื่อนที่เข้าหากัน ทำให้อิรักสามารถเข้าเพรสตัวมีบอลของเราได้สบายๆ ไม่ต้องพะวงเรื่องหลุดตำแหน่งมาไล่เพรส) ...ในขณะที่เวลาต้องกลายเป็นเกมรับ ด้วยการรักษาโซนทำให้เกิดช่องว่างในการสอดเข้าทำของอิรักเต็มไปหมด ...แต่นี่แหละ ความเร็วและแทคติกของบอลระดับเอเชีย ... และ 4 นัดมันก็มากพอที่จะสะกิดให้เราควรจะรู้ตัวได้แล้วว่าการแค่รับโซนไม่ไล่แบบกลัวๆ ไม่ทำความเข้าใจเบสิคฟุตบอลสมัยใหม่ที่ไม่มีผู้เล่นแบบแยกความรับผิดชอบตายตัว ระดับความมุ่งมั่นที่เราเคยภูมิใจนักหนามันกลายเป็นเรื่องเด็กๆ เมื่อต้องเทียบกับความมุ่งมั่นในระดับเดียวกันของทีมไม่มีแต้มเหมือนกันของทีมระดับเอเชีย ...
- ... ลูกที่เสียของเรา ส่วนหนึ่งก็ยังเป็นเรื่องจุดอ่อนเดิมๆ จากฝั่งเดิมๆ .... ถ้าจะโทษนักเตะก็ต้องถามว่าใครเป็นคนคัดให้ลง ถ้าจะโทษคนคัดให้ลงก็ต้องถามว่าเรามีตัวที่รองรับความต้องการจินตนาการในการวางแผนเพียงพอหรือเปล่า ...และถ้าจะโทษว่าตัวเราทำไมไม่พอ ...ก็ต้องย้อนกลับไปยังพื้นฐานบ้านเราก่อนว่าเราอยู่ในระดับไหน มันก็จะสะท้อนไปที่ลีกทุกระดับ สะท้อนไปที่ผลงานระดับเยาวชนทุกระดับ ...สุดท้าย จะแก้ปัญหา ก่อนด่าสาดเสียเทเสียก็ต้องขุดไปให้ถึงแก่นกันก่อน แล้วเริ่มแก้จากตรงนั้น ... ซึ่ง ..."มันต้องใช้เวลา" ... ข้าเจ้าเองก็อึดอัดเหมือนกันกับการจัดตัวและวางแผนการเล่นบางนัดของโค้ชซิโก้ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาไล่ตรรกะและเหตุผลกันแบบนี้ และมันก็จะพบว่าตัวเรากับพัฒนาการระบบการเล่นของเรามันยัง "ตามหลังระดับเอเชีย" จริงๆ ... การเสียประตูจากการขึ้นแล้วลงไม่ทัน การยืนตำแหน่งตัวประกบของกองหลัง (อีก 2 ลูกที่เหลือเราอย่าอะไรกันนักเลยนะ สุดวิสัยไปแล้ว) เหล่านั้น มันไม่ใช่แค่เจ้าโดพลาด หรือเจ้าตั้มยืนพลาด ...แต่มันมาจากพื้นฐานทักษะการเคลื่อนที่ เบสิคการเล่น ระดับความฟิตที่เรายังไม่ถึงพอจริงๆ กับระดับนี้ ... เรามีตัวที่เล่นดีกว่านี้หรือ??? ต่อให้มี ตัวเหล่านั้นมีซักกี่คน และ ..มันจะเข้าขากับชุดตัวหลักที่เป็นแกนของซิโก้มาตั้งแต่ 2013 หรือไม่ ... มองยังไงเรายังก็ยังไม่มีตัวแบบนั้นจริงๆ ...ข้าเจ้าจึงได้แต่อยากจะบอกหลายๆ ท่านว่า "เราต้องอดทนจริงๆ" ...แต่อย่างน้อย เราก็ยังอดทนได้บนความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในปีนี้ และ "มันต้องใช้เวลา" ...รายละเอียดหลายๆ อย่างที่เรายังทำได้ไม่ดีข้าเจ้าว่าไปในกระทู้ก่อนหน้านี้ไปเกือบหมดแล้ว อาจจะแลกเปลี่ยนกันในแบบความเห็นย่อยๆ เพิ่มถ้ามีประเด็นใหม่นะฮะ
- อิรักชุดนี้ ทำให้เห็นว่าจริงๆ แล้ว คีย์แมนนั้น ไม่ใช่แค่อัดนาน ..แต่เป็นลักษณะการเล่นมากกว่า ...เราเล่นกับทีมอาหรับอาจจะมัวพะวงผู้เล่นดังๆ เก่งๆ ...แต่จริงๆ แล้ว เค้าเอาระบบเข้าสู้ เค้าเคลื่อนที่ทุกตัว เพรสเร็ว ทำให้เราคายบอลเสียบอลเร็ว ใช้การโต้กลับเร็ว Cut back หลีกเลี่ยงทำเกมต่อบอลวันทัชในแดนกลาง (แต่ไปทำกันที่ริมฝั่งขวาเราแทน) ...ใช้บอลเปิดเร็วเข้ากลางและเข้าทำทุกจังหวะไม่เสียเวลามาก ...นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอ มันเป็นภาพฉายซ้ำของทีมที่เจอเราในระดับนี้ ...อยู่ที่ทีมงานจะเห็นหรือไม่ จะเอาข้อมูลจุดอ่อนเรากลับไปปรับแก้กับระบบในลีกเรายังไง (แก้ในทีมชาติอาจจะไม่ทันแล้ว) เอาไปปรับกับระดับเยาวชนยังไง ...และจะทำได้ "เมื่อไหร่" ...นี่น่าจะเป็นเป้าหมายจากการเข้ารอบสุดท้ายคัดเลือกเอเชียหนนี้มากกว่าการตั้งเป้าไปบอลโลกที่รัสเซีย ...แต่ยามเป็นเกมรับ ทีมจากอาหรับข้าเจ้าก็ยังมองเห็นภาพเดิมๆ เหมือนกันว่าถอยแบบไปตั้งโซนเหมือนๆ กัน ต่างจากญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ที่จะมีการเพรสชะลอเกมตั้งแต่แดนหน้า ... ข้าเจ้าก็ยังยืนยันคำเดิมแม้นัดนี้เราจะแพ้เยอะว่าเราน่าจะวัดกับทีมจากอาหรับได้แล้ว ถ้าอยากจะตั้งมาตรฐานใหม่เพื่ออยู่ในระดับเอเชีย (ไม่ใช่ตั้งเป้าเน้นแค่จะเป็นที่ 1 อาเซียนเพียงอย่างเดียว เราต้องกล้าลดอายุหรือระดับชั้นผู้เล่นในถ้วยนี้บ้างได้แล้ว)
- เจ้าปีโป้ ...เด็กคนนี้ถือว่าเป็นมิติใหม่จริงๆ กับทีมชาติเรา ตั้งแต่นัดแรกที่ได้ลงจนวันนี้ ข้าเจ้าก็ยังชอบในความกล้า ความสู้ไม่ถอย (ลงมาแรกๆ อาจจะยังจับจังหวะไม่ดีพอ แต่พอหาเจอแล้วก็ถือว่ามีแวว และประสบการณ์จะทำให้เด็กคนนี้มีความเข้าใจเกมที่มากขึ้น) ... เด็กคนนี้จริงๆ ควรขัดเกลากับลีกในระดับที่ควรจะสูงกว่านี้ ด้วยร่างกาย ด้วยศักยภาพในการพัฒนา ถ้ามีโชคเพียงพอไปเตะตาแมวมองลีกที่ระดับสูงกว่าเรา จะถือว่าเป็นโชคกับทีมชาติไปในตัวด้วย ..
- โค้ชซิโก้...กับโค้ชเองข้าเจ้าไม่เห็นด้วยกับความเห็นเรื่องการเปลี่ยนโค้ชในเร็ววันนะ ... ข้าเจ้าอยากเห็นเค้าได้แก้ตัว ได้ปรับเปลี่ยน ได้ "สู้" อย่างน้อยๆ จบรอบคัดเลือก 12 ทีมนี้ ... ภาพรวมต้องมองให้จบศึก ไม่มีใครเค้าเปลี่ยนม้ากลางศึกกัน .. อย่างน้อยเค้าก็คือคนที่กล้ารับเผือกร้อนฝ่าดงน้ำลายและกระแสการเมืองสมาคมฯ อย่างต่อเนื่อง ..อาจจะมีฟีดแบคที่หลุดมาบ้างจากหลังบ้าน แต่เราก็ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วยว่าถ้าเป็นเราหละ ต่อให้แกร่งแค่ไหน ต่อให้รู้ว่าต้องเจอกระแสแบบนี้ แต่เราจะคาดหวังให้ทุกคนแกร่งเหมือนกันอย่างที่เราต้องการไม่ได้หรอก ...
- ประเด็นผู้ตัดสิน ..ใบแดงเราอาจจะดูโหดร้ายจริงๆ แต่ ..เราก็ต้องเข้าใจอย่างนึงว่าการยั่วยุทุกรูปแบบ มันคือการหวังผลให้ใครที่ออก Action ก่อนจะมีโอกาสโดนผลการตัดสินมากกว่า ... แทคติกแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เราต้องมองเป็นเกมๆ ไป จะมัวแต่ติดภาพจากเกมลีกอื่นๆ ที่ลักษณะการตัดสินยืดหยุ่นกว่านี้ไม่ได้ ...เข้าใจว่าเราทำได้อย่างมากคืออุทรณ์ใบแดง แต่ถ้าจะเปลี่ยนผลการตัดสินก็คงเป็นไปไม่ได้ ...ที่อาจจะดูไม่ดีอีกจุดคือจังหวะปะทะที่ทำให้ธนาเจ็บในเขตโทษ ประเด็นนี้สร้างความเสียหายจริงๆ ที่อย่างน้อยๆ ธนาถึงขั้นเจ็บและทำได้แต่เดินกระเผลกในเวลาที่เหลือ ...เราก็ยังมีปัญหากับการตัดสินกับผู้ตัดสินจากจีนแดง แต่ถ้าจะให้ตีโพยตีพายตั้งแง่รังเกียจ มันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะต่อให้ตัดสินดีกว่านี้ ฟอร์มการเล่นเราก็ยังสู้ไม่ได้อยู่ดี
- เกมที่เหลือของเรานั้น ก็คงต้องดูนัดต่อนัดที่จะถึงนี้ก่อน ...15 พ.ย. เกมเหย้ากับออสซี่ เกมนั้นเราอาจจะขาดกรวิทย์แน่ๆ จากใบแดงถ้าอุทรณ์ไม่ผ่าน ประทุมที่ข้าเจ้าไม่คิดว่าจะหายดีทันเกมนั้น ...ผู้เล่นเดียวที่คาดหวังได้ชัดๆ คงเหลือแต่ "ผู้เล่นบนอัฒจรรย์" เรื่องแทคติก ความเปลี่ยนแปลง อยากให้ดูเป็นเรื่องลุ้นๆ ใหม่ๆ จะไปสั่งไปสอนอะไรก็ต้องดูตัวเราเองด้วยว่าเราดีแค่ไหนจะไปโวยวายจนเกินงามอย่างไอ้การแชร์รณรงค์ให้เปลี่ยนโค้ชกลางทัวร์นาเม้นท์ อยากให้วิจารณ์หรือเสนอแนะอย่างสร้างสรรมากกว่า จนกว่าอย่างน้อยๆ จะจบรอบนี้ ...อย่าลืม! ...เราเพิ่งกลับมาเล่นรอบนี้ครั้งแรกในรอบสิบกว่าปี ถ้าอยากจะคาดหวังความเปลี่ยนแปลง อยากให้ลองดูที่ถ้วยเอเชียนคัพมากกว่า ...
.... ย้ำอีกครั้ง ...!! สมาคมชุดนี้เพิ่งเข้ามาทำงานได้จริงๆ ยังไม่ถึง 6 เดือนเต็ม แผนงานต่างๆ ก็ยังทำได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย (เพราะต้องมามัวสางปัญหาจากผู้บริหารชุดเก่า) เราควรมีสติในการคาดหวัง เชียร์อย่างมีตรรกะ ดูบอลอย่างเข้าใจ ...นักบอลก็ยังอยากกลับมาบ้านเจอกำลังใจมากกว่าก้อนหินอยู่นะ ...นึกภาพความสะบักสะบอมในเกมวันนี้แล้วคิดดูว่าพวกเค้าสมควรให้มีคนมานั่งก่นด่าจริงๆ เหรอ ...ภาพประทุมเข้าเฝือกคอนอนบนเตียง ภาพธนาโดนตัดข้อเท้าแต่ต้องกัดฟันทนเดินกดดันในสนามเป็นสิบๆ นาที ใจก็เจ็บที่ช่วยไม่ได้ ข้อเท้าก็แปล๊บๆ ตลอดทุกย่างก้าว ..แต่จะให้ทิ้งเพื่อนออกไปปฐมพยาบาลข้างสนามให้เสียกำลังใจจากจำนวนผู้เล่นที่จะลดลงก็ทำไม่ได้ ... เขาเหล่านี้ สมควรกลับมาเจอเสียงก่นด่าตอนลงจากเครื่องจริงๆ เหรอ (อย่างน้อยประทุมต้องกลับทีหลังเพราะต้องอยู่ดูอาการต่อคืนนี้ ส่วนคนที่เหลือต้องกลับเลยเพราะค่อนทีมต้องกลับมาเล่นนัดชิงลีกคัพเสาร์นี้) ...บอลเรายังไม่ถึงกับห่วยให้ด่า แค่มาตรฐานเราต้องใช้เวลาในการปรับขึ้นไปอยู่ ...