ในวันที่คนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกองเชียร์ นักเตะ ทีมงาน ต้องการสู้เพื่อถวายในหลวง ร.9 ... คนไทยที่ยืนหยัดเคียงข้างกันเพื่อฟุตบอลไทย
... ก่อนอื่น ก็ต้องขอขอบคุณกองเชียร์กลุ่มต่างๆ ที่ร่วมทำกิจกรรมก่อนเข้าสนาม เป็นตัวแทนของอีกหลายๆ คนที่อยู่หน้าจอ เชียร์หน้าจอ แสดงออกซึ่งความสามัคคีในการร้องเพลงสรรเสริญฯ และพร้อมใจกันนัดเชียร์แบบร่วมกันในสนามโดยไม่แบ่งกลุ่ม ...พวกคุณคือกระบอกเสียงของกองเชียร์อีกหลายคนที่ไม่อยากให้นักเตะหรือแม้แต่โค้ชซิโก้ต้องมัวแต่ไปใส่ใจโค้ช K-licence ยังมีกองเชียร์ที่พร้อมจะร่วมหัวจมท้ายไปกับฟุตบอลไทยอีกเยอะ ไม่ว่าใครจะเป็นโค้ช หรือผลงานทีมชาติจะย่ำแย่แค่ไหน ...
เกิดอะไรขึ้นกับนัดนี้ ....ทำไมเราเล่นได้ดีขึ้น หรือเพราะออสซี่เค้าอ่อน ...หรือเพราะคำภาวนาของโค้ช K จะได้ผล ...
.... ตอนทีมชีทออกมา เกิดความแปลกใจในหลายๆ คนว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้เกิดระบบการจัดตัวแบบ 3-4-1-2 ... ส่วนตัวนะฮะ ...ข้าเจ้าเชื่อว่า มันไม่ได้เกิดจากการพยายามตอบสนองโค้ช K แค่ให้ถอดก้องกับจ่าเย็นออกเป็นการเฉพาะเจาะจง ...แต่ด้วยการที่เราปิดลีกไว มีเวลาซ้อมแผนนานขึ้น มันอาจจะทำให้โค้ชซิโก้มีเวลาที่จะทดลองรูปแบบการเล่นที่น่าจะอยู่ในแผนงานอยู่แล้วแต่ไม่มีโอกาสซ้อม จนได้เวลาเก็บตัวที่นานพอที่อาจจะซ้อมทีมแล้วเห็นว่าแผนนี้จะเอามาเล่นได้ต้องจัดตัวยังไง ซึ่งบอกได้เลย ต่อให้ก้องกับจ่าเย็นไม่มีปัญหาในเรื่องคำวิจารณ์ แผนที่เล่นวันนี้ก้องกับจ่าเย็นก็ยังไม่เหมาะที่จะเล่นแผนนี้ ...จริงๆ แล้วบางกระทู้ข้างล่างก็ได้มีผู้รู้บางท่านอธิบายไว้น่าอ่านเหมือนกันเกี่ยวกับแนวทางการเล่นวันนี้ ...ส่วนตัวข้าเจ้ามองว่า แผนนี้เป็นการเล่นของรูปแบบฟุตบอลแท็คติก เป็นแบบที่คอนเต้หรือมูริญโญ่เคยใช้บ่อยๆ ในฤดูกาลนี้ (กับแฟนยูเว่อาจจะคุ้นมาก่อนหน้าแล้ว) ..ในเมื่อนักเตะเรายังไม่สามารถเล่นได้ระดับ Pass & Move แบบเนียนตา การใช้ระบบแท็คติกแบบนี้จะช่วยในเรื่องของการเคลื่อนที่แบบ Box to Box เข้ามาช่วยมากขึ้น ซึ่งอาจจะซ้อมแล้วเห็นว่า นักเตะเราน่าจะเข้าใจรูปแบบการวิ่งหรือการช่วยกันเล่นได้ง่ายกว่า ...
ข้าเจ้าชอบนะ ..ไม่รู้ว่าใครแนะนำ หรือโค้ชซิโก้มีรูปแบบแบบนี้อยู่ในใจแต่แรกแล้วยังไม่ได้เคยลองใช้หรือเปล่า .... แผนนี้จะค่อนข้างปรับเอาสมดุลระบบเก่าของ 3-5-2 มาแตกรายละเอียดให้เหมาะกับศักยภาพผู้เล่นเท่าที่เรามีอยู่ ...สังเกตได้ง่ายๆ ว่าแต่ละตำแหน่งของแผนจะมีผู้เล่นที่ลงตัวพอดีแบบแค่เล่นตามตำแหน่งก็พอแล้ว ไม่ต้องคิดมากจินตนาการเยอะของการเล่นแบบ Total ที่กรณีนั้นผู้เล่นต้อง Pass & Move เคลื่อนที่อย่างมีจิตนาการสูง เพราะที่ผ่านมา 4 นัดพิสูจน์ได้ระดับนึงว่าคนของเรายัง "ไม่ถึง" ...การกลับมาเล่นเป็นตำแหน่งดูจะปรับใช้ได้เข้ากับสภาพผู้เล่นปัจจุบันมากกว่าในเวลานี้ นักเตะไม่คิดเยอะ รู้ตำแหน่งแล้วว่าต้องยืนยังไงที่เหลือเล่นตามหน้าที่ของตำแหน่งนั้น ...จะมีบ้างก็อยู่ที่ความเนียนที่ถ้าจะเล่นได้ดีมากๆ ต้องใช้เวลาและ "ประสบการณ์" ของผู้เล่นที่ต้องเจนจัดกว่านี้ ..
แนวรับ
ต้องถือว่าคนที่ข้าเจ้าประทับใจจริงๆ คือ ประทุม ...ประทุมคือคนที่ดูจะทำงานหนักมากในสายของการเป็นตัวชนก่อนถึงเจ้าตั้ม แม้อดิศรจะเป็นตัวชนอีกตัวนึง แต่เนื่องจากประทุม ต้องคอยมารับงาน "หลุด" จากเจ้าโด ทำให้งานค่อนข้าง "ชุก" กว่าฝั่งเจ้าอุ้มอยู่พอควร ...ลูก Handball ถือเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้จากการจัดระเบียบร่างกาย เป็นความเสี่ยงในการทรงตัวล้มกันลูกยิงที่เกิดได้กับกองหลังทั่วโลก แต่โดยรวม ...ประทุมถือว่าเล่นได้เด็ดขาดหลายจังหวะ ในขณะที่อดิศรก็วิ่งไล่เก็บงานหลุดจากปกเกล้าจนตระคริวเล่นงานถึงได้เปลี่ยนออก ... นั่นเท่ากับว่า การเล่นแผน 3 CB ของเราดูจะเหมาะกับสมดุลการรับ (ในระดับชาติ วิธีเล่นแบบนี้ฮอลแลนด์ใช้ได้ดีมากในยุคฟาลกัลคุม) โดยที่เจ้าตั้มสามารถดันไปเล่นเป็นกลางรับกรณีจังหวะให้ หรือถอยมาเป็น CB ตัวสุดท้ายได้ตามจังหวะเกม ...จริงๆ ทุกอย่างในแผงรับทำได้ดีหมดวันนี้ แต่ที่ดูเหมือนกับว่างานเข้ามาในกรอบเขตโทษบ่อยมาก บ่อยจนเป็นที่มาของลูกโทษทั้ง 2 ลูก เป็นงาน "หลุด" จากแผงกองกลางทั้งนั้น ...
แผงกองกลาง
จริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่สามารถมองเป็น "ข้อตำหนิ" ได้เต็มปากเต็มคำ เข้าใจได้ว่าทรัพยากรเรามาได้สูงสุดเท่านี้ ...อาจจะมองได้ว่าเรายัง "พลาด" อะไรบ้างมากกว่า ...ปกเกล้า ระดับค่อนข้างจะต่ำที่สุดเมื่อต้องเทียบกับกองกลางอีก 2 ตัวอย่างเจและตัง ..ไม่ใช่เรื่องความสามารถเฉพาะตัว แต่ในเรื่องหน้าที่ตัวเองที่ต้องคอยช่วยตัดเกมและ Hold บอล ...ถ้าเทียบกับแมนฯ ยูฯ เวลาเล่นแผนนี้ ตำแหน่งปกเกล้าก็อาจจะไปตรงกับเฟรายนี่ โดยเจ้าตังก็อาจจะตรงกับเอไรร่า และเจก็จะเป็นตัวกึ่งฟรีแบบมาต้า ... แต่ถ้าต้องถึงกับเปลี่ยนทิ้งเลยหรือไม่ ก็ต้องถามว่าแล้วตรงนี้มีใครทำได้ดีกว่านี้มั้ย .. เมื่อมองจากผลงานในลีก ปกเกล้าผลงานค่อนข้างโดดเด่นมาก นั่นจึงอาจจะทำให้แม้แต่จนหมดเวลาก็ยังไม่กล้าที่จะเปลี่ยนเอาเจ้าปุยส์ลงมาแทน (หรือโค้ชซิโก้ลืมหรือเปล่าหว่า 555) และเมื่อมองทั้งเกม ก็ยังถือว่าตรงปกเกล้ายังไม่ถึงกับเป็นจุดอ่อนจริงๆ มากนัก ... ในขณะที่เกมเจาะตรงกลางค่อนข้างจะเสียเปรียบในเรื่องผู้เล่น (เพราะตัวเราเล็กกว่าจริงๆ บอกตรงๆ) การออกปีกของเราที่อาศัย WB ทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้ทั้งอุ้มและโดต้องทำงานหนักมากหลายเท่าและต้องกลายเป็น WB ของแท้ที่ไม่มีปีกมาช่วยเลย ในแง่ของการวิ่งทำเกมตามตำแหน่ง ตรงนี้ถือเป็นข้อดีเพราะนักเตะไม่ต้องคิดมากในเรื่องการเคลื่อนที่แบบ Pass & Move แต่จะกลายเป็นบอล Direct รับเป็นรุกออกปีกได้เลย ลดจังหวะ และทำให้ถ่างแนวรับออสซี่ให้มีช่องวิ่งสอด (เป็นที่มาของทั้ง 2 ประตูที่ทำให้ออสซี่เสียทั้งจังหวะขึ้นลงและต้องมีการตามมาทำฟาล์วจนได้จุดโทษ) ทำให้เรามีแนวโน้มของแผนการเล่นที่เหมาะกับศักยภาพผู้เล่นได้แผนนึงแน่ๆ แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าต้องเลือกใช้ในเวลาได้กับใครให้เหมาะสม ... ในแง่ข้อเสีย ...WB เราไม่ใช่ระดับเอเชียหรือระดับอินเตอร์ แม้แต่อุ้มเองที่เล่นดีกว่าโดในแง่สมดุลรุกรับ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการพยายามรักษาสภาพร่างกายความฟิตให้สมดุลได้ตลอดเกม นั่นทำให้เห็นว่าเจ้าโดอาจจะดูบุกดุดันเป็นวาเลนเซียได้ แต่เกมรับหลุดแน่นอน และหลายครั้งที่เมื่อทั้ง WB 2 ข้างบุกพร้อมกันและปกเกล้าดันไปด้วย ทำให้เกิดช่องว่างหลายครั้งที่ตัวออสซี่จะสิ่งมาแทรกแนวรับกับแผงกลางเราจนหลุดมาจนเจียนจะยำ "ในกรอบเขตโทษ" เราอยู่บ่อย เป็นลูกโทษไป 1 (ตรงนี้ต้องโทษออสซี่ด้วยที่วันนี้จบสกอร์แย่ไปนิด ดีที่เกาหลีใต้กับอุซเบฯ ไม่ได้อยู่สายนี้ ไม่งั้นเราเจอพวกนั้นเวลานี้คงเละแน่) ...ตรงนี้ คงต้องเป็นหน้าที่การติวเข้มในเรื่องการวางจังหวะการขึ้นของผู้เล่นกับแผนนี้สำหรับโค้ชซิโก้ในเกมอื่นๆ ให้ดีกว่านี้ ส่วนสมดุลในเกมรุก ...กองกลางเราค่อนข้างทำได้ดีทีเดียวในวันนี้ เมื่อเราแม้จะเสียเปรียบรูปร่าง แต่ได้เปรียบเรื่องสภาพอากาศที่ร่างกายเราชินกับ "อากาศชื้นก่อนฝนตก" ได้ดีกว่า จะเสียดายที่เรากุมความได้เปรียบตรงนี้กับเกมรุกได้ไม่มากพอที่จะทำสกอร์ให้มากกว่านี้ ...
แนวรุก
ถ้าในเวลานี้ 2 ตัวหน้าในแมนฯ ยูฯ กำลังกลายเป็นสลาตันกับป๊อกบาไปแล้ว ซึ่งของเรานั้นคล้ายในเรื่องลักษณะผู้เล่นที่เป็นพวกพักบอลพิงบอล ...เพียงแต่ปัญหาคือ เรายังไม่เก่งเท่าคู่นั้นของแมนฯ ยูฯ เอง (ต้องขออภัยที่เอะอะก็เทียบกับแมนฯ ยูฯ เพราะทีมนี้ข้าเจ้าเชียร์ เลยยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ง่ายที่สุด) และอีกอย่าง ...เจ้าปีโป้ยังขาดซึ่งทักษะเชิงประสบการณ์ ลักษณะการเล่นของปีโป้วันนี้ ทำให้ข้าเจ้านึกถึงดร็อกบา การพิง ถูไถ แข่งวิ่งเบียด ...เหล่านี้คือ "กระดูกบอล" ซึ่งไม่มีการติดตัวมาแต่กำเนิด แต่เกิดจากการสร้างในสนามจากจำนวนแมทช์ที่ได้ลงล้วนๆ นั่นทำให้เกิดความน่าเสียดายในบางจังหวะที่หลุดแนวล้ำหน้าไปแล้วแต่เลือกจังหวะเข้าทำไม่ดี (ลูกหลุดไปดวลกับผู้รักษาประตูข้าเจ้าลุ้นให้ชีพสวนโกล์ใจจะขาด แต่ลืมไปว่านั่นมันยังเด็กอยู่เลย ถ้าเป็นมุ้ยในตำแหน่งนั้นอาจจะเป็นสกอร์ไปแล้วจริงๆ) ...ในขณะที่มุ้ยวันนี้ คือของแสลงของออสซี่ไปเรียบร้อยแล้ว เหลี่ยมบอลกดดันกองหลังเค้าได้ รับลูกจากเจ้าเจเจ้าตังได้ ในเกมที่มุ้ยต้องลงมาต่ำแบบนี้ คิดถึง AK9 มากๆ เพราะ Striker ธรรมชาติแบบนั้นเหมาะมากกับการรับลูกต่อจากมุ้ยในเกมแบบนี้ ...แต่ก็ไม่เสียหายกับการแลกประสบการณ์ที่เจ้าปีโป้จะได้มากขึ้น นี่คือกองหน้าที่รอกระดูกบอลให้แกร่งกว่านี้ แล้วเราอาจจะได้ดร็อกบาเมืองไทยได้ภายใน 4-5 ปีข้างหน้า
....
ผลเสมอวันนี้ แม้อาจจะเจ็บใจอยู่บ้างจากความผิดพลาดที่หลงเหลี่ยมที่ปีโป้ไปโดนเยดินักพุ่งขนาดนั้น ...แต่โดยรวมทำให้เห็นว่า โค้ชซิโก้ไม่ได้ถึงกับไม่มีอะไรเลยในระดับที่ต้องต่อกรกับทีมระดับเอเชียอย่างที่โค้ช K บางคนปรามาสไว้ ...ข้าเจ้ามองว่า ด้วยความสามารถจำกัดของนักเตะเรา บางที เทคนิคการเล่นขั้นสูงอาจจะยังมาไม่ถึง ...แต่ระบบแผนการเล่นที่ทำให้ผู้เล่นเคลื่อนตามตำแหน่งแบบวันนี้ก็เป็นแนวทางที่กำลังเหมาะ เพราะถ้าระบบชัดเจน ก็เหลือแต่มองหานักเตะที่ลงตำแหน่ง โดยที่ลดการด้นสดของผู้เล่นในสนามไปได้เยอะ ...จนกว่าทั้งลีกของเราจะยกระดับในเรื่องวิธีการฝึกซ้อมนักเตะให้อยู่ในระดับเอเชียให้ได้ ...นั่นถึงจำเป็นอย่างมากสำหรับการยกระดับโค้ช การจัดระบบลีกสำรอง ลีกเยาวชน ... มามัวจ้องแต่จะลงวิจารณ์กับทีมชาติ ...ลืมไปแล้วหรือว่าทุกอย่างต้องมาจากพื้นฐาน ...โค้ชทีมชาติไม่สามารถมาไล่สอนมันทุกอย่างให้กับนักเตะทีมชาติได้เพียงอย่างเดียว (ไม่เจาะจงนะว่าคนนั้นหมายถึงโค้ชซิโก้) ในหลายๆ ทีมชาติ โค้ชทีมชาติจะวางแนวทางและแท็คติกเฉพาะเกมที่ต้องเจอ การแก้ปัญหาในสนามทำได้แต่เตือนสติแบบที่วันนี้เห็นโค้ชซิโก้สั่ง ...แต่สิ่งที่นักเตะแต่ละคนต้องพกมาเองคือ "วินัย ทักษะ และใจสู้" ที่ต้องสร้างมาจากบ้าน ไม่ใช่มาขุนกันในตอนรวมทีมชาติ ... ผู้เล่นชุดปัจจุบันอาจจะกำลังไปถึงจุดที่เอามาจากบ้านแล้ว ...แต่ที่น่าห่วงและควรต้องเร่งพัฒนาคือ ...ผู้เล่นชุดอายุรองๆ ลงไปที่ต้องมาเป็นอนาคตของทีมชาติชุดใหญ่ในวันข้างหน้า ...เท่าที่ดูผลงานปีนี้แล้ว (แบบยังไม่นับ U23) ดูน่าเป็นห่วงเอาเรื่องอยู่ ... แล้วอย่างนี้จะทำให้โค้ชชุดใหญ่วางใจได้อย่างไรให้เรียกมาเพื่อเสียบให้ลงตามตำแหน่งแผนแบบวันนี้ได้ ...ยิ่งเรื่องแนวทางการเล่นแบบ Pass & Move ที่ต้องอาศัยความเข้าใจเกมสูงๆ ยิ่งยากไปกันใหญ่เลย ...
วันนี้ ...ทีมชุดนี้จุดประกายแล้ว ...พวกทีมรุ่นน้องๆ ที่ปีนี้ดูจะล้มเหลวกันไปจะเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน ... ส่วนตัวมองว่า ถ้าเราเล่นได้อย่างในวันนี้ เกมในบ้านที่เหลืออาจจะมีเฮได้ ...แต่อย่าเพิ่งหวังเรื่องการเข้ารอบเลยนะฮะหนนี้ ... การเล่นวันนี้ ยังไม่น่าพอจะเอาไป "ชนะ" นัดเยือนที่เหลือได้ ...
แต่มันจุดประกายแนวทางการเล่นของทีมชาติในอนาคตได้ฮะ ...
บทสรุปนัดที่ห้า ไทย 2-2 Australia FIFA World Cup Asian Qualifiers ...
ในวันที่คนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกองเชียร์ นักเตะ ทีมงาน ต้องการสู้เพื่อถวายในหลวง ร.9 ... คนไทยที่ยืนหยัดเคียงข้างกันเพื่อฟุตบอลไทย
... ก่อนอื่น ก็ต้องขอขอบคุณกองเชียร์กลุ่มต่างๆ ที่ร่วมทำกิจกรรมก่อนเข้าสนาม เป็นตัวแทนของอีกหลายๆ คนที่อยู่หน้าจอ เชียร์หน้าจอ แสดงออกซึ่งความสามัคคีในการร้องเพลงสรรเสริญฯ และพร้อมใจกันนัดเชียร์แบบร่วมกันในสนามโดยไม่แบ่งกลุ่ม ...พวกคุณคือกระบอกเสียงของกองเชียร์อีกหลายคนที่ไม่อยากให้นักเตะหรือแม้แต่โค้ชซิโก้ต้องมัวแต่ไปใส่ใจโค้ช K-licence ยังมีกองเชียร์ที่พร้อมจะร่วมหัวจมท้ายไปกับฟุตบอลไทยอีกเยอะ ไม่ว่าใครจะเป็นโค้ช หรือผลงานทีมชาติจะย่ำแย่แค่ไหน ...
เกิดอะไรขึ้นกับนัดนี้ ....ทำไมเราเล่นได้ดีขึ้น หรือเพราะออสซี่เค้าอ่อน ...หรือเพราะคำภาวนาของโค้ช K จะได้ผล ...
.... ตอนทีมชีทออกมา เกิดความแปลกใจในหลายๆ คนว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้เกิดระบบการจัดตัวแบบ 3-4-1-2 ... ส่วนตัวนะฮะ ...ข้าเจ้าเชื่อว่า มันไม่ได้เกิดจากการพยายามตอบสนองโค้ช K แค่ให้ถอดก้องกับจ่าเย็นออกเป็นการเฉพาะเจาะจง ...แต่ด้วยการที่เราปิดลีกไว มีเวลาซ้อมแผนนานขึ้น มันอาจจะทำให้โค้ชซิโก้มีเวลาที่จะทดลองรูปแบบการเล่นที่น่าจะอยู่ในแผนงานอยู่แล้วแต่ไม่มีโอกาสซ้อม จนได้เวลาเก็บตัวที่นานพอที่อาจจะซ้อมทีมแล้วเห็นว่าแผนนี้จะเอามาเล่นได้ต้องจัดตัวยังไง ซึ่งบอกได้เลย ต่อให้ก้องกับจ่าเย็นไม่มีปัญหาในเรื่องคำวิจารณ์ แผนที่เล่นวันนี้ก้องกับจ่าเย็นก็ยังไม่เหมาะที่จะเล่นแผนนี้ ...จริงๆ แล้วบางกระทู้ข้างล่างก็ได้มีผู้รู้บางท่านอธิบายไว้น่าอ่านเหมือนกันเกี่ยวกับแนวทางการเล่นวันนี้ ...ส่วนตัวข้าเจ้ามองว่า แผนนี้เป็นการเล่นของรูปแบบฟุตบอลแท็คติก เป็นแบบที่คอนเต้หรือมูริญโญ่เคยใช้บ่อยๆ ในฤดูกาลนี้ (กับแฟนยูเว่อาจจะคุ้นมาก่อนหน้าแล้ว) ..ในเมื่อนักเตะเรายังไม่สามารถเล่นได้ระดับ Pass & Move แบบเนียนตา การใช้ระบบแท็คติกแบบนี้จะช่วยในเรื่องของการเคลื่อนที่แบบ Box to Box เข้ามาช่วยมากขึ้น ซึ่งอาจจะซ้อมแล้วเห็นว่า นักเตะเราน่าจะเข้าใจรูปแบบการวิ่งหรือการช่วยกันเล่นได้ง่ายกว่า ...
ข้าเจ้าชอบนะ ..ไม่รู้ว่าใครแนะนำ หรือโค้ชซิโก้มีรูปแบบแบบนี้อยู่ในใจแต่แรกแล้วยังไม่ได้เคยลองใช้หรือเปล่า .... แผนนี้จะค่อนข้างปรับเอาสมดุลระบบเก่าของ 3-5-2 มาแตกรายละเอียดให้เหมาะกับศักยภาพผู้เล่นเท่าที่เรามีอยู่ ...สังเกตได้ง่ายๆ ว่าแต่ละตำแหน่งของแผนจะมีผู้เล่นที่ลงตัวพอดีแบบแค่เล่นตามตำแหน่งก็พอแล้ว ไม่ต้องคิดมากจินตนาการเยอะของการเล่นแบบ Total ที่กรณีนั้นผู้เล่นต้อง Pass & Move เคลื่อนที่อย่างมีจิตนาการสูง เพราะที่ผ่านมา 4 นัดพิสูจน์ได้ระดับนึงว่าคนของเรายัง "ไม่ถึง" ...การกลับมาเล่นเป็นตำแหน่งดูจะปรับใช้ได้เข้ากับสภาพผู้เล่นปัจจุบันมากกว่าในเวลานี้ นักเตะไม่คิดเยอะ รู้ตำแหน่งแล้วว่าต้องยืนยังไงที่เหลือเล่นตามหน้าที่ของตำแหน่งนั้น ...จะมีบ้างก็อยู่ที่ความเนียนที่ถ้าจะเล่นได้ดีมากๆ ต้องใช้เวลาและ "ประสบการณ์" ของผู้เล่นที่ต้องเจนจัดกว่านี้ ..
แนวรับ
ต้องถือว่าคนที่ข้าเจ้าประทับใจจริงๆ คือ ประทุม ...ประทุมคือคนที่ดูจะทำงานหนักมากในสายของการเป็นตัวชนก่อนถึงเจ้าตั้ม แม้อดิศรจะเป็นตัวชนอีกตัวนึง แต่เนื่องจากประทุม ต้องคอยมารับงาน "หลุด" จากเจ้าโด ทำให้งานค่อนข้าง "ชุก" กว่าฝั่งเจ้าอุ้มอยู่พอควร ...ลูก Handball ถือเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้จากการจัดระเบียบร่างกาย เป็นความเสี่ยงในการทรงตัวล้มกันลูกยิงที่เกิดได้กับกองหลังทั่วโลก แต่โดยรวม ...ประทุมถือว่าเล่นได้เด็ดขาดหลายจังหวะ ในขณะที่อดิศรก็วิ่งไล่เก็บงานหลุดจากปกเกล้าจนตระคริวเล่นงานถึงได้เปลี่ยนออก ... นั่นเท่ากับว่า การเล่นแผน 3 CB ของเราดูจะเหมาะกับสมดุลการรับ (ในระดับชาติ วิธีเล่นแบบนี้ฮอลแลนด์ใช้ได้ดีมากในยุคฟาลกัลคุม) โดยที่เจ้าตั้มสามารถดันไปเล่นเป็นกลางรับกรณีจังหวะให้ หรือถอยมาเป็น CB ตัวสุดท้ายได้ตามจังหวะเกม ...จริงๆ ทุกอย่างในแผงรับทำได้ดีหมดวันนี้ แต่ที่ดูเหมือนกับว่างานเข้ามาในกรอบเขตโทษบ่อยมาก บ่อยจนเป็นที่มาของลูกโทษทั้ง 2 ลูก เป็นงาน "หลุด" จากแผงกองกลางทั้งนั้น ...
แผงกองกลาง
จริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่สามารถมองเป็น "ข้อตำหนิ" ได้เต็มปากเต็มคำ เข้าใจได้ว่าทรัพยากรเรามาได้สูงสุดเท่านี้ ...อาจจะมองได้ว่าเรายัง "พลาด" อะไรบ้างมากกว่า ...ปกเกล้า ระดับค่อนข้างจะต่ำที่สุดเมื่อต้องเทียบกับกองกลางอีก 2 ตัวอย่างเจและตัง ..ไม่ใช่เรื่องความสามารถเฉพาะตัว แต่ในเรื่องหน้าที่ตัวเองที่ต้องคอยช่วยตัดเกมและ Hold บอล ...ถ้าเทียบกับแมนฯ ยูฯ เวลาเล่นแผนนี้ ตำแหน่งปกเกล้าก็อาจจะไปตรงกับเฟรายนี่ โดยเจ้าตังก็อาจจะตรงกับเอไรร่า และเจก็จะเป็นตัวกึ่งฟรีแบบมาต้า ... แต่ถ้าต้องถึงกับเปลี่ยนทิ้งเลยหรือไม่ ก็ต้องถามว่าแล้วตรงนี้มีใครทำได้ดีกว่านี้มั้ย .. เมื่อมองจากผลงานในลีก ปกเกล้าผลงานค่อนข้างโดดเด่นมาก นั่นจึงอาจจะทำให้แม้แต่จนหมดเวลาก็ยังไม่กล้าที่จะเปลี่ยนเอาเจ้าปุยส์ลงมาแทน (หรือโค้ชซิโก้ลืมหรือเปล่าหว่า 555) และเมื่อมองทั้งเกม ก็ยังถือว่าตรงปกเกล้ายังไม่ถึงกับเป็นจุดอ่อนจริงๆ มากนัก ... ในขณะที่เกมเจาะตรงกลางค่อนข้างจะเสียเปรียบในเรื่องผู้เล่น (เพราะตัวเราเล็กกว่าจริงๆ บอกตรงๆ) การออกปีกของเราที่อาศัย WB ทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้ทั้งอุ้มและโดต้องทำงานหนักมากหลายเท่าและต้องกลายเป็น WB ของแท้ที่ไม่มีปีกมาช่วยเลย ในแง่ของการวิ่งทำเกมตามตำแหน่ง ตรงนี้ถือเป็นข้อดีเพราะนักเตะไม่ต้องคิดมากในเรื่องการเคลื่อนที่แบบ Pass & Move แต่จะกลายเป็นบอล Direct รับเป็นรุกออกปีกได้เลย ลดจังหวะ และทำให้ถ่างแนวรับออสซี่ให้มีช่องวิ่งสอด (เป็นที่มาของทั้ง 2 ประตูที่ทำให้ออสซี่เสียทั้งจังหวะขึ้นลงและต้องมีการตามมาทำฟาล์วจนได้จุดโทษ) ทำให้เรามีแนวโน้มของแผนการเล่นที่เหมาะกับศักยภาพผู้เล่นได้แผนนึงแน่ๆ แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าต้องเลือกใช้ในเวลาได้กับใครให้เหมาะสม ... ในแง่ข้อเสีย ...WB เราไม่ใช่ระดับเอเชียหรือระดับอินเตอร์ แม้แต่อุ้มเองที่เล่นดีกว่าโดในแง่สมดุลรุกรับ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการพยายามรักษาสภาพร่างกายความฟิตให้สมดุลได้ตลอดเกม นั่นทำให้เห็นว่าเจ้าโดอาจจะดูบุกดุดันเป็นวาเลนเซียได้ แต่เกมรับหลุดแน่นอน และหลายครั้งที่เมื่อทั้ง WB 2 ข้างบุกพร้อมกันและปกเกล้าดันไปด้วย ทำให้เกิดช่องว่างหลายครั้งที่ตัวออสซี่จะสิ่งมาแทรกแนวรับกับแผงกลางเราจนหลุดมาจนเจียนจะยำ "ในกรอบเขตโทษ" เราอยู่บ่อย เป็นลูกโทษไป 1 (ตรงนี้ต้องโทษออสซี่ด้วยที่วันนี้จบสกอร์แย่ไปนิด ดีที่เกาหลีใต้กับอุซเบฯ ไม่ได้อยู่สายนี้ ไม่งั้นเราเจอพวกนั้นเวลานี้คงเละแน่) ...ตรงนี้ คงต้องเป็นหน้าที่การติวเข้มในเรื่องการวางจังหวะการขึ้นของผู้เล่นกับแผนนี้สำหรับโค้ชซิโก้ในเกมอื่นๆ ให้ดีกว่านี้ ส่วนสมดุลในเกมรุก ...กองกลางเราค่อนข้างทำได้ดีทีเดียวในวันนี้ เมื่อเราแม้จะเสียเปรียบรูปร่าง แต่ได้เปรียบเรื่องสภาพอากาศที่ร่างกายเราชินกับ "อากาศชื้นก่อนฝนตก" ได้ดีกว่า จะเสียดายที่เรากุมความได้เปรียบตรงนี้กับเกมรุกได้ไม่มากพอที่จะทำสกอร์ให้มากกว่านี้ ...
แนวรุก
ถ้าในเวลานี้ 2 ตัวหน้าในแมนฯ ยูฯ กำลังกลายเป็นสลาตันกับป๊อกบาไปแล้ว ซึ่งของเรานั้นคล้ายในเรื่องลักษณะผู้เล่นที่เป็นพวกพักบอลพิงบอล ...เพียงแต่ปัญหาคือ เรายังไม่เก่งเท่าคู่นั้นของแมนฯ ยูฯ เอง (ต้องขออภัยที่เอะอะก็เทียบกับแมนฯ ยูฯ เพราะทีมนี้ข้าเจ้าเชียร์ เลยยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ง่ายที่สุด) และอีกอย่าง ...เจ้าปีโป้ยังขาดซึ่งทักษะเชิงประสบการณ์ ลักษณะการเล่นของปีโป้วันนี้ ทำให้ข้าเจ้านึกถึงดร็อกบา การพิง ถูไถ แข่งวิ่งเบียด ...เหล่านี้คือ "กระดูกบอล" ซึ่งไม่มีการติดตัวมาแต่กำเนิด แต่เกิดจากการสร้างในสนามจากจำนวนแมทช์ที่ได้ลงล้วนๆ นั่นทำให้เกิดความน่าเสียดายในบางจังหวะที่หลุดแนวล้ำหน้าไปแล้วแต่เลือกจังหวะเข้าทำไม่ดี (ลูกหลุดไปดวลกับผู้รักษาประตูข้าเจ้าลุ้นให้ชีพสวนโกล์ใจจะขาด แต่ลืมไปว่านั่นมันยังเด็กอยู่เลย ถ้าเป็นมุ้ยในตำแหน่งนั้นอาจจะเป็นสกอร์ไปแล้วจริงๆ) ...ในขณะที่มุ้ยวันนี้ คือของแสลงของออสซี่ไปเรียบร้อยแล้ว เหลี่ยมบอลกดดันกองหลังเค้าได้ รับลูกจากเจ้าเจเจ้าตังได้ ในเกมที่มุ้ยต้องลงมาต่ำแบบนี้ คิดถึง AK9 มากๆ เพราะ Striker ธรรมชาติแบบนั้นเหมาะมากกับการรับลูกต่อจากมุ้ยในเกมแบบนี้ ...แต่ก็ไม่เสียหายกับการแลกประสบการณ์ที่เจ้าปีโป้จะได้มากขึ้น นี่คือกองหน้าที่รอกระดูกบอลให้แกร่งกว่านี้ แล้วเราอาจจะได้ดร็อกบาเมืองไทยได้ภายใน 4-5 ปีข้างหน้า
....
ผลเสมอวันนี้ แม้อาจจะเจ็บใจอยู่บ้างจากความผิดพลาดที่หลงเหลี่ยมที่ปีโป้ไปโดนเยดินักพุ่งขนาดนั้น ...แต่โดยรวมทำให้เห็นว่า โค้ชซิโก้ไม่ได้ถึงกับไม่มีอะไรเลยในระดับที่ต้องต่อกรกับทีมระดับเอเชียอย่างที่โค้ช K บางคนปรามาสไว้ ...ข้าเจ้ามองว่า ด้วยความสามารถจำกัดของนักเตะเรา บางที เทคนิคการเล่นขั้นสูงอาจจะยังมาไม่ถึง ...แต่ระบบแผนการเล่นที่ทำให้ผู้เล่นเคลื่อนตามตำแหน่งแบบวันนี้ก็เป็นแนวทางที่กำลังเหมาะ เพราะถ้าระบบชัดเจน ก็เหลือแต่มองหานักเตะที่ลงตำแหน่ง โดยที่ลดการด้นสดของผู้เล่นในสนามไปได้เยอะ ...จนกว่าทั้งลีกของเราจะยกระดับในเรื่องวิธีการฝึกซ้อมนักเตะให้อยู่ในระดับเอเชียให้ได้ ...นั่นถึงจำเป็นอย่างมากสำหรับการยกระดับโค้ช การจัดระบบลีกสำรอง ลีกเยาวชน ... มามัวจ้องแต่จะลงวิจารณ์กับทีมชาติ ...ลืมไปแล้วหรือว่าทุกอย่างต้องมาจากพื้นฐาน ...โค้ชทีมชาติไม่สามารถมาไล่สอนมันทุกอย่างให้กับนักเตะทีมชาติได้เพียงอย่างเดียว (ไม่เจาะจงนะว่าคนนั้นหมายถึงโค้ชซิโก้) ในหลายๆ ทีมชาติ โค้ชทีมชาติจะวางแนวทางและแท็คติกเฉพาะเกมที่ต้องเจอ การแก้ปัญหาในสนามทำได้แต่เตือนสติแบบที่วันนี้เห็นโค้ชซิโก้สั่ง ...แต่สิ่งที่นักเตะแต่ละคนต้องพกมาเองคือ "วินัย ทักษะ และใจสู้" ที่ต้องสร้างมาจากบ้าน ไม่ใช่มาขุนกันในตอนรวมทีมชาติ ... ผู้เล่นชุดปัจจุบันอาจจะกำลังไปถึงจุดที่เอามาจากบ้านแล้ว ...แต่ที่น่าห่วงและควรต้องเร่งพัฒนาคือ ...ผู้เล่นชุดอายุรองๆ ลงไปที่ต้องมาเป็นอนาคตของทีมชาติชุดใหญ่ในวันข้างหน้า ...เท่าที่ดูผลงานปีนี้แล้ว (แบบยังไม่นับ U23) ดูน่าเป็นห่วงเอาเรื่องอยู่ ... แล้วอย่างนี้จะทำให้โค้ชชุดใหญ่วางใจได้อย่างไรให้เรียกมาเพื่อเสียบให้ลงตามตำแหน่งแผนแบบวันนี้ได้ ...ยิ่งเรื่องแนวทางการเล่นแบบ Pass & Move ที่ต้องอาศัยความเข้าใจเกมสูงๆ ยิ่งยากไปกันใหญ่เลย ...
วันนี้ ...ทีมชุดนี้จุดประกายแล้ว ...พวกทีมรุ่นน้องๆ ที่ปีนี้ดูจะล้มเหลวกันไปจะเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน ... ส่วนตัวมองว่า ถ้าเราเล่นได้อย่างในวันนี้ เกมในบ้านที่เหลืออาจจะมีเฮได้ ...แต่อย่าเพิ่งหวังเรื่องการเข้ารอบเลยนะฮะหนนี้ ... การเล่นวันนี้ ยังไม่น่าพอจะเอาไป "ชนะ" นัดเยือนที่เหลือได้ ...
แต่มันจุดประกายแนวทางการเล่นของทีมชาติในอนาคตได้ฮะ ...