สวัสดีค๊า กระทู้นี้น่าจะเป็นกระทู้รีวิวเที่ยวในรอบหลายๆปีของเรา ปีนี้เราจะพาไปเที่ยวเชียงใหม่หน้าฝนกันค่ะ ไปดูหมอกบนยอดเขา ไปดูดาว ไปสูดอากาศดีๆกัน
ทริปนี้ ขอได้รับความขอบคุณจากเพื่อนสาวเรา เพราะนางเป็นคนจัดการทั้งหมด ทั้งจองตั๋วและที่พัก นางเป็นคนมีความสามรถและมีความขยันให้การหาที่พัก ที่เที่ยว ต่างๆ จึงไม่แปลกใจที่ในทุกๆทริปพวกเพื่อนๆจึงมักจะพร้อมใจให้นางเป็นคนดำเนินการหมด และเรามีหน้าที่แค่เตรียมวันลาให้พร้อม และจ่ายตัง และทริปนี้ก็เช่นเดียวกัน
ข้อดีของการเที่ยวหน้าที่คนเค้าไม่นิยมกันคือประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลย แถมไม่ต้องแย่งใครเที่ยวอีกต่างหาก แต่ก็ว่าไป เที่ยวปลายฝนต้นหนาวกำลังเป็นที่นิยม คนเริ่มเที่ยวช่วงนี้เยอะ ช่วงที่เราไปเป็นช่วงเสาร์ อาทิตย์ ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีคน บร๊ะเจ้า เต็มจ้า
ป่ะ ไปเที่ยวกันเลยดีกว่า
เช้าวันเสาร์ที่ 24 ตื่นเช้ามาด้วยความแอบกังวลใจเล็กน้อย เพราะฟ้ามืดมาเลย นี่ไปหน้าฝนด้วย กลัวจะตกตลอดทั้งวันอ่ะคงเซ็งไม่น้อย เราออกเดินทางครั้งนี้ด้วยสายการบินสิงโต ซึ่งราคาตั๋วที่เราได้มาถือว่าถูกเลยทีเดียว เดินทางไปกลับครั้งนี้ รวมทุกอย่างแล้ว ราคาอยู่ที่ 950 บาท ปลื้มมม มันถูกมากกก แต่เราจองล่วงหน้าประมาณ 3 เดือนนะ ราคานี้ถือว่าโอเคสำหรับเราเลย
เราเดินทางไฟล์ 11.00 ถึง เชียงใหม่ประมาณ 12.30 เมื่อไปถึงแล้วก็จัดการเช่ารถให้เรียบร้อย ซึ่งเราติดต่อมาแล้วจากกรุงเทพ ไปถึงก็รถก็มาส่งให้ เราเลือกรถวีออส เพราะไปกันแค่ 3 คน ไม่รู้จะเอาใหญ่ๆไปทำมัย ที่สำคัญประหยัดตังค์ในกระเป๋าด้วย
แน่หล่ะไปถึงเวลากินข้าวพอดี ร้านที่คนไปเที่ยวจะไม่แวะไม่ได้เลย ก็คงเป็นร้านโอ้กะจู๋ ซึ่งเป็นร้านที่ใกล้สนามบินและสะดวกที่สุดแล้ว
มื้อนี้พวกเราทั้ง 3 ซัดกันแบบเต็มที่ เพราะเพิ่งมาถึงงัย กำลังเห่อ อีกอย่างตังค์ในกระเป๋ายังเต็มเปี่ยม
มื้อนี้ทั้งหมดรวมน้ำแล้ว น่าจะ 700 นิดๆจำไม่ได้ โอเค อิ่มแระ เดินทางต่อได้
ก่อนขึ้นเชียงดาว เราแวะที่นี้ก่อน มาถึงแล้ว ไม่ไปไม่ได้เลย พระธาตุดอยคำ
แวะขอพรจากหลวงพ่อทันใจซักนิด ไม่ต้องบอกนะ ว่าเรื่องอะไร เหอๆ
อ่อ ระหว่างทางไปไหว้หลวงพ่อทันใจ จะเจอร้านขายดอกมะลิ ถ้าใครจะถวายดอกมะลิ ซื้อไปตั้งแต่แถวๆนี้เลยนะคะ เพราะข้างบนไม่ค่อยมีร้านขาย ถ้ามีก็หมด เราพลาดมาแล้ว
ไหว้ขอพรหลวงพ่อเสร็จ เดินทางต่อจิ จะรออะไร เดี๋ยวถึงค่ำ
เราเดินทางโดยหาคำว่า ถ้ำเชียงดาว จาก GPS แล้วก็ไปตามนั้นเลย นี่แหละสาวยุคใหม่ เอาที่ง่ายๆไว้ก่อน
ถึงแล้ว เขตรักษาพันธ์สัวต์เชียงดาว ตรงนี้เราต้องเสียค่าเข้าก่อน รู้สึกจะคนละ 30 บาท พอจากตรงนี้ไป จนท.ใจดี แนะนำด้วยว่าต้องใช้เกียร์ไหนๆบ้าง ที่เหมาะกับการขึ้นเขา ลงเขา เราเด็กพวกเด็กกรุง นั่งหลังฟังอย่างเดียว เพื่อนขับ 555
พอเริ่มขึ้นเขาอากาศเริ่มเย็น ไม่ต้องใช้แอร์ในรถยังได้เลย ตรงตีนเขาก่อนขึ้นไปเชียงดาว จะมีวัดถ้ำเชียงดาวตั้งอยู่ ใครเวลาเหลือแวะเที่ยวก่อนได้ แต่เรามาเย็นแล้ว เดี๋ยวเช้าค่อยลงมาเที่ยว
ทางขึ้นไปเชียงดาวค่อนข้างแคบ และเป็นทางแบบมองไม่ค่อยเห็นรถสวนข้างหน้า ฉะนั้นหลายๆโค้งจึงต้องบีบแตร เพื่อให้เราที่สวนมารู้ มัวแต่ตื่นเต้น เลยไม่ได้ถ่ายทางมาเลย
บอกตามตรงตอนแรกก็หวั่น ว่าเราขึ้นไปจะมีคนมั้ยน๊า คือใจอ่ะไม่ค่อยอยากให้มีคน แต่ก็ไม่อยากให้เงียบไป พอขึ้นไปถึง โอ๊ววว แม่เจ้า รถเพียบ แบบเป็นหมู่บ้านเล็กๆหมู่บ้านนึง ที่มีคนพื้นเมืองแต่งชุดชาวเขา สลับกับคนที่แต่งตัวแบบเมืองกรุง แถมถนนค่อนข้างแคบ ที่พักเต็มไปหมด ชื่อจะคล้ายๆกัน ศึกษามาให้ดีก่อนก็ดีนะ ว่าพักที่ไหน อยู่บริเวณไหน เพราะมันมีที่เป็นแยกลงไปข้างล่างอีก กับลึกเข้ามาข้างใน เดี๋ยวกลับรถจะลำบากเอา
อ่อ อีกอย่างค่ะ จองที่พักให้เรียบร้อยน๊า อย่ามาหาเอาดาบหน้า เพราะเราเจอแบบหาเอาดาบหน้า 2-3 ราย กว่าจะได้ที่พัก เดินหาเหนื่อย เพราะเต็มหมด หมดสนุกไปอีก เพราะมัวแต่หาที่พัก ส่วนเราพักที่บ้านหมอกตะวัน
พอไปถึงตอนซักประมาณ 5 โมงเย็น อากาศเย็นๆกำลังดี เจอวิวแบบนี้หายยเหนื่อยเลย อากาศดี๊ ดี
ป๊ะ ขนของเข้าบ้านพักกัน ที่นี้จะคิดเป็นหัว หัวละ 500 บาท เรามากัน 3 คน ขอพักบ้านเดียวไปเลย ฉะนั้นเลยมีฟูกเสริมมาเพิ่มให้อีกอัน เสียดายไม่ได้ถ่ายด้านในมา มัวแต่ตื่นเต้น ส่วนเรื่องห้องน้ำไม่ต้องห่วง เป็นห้องน้ำบ้านใครบ้านมันเลย ไม่ใช่ห้องน้ำรวม ค่อนข้างสะอาดใช้ได้เลย
นี่วิวที่มองจากบ้านพักเรา
ซักพัก อาหารก็มาเสริฟ์ให้ โดยชาวเขาผู้ใจดี น่ากิ๊น น่ากิน ทีเด็ดอยู่ที่น้ำพริก ถ้วยตรงกลาง ไม่รู้เรียกน้ำพริกอะไร เราชอบมากกก ซื้อกลับมาด้วย หมดแล้วด้วย ใครไปฝากซื้อหน่อยนะ พลีสสสสส
นั่งกินข้าวเรียบร้อย ดื่มด่ำบรรยากาศซักนิด ฝนตกจ้าาาาา แอบเซ็ง ก็ได้แต่ไปนั่งจ้องหน้ากันอยู่ให้ห้อง ไม่มีเน็ต สัญญาณไม่ถึง แถมในห้องไม่มีไฟอีกต่างหาก นั่งเมาท์กันแบบมืดๆนี่แหละ พอมันไม่มีไรทำก็อาบน้ำ ซักพักฟ้าเป็นใจ ฝนหยุด มืดพอดี ก็ออกไปนั่งชาร์ตแบต คุยกะเพื่อน ตรงระเบียงรับรองด้านหน้า มีไฟฟ้าตรงนั้นที่เดียว และปิดไฟตอน 4 ทุ่ม นั่งดูดาวเพลินๆ อยากจะถ่ายรูปมาก็ถ่ายไม่ได้ กล้องไม่อำนวย มองม่ะเห็น ตัดภาพไปตอนเช้าเลยดีกว่า
เราหวังกับการไปเที่ยวหน้าฝนครั้งนี้ว่าจะเห็นหมอกเป็นแบบทะเลหมอก ตื่นเช้าขึ้นมาอากาศเย็น สดชื่น นั่งดูหมอกที่ปกคลุมเขา แต่ไม่เป็นทะเลหมอกนะ ผิดหวังเล็กน้อย
มีกาแฟมาเสริฟ์ให้ตอนเช้า
ข้าวที่เสริฟ์ให้ตอน 7 โมงเช้า นั่งกินไปดูหมอกไป ฟินนน มีน้ำพริกมาอีกล๊าววววว
กินข้าวเสร็จ อาบน้ำอาบท่า เตรียมตัวเดินทางต่อ
ร้านขายของเล็กๆมีพวกมาม่า เบียร์นิโหน่ยย ไว้พอแก้หนาว
มาๆๆลงมาตีนเขา แวะเที่ยวถ้ำเชียวดาวหน่อยดีกว่า
ตบท้ายก่อนจบทริปวันนี้ด้วยข้าวขาหมูเชียงดาว
สรุปค่าใช้จ่ายทริปวันนี้หน่อยดีกว่า
-ค่าอาหารมื้อกลางวัน ตีราคาซัก 750 แระกัน หารสาม คนละ 250 บาท
-ค่าที่พัก คนละ 500 บาท รวมอาหารเย็น 1 มื้อ และอาหารเช้า แล้ว
-ค่าเข้าอุทยานคนละ 30 บาท
-ค่าข้าวขาหมูเชียงดาวคนละ 70 บาท
-ค่ารถยังไม่คิดไปคิดทีเดียวตอนจบทริปเลย
ทริปเชียงดาววันนี้อิ่มทั้งท้อง อิ่มทั้งบรรยากาศ หวังว่าคงจะฟินไปพร้อมๆกับเรา เดี๋ยวเราจะเดินทางต่อไป ดอยอ่างขาง
ฝากติดตามกระทู้ต่อไปด้วยน๊า วันนี้ไปแล้วจ้า บ๊ะบาย
[CR] รีวิว เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน สถานีแรก เชียงดาว
สวัสดีค๊า กระทู้นี้น่าจะเป็นกระทู้รีวิวเที่ยวในรอบหลายๆปีของเรา ปีนี้เราจะพาไปเที่ยวเชียงใหม่หน้าฝนกันค่ะ ไปดูหมอกบนยอดเขา ไปดูดาว ไปสูดอากาศดีๆกัน
ทริปนี้ ขอได้รับความขอบคุณจากเพื่อนสาวเรา เพราะนางเป็นคนจัดการทั้งหมด ทั้งจองตั๋วและที่พัก นางเป็นคนมีความสามรถและมีความขยันให้การหาที่พัก ที่เที่ยว ต่างๆ จึงไม่แปลกใจที่ในทุกๆทริปพวกเพื่อนๆจึงมักจะพร้อมใจให้นางเป็นคนดำเนินการหมด และเรามีหน้าที่แค่เตรียมวันลาให้พร้อม และจ่ายตัง และทริปนี้ก็เช่นเดียวกัน
ข้อดีของการเที่ยวหน้าที่คนเค้าไม่นิยมกันคือประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลย แถมไม่ต้องแย่งใครเที่ยวอีกต่างหาก แต่ก็ว่าไป เที่ยวปลายฝนต้นหนาวกำลังเป็นที่นิยม คนเริ่มเที่ยวช่วงนี้เยอะ ช่วงที่เราไปเป็นช่วงเสาร์ อาทิตย์ ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีคน บร๊ะเจ้า เต็มจ้า
ป่ะ ไปเที่ยวกันเลยดีกว่า
เช้าวันเสาร์ที่ 24 ตื่นเช้ามาด้วยความแอบกังวลใจเล็กน้อย เพราะฟ้ามืดมาเลย นี่ไปหน้าฝนด้วย กลัวจะตกตลอดทั้งวันอ่ะคงเซ็งไม่น้อย เราออกเดินทางครั้งนี้ด้วยสายการบินสิงโต ซึ่งราคาตั๋วที่เราได้มาถือว่าถูกเลยทีเดียว เดินทางไปกลับครั้งนี้ รวมทุกอย่างแล้ว ราคาอยู่ที่ 950 บาท ปลื้มมม มันถูกมากกก แต่เราจองล่วงหน้าประมาณ 3 เดือนนะ ราคานี้ถือว่าโอเคสำหรับเราเลย
เราเดินทางไฟล์ 11.00 ถึง เชียงใหม่ประมาณ 12.30 เมื่อไปถึงแล้วก็จัดการเช่ารถให้เรียบร้อย ซึ่งเราติดต่อมาแล้วจากกรุงเทพ ไปถึงก็รถก็มาส่งให้ เราเลือกรถวีออส เพราะไปกันแค่ 3 คน ไม่รู้จะเอาใหญ่ๆไปทำมัย ที่สำคัญประหยัดตังค์ในกระเป๋าด้วย
แน่หล่ะไปถึงเวลากินข้าวพอดี ร้านที่คนไปเที่ยวจะไม่แวะไม่ได้เลย ก็คงเป็นร้านโอ้กะจู๋ ซึ่งเป็นร้านที่ใกล้สนามบินและสะดวกที่สุดแล้ว
มื้อนี้พวกเราทั้ง 3 ซัดกันแบบเต็มที่ เพราะเพิ่งมาถึงงัย กำลังเห่อ อีกอย่างตังค์ในกระเป๋ายังเต็มเปี่ยม
มื้อนี้ทั้งหมดรวมน้ำแล้ว น่าจะ 700 นิดๆจำไม่ได้ โอเค อิ่มแระ เดินทางต่อได้
ก่อนขึ้นเชียงดาว เราแวะที่นี้ก่อน มาถึงแล้ว ไม่ไปไม่ได้เลย พระธาตุดอยคำ
แวะขอพรจากหลวงพ่อทันใจซักนิด ไม่ต้องบอกนะ ว่าเรื่องอะไร เหอๆ
อ่อ ระหว่างทางไปไหว้หลวงพ่อทันใจ จะเจอร้านขายดอกมะลิ ถ้าใครจะถวายดอกมะลิ ซื้อไปตั้งแต่แถวๆนี้เลยนะคะ เพราะข้างบนไม่ค่อยมีร้านขาย ถ้ามีก็หมด เราพลาดมาแล้ว
ไหว้ขอพรหลวงพ่อเสร็จ เดินทางต่อจิ จะรออะไร เดี๋ยวถึงค่ำ
เราเดินทางโดยหาคำว่า ถ้ำเชียงดาว จาก GPS แล้วก็ไปตามนั้นเลย นี่แหละสาวยุคใหม่ เอาที่ง่ายๆไว้ก่อน
ถึงแล้ว เขตรักษาพันธ์สัวต์เชียงดาว ตรงนี้เราต้องเสียค่าเข้าก่อน รู้สึกจะคนละ 30 บาท พอจากตรงนี้ไป จนท.ใจดี แนะนำด้วยว่าต้องใช้เกียร์ไหนๆบ้าง ที่เหมาะกับการขึ้นเขา ลงเขา เราเด็กพวกเด็กกรุง นั่งหลังฟังอย่างเดียว เพื่อนขับ 555
พอเริ่มขึ้นเขาอากาศเริ่มเย็น ไม่ต้องใช้แอร์ในรถยังได้เลย ตรงตีนเขาก่อนขึ้นไปเชียงดาว จะมีวัดถ้ำเชียงดาวตั้งอยู่ ใครเวลาเหลือแวะเที่ยวก่อนได้ แต่เรามาเย็นแล้ว เดี๋ยวเช้าค่อยลงมาเที่ยว
ทางขึ้นไปเชียงดาวค่อนข้างแคบ และเป็นทางแบบมองไม่ค่อยเห็นรถสวนข้างหน้า ฉะนั้นหลายๆโค้งจึงต้องบีบแตร เพื่อให้เราที่สวนมารู้ มัวแต่ตื่นเต้น เลยไม่ได้ถ่ายทางมาเลย
บอกตามตรงตอนแรกก็หวั่น ว่าเราขึ้นไปจะมีคนมั้ยน๊า คือใจอ่ะไม่ค่อยอยากให้มีคน แต่ก็ไม่อยากให้เงียบไป พอขึ้นไปถึง โอ๊ววว แม่เจ้า รถเพียบ แบบเป็นหมู่บ้านเล็กๆหมู่บ้านนึง ที่มีคนพื้นเมืองแต่งชุดชาวเขา สลับกับคนที่แต่งตัวแบบเมืองกรุง แถมถนนค่อนข้างแคบ ที่พักเต็มไปหมด ชื่อจะคล้ายๆกัน ศึกษามาให้ดีก่อนก็ดีนะ ว่าพักที่ไหน อยู่บริเวณไหน เพราะมันมีที่เป็นแยกลงไปข้างล่างอีก กับลึกเข้ามาข้างใน เดี๋ยวกลับรถจะลำบากเอา
อ่อ อีกอย่างค่ะ จองที่พักให้เรียบร้อยน๊า อย่ามาหาเอาดาบหน้า เพราะเราเจอแบบหาเอาดาบหน้า 2-3 ราย กว่าจะได้ที่พัก เดินหาเหนื่อย เพราะเต็มหมด หมดสนุกไปอีก เพราะมัวแต่หาที่พัก ส่วนเราพักที่บ้านหมอกตะวัน
พอไปถึงตอนซักประมาณ 5 โมงเย็น อากาศเย็นๆกำลังดี เจอวิวแบบนี้หายยเหนื่อยเลย อากาศดี๊ ดี
ป๊ะ ขนของเข้าบ้านพักกัน ที่นี้จะคิดเป็นหัว หัวละ 500 บาท เรามากัน 3 คน ขอพักบ้านเดียวไปเลย ฉะนั้นเลยมีฟูกเสริมมาเพิ่มให้อีกอัน เสียดายไม่ได้ถ่ายด้านในมา มัวแต่ตื่นเต้น ส่วนเรื่องห้องน้ำไม่ต้องห่วง เป็นห้องน้ำบ้านใครบ้านมันเลย ไม่ใช่ห้องน้ำรวม ค่อนข้างสะอาดใช้ได้เลย
นี่วิวที่มองจากบ้านพักเรา
ซักพัก อาหารก็มาเสริฟ์ให้ โดยชาวเขาผู้ใจดี น่ากิ๊น น่ากิน ทีเด็ดอยู่ที่น้ำพริก ถ้วยตรงกลาง ไม่รู้เรียกน้ำพริกอะไร เราชอบมากกก ซื้อกลับมาด้วย หมดแล้วด้วย ใครไปฝากซื้อหน่อยนะ พลีสสสสส
นั่งกินข้าวเรียบร้อย ดื่มด่ำบรรยากาศซักนิด ฝนตกจ้าาาาา แอบเซ็ง ก็ได้แต่ไปนั่งจ้องหน้ากันอยู่ให้ห้อง ไม่มีเน็ต สัญญาณไม่ถึง แถมในห้องไม่มีไฟอีกต่างหาก นั่งเมาท์กันแบบมืดๆนี่แหละ พอมันไม่มีไรทำก็อาบน้ำ ซักพักฟ้าเป็นใจ ฝนหยุด มืดพอดี ก็ออกไปนั่งชาร์ตแบต คุยกะเพื่อน ตรงระเบียงรับรองด้านหน้า มีไฟฟ้าตรงนั้นที่เดียว และปิดไฟตอน 4 ทุ่ม นั่งดูดาวเพลินๆ อยากจะถ่ายรูปมาก็ถ่ายไม่ได้ กล้องไม่อำนวย มองม่ะเห็น ตัดภาพไปตอนเช้าเลยดีกว่า
เราหวังกับการไปเที่ยวหน้าฝนครั้งนี้ว่าจะเห็นหมอกเป็นแบบทะเลหมอก ตื่นเช้าขึ้นมาอากาศเย็น สดชื่น นั่งดูหมอกที่ปกคลุมเขา แต่ไม่เป็นทะเลหมอกนะ ผิดหวังเล็กน้อย
มีกาแฟมาเสริฟ์ให้ตอนเช้า
ข้าวที่เสริฟ์ให้ตอน 7 โมงเช้า นั่งกินไปดูหมอกไป ฟินนน มีน้ำพริกมาอีกล๊าววววว
กินข้าวเสร็จ อาบน้ำอาบท่า เตรียมตัวเดินทางต่อ
ร้านขายของเล็กๆมีพวกมาม่า เบียร์นิโหน่ยย ไว้พอแก้หนาว
มาๆๆลงมาตีนเขา แวะเที่ยวถ้ำเชียวดาวหน่อยดีกว่า
ตบท้ายก่อนจบทริปวันนี้ด้วยข้าวขาหมูเชียงดาว
สรุปค่าใช้จ่ายทริปวันนี้หน่อยดีกว่า
-ค่าอาหารมื้อกลางวัน ตีราคาซัก 750 แระกัน หารสาม คนละ 250 บาท
-ค่าที่พัก คนละ 500 บาท รวมอาหารเย็น 1 มื้อ และอาหารเช้า แล้ว
-ค่าเข้าอุทยานคนละ 30 บาท
-ค่าข้าวขาหมูเชียงดาวคนละ 70 บาท
-ค่ารถยังไม่คิดไปคิดทีเดียวตอนจบทริปเลย
ฝากติดตามกระทู้ต่อไปด้วยน๊า วันนี้ไปแล้วจ้า บ๊ะบาย