▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เดินป่า
เที่ยวภูเขา
บันทึกนักเดินทาง
ภาพถ่ายจากกล้องโทรศัพท์
เที่ยวเชิงอนุรักษ์
[CR] " ผาหินกูบ " สวรรค์ของนักเดินทาง ที่ไม่ไกลเกินเอือม สักครั้งนึงในชีวิต ต้องไปพิชิตให้ได้ Let's go !
เราเริ่มเดินทางที่นัดไว้คือเวลา ตี 5 และจะไปถึงไม่เกิน 9.00 น. เวลาที่ทางเจ้าหน้าที่นัดไว้
วันเสาร์ที่1 ตุลาคม 2559
เตรียมตัวออกเดินทาง Pack a bag I'm ready GO !! พอไปถึงประมาณ 10 โมงนิดๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.นิดๆ(มาเลท) ถึงที่หมาย หน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว ตำบลฉมัน อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ก็มีคนมารอที่จะขึ้นเขาอยู่ประมาณ 2 คน ซึ่งกลุ่มแรกออกเดินทางไปก่อนแล้ว เวลา 9 โมงกว่าๆ จากนั้นเราก็เตรียมตัวเข้าห้องน้ำ เจ้าหน้าที่บอกเริ่มออกเดิทางๆได้เลย เป็นเวลา 10กว่าๆ โดยประมาณเริ่มออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่ " ผาหินกูบ " ไม่ไป ไม่รู้ ไม่ดู ไม่เห็น ...
เดินๆ เดินไปตามทาง ซึ่งทางขึ้นเขา จะมีระยะทางประมาณ 7-8 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่บอกว่าใช้เวลาอยู่ที่ 5-6 ชั่วโมง ซึ่งเค้าบอกว่าไม่อยากให้ช้าเพราะจะถึงที่พักมืดและจะอันตราย ส่วนจุดหมายปลายทางนั้นเราไม่รู้กันเลยว่าจะถึงเมื่อไหร่ เดินไปเรื่อยๆ ซึ่งป่าที่เราเดินจะเป็นป่าดิบชื้น ซึ่งอากาศจะค่อนข้างร้อน ลมระบายมีอยู่ไม่มาก จะอึดอัดนิดหน่อย ซึ่งการเดินช่วงแรกๆ ก็ชิวๆ เริ่มเดินก็ฮึดๆ อยู่เพราะทางช่วงแรกค่อนข้างสบาย เดินไปเดินมาเริ่มเหนื่อย ใจเต้นรัวเหมือนกับเราวิ่งเลย และก่อนเดินอย่าลืมวอร์มร่างกาย ยืดเส้นยืดสายก่อนละ ก่อนออกเดินทาง เสื้อแขนยาวด้านใน เสื้อคลุม หมวก ถุงเท้ากันทาก ซึ่งบอกเลยว่าจำเป็นเพราะช่วงที่เราไปนี่เป้นช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศค่อนข้างชื้นจะมีตัวทากเยอะ ควรใส่ถุงเท้า หรือโรยแป้งกันทากเพื่อป้องกันทากกันด้วยนะ
เตรียมตัวพร้อม ก็ออกเดินทางกันเลย Let's GO !! การเดินทางจะมีหลายช่วง แต่ละช่วงจะมีจุดพักใหญ่ๆอยู่ประมาณ 3 จุด ซึ่งจะอยู่ห่างกันประมาณ 1-3 กม. ใช้เวลาเดินทางแต่ละช่วง ประมาณ 1-2ชม.
ช่วงแรกเลย จุดเริ่มต้น ถึงคลองมะเดื่อ ทางไม่โหด สบายๆชิวๆ ทางเดินเล็กๆ แคบ ผ่านป่าชื้น ต้นไม้รก บางต้นมีหนามด้วยต้องระวัง บางช่วงก็โล่ง อากาศถ่ายเท มีแดดส่อง เดินประมาณ 3 กม. เวลาประมาณชม.กว่าๆ ก็มาถึงลำธารเล็กๆ แวะพักล้างหน้า กินน้ำ และออกเดินทางต่อ
ช่วงสอง จากลำธาร ถึงหินแปดเหลี่ยม เริ่มเหนื่อย พักให้ตัวเองได้เซตตัว แล้วเริ่มเดินต่อไป ทางค่อนข้างโหดขึ้น เริ่มชัน เริ่มเป็นทางขึ้นมากขึ้น ซึ่งทางขึ้นนี้ละตัวเหนื่อยเลยขอบอก เดินไปเดินมา พักไปพักมา หลังที่แบกของหนักๆเริ่มล้า สักพักก็มาถึงโขดหินใหญ่ๆ เป็นรูปแปดเหลี่ยมแบน ซึ่งเป็นที่พักจุดใหญ่ มีลำธารน้ำเล็กๆ สามารถกอกน้ำเพื่อกินระหว่างเดินทางได้ น้ำไหลจากน้ำตกลงมา สะอาด เย็นๆมาก ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่พักกินข้าว เอ่อลืมบอก บริเวณนี้ค่อนข้างมียุงและแมลงเยอะ ระหว่างพักอย่าลืมฉีดยากันยุงกันด้วยนะ เพื่อป้องกันยุงและช่วยป้องกันทากด้วย *ขอแนะนำ : อย่าลืมพกกระดาษทิชชู่เปียกไปด้วยนะ เพื่อเวลาปวดอึ
หลังจากพักกินข้าว ยืดเส้นยืดสายกันแล้ว ก็เดินทางต่อลุยกันเลย มายังจุดพักช่วงต่อมา ซึ่งเป็นน้ำตกอ่างเบง ระยะทางที่เขียนไว้ที่ป้ายประมาณ 1.4กม. (หรือป่าวนะ จำไม่ได้ ) ทางก็เริ่มชันขึ้น โหดขึ้น ระหว่างทางช่วงนี้คือมีจุดที่ต้องปีน ค่อนข้างเยอะขึ้น เป็นทางขึ้นและชันมากขึ้น ต้องมีแรงส่งในการเดินมากขึ้น เทน้ำหนักกระเป๋าไปที่เอวให้มากขึ้น เดินไปเหนื่อย ที่ว่าอึดก็เริ่มออกอาการละ หน้าเริ่มแดง ใจเริ่มเต้นเร็ว พักดมยาดม กินน้ำบ่อยมากๆ เริ่มได้ยินเสียงน้ำตกละ เดินไปตามทาง เดินไปๆเดินมาก็มาถึง จุดพักอีกจุด ซึ่งเป็นน้ำตก น้ำเย็นมาก จุดนี้คือมีผีเสื้อเยอะมาก สวยมาก มาถึงก็นั่งพัก ล้างหน้า กินน้ำให้หายเหนื่อย แล้วไปต่อ
เดินต่อ ซึ่งทางต่อจากนี้เดินต่อไปอีก 2.5กม. เจ้าหน้าที่บอกเป็นทางที่โหดมาก เดินไปเดินมาฝนเริ่มตก ตัวเริ่มหนักขึ้น ทั้งรองเท้าและเสื้อผ้าที่เปียกฝน เริ่มล้าลงเรื่อยๆ อากาศเริ่มครึ้ม และมืดขึ้น เราก็เลยเริ่มเร่งเวลาเดินไปให้ถึงจุดหมายให้เร็วขึ้น เพราะถ้ามือนี่บอกเลยน่ากลัวแน่ๆ ซึ่งในป่าเราก็ไม่รู้ว่าจะมีสัตว์อะไรโผล่มาบ้างเนอะ รีบเร่งตัวเอง ซึ่ง2.5กม. นี่ยาวไกลมากๆ ระหว่างทางมีป่าไผ่ ต้นไผ่ค่อนข้างเยอะและแน่น เส้นทางลำบาก +ฝนที่ตกลงมา คือลำบากมาก เริ่มมีการปีนป่ายมากขึ้น โหนเถาวัลย์เหมือนลิงกันไปเลย ระหว่างจะมีบางจุดที่ที่มีเชือกผูกไว้ ให้เราไต่และเดินได้ง่ายขึ้น ช่วงนี้คือโหดแถมหอบเลยจ้า ต้องระวังลื่นด้วยนะ ฝนตกทางลื่นเลย
เดินต่อมาเรื่อยๆ กับร่างกายที่เปียก ไปตามๆกัน ก็เดินมาถึงถ้ำ ซึ่งทางเข้าถ้ำนี่สวยมาก ข้างหินจะมีมอสขึ้น สวยมาก มีดอกไม้ขึ้น ซึ่งช่วงหน้าฝนนี่ดอกไม้กำลังบานสวยเลยคะ แต่จะยังไม่มากเท่าตอนหน้าหนาว ถ้ำค่อนข้างมืด แต่พอมีแสงอยู่ร่ำไร เพราะเวลาตอนนั้นประมาณ 4 โมงกว่าๆแล้ว ก็พักเซลฟี่กัน ซึ่งถ้ำจะอยู่ด้านล่างของผา เป็นทางเดินไปสู่หน้าผา ช่วงนี้ต้องเดินระวังๆหน่อยนะ ระวังพลาด ออกมาจากถ้ำก็ถึงเวลาการปีนหินขึ้นไป เป็นหินขนาดใหญ่ สามารถไปได้สองทาง แล้วแต่สะดวกเลยจ้า ต้องระวังมากๆเลยนะ ถ้าพลาดคือเจ็บแน่นอนค่ะ จากนั้นเดินต่อมาด้วยความล้าของขา เดินไปบ่นไป ว่าเมื่อไหร่จะถึงๆ เริ่มพักบ่อย ก็เดินไปสักพักเริ่ได้ยินเสียงคน บวกกับพี่ที่ถึงแล้วลงมาตามเลย ในที่สุดๆๆๆๆๆ ก็มาถึงแล้ววววว ในเวลา 5 โมงนิดๆ ใช่เวลาการเดินไป 5 ชม.กว่าๆ รู้สึกดีมาก เหนื่อยมาก หิวมากกกก
" ผาหินกูบ "เป็นหินขนาดใหญ่สองก้อนที่วางซ้อนกันอยู่ แล้วมีช่องหินที่เป็นเหมือนเพิงที่พัก วิวด้านหนึ่งมองทะลุเห็นวิวผืนป่าจากมุมสูง ได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ที่พักเป็นที่พักที่อยู่ตรงซอกหิน ไม่มีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์ สามารถนอนได้ประมาณ 10 กว่าคน ใช้วิธีนอนเรียงกันบนพื้นที่ปูด้วยผ้ารอง หรือจะในถุงนอน ผูกเปลนอนก็ได้ จุดที่เป็นผาหินกูบนี้ เป็นช่องที่สามารถเห็นวิว และลุกมาดูวิวพระอาทิตย์ขึ้นได้เลยโดยไม่ต้องเดินไปดูที่ไหน กินเสร็จก็เดินหาที่นอน เพราะบริเวณผา คนจองกันเต็มแล้ว ไม่มีที่นอน เลยไปนอนตรงซอกหิน ข้างๆ ซึ่งก็ถือว่าโอเคอยู่ เป็นส่วนตัว มีที่ตากผ้า มีที่ก่อไฟพร้อม ซึ่งเป็นบริเวณใกล้ๆผา เดินไปแปปเดียวก็ถึง จากนั้นก็จัดแจงที่นอน ที่เตรียมมา เสร็จแล้วก็เดินดูวิว เซลฟี รู้สึกฟินมากกะบรรยกาศ อากาศเริ่มเย็น จากนั้นหาฝืนมาก่อไฟ บอกเลยเตรียมแก๊สไปสะดวก ซึ่งที่เราไป ไม่ได้เตรียม ต้องขออาศัย เพื่อนร่วมทางและลุง ได้หัวเชื้อมาจุดไฟหาฝืน ซึ่งค่อนข้างยาก เพราะเป็นช่วงฝนตก แต่ก็ได้กินม่าม่าสมใจอยาก ขนมปังทาแยม (สำหรับเราเตรียมอาหารที่ง่าย สะดวกแก่การแบก) จากนั้นเริ่มมืด ก็ไปนั่งดูดาวบนดินที่หน้าผาสักพัก ก็กลับมานอนกัน แนะนำจุดเทียนดีกว่าไฟฉายนะ ถ้าจะเปิดไว้ตอนกลางคืน เพราะแมลงค่อนข้างเยอะ จากนั้นสวดมนต์และนอนหลับพักผ่อนร่างกายเตรียมพร้อมสำหรับอีกวันจ้า เวลาเข้านอน 2 ทุ่มจ้า
วันที่ 2 ตุลาคม 2559
ได้เวลาตื่นแล้ว หลังจากตอนกลางคืนมีการต่อสู้กับหนูที่ออกมาแอบเอาของกินเราไป แนะนำเก็บของกินเราไว้ให้ดี ไม่งั้นเช้า ไม่มีอะไรกินแน่ ตื่นเช้ามา เวลาประมาณ 6 โมงกว่าๆ ล้างหน้า แปรงฟัน แล้วไปถ่ายรูปต่อ บริเวณหน้าผา กับวิวตอนเช้า ฟินๆ อากาศไม่ค่อยหนาวมาก แต่จะเย็นๆ จากนั้นลุงเจ้าหน้าที่ก็พาไปที่ " ผาหมี " ซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก เดินลงไปทางที่พัก ซึ่งมีจุดปีนป่ายต้นไม้อยู่บ้าง ก็ไปถึงผาหมี ซึ่งสามารถชมวิวได้รอบ เห็นวิว ธรรมชาติรอบๆ กับแสงแดดยามเช้า ฟินๆ กดชัตเตอร์รัวๆ เลยจ้า มองกลับมาเห็นตรงหน้าผาที่เป็นกูบอย่างชัดเจนเลยจ้า "ผาหมี "เป็นยอดเขาใกล้ๆ กัน มีหินลักษณะกลม เหมือนหมีหมอบ เมื่อเราไปอยู่ตรงผาหมีแล้วมองกับมาที่จุดตั้งแค้มป์ จะเห็นภาพรวม ที่อยู่ซอกหินขนาดมหึมาได้อย่างชัดเจน ชมวิวตรงผาหมีเสร็จ ก็กลับมากินข้าว เก็บสัมภาระ ให้เรียบร้อย แล้วไปถ่ายรูปต่อทางด้านหลังของผา ซึ่งบริเวณนี้คือจุดที่พีคมาก สวยสุดๆ ตอนแรกเลยคิดว่าไม่มีอะไร มีการปีนป่ายเล็กน้อย ปีนต้นไม้บ้าง จะเสียวๆนิดนึง บริเวณบนหินผา จะมีต้อนมอสขึ้น ซึ่งเป็นมอสสีทอง ขึ้นเรียงตัวสวยมากๆ เห็นวิวรอบด้าน มีหมอกบางๆ เหมือนยืนเฉียดฟ้า มีจุดถ่ายรูป 360 องศา สวยสุดๆ หลังจากชมวิว ถ่ายรูปเสร็จฝนเริ่มตกอีกรอบ เวลา 9โมง กว่าๆ เตรียมตัวออกเดินทางกลับ ซึ่งลุงจะเดินพากลับตั้งแต่เวลา 9 โมงเป็นต้นไป ใช้เวลาเดินมาถึงประมาณ 5 ชม.นิดๆ เร็วกว่าขามา ถึงประมาณ 3 โมงกว่าๆ เป็นอันสิ้นสุดทริป เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ และมีความสุข สนุก เหนื่อย แต่คุ้มค่ามากๆ สุดท้ายนี่ ถ้าใครอยากไป ขอให้ลอง สักครั้งนึงในชีวิตจริงๆ
คำแนะนำสำหรับทริปนี้ ที่นั้นทั้งข้างล่างข้างบน ไม่มีอะไรให้เช่า ทั้งเต้นท์และถุงนอน ผ้าใบรองนอน เปลเตรียมไปเอง ข้างบนพอมีหม้อถ้วยชามพอทำอาหารกินได้ สามารถเตรียมของไปย่าง ต้มปิ้งได้ แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนจ้า
อุปกรณ์ที่เตรียมไป อาหาร: กลางวัน+เย็น+เช้า ของใช้: ทิชชู่แ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น