พลังรักสร้างปาฏิหารย์

กระทู้สนทนา
ดิฉันจะมาเล่าเรื่องราวความรักของแม่ลูกคู่หนึ่งที่ฉันรู้จักดี
มันแสดงให้เห็นว่า พลังความรักสามารถเอาชนะทุกสิ่ง แม้แต่โรคร้ายอย่างมะเร็ง
หลายคนบอก เฮ้ย!!! เรื่องแบบนี้ฟังมาเยอะแล้วหว่ะ แต่เดี๋ยวก่อน!!!!
เรื่องนี้ มันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์และน่าทึ่ง อึ้งจนบางทีไม่น่าเชื่อ
กับความพยายามทุกทางของลูก เพื่อให้แม่มีชีวิตอยู่ต่อไป

ผู้หญิงคนนี้เป็นแม่เลี้ยงของฉันเอง ฉันเรียกเธอป้า ป้ามีลูกกับป๊า 1 คน เธอทะนุถนอม "เอ" ลูกชายของเธอ และเคี่ยวเข็ญจนเอได้ดี
ทั้งเรื่องการศึกษา และความคิดในการใช้ชีวิต เอเรียนประถมในโรงเรียนที่มีชื่อ เด็กที่นี่มีตังค์ทั้งนั้น บางคนอวดรวย
ในขณะที่เอไม่มีให้อวด (บ้านเราฐานะปานกลางน่ะค่ะ) นอกจากผลการเรียนที่ได้อันดับต้นๆ ไม่ที่ 1 ก็ที่ 2
และถ้วยรางวัลที่เรียงเป็นตับนับสิบจากการแข่ง crossword เอเป็นเด็กเก่ง กล้าแสดงออก ชอบขึ้นเวที
มีประกวดหรือแข่งขันอะไร เอเอาหมด เอคว้ารางวัลกลับมาให้ป๊ากับหม่าม้าทุกครั้ง มันคือความภูมิใจของครอบครัว
ชั้นเองก็ภูมิใจกับน้องแถมอิจฉาเล็กๆ ทำไมฉันไม่เก่งแบบนี้มั่งวะ 555

เอจบมัธยมอินเตอร์ของรัฐ แล้วชิงทุนต่อมัธยมปลายที่มหิดลอินเตอร์
ซึ่งเป็นช่วงประมาณปี 46 เป็นปีที่หม่าม้าเอป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูก
จนวันหนึ่งอาการเธอทรุดลงจนน่าเป็นห่วง คำเดียวที่ทำให้เธอสะดุ้งตื่นลืมตามามีชีวิตอีกครั้ง
คือคำที่เอกระซิบข้างหูเธอ "หม่าม้าอย่าทิ้งเอไปนะ รอดูความสำเร็จเอก่อน"

ป้ากลับมามีชีวิตอยู่ต่ออีกครั้ง เพื่อรอดูความสำเร็จของเอ เอจบมัธยมก็ชิงทุนต่อที่บางมด
และได้ทุนจากบางมดไปต่อที่อเมริกาจนจบตรี แถมเอาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองกลับมาให้หม่าม้าชื่นใจ
อย่าหาว่าอวยน้องชายตัวเองเลย คือมันเก่งจริงๆ ไม่ต้องขอเงินพ่อแม่เรียน เพราะรู้ว่าเงินที่มีต้องเอาไปรักษาหม่าม้า
เอเป็นเด็กที่มีความคิด มีความรับผิดชอบ ซึ่งความสำเร็จในการเรียนจบของเอแต่ละครั้ง
เหมือนเป็นยารักษาหม่าม้าให้มีชีวิตอยู่ต่อไป

เอเลยชิงทุนเรียนไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้น เพราะเอคิดว่า เรียนจบเมื่อไหร่ หม่าม้าจะจากมันไป...

ในที่สุดเอได้ทุนเรียนโทจากรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งทำให้ทั้งคู่ต้องอยู่ห่างกันอีกครั้ง แต่เทคโนโลยีทำให้ทั้งคู่ใกล้กัน
เพราะมี IPAD พวกเขาเปิด Skype ทิ้งไว้ 24 ชม. เฝ้าดูกันและกัน ราวกับหมีแพนด้า เป็นฉัน..คงอึดอัด แต่เอไม่
เอทำทุกอย่างเพื่อหม่าม้ามีความสุข และมีชีวิตอยู่ต่อ เอสละชีวิตทั้งชีวิตให้หม่าม้า อะไรที่ทำให้หม่าม้าได้ เอทำหมด
(พิมพ์ไปน้ำตาไหลพราก T T ถ้าได้ความกตัญญูจากน้องสักนิดก็คงจะดีนะฉัน...)

ล่าสุดปี 56 ที่ป้านอนแน่นิ่งอาการไม่ดี คนแรกที่รู้คือเอ
เพราะระหว่างที่เอ Skype กับหม่าม้านี่แหละ อยู่ดีๆ หม่าม้าก็นิ่งไป ซึ่งมันผิดปกติ
เอเลยโทรตามป๊าให้กลับมาดู ซึ่งตอนนั้นป๊าออกไปซื้อของปากซอย(ตอนนั้นฉันอยู่ต่างประเทศ )
น้องสาวฉัน(เราอยู่ด้วยกันอีกบ้าน) เรียกรถพยาบาล จนในที่สุดถึงมือหมอ
ทุกคนเฝ้ารออาการ และก็ทำใจกันหมดแล้ว คิดว่าคราวนี้...ป้าคงไปจริงๆ
แต่ไม่......เอไม่คิดแบบนั้น หม่าม๊าต้องอยู่ต่อ จะทิ้งเอได้ไง รอเอก่อนสิ

เอรีบบินกลับมาหาหม่าม้า มาอยู่ข้างๆ มันเหมือนปาฏิหารย์...ป้าอาการค่อยๆ ดีขึ้นๆ ๆ
ด้วยกำลังใจจากเอและป๊าเต็มๆ ป้าตื่นมาสู้มะเร็งอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า...

จนในที่สุด วันนี้...มะเร็งก็แพ้พวกเขา แพ้พลังความรักที่เค้ามีให้กัน
13 ปี ที่พวกเขาต่อสู้ วันนี้หายขาด!!!! พวกเขาทำสำเร็จแล้ว
มะเร็งบอกเลยสู้คนเดียวหายยาก แต่ถ้าสู้ไปด้วยกัน...หายขาดได้จริงๆนะ
ตอนนี้ป้าอายุ 68 แต่แข็งแรงเหมือน 50 หน้าตายิ้มแย้ม พร้อมไปหาเอที่ญี่ปุ่น อั๊ยยะ!!!


ก็เอมันเรียนไม่จบซะที หม่าม้าก็เลยต้องไปหา ตอนนี้ไม่ใช่แค่โปรเจคปริญญาเอกเท่านั้นที่เอทำ
เอยังอ่านข่าวที่ NHK และทำทัวร์ญี่ปุ่นแบบกันเองสำหรับคนไทยด้วย
ซึ่งคนที่เออยากนำเที่ยวที่สุดในชีวิต ก็คือหม่าม้า
เออยากให้หม่าม้ามาเที่ยวอยากเห็นหม่าม้ามีความสุข

ไปสิคะ รอไร เดี๋ยวพาไปเอง
ชั้นบอกกับป๊า รีบขันอาสาพาไป
เรื่องเรียนฉันไม่ถนัด แต่เรื่องเที่ยวขอให้บอก 555
อีก 4 วัน เราจะเดินทางไปหาเอที่โตเกียว เที่ยวให้เบื่อไปเลย14 วัน
ส่วนป๊าขออยู่เฝ้าบ้าน รอคุย Skype ค่ะ

(ปล. ฉัน แม่และน้องๆ อยู่อีกบ้านนึง เรา 2 ครอบครัว ถึงแยกกันแต่เราก็รักและห่วงกันตลอดค่ะ)

กำลังใจจากคนที่เรารักคือยาชั้นดี ที่หมอไม่มีจ่าย
คนที่เป็นมะเร็ง สามารถรักษาให้หายขาดได้
ด้วยกำลังใจจากครอบครัวและคนรอบข้าง
ไม่ว่าใครป่วยเป็นโรคใดก็แล้วแต่ เราขอเป็นกำลังใจให้หายไวๆ ค่ะ


EmilyNK
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่