เราเป็นคนมีลูกยาก หาหมออยู่หลายที่ หลายปี ใครว่าที่ไหนดีก็ไป กินอะไรแล้วดีก็ไปสรรหา เรียกว่ามุ่งมั่นจริงใจกันสุดๆ กว่าจะได้มีลูกกะเค้าบ้าง ตอนท้องนี่จำได้ว่าเพื่อนถามตลอดว่าหาหมอที่ไหน แพงมั๊ย (อันนี้สำคัญ 555) ถามบ่อยมากซะจนเขียนบล๊อกไว้เลย ใครถามส่งให้อ่านไป เห็นในพันทิปมีคำถามจากคนอยากมีลูกอยู่เรื่อยๆ เลยเอาที่เคยเขียนไว้มาลงอีกทีเผื่อจะมีประโยชน์กับคนที่หาข้อมูลเรื่องนี้อยู่
เรามีลูกชาย 2 คนค่ะ ตอนนี้อยู่ ป1 กับ อนุบาล 2 ร่าเริงแจ่มใส เป็นขวัญใจของทุกคนในบ้าน บางครั้งก็ป่วนกันเอาเรื่องเหมือนกัน ได้ฝึกสมองกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ไม่ต้องกลัวจะเป็นอัลไซเมอร์กันเลยล่ะ 555... สำหรับตัวเราเองมีความเชื่ออยู่เสมอว่าการแพทย์สมัยนี้ก้าวหน้าไปมาก ถ้าเราปรึกษาหมอและรักษาอย่างต่อเนื่อง เราต้องสำเร็จซักวัน ก็เริ่มรักษาจากที่ๆเค้าว่าราคาถูกกัน และก็ยกระดับขึ้นมาอีกนิดนึง ในราคาที่พอสู้ไหว ยังไงเราต้องวางแผนการเงินไว้ตลอดเพราะมีลูกต้องใช้เงินอีกเยอะ ...จะเป็นมนุษย์แม่ เรื่องเงินต้องเป๊ะสิค่ะ ^ ^
ข้อมูลที่รวบรวมไว้ก็ตามนี้นะคะ
1. เมื่อไหร่ที่เรียกว่าเป็นผู้มีบุตรยาก
- คำตอบข้อนี้ต้องอ้างอิงกับคำจำกัดความทางการแพทย์ ที่เคยอ่านเจอก็คือ เมื่อคุณไม่ได้คุมกำเนิดแล้วยังไม่ตั้งครรภ์ภายใน 1 ปี แต่สำหรับเราคิดว่าเมื่อเราบอกกับตัวเองว่าพยายามมาระยะเวลานึงแล้วก็ไม่ต้องรอต่อไป ให้ไปปรึกษาหมอเลยดีกว่าค่ะ จะได้เช็คสุขภาพและความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ไปด้วย แต่ล่าสุดมีคำแนะนำว่าถ้าถึง 35 ปีแล้วไม่คุมกำเนิดเกิน 6 เดือนแล้วไม่ตั้งครรภ์ ให้รีบหาหมอเลยค่ะ ยิ่งอายุเยอะขึ้น การสร้างไข่ยิ่งน้อยลงมากค่ะ
2. ไปหาหมอที่ไหนดี
- เดี๋ยวนี้หมอรักษาเรื่องนี้มีเยอะมาก ราคาก็แตกต่างกันไป แนะนำให้เลือกที่เราสะดวกเดินทางไปและราคาที่เรารับได้ค่ะ จากประสบการณ์ ถ้าทำแค่ฉีดเชื้อ ราคาจะไม่ต่างกันมาก จะไปต่างกันมาก ๆ เมื่อทำ ICSI, IVF หรือ อะไรที่ขั้นตอนยุ่งยากซับซ้อนแบบที่ต้องมีการเก็บไข่มาผสมกับเชื้อภายนอก แล้วใส่ตัวอ่อนกลับเข้าไปในมดลูก สำหรับการฉีดเชื้อที่คลีนิกเอกชน ถ้าทำการกระตุ้นไข่ด้วยการกินยาอย่างเดียว ราคาจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งหมื่นต้นๆ ถ้ากระตุ้นไข่ด้วยยาฉีด ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นต้นๆ บางที่ราคาอาจจะค่อนข้างถูกกว่าที่อื่น แต่คุณต้องเจอคนเยอะ คิวนาน อาจทำให้หงุดหงิด รับได้รึเปล่า อันนี้ต้องคิดเผื่อบ้าง เพราะต้องไปกันบ่อย บวกลบกับค่าเดินทาง ค่าเสียเวลาด้วย เอาเป็นว่าต้องถามราคาให้ละเอียดก่อนทำ
3. ไปหาหมอครั้งแรกเมื่อไหร่ดี
- อันที่จริงไปวันไหนก็ได้ แต่ถ้าถามเราว่าไปวันไหนแล้วคุ้มที่สุด เราขอตอบว่า ไปวันที่เป็นประจำเดือนวันที่สองหรือสาม วิธีนับคือ เห็นมี ปจด มาวันแรกก็นับเป็นวันที่หนึ่งเลย แล้วไปหาหมอวันที่สองหรือวันที่สาม ไม่ต้องตกใจว่า อ้าว...แล้วหมอเค้าตรวจ (ภายใน) แล้วมันจะไม่เลอะเทอะเยอะสิ่งเหรอ !!! คือหมอเค้าไม่ได้ตรวจภายในคุณวันแรกที่เจอกันอยู่แล้ว (อันนี้ตามประสบการณ์เรานะ) แต่เค้าจะเจาะเลือด ตรวจระดับฮอร์โมน ซึ่งจะขึ้นสูงในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่พอจะเห็นภาพว่าทำไมคุณถึงมีบุตรยาก ถ้าคุณไปวันอื่นก็ไม่นับว่าเสียเที่ยวนัก อย่างน้อยก็คุยกับหมอถึงทิศทางสุขภาพ การดำเนินชีวิตของคุณว่ามีสาเหตุที่ทำให้มีบุตรยากรึเปล่า แล้วค่อยนัดมาเจาะเลือดตามวันที่เราว่าอีกทีค่ะ
4. ขอทางลัด ไหน ๆ ก็มีลูกยากแล้ว ไม่อยากเสียเวลารักษาอะไร แบบว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาว่างั้นเถอะ ขอเลือกทำเด็ก หลอดแก้ว ประมาณพวก ICSI , IVF เลยได้มั๊ย อาจมีหลายคนคิดแบบนี้ ขอตอบว่า มีเพื่อนสนิทเราคนนึงเลือกทำแบบนี้และประสบความสำเร็จด้วย แต่ในความคิดเราคิดว่าเพื่อนคนนี้โชคดีมาก ซึ่งโอกาสแบบนี้อาจไม่เกิดได้ง่าย ๆ เพื่อนคนนี้ใส่ตัวอ่อนไป 3 สุดท้ายได้ลูก 1 คน แต่พอจะมีคนที่สองเอง ไม่สามารถมีได้ ก็ต้องพึ่ง ivf อีก
จากประสบการณ์รักษาของเราเอง คิดว่าการค่อย ๆ รักษาไปโดยแก้ปัญหาที่สาเหตุ น่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด เช่น การตรวจว่าเป็นซีสต์มั๊ย ถ้าเป็น ก็ทำการผ่าตัดออกเสียก่อน นั่นหมายความว่า ตอนที่ตั้งครรภ์จะไม่ต้องกังวลว่าซีสต์จะมาโตแข่งกับลูกของเรา และโอกาสของการมีลูกคนที่สองก็น่าจะเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องมาตั้งต้นรักษากันใหม่อีก การรักษาโดยแก้ปัญหาที่สาเหตุนี้ต้องใจเย็น ค่อยเป็นค่อยไป ใช้เวลามากซักหน่อย แต่คุ้มค่าและเป็นการดูแลสุขภาพเราไปในตัวด้วยค่ะ
5. ประจำเดือนมาปกติ ตรวจภายในแล้วหมอบอกว่าปกติ แต่ทำไมยังไม่ท้องซะที
- เราเองก็เป็นแบบนี้ค่ะ แต่พอหมอทำการฉีดเชื้อไปได้ 5 ครั้ง ก็เริ่มสงสัยว่า น่าจะมีปัญหาอะไรมากกว่านั้นซึ่งการตรวจภายในไม่สามารถบอกได้ เลยต้องทำการผ่าตัดส่องกล้องเข้าที่ทางหน้าท้องเข้าไปดูว่าในมดลูกมีความผิดปกติอะไรรึเปล่า ซึ่งก็พบว่าเป็นเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่หรือที่เรียกว่าชอกโกแลตซีสต์ ขนาดของแผลผ่าตัดประมาณ 1 ซม. พักโรงพยาบาล 1 คืน ระดับความเจ็บประมาณปวดประจำเดือนค่ะ นั่นหมายความว่า การที่ประจำเดือนมาปกติ ตรวจภายในแล้วปกติ อาจมีสาเหตุอื่นที่ทำให้มีบุตรยาก ซึ่งปัจจุบันพบว่า 75% ของผู้หญิงเป็นชอกโกแลตซีสต์ค่ะ (ใครเป็นนี่คือไม่ตกยุค คิดบวกได้อีกค่ะ ) ดังนั้นหากหมอแนะนำให้ผ่าตัดส่องกล้อง ก็น่าพิจารณาอยู่นะคะ
6. ฝากไว้ข้อสุดท้ายว่าระหว่างที่ทำการรักษา หรือรอจะมีลูก ควรทำตัวอย่างไร
เรื่องสุขภาพก็อย่างที่ทราบกันว่าทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ เผื่อว่าตั้งครรภ์เมื่อไหร่ทั้งลูกทั้งแม่จะได้สมบูรณ์แข็งแรง เรื่องการพักผ่อนก็สำคัญ อย่านอนดึกกันทั้งสามีภรรยา อันนี้สำคัญนะคะ อย่ามัวท่องโลกอินเตอร์เนตหรือดูทีวีกันเพลิน พักผ่อนเพียงพอ ร่างกายจะได้เสริมสร้างเซลล์ดี ๆ
อีกเรื่องที่อยากแนะนำคือ ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็กสมัยนี้ดูบ้างว่า เดี๋ยวนี้เค้าเรียนกันยังไง ช่วงวัยไหนเค้าทำอะไรกัน ที่ไหน ยังไง แบบไหนจำเป็น แบบไหนไม่จำเป็น โรงเรียนสมัยนี้ราคาเท่าไหร่ การเรียนการสอนเป็นยังไง อินเตอร์/EP/สาธิต/บูรณาการ/คาทอลิก/gifted/... (การศึกษาไทย มากมายได้อีก! ) พ่อแม่ต้องมีส่วนร่วมทำอะไรบ้าง จะได้รู้แนวทางการจัดการงบประมาณ และวางแผนได้ว่าจะมีลูกกี่คน ถ้าได้ลูกแฝดจะรับมือไหวรึเปล่า มีลูกแล้วใครจะช่วยเลี้ยง (เอาแบบช่วยจริง ๆ นะ) เลี้ยงเองไหวมั๊ย จะลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกคุ้มรึเปล่า ค่าพี่เลี้ยงเดี๋ยวนี้ราคาเท่าไหร่ เรื่องแบบนี้ศึกษาไว้ไม่เสียหลายนะคะ จะได้วางแผนชีวิตไว้เนิ่น ๆ ค่ะ
แค่เริ่มคิดก็สนุกแล้วค่ะ : )
= = = รวมข้อมูล...รักษามีบุตรยาก
เรามีลูกชาย 2 คนค่ะ ตอนนี้อยู่ ป1 กับ อนุบาล 2 ร่าเริงแจ่มใส เป็นขวัญใจของทุกคนในบ้าน บางครั้งก็ป่วนกันเอาเรื่องเหมือนกัน ได้ฝึกสมองกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ไม่ต้องกลัวจะเป็นอัลไซเมอร์กันเลยล่ะ 555... สำหรับตัวเราเองมีความเชื่ออยู่เสมอว่าการแพทย์สมัยนี้ก้าวหน้าไปมาก ถ้าเราปรึกษาหมอและรักษาอย่างต่อเนื่อง เราต้องสำเร็จซักวัน ก็เริ่มรักษาจากที่ๆเค้าว่าราคาถูกกัน และก็ยกระดับขึ้นมาอีกนิดนึง ในราคาที่พอสู้ไหว ยังไงเราต้องวางแผนการเงินไว้ตลอดเพราะมีลูกต้องใช้เงินอีกเยอะ ...จะเป็นมนุษย์แม่ เรื่องเงินต้องเป๊ะสิค่ะ ^ ^
ข้อมูลที่รวบรวมไว้ก็ตามนี้นะคะ
1. เมื่อไหร่ที่เรียกว่าเป็นผู้มีบุตรยาก
- คำตอบข้อนี้ต้องอ้างอิงกับคำจำกัดความทางการแพทย์ ที่เคยอ่านเจอก็คือ เมื่อคุณไม่ได้คุมกำเนิดแล้วยังไม่ตั้งครรภ์ภายใน 1 ปี แต่สำหรับเราคิดว่าเมื่อเราบอกกับตัวเองว่าพยายามมาระยะเวลานึงแล้วก็ไม่ต้องรอต่อไป ให้ไปปรึกษาหมอเลยดีกว่าค่ะ จะได้เช็คสุขภาพและความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ไปด้วย แต่ล่าสุดมีคำแนะนำว่าถ้าถึง 35 ปีแล้วไม่คุมกำเนิดเกิน 6 เดือนแล้วไม่ตั้งครรภ์ ให้รีบหาหมอเลยค่ะ ยิ่งอายุเยอะขึ้น การสร้างไข่ยิ่งน้อยลงมากค่ะ
2. ไปหาหมอที่ไหนดี
- เดี๋ยวนี้หมอรักษาเรื่องนี้มีเยอะมาก ราคาก็แตกต่างกันไป แนะนำให้เลือกที่เราสะดวกเดินทางไปและราคาที่เรารับได้ค่ะ จากประสบการณ์ ถ้าทำแค่ฉีดเชื้อ ราคาจะไม่ต่างกันมาก จะไปต่างกันมาก ๆ เมื่อทำ ICSI, IVF หรือ อะไรที่ขั้นตอนยุ่งยากซับซ้อนแบบที่ต้องมีการเก็บไข่มาผสมกับเชื้อภายนอก แล้วใส่ตัวอ่อนกลับเข้าไปในมดลูก สำหรับการฉีดเชื้อที่คลีนิกเอกชน ถ้าทำการกระตุ้นไข่ด้วยการกินยาอย่างเดียว ราคาจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งหมื่นต้นๆ ถ้ากระตุ้นไข่ด้วยยาฉีด ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นต้นๆ บางที่ราคาอาจจะค่อนข้างถูกกว่าที่อื่น แต่คุณต้องเจอคนเยอะ คิวนาน อาจทำให้หงุดหงิด รับได้รึเปล่า อันนี้ต้องคิดเผื่อบ้าง เพราะต้องไปกันบ่อย บวกลบกับค่าเดินทาง ค่าเสียเวลาด้วย เอาเป็นว่าต้องถามราคาให้ละเอียดก่อนทำ
3. ไปหาหมอครั้งแรกเมื่อไหร่ดี
- อันที่จริงไปวันไหนก็ได้ แต่ถ้าถามเราว่าไปวันไหนแล้วคุ้มที่สุด เราขอตอบว่า ไปวันที่เป็นประจำเดือนวันที่สองหรือสาม วิธีนับคือ เห็นมี ปจด มาวันแรกก็นับเป็นวันที่หนึ่งเลย แล้วไปหาหมอวันที่สองหรือวันที่สาม ไม่ต้องตกใจว่า อ้าว...แล้วหมอเค้าตรวจ (ภายใน) แล้วมันจะไม่เลอะเทอะเยอะสิ่งเหรอ !!! คือหมอเค้าไม่ได้ตรวจภายในคุณวันแรกที่เจอกันอยู่แล้ว (อันนี้ตามประสบการณ์เรานะ) แต่เค้าจะเจาะเลือด ตรวจระดับฮอร์โมน ซึ่งจะขึ้นสูงในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่พอจะเห็นภาพว่าทำไมคุณถึงมีบุตรยาก ถ้าคุณไปวันอื่นก็ไม่นับว่าเสียเที่ยวนัก อย่างน้อยก็คุยกับหมอถึงทิศทางสุขภาพ การดำเนินชีวิตของคุณว่ามีสาเหตุที่ทำให้มีบุตรยากรึเปล่า แล้วค่อยนัดมาเจาะเลือดตามวันที่เราว่าอีกทีค่ะ
4. ขอทางลัด ไหน ๆ ก็มีลูกยากแล้ว ไม่อยากเสียเวลารักษาอะไร แบบว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาว่างั้นเถอะ ขอเลือกทำเด็ก หลอดแก้ว ประมาณพวก ICSI , IVF เลยได้มั๊ย อาจมีหลายคนคิดแบบนี้ ขอตอบว่า มีเพื่อนสนิทเราคนนึงเลือกทำแบบนี้และประสบความสำเร็จด้วย แต่ในความคิดเราคิดว่าเพื่อนคนนี้โชคดีมาก ซึ่งโอกาสแบบนี้อาจไม่เกิดได้ง่าย ๆ เพื่อนคนนี้ใส่ตัวอ่อนไป 3 สุดท้ายได้ลูก 1 คน แต่พอจะมีคนที่สองเอง ไม่สามารถมีได้ ก็ต้องพึ่ง ivf อีก
จากประสบการณ์รักษาของเราเอง คิดว่าการค่อย ๆ รักษาไปโดยแก้ปัญหาที่สาเหตุ น่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด เช่น การตรวจว่าเป็นซีสต์มั๊ย ถ้าเป็น ก็ทำการผ่าตัดออกเสียก่อน นั่นหมายความว่า ตอนที่ตั้งครรภ์จะไม่ต้องกังวลว่าซีสต์จะมาโตแข่งกับลูกของเรา และโอกาสของการมีลูกคนที่สองก็น่าจะเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องมาตั้งต้นรักษากันใหม่อีก การรักษาโดยแก้ปัญหาที่สาเหตุนี้ต้องใจเย็น ค่อยเป็นค่อยไป ใช้เวลามากซักหน่อย แต่คุ้มค่าและเป็นการดูแลสุขภาพเราไปในตัวด้วยค่ะ
5. ประจำเดือนมาปกติ ตรวจภายในแล้วหมอบอกว่าปกติ แต่ทำไมยังไม่ท้องซะที
- เราเองก็เป็นแบบนี้ค่ะ แต่พอหมอทำการฉีดเชื้อไปได้ 5 ครั้ง ก็เริ่มสงสัยว่า น่าจะมีปัญหาอะไรมากกว่านั้นซึ่งการตรวจภายในไม่สามารถบอกได้ เลยต้องทำการผ่าตัดส่องกล้องเข้าที่ทางหน้าท้องเข้าไปดูว่าในมดลูกมีความผิดปกติอะไรรึเปล่า ซึ่งก็พบว่าเป็นเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่หรือที่เรียกว่าชอกโกแลตซีสต์ ขนาดของแผลผ่าตัดประมาณ 1 ซม. พักโรงพยาบาล 1 คืน ระดับความเจ็บประมาณปวดประจำเดือนค่ะ นั่นหมายความว่า การที่ประจำเดือนมาปกติ ตรวจภายในแล้วปกติ อาจมีสาเหตุอื่นที่ทำให้มีบุตรยาก ซึ่งปัจจุบันพบว่า 75% ของผู้หญิงเป็นชอกโกแลตซีสต์ค่ะ (ใครเป็นนี่คือไม่ตกยุค คิดบวกได้อีกค่ะ ) ดังนั้นหากหมอแนะนำให้ผ่าตัดส่องกล้อง ก็น่าพิจารณาอยู่นะคะ
6. ฝากไว้ข้อสุดท้ายว่าระหว่างที่ทำการรักษา หรือรอจะมีลูก ควรทำตัวอย่างไร
เรื่องสุขภาพก็อย่างที่ทราบกันว่าทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ เผื่อว่าตั้งครรภ์เมื่อไหร่ทั้งลูกทั้งแม่จะได้สมบูรณ์แข็งแรง เรื่องการพักผ่อนก็สำคัญ อย่านอนดึกกันทั้งสามีภรรยา อันนี้สำคัญนะคะ อย่ามัวท่องโลกอินเตอร์เนตหรือดูทีวีกันเพลิน พักผ่อนเพียงพอ ร่างกายจะได้เสริมสร้างเซลล์ดี ๆ
อีกเรื่องที่อยากแนะนำคือ ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็กสมัยนี้ดูบ้างว่า เดี๋ยวนี้เค้าเรียนกันยังไง ช่วงวัยไหนเค้าทำอะไรกัน ที่ไหน ยังไง แบบไหนจำเป็น แบบไหนไม่จำเป็น โรงเรียนสมัยนี้ราคาเท่าไหร่ การเรียนการสอนเป็นยังไง อินเตอร์/EP/สาธิต/บูรณาการ/คาทอลิก/gifted/... (การศึกษาไทย มากมายได้อีก! ) พ่อแม่ต้องมีส่วนร่วมทำอะไรบ้าง จะได้รู้แนวทางการจัดการงบประมาณ และวางแผนได้ว่าจะมีลูกกี่คน ถ้าได้ลูกแฝดจะรับมือไหวรึเปล่า มีลูกแล้วใครจะช่วยเลี้ยง (เอาแบบช่วยจริง ๆ นะ) เลี้ยงเองไหวมั๊ย จะลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกคุ้มรึเปล่า ค่าพี่เลี้ยงเดี๋ยวนี้ราคาเท่าไหร่ เรื่องแบบนี้ศึกษาไว้ไม่เสียหลายนะคะ จะได้วางแผนชีวิตไว้เนิ่น ๆ ค่ะ
แค่เริ่มคิดก็สนุกแล้วค่ะ : )