. . .
หากความสะดวกสบาย คือเป้าหมายของการเดินทางของเราในครั้งนี้ "ผาหินกูบ" คงไม่ใช่หนึ่งในคำตอบนั้น . . .
รถของพวกเราออกเดินทางจากบางแสนมาได้เกือบชั่วโมงแล้ว เป้าหมายการเดินทางของเราครั้งนี้คือ หน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ที่ตั้งของผาหินกูบ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง เนื่องจากช่วงนี้เดือน มิถุนายน กำลังจะเข้าสู่ฤดูฝน ตลอดการเดินทางชุ่มฉ่ำไปด้วยละลองฝน
เวลา 10.30 น.เราก็มาถึง หน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล มีเจ้าหน้าที่คอยอยู่ก่อนแล้ว เตรียมตัวกันเรียบร้อยก็ได้เวลาเริ่มเดินทาง
--------------------------------------------------------------
. . .
บุกป่าระกำ ข้ามลำน้ำ และเนินวัดใจ . . .
"ไม่ไป ไม่รู้ ไม่ดู ไม่เห็น" ป้ายจุดเริ่มต้นเขียนบอกนักเดินทางเหมือนจะบอกว่า เมื่อยังมีแรงอยู่ก็ต้องไปเพื่อรู้ไปเพื่อดูให้เห็นกับตา ประหนึ่งวลีที่บอกว่า "สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น"
การเดินช่วงแรกค่อยข้างไม่ลำบากมากนัก เดินไปลักษณะเป็นแถวเรียงเดี่ยว ผ่านป่าดิบชื้นที่มีแสงลอดลงมาบ้างบางขณะ อากาศค่อนข้างอบอ้าวเพราะปราศจากลม สองข้างทางเราจะพบป่าระกำไปโดยตลอด หลังจากเดินผ่านป่าระกำมาได้สักพัก ก็มาถึงจุดพักจุดแรก มีลักษณะเป็นธารน้ำไหลมีโขดหินระเกะระกะที่เราสามารถใช้นั่งพักได้
ข้ามลำน้ำมาสักพักทางเดินเริ่มชันขึ้น ป่ารอบด้านเป็นไม้ยืนตันขนาดใหญ่ บนพื้นทางเดินปกคลุมไปด้วยใบไม้ที่ทับถมกันอย่างหนาแน่น สำหรับคนที่กลัวทาก ฃ่วงนี้ต้องใช้ความระวัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเราจะเจอทากเยอะมาก โดนกันไปคนละตัวสองตัว
หินแปดเหลี่ยม คือจุดพักกินข้าวเที่ยง เส้นทางหลังจากนี้เราจะเจอกับทางอันแสนหฤโหดหลัง ทางช่วงนี้ถือว่าค่อยข้างโหดมาก หรือเรียกว่าเนินวัดใจกันเลยทีเดียว ทางค่อนข้างชัน บางขณะต้องไต่เชือกขึ้นไป บางขณะต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเพราะอาจจะลื่นไถลลงมาได้ ผ่านช่วงนี้มาได้ก็ถือว่าเข้าใกล้จุดหมายแล้ว
--------------------------------------------------------------
. . .
บุกถ้ำ และเนินหินสุดท้าย . . .
หนึ่งในจุดเด่นของผาหินกูบนอกจากจุดชมวิวแล้วนั้น ถ้ำก็ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่มีความโดดเด่น ลักษณะเป็นถ้ำเล็กๆมีความยาวประมาณ 100 เมตร ภายในถ้ำเป็นทางเดินหินแคบๆ อากาศถ่ายเทสะดวก ด้านบนของถ้ำมีรูทำให้แสงส่องลอดลงมาเป็นลำตัดกับความมืดภายในถ้ำ สามารถถ่ายรูปได้ตรงจุดนี้
หลังจากเดินผ่านถ้ำจะเจอกับทางเดินที่ค่อนข้างชัน สองข้างทางเป็นลักษณะหินก้อนเล็กก้อนใหญ่ เดินไม่นานก็ถึงยอดผาหินกูบ
--------------------------------------------------------------
. . .
ยอดผาหินกูบ . . .
ยอดผาหินกูบ บริเวณใต้หินลูกใหญ่เป็นที่พักแรมสำหรับคืนนี้ของเรา สถานที่ค่อนข้างแคบนอนได้ประมาณ 20 คน เพราะฉะนั้นต้องใช้ความสามารถในการเดินขึ้นมาให้ถึงเร็วหน่อย
ขณะที่เดินขึ้นมาถึงนั้นท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆ มองไม่เห็นแสงอาทิตย์ นานๆครั้งแสงอาทิตย์จะโผล่มาให้ถ่ายรูป มาถึงเราก็พักผ่อนเตรียมที่นอน และเดินเล่นขึ้นไปชมวิวยังหินกูบบริเวณด้านหลังที่พัก ต้องใช้ทักษะการปีนป่ายเล็กน้อย
--------------------------------------------------------------
. . .
ราตรีประดับแสงจันทร์ . . .
เวลา 17.30 น. ขณะที่พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงนั้นบริเวณหุบเขาด้านล่างก็กำลังมืดสนิท เมฆฝนที่ลอยประปรายไปทั้งบริเวณทำให้บรรยากาศหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ
เวลา 19.30 น. ท้องฟ้าเริ่มแจ่มใสปราศจากเมฆ พระจันทร์ตรงหน้าเรากำลังโผล่แสงออกมา คืนนี้โชคดีเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง หลายคนหลังจากกินข้าวเสร็จก็มานั่งถ่ายรูป นั่งชมพระจันทร์ กลุ่มเราได้นอนตรงบริเวณใต้หินกูบสามารถนั่งชมพระจันทร์ตรงที่พักได้เลย
เวลา 24.00 น. หลายคนเริ่มหลับสนิท บรรยากาศหุบเขาข้างหน้ามืดสนิทเหมือนคลุมไปผ้าใบผืนใหญ่ พระจันทร์ที่เต็มดวงใหญ่สาดแสงลงมายังบริเวณที่พักแรม ทำให้บริเวณที่พักสว่างเหมือนเปิดไฟนีออน นอนชมจันทร์อยู่นานทีเดียวจนเผลอหลับไปตอนไหนก็จำไม่ได้
--------------------------------------------------------------
. . .
แสงแรก และดอยผาหมี . . .
การเที่ยวธรรมชาติเสน่ห์อย่างหนึ่งเลยคือ เราไม่รู้ว่าเราจะเจอสภาพอากาศแบบไหน จะมีทะเลหมอกตอนเช้าหรือป่าว หรือว่าตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นเมฆจะบังไหม ทำให้เราตื่นเต้นตั้งตารอว่าจะเจอสภาพอากาศแบบไหน ผาหินกูบก็เช่นกัน เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูฝน การชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าจึงเป็นสิ่งที่ต้องลุ้น
เวลา 06.30 น. แสงสีกุหลาบเริ่มแตะแต้มขอบฟ้าด้ายซ้ายมือ บริเวณโดยรอบที่พักยังปกคลุมไปด้วยละอองฝนหรือสายหมอกก็ไม่สามารถแยกได้ หุบเขาด้านล่างเริ่มมีทะเลหมอกไหลเข้ามาเรื่อยๆ ทุกคนรีบงัวเงียตื่นขึ้น ต่างคว้ากล้องแล้วมานั่งยังบริเวณใต้หินกูบ เพื่อดูการแสดงของธรรมชาติที่กำลังแสดง เหตุการณ์เกิดเพียงไม่กี่สิบนาที เมฆสีเทาก็ไหลเข้ามาบดบังทุกสิ่งอีกครั้ง
ดอยผาหมี คือยอดเขาที่โผล่ขึ้นมาตรงข้ามกับหินกูบ เป็นจุดชมวิวมุมสูงของเขตอนุรักษ์ป่าทุ่งเพลได้แบบ 360 องศา ทุกคนทยอยไปยังที่นี่เพื่อชมทะเลหมอก แสงอาทิตย์ก็ยังคงผลุบๆโผล่ๆอยู่เช่นเดิม เพราะมีเมฆลอยมาบังอยู่เรื่อยๆ ต้องรอจังหวะแสงโผล่มาจึงจะสามารถถ่ายภาพบรรยากาศได้
วิวตรงดอยผาหมีสามารถมองเห็นผาหิบกูบที่พักแรมเมื่อคืนนี้ได้
--------------------------------------------------------------
. . .
กลับบ้าน . . .
เวลา 9.30 น. บรรยากาศเริ่มสวยมากขึ้น เพราะแสงอาทิตย์เริ่มส่องลงมายังหุบเขา และผาหินกูบ ทะเลหมอกก็ยังคงไหลเข้ามาเรื่อยๆ เราก็ต้องตัดใจเดินทางกลับลงเขา เพราะเจ้าหน้าที่อนุญาตให้นอนได้หนึ่งคืนเท่านั้น
ใช้เวลาเดินลงเขาประมาณ 3 ชั่วโมงก็มาถึงข้างล่าง
. . .
ผ า หิ น กู บ . . .
ความสวยงามที่ยังมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก รอให้ทุกท่านมาสัมผัสบรรยากาศด้วยตนเอง เพราะต่อให้คนอื่นจะอธิบายให้ฟังยังไง ก็คงได้เพียงเศษเสี้ยวของความสวยงามที่ได้มาสัมผัสเอง ดังวลีที่ว่า "ไม่ไป ไม่รู้ ไม่ดู ไม่เห็น" . . .
Note : สามารถโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและจองขึ้น ผาหินกูบได้ที่เจ้าหน้าที่ พี่ชาลี 082-205-0079
[CR] ผาหินกูบ ฤ ดู ฝ น . . . I ในวันที่มีแต่เขา แต่ไม่มีเรา
. . . หากความสะดวกสบาย คือเป้าหมายของการเดินทางของเราในครั้งนี้ "ผาหินกูบ" คงไม่ใช่หนึ่งในคำตอบนั้น . . .
รถของพวกเราออกเดินทางจากบางแสนมาได้เกือบชั่วโมงแล้ว เป้าหมายการเดินทางของเราครั้งนี้คือ หน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ที่ตั้งของผาหินกูบ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง เนื่องจากช่วงนี้เดือน มิถุนายน กำลังจะเข้าสู่ฤดูฝน ตลอดการเดินทางชุ่มฉ่ำไปด้วยละลองฝน
เวลา 10.30 น.เราก็มาถึง หน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล มีเจ้าหน้าที่คอยอยู่ก่อนแล้ว เตรียมตัวกันเรียบร้อยก็ได้เวลาเริ่มเดินทาง
--------------------------------------------------------------
. . . บุกป่าระกำ ข้ามลำน้ำ และเนินวัดใจ . . .
"ไม่ไป ไม่รู้ ไม่ดู ไม่เห็น" ป้ายจุดเริ่มต้นเขียนบอกนักเดินทางเหมือนจะบอกว่า เมื่อยังมีแรงอยู่ก็ต้องไปเพื่อรู้ไปเพื่อดูให้เห็นกับตา ประหนึ่งวลีที่บอกว่า "สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น"
การเดินช่วงแรกค่อยข้างไม่ลำบากมากนัก เดินไปลักษณะเป็นแถวเรียงเดี่ยว ผ่านป่าดิบชื้นที่มีแสงลอดลงมาบ้างบางขณะ อากาศค่อนข้างอบอ้าวเพราะปราศจากลม สองข้างทางเราจะพบป่าระกำไปโดยตลอด หลังจากเดินผ่านป่าระกำมาได้สักพัก ก็มาถึงจุดพักจุดแรก มีลักษณะเป็นธารน้ำไหลมีโขดหินระเกะระกะที่เราสามารถใช้นั่งพักได้
ข้ามลำน้ำมาสักพักทางเดินเริ่มชันขึ้น ป่ารอบด้านเป็นไม้ยืนตันขนาดใหญ่ บนพื้นทางเดินปกคลุมไปด้วยใบไม้ที่ทับถมกันอย่างหนาแน่น สำหรับคนที่กลัวทาก ฃ่วงนี้ต้องใช้ความระวัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเราจะเจอทากเยอะมาก โดนกันไปคนละตัวสองตัว
หินแปดเหลี่ยม คือจุดพักกินข้าวเที่ยง เส้นทางหลังจากนี้เราจะเจอกับทางอันแสนหฤโหดหลัง ทางช่วงนี้ถือว่าค่อยข้างโหดมาก หรือเรียกว่าเนินวัดใจกันเลยทีเดียว ทางค่อนข้างชัน บางขณะต้องไต่เชือกขึ้นไป บางขณะต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเพราะอาจจะลื่นไถลลงมาได้ ผ่านช่วงนี้มาได้ก็ถือว่าเข้าใกล้จุดหมายแล้ว
--------------------------------------------------------------
. . . บุกถ้ำ และเนินหินสุดท้าย . . .
หนึ่งในจุดเด่นของผาหินกูบนอกจากจุดชมวิวแล้วนั้น ถ้ำก็ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่มีความโดดเด่น ลักษณะเป็นถ้ำเล็กๆมีความยาวประมาณ 100 เมตร ภายในถ้ำเป็นทางเดินหินแคบๆ อากาศถ่ายเทสะดวก ด้านบนของถ้ำมีรูทำให้แสงส่องลอดลงมาเป็นลำตัดกับความมืดภายในถ้ำ สามารถถ่ายรูปได้ตรงจุดนี้
หลังจากเดินผ่านถ้ำจะเจอกับทางเดินที่ค่อนข้างชัน สองข้างทางเป็นลักษณะหินก้อนเล็กก้อนใหญ่ เดินไม่นานก็ถึงยอดผาหินกูบ
--------------------------------------------------------------
. . . ยอดผาหินกูบ . . .
ยอดผาหินกูบ บริเวณใต้หินลูกใหญ่เป็นที่พักแรมสำหรับคืนนี้ของเรา สถานที่ค่อนข้างแคบนอนได้ประมาณ 20 คน เพราะฉะนั้นต้องใช้ความสามารถในการเดินขึ้นมาให้ถึงเร็วหน่อย
ขณะที่เดินขึ้นมาถึงนั้นท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆ มองไม่เห็นแสงอาทิตย์ นานๆครั้งแสงอาทิตย์จะโผล่มาให้ถ่ายรูป มาถึงเราก็พักผ่อนเตรียมที่นอน และเดินเล่นขึ้นไปชมวิวยังหินกูบบริเวณด้านหลังที่พัก ต้องใช้ทักษะการปีนป่ายเล็กน้อย
--------------------------------------------------------------
. . . ราตรีประดับแสงจันทร์ . . .
เวลา 17.30 น. ขณะที่พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงนั้นบริเวณหุบเขาด้านล่างก็กำลังมืดสนิท เมฆฝนที่ลอยประปรายไปทั้งบริเวณทำให้บรรยากาศหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ
เวลา 19.30 น. ท้องฟ้าเริ่มแจ่มใสปราศจากเมฆ พระจันทร์ตรงหน้าเรากำลังโผล่แสงออกมา คืนนี้โชคดีเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง หลายคนหลังจากกินข้าวเสร็จก็มานั่งถ่ายรูป นั่งชมพระจันทร์ กลุ่มเราได้นอนตรงบริเวณใต้หินกูบสามารถนั่งชมพระจันทร์ตรงที่พักได้เลย
เวลา 24.00 น. หลายคนเริ่มหลับสนิท บรรยากาศหุบเขาข้างหน้ามืดสนิทเหมือนคลุมไปผ้าใบผืนใหญ่ พระจันทร์ที่เต็มดวงใหญ่สาดแสงลงมายังบริเวณที่พักแรม ทำให้บริเวณที่พักสว่างเหมือนเปิดไฟนีออน นอนชมจันทร์อยู่นานทีเดียวจนเผลอหลับไปตอนไหนก็จำไม่ได้
--------------------------------------------------------------
. . . แสงแรก และดอยผาหมี . . .
การเที่ยวธรรมชาติเสน่ห์อย่างหนึ่งเลยคือ เราไม่รู้ว่าเราจะเจอสภาพอากาศแบบไหน จะมีทะเลหมอกตอนเช้าหรือป่าว หรือว่าตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นเมฆจะบังไหม ทำให้เราตื่นเต้นตั้งตารอว่าจะเจอสภาพอากาศแบบไหน ผาหินกูบก็เช่นกัน เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูฝน การชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าจึงเป็นสิ่งที่ต้องลุ้น
เวลา 06.30 น. แสงสีกุหลาบเริ่มแตะแต้มขอบฟ้าด้ายซ้ายมือ บริเวณโดยรอบที่พักยังปกคลุมไปด้วยละอองฝนหรือสายหมอกก็ไม่สามารถแยกได้ หุบเขาด้านล่างเริ่มมีทะเลหมอกไหลเข้ามาเรื่อยๆ ทุกคนรีบงัวเงียตื่นขึ้น ต่างคว้ากล้องแล้วมานั่งยังบริเวณใต้หินกูบ เพื่อดูการแสดงของธรรมชาติที่กำลังแสดง เหตุการณ์เกิดเพียงไม่กี่สิบนาที เมฆสีเทาก็ไหลเข้ามาบดบังทุกสิ่งอีกครั้ง
ดอยผาหมี คือยอดเขาที่โผล่ขึ้นมาตรงข้ามกับหินกูบ เป็นจุดชมวิวมุมสูงของเขตอนุรักษ์ป่าทุ่งเพลได้แบบ 360 องศา ทุกคนทยอยไปยังที่นี่เพื่อชมทะเลหมอก แสงอาทิตย์ก็ยังคงผลุบๆโผล่ๆอยู่เช่นเดิม เพราะมีเมฆลอยมาบังอยู่เรื่อยๆ ต้องรอจังหวะแสงโผล่มาจึงจะสามารถถ่ายภาพบรรยากาศได้
วิวตรงดอยผาหมีสามารถมองเห็นผาหิบกูบที่พักแรมเมื่อคืนนี้ได้
--------------------------------------------------------------
. . . กลับบ้าน . . .
เวลา 9.30 น. บรรยากาศเริ่มสวยมากขึ้น เพราะแสงอาทิตย์เริ่มส่องลงมายังหุบเขา และผาหินกูบ ทะเลหมอกก็ยังคงไหลเข้ามาเรื่อยๆ เราก็ต้องตัดใจเดินทางกลับลงเขา เพราะเจ้าหน้าที่อนุญาตให้นอนได้หนึ่งคืนเท่านั้น
ใช้เวลาเดินลงเขาประมาณ 3 ชั่วโมงก็มาถึงข้างล่าง
. . . ผ า หิ น กู บ . . .
ความสวยงามที่ยังมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก รอให้ทุกท่านมาสัมผัสบรรยากาศด้วยตนเอง เพราะต่อให้คนอื่นจะอธิบายให้ฟังยังไง ก็คงได้เพียงเศษเสี้ยวของความสวยงามที่ได้มาสัมผัสเอง ดังวลีที่ว่า "ไม่ไป ไม่รู้ ไม่ดู ไม่เห็น" . . .
Note : สามารถโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและจองขึ้น ผาหินกูบได้ที่เจ้าหน้าที่ พี่ชาลี 082-205-0079
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้