สวัสดีครับ จริง ๆ แล้วกับสังคมปัจจุบัน ได้เกิดคำถามมากมายในใจของผมตลอดมาตั้งแต่เล็กจนโต ของการดำเนินชีวิตในสังคมประเทศไทยว่า "มันถูกต้องแล้วเหรอ?" หรือว่าที่เราทำเพราะเราทำต่อ ๆ กันมาโดยที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไร ที่สำคัญเพราะเราทำมันจนคุ้นชินกันไปหมดแล้วรึเปล่า แต่เรากลับไม่เคยตั้งคำถามว่า "แล้วถ้าเราไม่ทำล่ะ..มันจะเกิดผลกระทบอะไรรึเปล่า" หรือ "มันอาจจะส่งผลที่ดีกว่ามั้ย?..หากเราเลิกทำมัน"
การเรียนลูกเสือก็เป็นตัวอย่างที่ดี ที่ผมตั้งคำถามว่า "เราเรียนไปเพื่ออะไร" การจัดแถว การแสดงละคร การเล่นรอบกองไฟ การเอาเชือกมาผูกแบบนั้นแบบนี้ หรือแม้กระทั้งการเดินทางไกล คำถามมันเกิดตรงที่ว่า "เด็กทุกคนชอบหรือเต็มใจที่จะทำมันรึเปล่า?" แล้วมันมีคุณค่ามากน้อยแค่ไหนกับชีวิตของเราตอนโต? เราทุกคนได้ใช้ประโยชน์จากมันจริง ๆ รึเปล่า? หรือว่าที่ผ่านมาเราต้องตามน้ำไปกับมันเพราะมัน คือ หลักสูตรของการเรียน??
ตรงกันข้าม หากเราไม่เรียนละครับ เราจะไม่รู้จักการเข้าระเบียบแถวเลยรึเปล่า? ประสบการณ์การใช้ชีวิตทั่ว ๆ ไปจะไม่สอนเรามัดเชือกเป็นเลยหรอ หรือว่าในชีวิตเราจะไม่มีโอกาสไหนเลย ที่จะได้ฝึกการแสดงออกนอกจากงานแสดงรอบกองไฟ? และชีวิตเราจะไม่ได้เรียนรู้ถึงความอดทนเลยรึเปล่าหากเราไม่ได้เดินทางไกล แล้วประเทศอื่น ๆ ในโลก ที่เค้าไม่ได้บังคับให้เรียนลูกเสือ เค้ามีการดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างไร ทั้งที่เค้าก็ไม่ได้โดนบังคับให้เรียนลูกเสือ?
สำหรับผม จากประสบการณ์ในชีวิต มองว่าการเรียนลูกเสือ นอกจากจะไม่ใช่สิ่งจำเ็นแล้ว #ยังเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุของผู้ปกครอง ผมจำภาพที่แม่ต้องพาไปซื้อเครื่องแบบ ชุด ถุงเท้า ดาวที่หมวก หรือไปหาอาร์มมาติดแขน ฯลฯ ตอนเด็ก ๆ ก็รู้สึกว่าเรามีสิ่งเหล่านี้ไปเพื่ออะไร? ฝนตกแดดออกเราต้องไปหาสิ่งเหล่านี้มาประดับเพื่อในคาบหน้าวิชาลูกเสือเราจะได้ไม่ถูกลงโทษ และเป็นไปได้มั้ยครับ ถ้าเกิดว่าเราจะไม่บังคับกัน เราอาจมีทางเลือกอื่นให้กับเด็ก ๆ พวกเค้าเหล่านั้น ใครที่ชอบรอบกองไฟ ใครที่ชอบเดินทางไกล ให้เค้าได้ทำ ส่วนเด็กคนไหน? ที่อยากเพิ่มเติมศิลปะ ดนตรี วิทยาศาสตร์ กีฬา ภาษา ฯลฯ ก็ให้เค้าได้เลือกทำในสิ่งที่เค้าอยากจะทำ ผมเองยอมรับว่าเป็นคนนึงที่ชื่นชอบเรื่องการเมืองการปกครองมาแต่เด็ก ๆ เคยแม้กระทั่งในวัย 10 ขวบ ผมถามแม่ว่า นายกรัฐมนตรี คืออะไร? ผมสนุกกับสิ่งนี้มากกว่าการเรียนลูกเสือ ทุกวันนี้นึกย้อนไปแล้วน่าเสียดายกับเวลามากมายที่เอาไปใช้เรียนลูกเสือกับ รด. (กรณี รด. ยอมรับเลยว่า หากวัฒนธรรมเราไม่มีการบังคับให้เกณฑ์ทหาร ผมคงเป้นหนึ่งคนที่ไม่ยอมเสียเวลาเรียนไปกับมัน) เรื่องเกณฑ์ทหารผมยังคิดเช่นกันว่า ทำไมเราไม่ให้คนที่อยากเป็นอยากศึกษาอยากใช้กำลัง ให้พวกเค้าได้ทำไป มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เราจะให้คนที่เค้าเป็นหมอ เป็นนักวิชาการ เป็นพ่อค้า หรือเป็นอะไรก็ตามที่เค้าอยากจะเป็น โดยไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องเป็นทหารเกณฑ์ หากไม่ได้เรียน รด. มา ผมเชื่อว่าปัจจุบัน ด้วยสภาวะ เศรษฐกิจ และยุคสมัย มีคนมากมายที่เค้าสนุกที่ได้จับปืน มีความสุขที่ได้ในใส่เครื่องแบบ หรือว่าพร้อมที่จะเข้ารับราชการเป็นทหารเกณฑ์
กลับมาเรื่องลูกเสือ สมัยผมต้องเรียนวิชาลูกเสือถึง 9 ปี ในชีวิต ตั้งแต่ชั้น ป.1-ม.3 ซึ่งแน่นอนเลยว่าสิ่งเหล่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไรเลยกับชีวิตของผม มันจะดีกว่าหากเวลาเหล่านั้น ผมได้เข้าห้องสมุด เตะฟุตบอลกับเพื่อน เข้าห้องวิทยาศาสตร์ดูพี่ ๆ เค้าทำการทดลองกัน แม้ว่าสิ่งเหล่านี้มันอาจจะมีในวิชาเลือกในช่วงมัธยม แต่ถึงอย่างไร ผมเองก็ยังเชื่อว่า หากเรามีเวลาเพิ่มมากขึ้นสำหรับการให้เราได้เลือกทำในสิ่งที่เราอยากทำ มันจะมีประโยชน์ต่อตัวเราในฐานะเด็กนักเรียน และ สังคมในภายภาคหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
สุดท้ายนี้ ผมไม่ได้มีความเห็นว่าจะให้ยกเลิกวิชาลูกเสือนะครับ เพราะในหลาย ๆ ประเทศก็ยังมีการเรียนลูกเสือเช่นกัน แต่สิ่งที่ต่างกันคือ หลาย ๆ ประเทศเค้าไม่ได้บังคับให้เด็กเรียนลูกเสือครับ จริง ๆ ผมอยากจะสื่อความคิดเห็นออกมาให้ชัดเจนกว่านี้นะครับ แต่อาจเป็นเพราะผมยังขาดความชำนาญในการเล่าหรืออธิบายให้ชัดและเข้าใจง่ายนะครับ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ
ปล.เราจะไม่โยงเข้าการเมืองนะครับ ว่ามันเป็นเพราะเรื่องงบก็ดี หรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่เราต่างรู้อยู่ภายในใจ หรือเรื่องที่มันไปเกี่ยวกับเรื่องที่เราไม่มีกำลังจะไปเปลี่ยนแปลงมันได้ แต่อยากให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นพูดคุยถึงประเด็นที่กล่าวมาในตอนต้นนะครับ ขอบคุณครับ
ด้วยความเคารพผู้อ่านทุกท่านครับ
ผมว่าเราควรยกเลิกการบังคับให้เรียนวิชาลูกเสือได้แล้วนะครับ อย่าพึ่งด่าผมนะครับ ฟังเหตุผลกันก่อน..
การเรียนลูกเสือก็เป็นตัวอย่างที่ดี ที่ผมตั้งคำถามว่า "เราเรียนไปเพื่ออะไร" การจัดแถว การแสดงละคร การเล่นรอบกองไฟ การเอาเชือกมาผูกแบบนั้นแบบนี้ หรือแม้กระทั้งการเดินทางไกล คำถามมันเกิดตรงที่ว่า "เด็กทุกคนชอบหรือเต็มใจที่จะทำมันรึเปล่า?" แล้วมันมีคุณค่ามากน้อยแค่ไหนกับชีวิตของเราตอนโต? เราทุกคนได้ใช้ประโยชน์จากมันจริง ๆ รึเปล่า? หรือว่าที่ผ่านมาเราต้องตามน้ำไปกับมันเพราะมัน คือ หลักสูตรของการเรียน??
ตรงกันข้าม หากเราไม่เรียนละครับ เราจะไม่รู้จักการเข้าระเบียบแถวเลยรึเปล่า? ประสบการณ์การใช้ชีวิตทั่ว ๆ ไปจะไม่สอนเรามัดเชือกเป็นเลยหรอ หรือว่าในชีวิตเราจะไม่มีโอกาสไหนเลย ที่จะได้ฝึกการแสดงออกนอกจากงานแสดงรอบกองไฟ? และชีวิตเราจะไม่ได้เรียนรู้ถึงความอดทนเลยรึเปล่าหากเราไม่ได้เดินทางไกล แล้วประเทศอื่น ๆ ในโลก ที่เค้าไม่ได้บังคับให้เรียนลูกเสือ เค้ามีการดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างไร ทั้งที่เค้าก็ไม่ได้โดนบังคับให้เรียนลูกเสือ?
สำหรับผม จากประสบการณ์ในชีวิต มองว่าการเรียนลูกเสือ นอกจากจะไม่ใช่สิ่งจำเ็นแล้ว #ยังเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุของผู้ปกครอง ผมจำภาพที่แม่ต้องพาไปซื้อเครื่องแบบ ชุด ถุงเท้า ดาวที่หมวก หรือไปหาอาร์มมาติดแขน ฯลฯ ตอนเด็ก ๆ ก็รู้สึกว่าเรามีสิ่งเหล่านี้ไปเพื่ออะไร? ฝนตกแดดออกเราต้องไปหาสิ่งเหล่านี้มาประดับเพื่อในคาบหน้าวิชาลูกเสือเราจะได้ไม่ถูกลงโทษ และเป็นไปได้มั้ยครับ ถ้าเกิดว่าเราจะไม่บังคับกัน เราอาจมีทางเลือกอื่นให้กับเด็ก ๆ พวกเค้าเหล่านั้น ใครที่ชอบรอบกองไฟ ใครที่ชอบเดินทางไกล ให้เค้าได้ทำ ส่วนเด็กคนไหน? ที่อยากเพิ่มเติมศิลปะ ดนตรี วิทยาศาสตร์ กีฬา ภาษา ฯลฯ ก็ให้เค้าได้เลือกทำในสิ่งที่เค้าอยากจะทำ ผมเองยอมรับว่าเป็นคนนึงที่ชื่นชอบเรื่องการเมืองการปกครองมาแต่เด็ก ๆ เคยแม้กระทั่งในวัย 10 ขวบ ผมถามแม่ว่า นายกรัฐมนตรี คืออะไร? ผมสนุกกับสิ่งนี้มากกว่าการเรียนลูกเสือ ทุกวันนี้นึกย้อนไปแล้วน่าเสียดายกับเวลามากมายที่เอาไปใช้เรียนลูกเสือกับ รด. (กรณี รด. ยอมรับเลยว่า หากวัฒนธรรมเราไม่มีการบังคับให้เกณฑ์ทหาร ผมคงเป้นหนึ่งคนที่ไม่ยอมเสียเวลาเรียนไปกับมัน) เรื่องเกณฑ์ทหารผมยังคิดเช่นกันว่า ทำไมเราไม่ให้คนที่อยากเป็นอยากศึกษาอยากใช้กำลัง ให้พวกเค้าได้ทำไป มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เราจะให้คนที่เค้าเป็นหมอ เป็นนักวิชาการ เป็นพ่อค้า หรือเป็นอะไรก็ตามที่เค้าอยากจะเป็น โดยไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องเป็นทหารเกณฑ์ หากไม่ได้เรียน รด. มา ผมเชื่อว่าปัจจุบัน ด้วยสภาวะ เศรษฐกิจ และยุคสมัย มีคนมากมายที่เค้าสนุกที่ได้จับปืน มีความสุขที่ได้ในใส่เครื่องแบบ หรือว่าพร้อมที่จะเข้ารับราชการเป็นทหารเกณฑ์
กลับมาเรื่องลูกเสือ สมัยผมต้องเรียนวิชาลูกเสือถึง 9 ปี ในชีวิต ตั้งแต่ชั้น ป.1-ม.3 ซึ่งแน่นอนเลยว่าสิ่งเหล่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไรเลยกับชีวิตของผม มันจะดีกว่าหากเวลาเหล่านั้น ผมได้เข้าห้องสมุด เตะฟุตบอลกับเพื่อน เข้าห้องวิทยาศาสตร์ดูพี่ ๆ เค้าทำการทดลองกัน แม้ว่าสิ่งเหล่านี้มันอาจจะมีในวิชาเลือกในช่วงมัธยม แต่ถึงอย่างไร ผมเองก็ยังเชื่อว่า หากเรามีเวลาเพิ่มมากขึ้นสำหรับการให้เราได้เลือกทำในสิ่งที่เราอยากทำ มันจะมีประโยชน์ต่อตัวเราในฐานะเด็กนักเรียน และ สังคมในภายภาคหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
สุดท้ายนี้ ผมไม่ได้มีความเห็นว่าจะให้ยกเลิกวิชาลูกเสือนะครับ เพราะในหลาย ๆ ประเทศก็ยังมีการเรียนลูกเสือเช่นกัน แต่สิ่งที่ต่างกันคือ หลาย ๆ ประเทศเค้าไม่ได้บังคับให้เด็กเรียนลูกเสือครับ จริง ๆ ผมอยากจะสื่อความคิดเห็นออกมาให้ชัดเจนกว่านี้นะครับ แต่อาจเป็นเพราะผมยังขาดความชำนาญในการเล่าหรืออธิบายให้ชัดและเข้าใจง่ายนะครับ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ
ปล.เราจะไม่โยงเข้าการเมืองนะครับ ว่ามันเป็นเพราะเรื่องงบก็ดี หรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่เราต่างรู้อยู่ภายในใจ หรือเรื่องที่มันไปเกี่ยวกับเรื่องที่เราไม่มีกำลังจะไปเปลี่ยนแปลงมันได้ แต่อยากให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นพูดคุยถึงประเด็นที่กล่าวมาในตอนต้นนะครับ ขอบคุณครับ
ด้วยความเคารพผู้อ่านทุกท่านครับ