ในหนังสือจะเป็นการพูดถึงพฤติการผิดปกติที่คนขี้โกงพยายามทำ โดยอ้างอิงว่าในงานวิจัยก็มีการโกงด้วย โดยนักวิจัยอีกคนสังเกตเห็น และการเพิ่มขึ้นของราคาเสื้อที่ลายแตกต่างกันทีละ 5 แต่ก็พูดถึงจำนวน 80 เปอร์เซ็นต์ และ 20 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งการเฟ้นแบบสุ่ม แบบปกติ แต่ที่สำคัญที่ทำให้ไม่เข้าใจคือการพูดถึงงานวิจัยเหล่านี้ของคนอื่น (These) ก็เลยงงๆ เพราะดุไม่ได้เป็นการตินักวิจัยขี้โกงคนนั้นคนเดียว ท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะหน่อยนะคะ
ในทำนองเดียวกัน ด้วยการทำงานหนักเพื่อสร้างความประทับใจที่ถูกต้อง คนขี้โกงมักจะพูดโน้มน้าวมากผิดปกติ ขณะที่พวกเขาพยายามประดิดประดอยคำโกหก“ที่สวยหรู” อาทิ เมื่อหลายปีก่อน เดิร์ก สมีสเตอร์ส ซึ่งเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในแวดวงการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเอรัสมุสอันมีชื่อเสียงในเนเธอร์แลนด์ เขาตีพิมพ์บทความออกมาเร็วมาก และเขาได้รับการเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วและได้รับรางวัลจากงานวิจัยของเขา
แทบไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรที่บทความเรื่องหนึ่งของเขาได้รับความสนใจจากยูริ ซิมอนซอห์น เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของเรา ในฐานะนักวิทยาศาสตร์มักจะมีคนมาขอให้เราแบ่งปันผลการศึกษาของเราเป็นประจำ ดังนั้นเมื่อยูริขอข้อมูลจากเดิร์ก เขาก็ส่งต่อข้อมูลให้ทันที ขณะที่ยูริงุนงงสับสนกับตัวเลข เขาก็รู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
หนึ่งในการศึกษาของเดิร์ก เขาถามคนทั่วไปว่าพวกเขาเต็มใจจ่ายเงินซื้อเสื้อยืดที่มีลวดลายบนเสื้อที่แตกต่างกันเท่าไร? ปรากฏว่ามีนักวิชาการหลายคนก็ทำการศึกษาแบบนี้ด้วยเช่นกัน ยูริตรวจดูการจำแนกคำตอบเมื่อคนถูกถามว่าพวกเขาจะจ่ายเงินเท่าไรเพื่อซื้อเสื้อยืดตัวหนึ่ง? และพบว่าประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ของการศึกษาเหล่านี้ชิ้นอื่นจะ ทวีคูณขึ้นทีละห้า และถ้าข้อมูลถูกสร้างขึ้นด้วย แบบสุ่ม ก็จะมีประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นที่จะทวีคูณทีละห้า สิ่งที่ยูริสังเกตเห็นคือนี่คือลักษณะข้อมูลของเดิร์ก เขาสร้างข้อมูลขึ้นมา แต่เขาพยายามทำให้มันดู “เป็นปกติ” ด้วยการทำให้มันดูเหมือนเป็นการสุ่มตัวอย่าง เขาพยายามที่จะทำให้เชื่อมากเกินไป
ภาษาอังกฤษ
So it was hardly a surprise that one of his papers caught the attention of one of our colleagues, Uri Simonsohn. As scientists, we are routinely asked to share the results of our studies. So when Uri asked Smeesters for his data, Smeesters passed them right along. As Uri puzzled through the numbers, he knew something wasn’t right.
In one of Smeesters’s studies, he had asked people how much they were willing to pay for T-shirts with different designs on them. It turns out that many scholars have conducted studies like this one. Uri looked at the distribution of responses when people were asked how much they would pay for a T-shirt and found that about 80 percent of these other studies were in multiples of five. Yet, if the data were randomly generated, only about 20 percent of the data would be in multiples of five. What Uri noticed was that this is exactly how Smeesters’s data looked. Smeesters had made up his data but he tried to make it look “normal” by making it appear random. He had overcompensated.
ขอสอบถามหน่อยค่ะ พอดีอีดิทงานแล้วไม่เข้าใจ รู้สึกน้องคนที่แปล(น่าจะเอกอังกฤษ) แปลมาไม่กระจ่าง แต่เราก็ไม่เข้าใจ
ในทำนองเดียวกัน ด้วยการทำงานหนักเพื่อสร้างความประทับใจที่ถูกต้อง คนขี้โกงมักจะพูดโน้มน้าวมากผิดปกติ ขณะที่พวกเขาพยายามประดิดประดอยคำโกหก“ที่สวยหรู” อาทิ เมื่อหลายปีก่อน เดิร์ก สมีสเตอร์ส ซึ่งเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในแวดวงการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเอรัสมุสอันมีชื่อเสียงในเนเธอร์แลนด์ เขาตีพิมพ์บทความออกมาเร็วมาก และเขาได้รับการเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วและได้รับรางวัลจากงานวิจัยของเขา
แทบไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรที่บทความเรื่องหนึ่งของเขาได้รับความสนใจจากยูริ ซิมอนซอห์น เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของเรา ในฐานะนักวิทยาศาสตร์มักจะมีคนมาขอให้เราแบ่งปันผลการศึกษาของเราเป็นประจำ ดังนั้นเมื่อยูริขอข้อมูลจากเดิร์ก เขาก็ส่งต่อข้อมูลให้ทันที ขณะที่ยูริงุนงงสับสนกับตัวเลข เขาก็รู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
หนึ่งในการศึกษาของเดิร์ก เขาถามคนทั่วไปว่าพวกเขาเต็มใจจ่ายเงินซื้อเสื้อยืดที่มีลวดลายบนเสื้อที่แตกต่างกันเท่าไร? ปรากฏว่ามีนักวิชาการหลายคนก็ทำการศึกษาแบบนี้ด้วยเช่นกัน ยูริตรวจดูการจำแนกคำตอบเมื่อคนถูกถามว่าพวกเขาจะจ่ายเงินเท่าไรเพื่อซื้อเสื้อยืดตัวหนึ่ง? และพบว่าประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ของการศึกษาเหล่านี้ชิ้นอื่นจะ ทวีคูณขึ้นทีละห้า และถ้าข้อมูลถูกสร้างขึ้นด้วย แบบสุ่ม ก็จะมีประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นที่จะทวีคูณทีละห้า สิ่งที่ยูริสังเกตเห็นคือนี่คือลักษณะข้อมูลของเดิร์ก เขาสร้างข้อมูลขึ้นมา แต่เขาพยายามทำให้มันดู “เป็นปกติ” ด้วยการทำให้มันดูเหมือนเป็นการสุ่มตัวอย่าง เขาพยายามที่จะทำให้เชื่อมากเกินไป
ภาษาอังกฤษ
So it was hardly a surprise that one of his papers caught the attention of one of our colleagues, Uri Simonsohn. As scientists, we are routinely asked to share the results of our studies. So when Uri asked Smeesters for his data, Smeesters passed them right along. As Uri puzzled through the numbers, he knew something wasn’t right.
In one of Smeesters’s studies, he had asked people how much they were willing to pay for T-shirts with different designs on them. It turns out that many scholars have conducted studies like this one. Uri looked at the distribution of responses when people were asked how much they would pay for a T-shirt and found that about 80 percent of these other studies were in multiples of five. Yet, if the data were randomly generated, only about 20 percent of the data would be in multiples of five. What Uri noticed was that this is exactly how Smeesters’s data looked. Smeesters had made up his data but he tried to make it look “normal” by making it appear random. He had overcompensated.